ปลายหน้าร้อน ต้นหน้าฝน ก่อนที่เด็กๆจะเปิดเทอมภาคการเรียนใหม่ ครอบครัวเราอยากจะหาที่เที่ยวใหม่ๆ ที่ไม่ใช่พัทยา หรือหัวหินที่ไปบ่อยแล้ว เลยตัดสินใจหาข้อมูลที่เที่ยวใหม่ สุดท้ายก็ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์กัน
ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าไม่เหนื่อยเกินไปนัก กับชายหาดที่เงียบสงบและสวยงาม ร้านอาหารอร่อย ยังมีที่เที่ยว Unseen ที่ดีต่อใจทั้ง Aquarium, น้ำตก, ตลาดชายแดน,สปาทราย ดำน้ำดูปะการังที่เกาะจานที่ซึ่งสวยดั่งอันดามันแห่งอ่าวไทย และจะพาไปรู้จักรีสอร์ทแสนสวยอย่างณิชาวิลล์ รีสอร์ท NishaVille Resort จะสนุกสนานกันแค่ไหน ตามไปรับชมรีวิวกันจ้า
เชิญรับชมคลิปบรรยากาศกันก่อนเลยนะ
โปรแกรมเที่ยวอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 4 วัน 3 คืนของครอบครัว 2Madames
4 พ.ค. 61 – เดินทางออกจากกรุงเทพ แวะเที่ยวย่านชุมชนคลองวาฬ ทานอาหารทะเลจัดเต็มร้านมองดูเล เที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หว้ากอ ใน อุทยานวิทยาศาสตร์ พระจอมเหล้า ณ หว้ากอ เข้าพักที่ ณิชาวิลล์ รีสอร์ท NishaVille Resort
5 พ.ค. – นั่งเรือไปดำน้ำ ชมปะการังที่เกาะจาน บ่ายไปเที่ยวน้ำตกห้วยยาง
6 พ.ค. – เที่ยวตลาดด่านสิงขรชายแดนพม่า บ่ายไปเที่ยวโบสถ์ไม้ตาล และนอนสปาทรายริมทะเล
7 พ.ค. – เดินทางกลับกรุงเทพ
หลังจากออกจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ เนื่องด้วยเป็นวันธรรมดา รถไม่ติดเท่าไหร่ ขับมาประมาณ 3 ชั่วโมงนิดหน่อยก็มาแวะเที่ยวจุดแรกที่ชุมชนคลองวาฬกัน
ตอนแรกเดิมทีแพลนไว้ว่าจะไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านคนกินปลา แต่ร้านดันไม่เปิด เลยขับรถมาแถวๆปากน้ำคลองวาฬ มีภูเขาสวยๆตั้งอยู่ วิวตัดกับท้องฟ้างามสุดๆ
มีศาลพ่อเขาแดงตั้งอยู่ไม่ไกลกัน
เด็กๆเห็นทางเดิน เลยชวนเราไปเดินเล่นกัน
แวะดูชาวบ้านแถวนี้กำลังจับหอยนางรมอยู่
มีประภาคารเล็กๆกับวิวทะเล ถ่ายรูปสวยเหมือนกันนะ
แวะทานร้านมองดูเล ตรงนี้เลย ลมพัดโชย เย็นสบายมากๆ ร้านดูหน้าตาบ้านๆแต่อาหารอร่อยเด็ดประทับใจมากๆ วันที่ไปมีเจ้าของร้าน และพนักงานเสิร์ฟแค่หนึ่งคน แถมพวกเราเข้าไปเป็นแขกโต๊ะแรกเลย สั่งปุ๊บรอไม่นานมาก อาหารก็ทยอยออกมาเสิร์ฟ
สั่งปลากะพงทอดน้ำปลาให้เด็กๆ ปลาสดมากๆทอดมากรอบนอกแต่เนื้อในยังฉ่ำ ราดน้ำปลาหอมๆ เด็กๆทานคลุกข้าวกันเพลินเลย ส่วนผู้ใหญ่ก็ทานเคียงกับน้ำยำมะม่วงรสจัดจ้าน อร่อยจนอยากทานซ้ำ
หอยตลับผัดโหระพา ตอนที่สั่งนึกว่าไม่ใส่พริกเหมือนร้านอื่นๆที่เคยทาน พอเสิร์ฟมาเห็นแล้วดูน่าทานมากเพราะมีทั้งสีเขียวสีแดง ที่สำคัญผัดมาได้หอมมาก หอยก็สดมาก
ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว ที่นี่จะใช้ปลาหมึกไซส์เล็กแต่ไข่แน่นๆ นึ่งมาสุกกำลังดีเลยได้ปลาหมึกที่เด้งๆ ทานคู่กับผักลวก
