เห็นข่าวอุบัติเหตุรถยนต์ หรือคลิปการขับรถอันตรายที่เกิดขึ้นในประเทศไทยที่ปล่อยออกมาไม่ซ้ำในแต่ละวัน แถมสถิติก็ยังฟ้องอีกว่าในโลกนี้มีเป็นร้อย ๆ ประเทศ แต่ประเทศไทยมีสถิติการเสียชีวิตบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยแล้ว 3 คน โอ้มายก็อตตต…. วันนี้ผมจึงนำประสบการณ์ที่เคยขับรถท่องเที่ยวในต่างประเทศมาเล่าให้ฟังว่ามันแตกต่างกับประเทศเราอย่างไรบ้าง เผื่อจะเป็นเสียงเล็ก ๆ สะท้อนให้ผู้ที่มีอำนาจลองพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนลง ตามไปรับชมกันครับ
1.) การจำกัดความเร็ว Speed Limit
ซึ่งจากที่ผมเคยขับในต่างประเทศจะพบว่าอุบัติเหตุต่ำมาก ๆ เพราะส่วนหนึ่งเมื่อความเร็วน้อยเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะสามารถเบรกหยุดรถได้ง่ายกว่า
ในต่างประเทศยกตัวอย่างเช่นที่ ยุโรป, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ เค้าจะแบ่งเป็น 3 แบบ ได้แก่
เขตเมือง ความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 50 กม./ชม.
ชานเมือง ความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 70 กม./ชม.
ทางระหว่างเมือง ที่ยุโรปบางที่ก็ไม่เกิน 100 กม./ชม. บางประเทศก็ไม่เกิน 130 กม./ชม.
2.) มารยาทและวัฒนธรรมการขับขี่
บางเมืองในต่างประเทศจะมีรถรางวิ่งคู่ไปกับรถยนต์ คนของเค้าจะรู้จักหยุดให้รถสาธารณะไปก่อนเสมอ
ในวงเวียนก็เช่นกัน รถที่จะเข้าวงเวียนหรือมาจากทางแยกจะต้องหยุดให้รถในวงเวียนวิ่งไปก่อน ซึ่งเค้าทำกันจนเป็นวัฒนธรรมเลย ใครไปขับรถซี้ซั้วมั่วไม่มีมารยาท เจอ Report ส่งเรื่องให้ตำรวจเลยครับ
3.) การจอดรถ
ในต่างประเทศโดยเฉพาะในเมืองใหญ่การจอดรถริมข้างทางจะต้องเสียเงินซะส่วนใหญ่
คนเค้าก็รู้จักหน้าที่ว่าจอดแล้วก็ต้องจ่ายนะ ไม่ค่อยเห็นว่ามีการลักไก่กัน อาจจะเพราะว่ามีคนคอยตรวจ Ticket อยู่ว่าจอดแล้วเสียเงินตามระเบียบหรือไม่ ถ้าลักไก่จะถูกใบสั่งค่าปรับแพงมาก
ในภาพคือใบเสียค่าจอดรถของเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรียครับ
4.) การควบคุมความปลอดภัยของผู้โดยสารในห้องโดยสาร รวมทั้งอุปกรณ์เสริมเรื่องความปลอดภัย
ผู้โดยสารเด็กจะต้องนั่ง Car seat ของเด็ก เป็นกฎหมายบังคับ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุมันปลอดภัยกว่าเยอะครับ เมืองไทยไม่มีการบังคับ ทำให้มีเด็กต้องเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุได้
ในส่วนของอุปกรณ์เสริมบางอย่าง เช่น GPS ของญี่ปุ่นนี่มันทำหน้าจอที่แสดงภาพเสมือนจริงเลย ทำให้เราสามารถใช้ช่องทางและเลี้ยวได้ตรงกับแยก ก็ช่วยในการลดอุบัติเหตุไปได้เหมือนกัน
5.) บทลงโทษ
ไปต่างประเทศเราจะไม่ค่อยเจอตำรวจครับ แต่ถ้าเผลอทำผิดกฎจราจรเมื่อใด ใบสั่งส่งมาถึงบ้านเลยครับ เพราะบ้านเค้าควบคุมด้วยกล้องวงจรปิด ในบางประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ประชาชนจะช่วยกัน Report แจ้งรถที่ทำความผิดให้ตำรวจทราบด้วย เหมือนช่วยกันลดอัตราการละเมิดกฏจราจร
ราคาค่าปรับที่แพงหูฉีก ทำให้คนเกรงกลัวที่จะกระทำผิดมากขึ้นด้วย
หลาย ๆ ข้อที่เป็นข้อแตกต่างของการจราจรบนท้องถนนในต่างประเทศกับประเทศไทย ผมหวังว่าประเทศไทยจะนำบางข้อที่ดี ๆ ในต่างประเทศมาบังคับใช้และกวดขันอย่างจริงจัง เผื่อว่าสถิติการสูญเสียต่าง ๆ จะลดลงบ้าง
ซึ่งตอนนี้เมืองไทยเราก็มีโครงการดี ๆ จาก Toyota ที่จะช่วยปลูกฝักจิตสำนึกในการขับขี่บนท้องถนนผ่านทางกิจกรรม “Campus Challenge 2015” ที่ให้น้อง ๆ นิสิต นักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ได้มีส่วนร่วมในการประกวดและออกแบบแผนการประชาสัมพันธ์ เพื่อรณรงค์ให้เกิดวินัยจราจร และน้ำใจบนท้องถนน ผมเชื่อครับว่าการเริ่มปลูกฝังจิตสำนึกที่ดี จะทำให้เมล็ดพันธุ์ที่ดีจากรั้วมหาวิทยาลัย ได้เติบโตไปพร้อมกับสังคมที่น่าอยู่ในอนาคตครับ มาช่วยกันส่งต่อกิจกรรมดี ๆ แบบนี้กันนะครับ สำหรับใครที่สนใจ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้ที่ http://www.toyota.co.th/campuschallenge2015/
ยังไงก็ตามผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งครับว่า หากทุกคนมีจิตสำนึกที่ดี รักษาวัฒธรรมและมารยาทการขับขี่ เมืองไทยจะเป็นประเทศที่ปลอดภัยและน่าอยู่มากขึ้นครับ
#ขับรถแย่แก้ไม่ยาก #ToyotaCampusChallenge
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป