2Madames.com

Leave a Comment

ขอเชิญทุกท่านมาร่วมติดตามความสนุก สุดแก่น แสนซน ในการออกเดินทางท่องเที่ยว เปิดโลกใหม่ๆของหนูน้อยเบลล่ากันนะครับ
“เชียงใหม่” ปฐมบทการเดินทางของสมาชิกครอบครัวตัว B และ ตัว L ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการกับการเดินทางของเราสามคนเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองที่อยู่ในใจของใครหลายๆคน ไปแล้วก็ไปอีกไปได้ไม่มีเบื่อ ครอบครัวเราก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เมื่อมีตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นต่างๆออกมา สถานที่เเรกที่จะมองหาก่อนก็คือเชียงใหม่นั่นเอง รีวิวฉบับนี้จะพาไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของเชียงใหม่ในการเที่ยวแบบมีสมาชิกตัวน้อยๆไปด้วย

สวัสดีครับทุกๆท่าน ที่ให้เกี่ยรติเข้ามาเยี่ยมชมรีวิวของครอบครัวเรานะครับ ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวก่อนก่อนนะครับ สมาชิกครอบครัวตัว B และ ตัว L – Bank&Leng และสมาชิกใหม่ สุดแก่นแสนซน ประจำ ครอบครัวตัวBกับLของเรานะครับ “น้องเบลล่า” ผู้จะมาเป็นผู้กำหนดความเป็นไปของการเดินทางแต่ละทริปนะครับ

การเดินทางทริปนี้ ค่อนข้างเป็นทริปที่เราตั้งใจจะไปกันมาก ตั้งใจไว้ว่าจะไปช่วงปลายปี พาสมาชิกใหม่ของครอบครัวไปสักการะพระธาตุประจำปีเกิดที่เชียงใหม่ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร และเราสองคนจะถือโอกาสไปสักการะพระธาตุหริภุญไชย พระธาตุประจำปีเกิดของเราสองคนที่ลำพูนในคราวเดียวเลย

เมื่อกำหนดสถานที่ได้แล้วเราจึงเริ่ม วางแผนการท่องเที่ยว แบบฉบับเราสามคน สิ่งต่างๆที่จะเตรียมคร่าวๆค่อยๆผุดขึ้นมา เนื่องจากช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮ ซีซั่น ของ ทางตอนเหนือ โรงแรมจึงเป็นสถานที่แรกที่เราจะทำการจองล่วงหน้า ครั้งนี้เราตั้งใจจะไปนอนพักที่บ้านพักสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง1คืน และ พักที่ Veranda Chiangmai – The High Resort อีก1คืน
ข้อมูลรายละเอียดบ้านพักสถานีเกษตรหลวงอ่างขางสามารถหาได้จากเวบนี้นะครับ http://www.angkhangstation.com/travel/home ช่วงไฮของที่นี่น่าจะเป็นช่วง ตุลาคม – มีนาคม ซึ่งติดต่อสำรองห้องได้ตั้งแต่วันที่1พฤษภาคมนะครับ ก่อนหน้านั้นจะไม่รับ ซึ่งท้ายที่สุดหลังจอง ชำระเงินเรียบร้อย พอถึงช่วงที่จะไป อากาศหนาวมากๆยอดดอยอยู่ต่ำกว่า0องศา คาดว่าจะไม่เหมาะกับเด็กเล็กทำให้เราไม่สามารถไปพักบนดอยอ่างขางได้ ทำให้ต้องยกเลิกไป อย่างน่าเสียดายสุดๆ

หลังจากทำการจองที่พักเรียบร้อยสิ่งต่อไปก็คือตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากตั๋วไปเชียงใหม่มีการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องจากหลายๆสายการบินเราจึงไม่ค่อยรีบร้อนตรงจุดนี้มากนัก เพียงแต่หาเวลาที่ต้องการเดินทางคร่าวๆ ที่เหมาะกับทริปที่มีเด็กเล็กเดินทางไปด้วย ระหว่างนั้นการบินไทยก็ได้ปล่อยโปรกระชากใจ พิเศษสุดมาในช่วงเดือนกันยา จึงเกิดทริปเชียงใหม่แบบปาดหน้ากันเลยทีเดียว ^^  ซึ่งในรีวิวนี้จะขอรวมทริปเชียงใหม่2ครั้งมาเป็นฉบับเดียวนะครับ

ต่อมาคือเรื่องรถเช่ากับคาร์ซีท อันนั้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวครับว่าจะจองค่ายไหน ยังไง ค่ายใหญ่ๆที่เห็นกันบ่อยๆหรือจะเป็นผู้ให้บริการในพื้นที่ ส่วนสำคัญเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัวเล็กคือเรื่องคาร์ซีทมากกว่า ผู้ให้บริการบางรายก็จะมีให้บริการเช่าคาร์ซีทเป็น Option เสริมกันด้วย ซึ่งจากการเดินทางทั้งสองครั้ง
– ครั้งแรกผมใช้ของผู้ให้บริการเช่ารถซึ่งก็จะสะดวก ติดตั้งเสร็จได้ใช้ตั้งแต่สนามบิน แต่คาร์ซีทที่ได้ก็จะแข็งไปหน่อยทั้งบริเวณที่นั่งและขอบๆ ซึ่งเด็กๆอาจจะนั่งไม่สบายมากนัก สนนราคาอยู่ที่ 300+21 บาท ต่อวัน
– ครั้งที่สองผมใช้บริการร้านให้เช่าคาร์ซีทในตัวเมือง ซึ่งอยู่แถวๆโรงพยาบาลช้างเผือก อาจจะไม่สะดวกตรงที่เราต้องมารับและคืนที่ร้าน แต่ก็มีคาร์ซีทให้เลือกหลายรุ่นกว่า สนนราคาอยู่ที่ 150-200 ต่อวัน พร้อมค่ามัดจำ

อย่างน้อยเวลานั่งรถไกลๆ นานๆ ก็จะปลอดภัยกว่า สบายกว่าอุ้มเอาด้วยทั้งแม่และลูกนะครับ

เกริ่นมาซะนาน ขอเริ่มทริปนี้ที่ดอนเมืองครับ หนูเบลล่ารอไม่ไหวแล้ว ปะป๊าโม้อยู่ตั้งนาน หนูจะไปแล้วนะ

จะไปยังอ่ะคะปะป๊า หนูรอนานแล้วนะคะ

เห็นพี่แอร์คนสวยมาสาธิตวิธีการใช้ชูชีพ หน้ากากออกซิเจน ทางหนีไฟต่างๆ หนูฟังไม่ทัน เลยขออ่านคู่มือแทนล่ะกันนะคะ

ช่วงที่เครื่องขึ้นลง ลดระดับ เด็กๆอาจจะเจ็บหูได้จากการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศได้ ก็พยายามให้เค้าจิบน้ำ กินนม กินขนม ก็จะช่วยได้เยอะนะครับ ผู้ใหญ่อาจมีวิธีแก้ไขได้แล้วแต่คนแต่เด็กๆไม่สามารถทำได้เองนะครับ นอกจากนี้ระหว่างบนเครื่องก็อาจเตรียมของเล่น หรือ หนังสือเล่มโปรดไปเป็นตัวช่วยก็จะสามารถช่วยให้หนูน้อยนั่งนิ่งๆได้บ้างนะครับ

รีวิวฉบับนี้จะขอแบ่งเป็นสองตอนนะครับ
– รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวกับร้านอาหาร
– รีวิวที่พัก Veranda Chiangmai – The High Resort

สถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่มีมากมายหลายรูปแบบแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ประวัติศาสตร์ วัด ธรรมชาติ ภูเขา น้ำตก ทั้งนี้เพื่อความเป็นเพื่อเป็นสิริมงคลกันขอเน้นช่วงแรกด้วยไปเที่ยวตามวัดต่างๆก่อนนะครับ
พระบรมธาตุดอยสุเทพคือสถานที่แรกที่นึกถึงเกือบทุกครั้งที่ไปเชียงใหม่ ดังนั้นขอขึ้นไปสักการะพระบรมธาตุดอยสุเทพก่อนเลยนะครับ

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร หรือ วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พระบรมธาตุได้ถูกบรรจุไว้ใต้พระธาตุเจดีย์ บนดอยสุเทพ ซึ่งเมื่อมีการบรรจุพระบรมธาตุแล้ว พระบรมธาตุได้แผ่ความเป็น มงคลจากองค์พระบรมธาตุไปจนทั่วทั้งเมือง ดังนั้น พระบรมธาตุจึงถือเป็นที่มาของความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง ทำ ให้ต้องมีการกราบไหว้บูชาและบูรณะพระธาตุดอยสุเทพมาโดยตลอดทุกยุคทุกสมัย