กุ้งเผาเลือกไซส์ใหญ่ กก.ละ 1,200 สั่งมาครึ่งกก. จานนี้ไม่ค่อยประทับใจตรงที่เผามาเกรียมมากจนเสียดายของ กุ้งสดนะแต่เผามาเสียจนเปลือกติดกับเนื้อทำให้แกะยากมาก เด็กๆเลยพลอยไม่ยอมทานเลยเพราะแกะเปลือกแล้วก็ยังมีเศษดำๆติด
อิ่มท้องกันแล้ว แวะเดินเล่นชุมชนคลองวาฬกันต่อ ซื้อไก่ทอดทานเล่น กับชาใต้ดื่มให้ชื่นใจหน่อย
ชุมชนคลองวาฬในวันธรรมดาค่อนข้างจะเงียบๆนะ แต่ก็มีร้านรวงเปิดบ้าง ส่วนใครที่อยากซื้อของฝากของแห้งกลับไปฝากคนที่กรุงเทพก็เชิญได้เลย
แวะชิมร้านเค้กคลองวาฬหน่อย เค้าขายเค้กเป็นกล่องๆ มีรสกาแฟ,วานิลา,นมสด,ใบเตย ก็เลือกตามชอบใจ รสชาติก็ดีนะ แป้งนุ่มใช้ได้เลย ราคาไม่แพงมาก เก็บได้นานเหมาะซื้อเป็นของฝาก
แวะมารับลมทะเลกันนิดหนึ่ง ทะเลบริเวณนี้เงียบสงบมาก หาดสวยทรายขาว ชอบสุดๆ
เราเดินทางมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หว้ากอ ซึ่งตั้งอยู่ใน อุทยานวิทยาศาสตร์ พระจอมเหล้า ณ หว้ากอ
บริเวณด้านหน้ามีมุมถ่ายภาพเก๋ๆ เยอะมาก
ค่าเข้าชมที่นี่ไม่แพงเลย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท
เข้ามาก็เดินเล่นชมปลาเยอะไปหมด ทั้งปลาน้ำจืดน้ำเค็ม ปลาสวยงามหรือปลาเศรษฐกิจ เพลินมากๆ ที่สำคัญมีป้ายติดให้ความรู้กับเด็กได้ดีมากๆ
ปลาหมอสีสวย
ปลาสิงโต
ปลาปักเป้า
ปูเสฉวนยักษ์ ตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมาเลย
ปลาบางอย่างนี่ซ่อนตัวในก้อนหินได้อย่างเนียนเลยนะ
ช่วง 14:00 น. จะมีโชว์ให้อาหารปลาในบริเวณแทงก์ปลาใหญ่
มีอุโมงค์ใต้น้ำด้วยนะ น่าเสียดายโซนนี้ปลาไม่ค่อยเยอะ
ออกมาอีกโซนมีเต่าทะเลตัวใหญ่
น้องเกรซน้องกายชอบมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ หว้ากอ มากๆ เดินสนุก แอร์เย็นฉ่ำ ค่าเข้าก็ถูกมาก คุ้มสุดๆครับ
เที่ยวเสร็จแล้ว ไปเช็คอินที่พักของเราที่ทับสะแกดีกว่า กับรีสอร์ทที่ชื่อว่า ณิชาวิลล์ รีสอร์ท NishaVille Resort
ล็อบบี้เป็นแบบ Open Air นะ ตกแต่งสวยเชียว
ห้องพักของเราเป็นบ้าน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ระเบียงหน้าบ้านมีชิงช้าให้นั่งเล่นกันด้วย
ห้องนั่งเล่นกว้างขวางสะอาดดี มีทั้งโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหาร
ห้องครัวแบบน่ารักๆ
ห้องนอน Master Bedroom
ห้องน้ำมีอ่างแช่ตัวด้วยนะ
ห้องนอนที่สอง เป็นแบบเตียงคู่
ตัวพื้นที่ณิชาวิลล์ รีสอร์ท NishaVille Resort กว้างถึง 70 ไร่ ใหญ่มาก มีเลี้ยงวัวควายไว้ด้วย พนักงานเล่าว่าแต่ก่อนเจ้าของไปไถ่ชีวิตพวกมันจากโรงฆ่าสัตว์มาไม่กี่ตัว ต่อมาก็เลี้ยงมาเรื่อยๆ จนออกลูกออกหลานมาเกือบ 50 ตัวแล้ว
พาเดินเล่นมาดูสระว่ายน้ำของ NishaVille Resort กันบ้าง
สระว่ายน้ำที่นี่สวยมาก ตั้งอยู่ริมทะเลเลย
มีเก้าอี้เก๋ๆให้นอนพักผ่อน หรือจะถ่ายภาพก็เก๋สุดๆ
สระว่ายน้ำสวยขนาดนี้ น้องเกรซก็ทนไม่ไหวแล้ว พอแดดร่มหน่อย ก็เปลี่ยนชุดนางเงือกตัวเก่ง ลงเล่นน้ำทันที
ยามเย็นฟ้าและทะเลสวยมาก ผมเล่นน้ำกับครอบครัว และนั่งชมวิวไป สุขใจเหลือเกิน
หาดทรายและทะเลที่ทับสะแกสวยและเงียบสงบมาก ผมชอบที่นี่มากกว่าหัวหินหรือพัทยาเยอะเลย อยากมามองทะเล ฟังเสียงคลื่น และทอดอารมณ์แบบนี้นานๆ
พระอาทิตย์กำลังจะลับแสงไปแล้ว เป็นอีกวันที่เรามีความสุขมากๆ
ที่ณิชาวิลล์มีห้องของเล่นด้วยนะ เด็กๆขออนุญาติเล่นที่นี่ระหว่างรออาหารเย็นมาเสิร์ฟ
ตลอดเวลาที่เข้าพัก ส่วนใหญ่พวกเราจะฝากท้องที่ห้องอาหาร The Verandah ซึ่งเป็นห้องอาหารของโรงแรมนี่ล่ะ เท่าที่ทานมาอาหารไทยอร่อยมากหลายอย่างเลย รสชาติจัดจ้านแบบคนไทยทาน แถมวัตถุดิบสดทุกอย่าง
ปลาหมึกชุบแป้งทอด 220 บาท ปลาหมึกสดมาก ทอดมาร้อนๆไม่อมน้ำมัน
ต้มยำกุ้ง 220 บาท อร่อยจนสั่งซ้ำสองมื้อเลย ต้มซุปได้เข้มข้นจัดจ้านมาก กุ้งสดเนื้อแน่นตัวโต ไม่เสียชื่อที่เป็นห้องอาหารริมทะเล
ปลานึ่งมะนาว 290 บาท ชอบตรงแล่มาเป็นชิ้นให้ทานง่าย รสชาติถึงใจมาก เนื้อปลาสดไม่คาวเลย
อาหารจานเดียวก็จานใหญ่มาก จานนี้เป็นผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ 180 บาท เค้าจะผัดมาเผ็ดๆหน่อย ตอนแรกแอบงงว่าไม่ให้พริกป่นมาด้วย พอดีจานนี้สั่งมาทานที่ห้องพัก เลยไม่อยากรบกวนพนักงานให้เอามาเพิ่ม แต่พอทานแล้วเข้าใจเลยคืออร่อยมากแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มแล้ว ใครไม่ทานเผ็ดก็อาจต้องแจ้งเค้าหน่อยนึงนะ
ข้าวราดกะเพราะทะเล มีทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยตัวโตๆ แถมมีไข่ดาวโปะมาให้ด้วย จานใหญ่มากทานไม่หมดเลย
เพนเน่คาโบนาร่า 190 บาท ไปไหนมาไหนสั่งเมนูนี้ตลอด เพราะเด็กๆชอบมาก
ของหวานที่ The Verandah มีให้เลือกไม่กี่อย่างเลยลองสั่งบราวนี่มาทาน ตัวบราวนี่ใช้ได้รสสัมผัสออกเป็นเนื้อเค้กแน่นๆมากกว่าความเป็นบราวนี่ เสิร์ฟมาคู่ไอศกรีมสามารถเลือกรสชาติได้ ที่ติๆนี่สุดท้ายก็กินหมดนะ 555
ส่วนอาหารเช้าจัดเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์มีครบถ้วน ขอสรุปเลยละกัน ว่าใช้วัตถุดิบดี ไส้กรอกอร่อย และมีอาหารไทยหลากหลายและรสชาติดี แม้ไลน์อาหารเช้าจะไม่ได้อลังการเหมือนโรงแรมเชนใหญ่ๆ แต่ก็ไม่ทำให้การเข้าพัก 3 คืนของพวกเราเบื่อเลย
รุ่งเช้าวันใหม่ เรานั่งเรือไปเที่ยวเกาะจานกัน
วิธีการเดินทางให้โทรจองรอบก่อนที่เบอร์ 081-944-9956
แล้วเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
- ค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 บาท
-
ค่ารถยนต์ คันละ 30 บาท
-
ค่าดำน้ำ ผู้ใหญ่ คนละ 600 บาท, เด็ก คนละ 500 บาท (สำหรับคนไทย)
จะมีน้ำแจกให้คนละขวด มีอุปกรณ์ดำน้ำให้ยืม นั่งเรือประมาณ 15-20 นาทีก็ถึงครับ