พระธาตุดอยสุเทพ ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ การประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์บนเขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองมีขึ้นราวปี พ.ศ. ๑๙๑๖ สมัยพญากือนา (พ.ศ.๑๘๙๘-๑๙๒๘) ในยุคทองของล้านนา พระองค์ได้อาราธนาพระสุมนเถระจาก สุโขทัย มาเชียงใหม่ พระสุมนเถระจึงอัญเชิญพระบรมธาตุที่พบเมืองปางจามาด้วย พระบรมธาตุนี้ได้ทำ ปาฏิหาริย์แยกเป็นสององค์ องค์หนึ่งประดิษฐานที่วัดบุปผาราม อีกองค์หนึ่งพญากือนาได้อาราธนาสถิต เหนือช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายที่ประดิษฐาน ช้างมงคลเดินขึ้นมาถึงยอดดอยสุเทพ แล้วร้องสามครั้ง ทำทักษิณาวรรต สามรอบ และล้ม (ตาย) ลง ภายหลังอัญเชิญ พระบรมธาตุลงมา พญากือนาให้ขุดหลุมประดิษฐาน พระบรมธาตุ และก่อพระเจดีย์สูง ๕ วา ต่อมาปี พ.ศ.๒๐๘๑ สมัยพระเจ้าเกษเกล้าได้ก่อเป็นพระเจดีย์สูงใหญ่สีทองเช่นทุกวันนี้ มีความเชื่อว่าหากบูชาพระธาตุในทิศทั้งสี่แล้วจะทำ ให้มีสติปัญญาดี สมัยก่อนในวันวิสาขบูชามีประเพณีการขึ้น พระธาตุ โดยชาวบ้านจะเดินลัดเลาะป่าขึ้นสู่องค์พระธาตุ

เบลล่าหนูจะรู้มั้ยว่าปะป๊า หม่าม๊า มาสักการะขอพร พระบรมธาตุดอยสุเทพ และ องค์เทพทันใจ จนมีหนูมาสมดังที่หวัง

บริเวณลานด้านล่างองค์พระธาตุ บางครั้งถ้าจังหวะดีๆก็จะมีนักเรียนตัวน้อยๅมาแสดงศิลปะพื้นเมืองกัน เพื่อรับบริจาคเงินสนับสนุนกิจกรรมต่างๆทางการศึกษา

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร วัดเก่าแก่คู่เมืองเชียงใหม่อีกวัดหนึ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวจะแวะมาสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน เราจึงไม่พลาดที่จะมา พร้อมกันนี้จะถือโอกาสสักการะพระธาตุประจำปีมะโรง พระธาตุประจำปีเกิดของหนูน้อยเบลล่า

วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดพระสิงห์ฯ เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ เป็นประดิษฐานพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา พระพุทธรูปเป็นศิลปะเชียงแสนรู้จักกันในชื่อ “เชียงแสนสิงห์หนึ่ง” วัดนี้เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งซึ่งประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร ประดิษฐานอยู่ในวิหารลายคำ เมื่อถึงเทศกาลสงกรานต์ชาวเมืองจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้แห่ไปตามถนนรอบเมืองเพื่อให้ประชาชนสรงน้ำโดยทั่วถึงกันแต่เดิมที่ดินบริเวณวัดนี้เป็นตลาด เรียกชื่อว่า วัดลีเชียง (ลี หมายถึง ตลาด) จนถึงปี พ.ศ. 1888 พระเจ้าผายู กษัตริย์องค์ที่ 5 ในราชวงศ์มังรายทรงโปรดฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้น พร้อมทั้งสร้างพระเจดีย์สูง 24 ศอกองค์หนึ่ง เพื่อใช้เป็นที่บรรจุอัฐิพระราชบิดา ของพระองค์ สถาปัตยกรรมสำคัญของวัดนี้ได้แก่ วิหารลายคำที่มีจิตรกรรมฝาผนังงดงาม พระอุโบสถ์หอไตรที่มีปูนปั้นรูปเทวดาประดับ และเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา

พระธาตุประจำผู้เกิดปีมะโรง จะประดิษฐานอยู่บริเวณเยื้องๆมาทางข้างอุโบสถหลังเก่านะครับ

พระบรมธาตุหริภุญไชย จังหวัดลำพูน เป็นอีกสถานที่ที่เราตั้งใจไว้ว่าจะต้องมาสักการะให้ได้ในคราวนี้

พระบรมธาตุหริภุญชัย พระธาตุประจำผู้เกิดปีระกา ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลำพูน เป็นปูชนียสถานสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในภาคเหนือ และเป็นมิ่งขวัญของชาวลำพูน

พระบรมธาตุหริภุญชัย มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมายัง ชัยภูมิของชาวเม็ง ทรงหยุดประทับนั่ง ณ สถานที่หนึ่ง พระยาชมพูนาคราช และพระยากาเผือกได้มาอุปัฏฐาก และมีชาวลัวะผู้หนึ่งนำลูกสมอมาถวาย พระองค์ทรงมีพุทธพยากรณ์ว่า ที่นี่ในอนาคตจะเป็น นครหริภุญชัยบุรี เป็นที่ประดิษฐาน พระสุวรรณเจดีย์ ซึ่งบรรจุธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูก ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีก เต็มบาตรหนึ่ง ในครั้งนั้นพระญาทั้งสองได้ทูลขอพระเกศาธาตุ นำไปบรรจุในกระบอกไม้รวกและโกศแก้วใหญ่ ไว้ในถ้ำใต้ที่ประทับ ต่อมาในสมัยพระยาอาทิตยราช ผู้ครองเมืองหริภุญชัย (ราว พ.ศ.๑๔๒๐) ได้เสด็จลงห้อง พระบังคน แต่มีกาขัดขวางไม่ให้เข้า ภายหลังทรงทราบว่าที่แห่งนั้นเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ จึงทรงให้รื้อวัง และขุดพระบรมธาตุมาบรรจุโกศทองคำ และสร้างมณฑปปราสาทเพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุหริภุญชัยได้รับ การบูรณะเรื่อยมา โดยพระเจดีย์องค์ปัจจุบันบูรณะในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ เมื่อ ๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ภายในวัดยังมี พระสุวรรณเจดีย์ เจดีย์ยุคแรกในศิลปะหริภุญชัย เจดีย์เชียงยัน เจดีย์เก่าแก่ทรงปราสาทห้ายอด และ หอระฆัง ที่แขวนกังสดาลใหญ่ เป็นต้น ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ ของทุกปี จะมีงานประเพณีสรงน้ำ พระธาตุหริภุญชัย น้ำที่นำมาสรงองค์พระธาตุนี้จะต้องนำมาจากบ่อน้ำบนยอดดอยขะม้อ ที่อยู่นอกเมือง ตามธรรม เนียมปฏิบัติแต่โบราณ องค์พระบรมธาตุเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมธาตุ ซึ่งแต่เดิมถูกเก็บรักษาไว้ในกระบอกไม้รวก และใส่ไว้ในโกศแก้วอีกชั้นหนึ่ง ต่อมากษัตริย์ผู้ครองนครลำพูนทุกพระองค์ ก็ได้บูรณะและพัฒนาขึ้นตามลำดับ โดยเปลี่ยนจากโกศแก้วเป็นโกศทอง และเปลี่ยนเป็นมณฑป จนในที่สุดเป็นเจดีย์และได้ขยายขนาดของเจดีย์ ให้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสูงถึง ๒๕ วาครึ่ง กว้าง ๑๒ วาครึ่ง

แถมนิดนึงนะครับ เผื่อบางท่านยังไม่ทราบกันว่าพระธาตุประจำปีเกิด 12 ปีนักษัตร ของทุกท่านประดิษฐานอยู่ที่ไหนกันบ้าง
– ปีชวด (หนู) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุศรีจอมทอง ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร
– ปีฉลู (วัว) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุลำปางหลวง ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง ในเขตตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร
– ปีขาล (เสือ) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุช่อแฮ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง เลขที่ 1 หมู่ที่ 11 ถนนช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
– ปีเถาะ (กระต่าย) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุแช่แห้ง ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง ณ อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร
– ปีมะโรง (งูใหญ่) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ประดิษฐานอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
– ปีมะเส็ง (งูเล็ก) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ เจดีย์ศรีมหาโพธิ์พุทธคยา (เจดีย์เจ็ดยอด) ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธารามมหาวิหาร หรือวัดเจ็ดยอด ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
– ปีมะเมีย (ม้า) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ประดิษฐานอยู่ในเมืองย่างกุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศพม่า
– ปีมะแม (แพะ) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระบรมธาตุดอยสุเทพ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
– ปีวอก (ลิง) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุพนม ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมราว 52 กิโลเมตร
– ปีระกา (ไก่) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุหริภุญชัย ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย อยู่ใจกลางเมืองลำพูน
– ปีจอ (สุนัข) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุอินทร์แขวน ประดิษฐานอยู่ที่เมืองไจ้ก์โถ่ อำเภอสะเทิม เขตรัฐมอญของประเทศพม่า แต่ถ้าในประเทศไทย เราสามารถบูชา พระเจดีย์ที่วัดเกตการาม ประดิษฐานอยู่เลขที่ 96 บ้านวัดเกต ถนนเจริญราษฎร์ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง เชียงใหม่
– ปีกุน(หมู) พระธาตุประจำปีเกิดนักษัตร คือ พระธาตุดอยตุง ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุดอยตุง ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

เอ่ยถึงเชียงใหม่อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวกันก็คือ สวนสัตว์เชียงใหม่ โดยจุดประสงค์หลักของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะมาเพื่อทักทายกับครอบครัวแพนด้านั่นเอง ราคาบัตรเข้าชมสนนราคาตามนี้ครับ
บัตรผ่านประตูสวนสัตว์
บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 100 บาท
บัตรเด็ก (ชาวไทย) 20 บาท สูงไม่เกิน 135 ซ.ม.
บัตรเข้าชมหมีแพนด้า
บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 50 บาท
บัตรเด็ก (ชาวไทย) 20 บาท สูงไม่เกิน 135 ซ.ม.
บัตรเข้าชมอควาเรียม
บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 290 บาท
บัตรเด็ก (ชาวไทย) 190 บาท สูงไม่เกิน 135 ซ.ม.

นอกจากนี้ เนื่องจากระยะทางภายในค่อนข้างไกล และไม่สามารถขับรถเข้าไปได้เอง จึงมีบริการถรางกับรถไฟรางเดียวไว้คอยบริการ สนนราคาตามนี้ครับ
บัตรบริการขนส่งมวลชนภายใน (รถบริการ + รถไฟฟ้ารางเดี่ยว)
บัตรผู้ใหญ่ (ชาวไทย) 70 บาท
บัตรเด็ก สูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร (ชาวไทย) 50 บาท

เบลล่ากำลังตื่นตาตื่นใจนั่งรถราง เจอพี่ช้างตัวใหญ่มากจากเรื่องต้มยำกุ้งนั่นเอง

และแล้วก็มาแวะทักทาย ครอบครัวแพนด้า เบลล่าชอบมาก ไม่ยอมออกกันเลย เหลียวมอง ชี้ ทักทายใหญ่เลย

จากความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ถ้าแค่มาดูแพนด้า ก็น่าจะมาครับ ส่วนอื่นๆไม่ประทับใจเท่าที่ควร รถรางบอกว่าจะมาทุก15นาที ก็ไม่ตามเวลา บางครั้งรอนานมาก พอมาก็มาติดๆกัน 3คัน จะเดินเองแต่ละจุดก็ไม่น่าจะไหว สัตว์บางชนิดก็ไม่มีแล้วเหลือแต่กรงเปล่าๆ ทำให้ตารางเที่ยวที่วางไว้ต้องเลื่อนนิดหน่อยครับ

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ไหนๆก็มาสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว จะไม่แวะเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง ^^

เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สวนสัตว์อีกที่หนึ่งของเชียงใหม่ ถึงแม้ว่าชื่อฟังดูอาจจะหมายถึงสวนสัตว์กลางคืน แต่จริงๆเราสามารถมาดูสัตว์ต่างๆที่อยู่รอบๆสระน้ำได้ และสามารถนั่งรถรางชมเดย์ซาฟารีก็ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
– กิจกรรมการนั่งรถชมสัตว์กลางวัน (Day safari) เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 15.00 – 16.30 น. รถออกให้บริการทุก ๆ 30 นาที โดยจะเข้าไปในโซน South Zone เป็นโซนแรกจะสัมผัสกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เช่น ยีราฟ ม้าลาย จิงโจ้แดง ฯลฯ และ North Zone เป็นโซนที่สอง สัมผัสกับสัตว์นักล่า เสือโคร่งขาว , สิงโต ไอยีน่าลายจุด ฯลฯ ทั้งสอง Zones ใช้เวลาในการนั่งชมประมาณ 1 ชั่วโมง
– กิจกรรมการนั่งรถชมสัตว์กลางคืน (Night safari) เริ่มเปิดบริการตั้งแต่เวลา 18.50 ถึง 22.00 น. รถจะออกทุก ๆ 15 นาที โดยจะเข้าไปใน Savanna Zone เป็นโซนแรกซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสัตว์อย่างใกล้ชิด เช่น ยีราฟ ม้าลาย จิงโจ้แดง ฯลฯ จากนั้นไป Predator Zone เป็นโซนที่สอง สัมผัสกับสัตว์นักล่า เสือโคร่งขาว , สิงโต ไฮยีน่าลายจุด ฯลฯ ทั้งสองโซนใช้เวลาในการนั่งรถชมประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมเวลา 22.00 น. และมีรอบสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือ
-Savanna Zone เวลา 19.45 น. และเวลา 21.30 น.
-Predator Zone เวลา 20.30 น. และเวลา 22.10 น
นอกจากนี้ยังมีการแสดงโชว์ ขบวนพาเหรด และ สัตว์ต่างๆที่นำมาออกมาให้สัมผัสถ่ายรูปกันได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วยครับ
ส่วนราคาค่าเข้าชมนั้นมีรายละเอียดดังนี้ครับ

บอกได้แค่ว่ามาเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เจ้าหนูเบลล่าฟินมาก อยู่ตั้งแต่สี่โมงจนถึงสามทุ่มกว่าๆ มีสัตว์มากมายให้ดู ได้จับ ได้สัมผัส ถ่ายรูป ไม่คิดว่าจะมีAlpacaด้วย เสียดายเบลล่ากลัว ไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บภาพ^^

ส่วนตัวผมชอบที่นี่มากกว่าสวนสัตว์เชียงใหม่ครับ มีสัตว์ให้ดูอย่างใกล้ชิด จับ อุ้ม ถ่ายรูปได้ ไม่มีค่าบริการแล้วแต่จะให้ มีโชว์ต่างๆ ระหว่างการนั่งรถชมป้อนอาหารสัตว์ มีการบรรยายที่ชัดเจน เด็กๆน่าจะยิ่งชอบ แต่ต้องกะเวลานิดนึงเพราะอาจดึกไปสำหรับเด็กที่เข้านอนเร็ว อาหารมีให้บริการด้านในเป็นข้าวไข่เจียว กับขนมขบเคี้ยว ถ้าอยากินแบบจริงจังก็ต้องออกมาที่ภัตตาคารยีราฟ ด้านหน้า ที่มีให้บริการทั้งบุฟเฟ่ต์ และ ตามสั่ง พร้อมกับให้อาหารยีราฟ และ ม้าลาย

อุทยานหลวงราชพฤกษ์ คือเป้าหมายต่อไป อยู่ใกล้ๆกับ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเลยครับ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เริ่มมีการจัดสร้างขึ้น เนื่องในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ใน พ.ศ.๒๕๔๙ และทรงเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๐ รวม ๙๒ วันภายใต้ชื่อ “มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๔๙” หลังจากนั้นได้การมีถ่ายโอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ และงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาเป็นของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินกิจการ โดยชื่ออุทยานหลวงราชพฤกษ์ หมายถึง สวนของพระมหากษัตริย์ สำหรับการตั้งชื่ออุทยานหลวงราชพฤกษ์นั้น หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี องค์ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ขอพระราชทานชื่อสวนซึ่งเป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๔๙ ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ว่า “สวนหลวงราชพฤกษ์” ต่อมาท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทนราชเลขาธิการ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อสวนดังกล่าวว่า “อุทยานหลวงราชพฤกษ์” ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๓ และได้รับพระราชทานชื่อภาษาอังกฤษว่า “Royal Park Rajapruek”

บรรยากาศรวมๆภายในนะครับ ครั้งนี้แวะไปช่วงกลางวัน ร้อนนิดหน่อย แต่เบลล่าสู้ค่า

หอคำหลวง เป็นอาคารหลังหนึ่งในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 สร้างด้วยสถาปัตยกรรมท้องถิ่นล้านนา ภายใต้แนวคิดว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ศูนย์รวมจิตใจของปวงชนชาวไทย” เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ หอคำหลวง ที่มีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นประธานคณะอนุกรรมการ อาคารหอคำหลวง ตั้งอยู่บนเนินดิน พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร ออกแบบสถาปัตยกรรมโดยนายรุ่ง จันตาบุญ จำลองมาจากภาพหอคำหลวงของเจ้าเมืองเชียงใหม่ในอดีต และออกแบบศิลปกรรมภายในอาคาร โดยนายปรีชา เถาทอง เน้นการถึงพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ดอกไม้สวยๆยังพอมีบ้างแต่ก็หายไปเยอะเลยครับ กลายเป็นไม้ดอกซะเยอะแล้ว

กิมมิกเล็กๆน้อยตรงทางเดินบางจุดก็เริ่มลางๆหายไปบ้างแล้วครับ

จากที่เคยไปสัมผัสมารวมสามครั้ง นับจากมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๔๙จนถึงอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ในปัจจุบัน ผมรู้สึกว่าการดูแล ปรับปรุงต่างๆเริ่มไม่ทั่วถึง ดอกไม้ ต้นไม้ ตามซุ้มประเทศ และ หน่วยงานหลายๆจุดเริ่มน้อยลง ไม่สวยเหมือนก่อน รถพ่วงที่ให้บริการก็ค่อนข้างไม่สะดวกไม่วิ่งตามรอบเวลา ถ้าลงแล้วรอคันถัดไปก็อาจต้องใช้เวลาสักพักนึง ถ้ามีเวลาว่างๆจะแวะเข้ามาเดินชมก็ได้ครับ ผมรู้สึกเสียดายนิดหน่อยกับสิ่งที่เคยสัมผัสมาเมื่ออดีต

สถานที่ต่อไปที่เราไปเที่ยวกันเป็นสถานที่ยอดนิยมยามค่ำคืน นั่นก็คือ ถนนคนเดินโดยทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เทศบาลเชียงใหม่ จะปิดถนนส่วนหนึ่งในเชียงใหม่ เพื่อให้ชาวบ้านนำสินค้าหัตถกรรมมาวาง ขายบนถนนคนเดิน ซึ่งที่เชียงใหม่มีถนนคนเดินรวมทั้งสิ้น 4แห่ง
1.ถนนคนเดินท่าแพ อยู่บริเวณประตูเมืองท่าแพต่อไปยังถนนราชดำเนิน เป็นถนนคนเดินที่ดังและใหญ่ที่สุดมีวันอาทิตย์ตอนเย็นเปิด เฉพาะ วันอาทิตย์ เวลาประมาณ 17.00 – 22.00 น. เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ มีสินค้าให้เลือกสรร มากมายหลากหลายประเภท ทั้งสินค้าทางวัฒนธรรม เช่น สินค้าพื้นเมือง จำพวกเครื่องประดับตกแต่ง เสื้อผ้า ของที่ระลึก กระเป๋า ผ้าพันคอ โคมไฟ ฯลฯ หรือจะเป็นสินค้าแฟชั่นก็มีให้เห็นอยู่โดยทั่วไป รวมทั้งของกิน เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว/น้ำยา ของ ทานเล่น โรตี ฯลฯ หากมาเยือนในช่วงอากาศหนาว ๆ เดินเที่ยวกาดกลางคืน ถนนคนเดินเชียงใหม่ก็เพลิดเพลินไปอีก แบบหนึ่ง ซึ่งที่นี่เป็นถนนคนเดินที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่และได้รับ ความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ
2.ถนนคนเดินวัวลาย
อยู่ที่ถนนวัวลาย ใกล้กับประตูเมืองเชียงใหม่ เปิดเฉพาะวันเสาร์ เวลาประมาณ 17.00 – 22.00 น. พ่อค้าแม่ค้า เป็นคน พื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในบริเวณถนนวัวลายเป็นส่วนใหญ่ จึงมีขนาดเล็กกว่าถนนคนเดินท่าแพ เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านทำ เครื่องเงิน ซึ่งทั้งผลิตและจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องเงิน นอกจากนี้ยังมีสินค้า พื้นเมืองมากมายให้ เลือกสรร
3.กาดต้อนกอง
วันเสาร์ช่วงเช้า ณ ชุมชนสันทรายต้นกอก ตำบลฟ้าฮ่าม เลือกชมและเลือกซื้อสินค้าพื้นเมือง อาหารพื้นเมือง เลือกซื้อผักปลอดสารพิษ ไม้ดอกไม้ประดับ ชมสาธิตวิธีการเลี้ยงนกกระทา และการแสดงทางวัฒนธรรมของ ชุมชน โดยเยาวชนท้องถิ่น โดยกลุ่มเกษตรกร เช่น ปลูกผัก กลุ่