แว่บแรกที่มาถึง โอ้โห ทำไมน้ำทะเลถึงสวยใสได้ขนาดนี้เนี่ย
แดดค่อนข้างร้อนนะ ต้องอาศัยโขดหินที่เป็นถ้ำเล็กๆเป็นร่มเงาหน่อย
ทริปนี้น้องเกรซน้องกายเพิ่งจะเคยดำน้ำแบบ Snorkeling เป็นครั้งแรกเลย ไกด์ที่นี่แนะนำเส้นทางดำน้ำดีมาก แถมมีห่วงยางให้เด็กๆเกาะระหว่างที่ว่ายน้ำไปดำน้ำดูปะการังด้วย
งานนี้น้องเกรซน้องกายติดใจมากๆ
ความสุขของเธอ ความสุขของฉัน ความสุขของเรา
ตกบ่ายเดินทางต่อไปเที่ยวที่น้ำตกห้วยยางกัน
น้ำตกที่นี่มีหลายชั้นมาก แต่ละชั้นก็สวยงามแตกต่างกันไป
เราเดินมาถึงแค่น้ำตกชั้น 3 เท่านั้น เนื่องจากมาเย็นไปหน่อย เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาติให้ขึ้นไปชั้นสูงขึ้นไป
ในน้ำนี่ปลาเพียบนะจ๊ะ
พาเด็กๆเล่นน้ำแถวๆชั้น 2 นี่แหละ สนุกสนานกันใหญ่
เด็กๆมีความสุขกับการได้อยู่กับธรรมชาติแบบนี้มากๆ
เช้าวันใหม่ เดินทางไปด่านสิงขรชายแดนประเทศไทย-พม่ากัน
ที่ตรงนี้มีตลาดการค้าชายแดนไทย-เมียนมาร์ตั้งอยู่ มีอะไรขายบ้างนะ
เริ่มแรกก็จะเป็นพวกสินค้าจากประเทศพม่าครับ จำพวกแป้งพม่า ครีมต่างๆ คนขายก็เชียร์ให้ลองทาดู หอมอยู่นะ แต่ไม่ค่อยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยเท่าไหร่ เลยไม่ซื้อมา
พวกพลอย หยกต่างๆ มีให้เห็นเยอะมาก
บรรยากาศตลาดตรงด่านสิงขร คนไม่เยอะเท่าไหร่ แม่ค้าส่วนใหญ่ก็เป็นชาวพม่า
หินหยกแกะสลักเป็นรูปต่างๆ
มีกล้วยไม้ป่าขายด้วยนะ และก็ยังมีพวกสินค้าที่ทำจากไม้ต่างๆ โดยรวมๆแล้วไม่ค่อยมีอะไรที่ครอบครัวเราซื้อได้เท่าไหร่ ก็ถือว่ามาเดินเล่นเฉยๆครับ
ตกบ่ายเราเดินทางมายังวัดอ่างสุวรรณ เพื่อจะมาชมโบสถ์ไม้ตาล หลังเดียวในโลกกัน
บริเวณทางเข้าสวยมากๆ
เข้าไปด้านในก็มีโบสถ์ไม้ตาลหลังใหญ่ คือสวยมากครับ ไม่เคยเห็นที่ไหนแบบนี้จริงๆ
เดินที่นี่ยังรู้สึกได้ถึงความขลัง พระพุทธรูปต่างๆก็สวยงาม
ด้านในสวยมากเลย
บ่ายแก่ๆ เราได้นัดทำสปาทรายที่ริมทะเลไว้
ต้องโทรจองล่วงหน้าที่ 081-572-9665 พิกัด : https://goo.gl/maps/6naCFKmBZ9t
ค่าบริการคนละ 350 บาท
คือเป็นประสบการณ์ที่เราไปนอนกลบทรายอยู่ริมทะเล โดยทรายบริเวณนี้มีแร่ธาตุและคุณสมบัติในการดูดสารพิษในร่างกาย
นอนเพลินๆสัก 20 นาที ตามร่างกายจะรู้สึกตุ่บๆ แล้วแต่ว่าเรามีปัญหาช่วงไหน อย่างผมหัวเข่าไม่ค่อยดี มันจะรู้สึกบริเวณนั้นเยอะหน่อยครับ
กลบทรายเสร็จแล้ว ป้าจะมาปัดทรายออกจากตัวให้ แปลกที่ทรายบริเวณนี้ปัดออกง่ายมาก ไม่เลอะติดตัวให้สกปรกเลย
แล้วก็มานอนนวดผ่อนคลายต่ออีกประมาณ 15 นาที ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีงาม Unseen ไม่เคยได้จากที่ไหนของประเทศไทยมาก่อน
และก็จบรีวิวเที่ยวทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไปอย่างสมบูรณ์ ขับไกลกว่าหัวหินมาหน่อย แต่ฟินกว่าเยอะเลยจ้า
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป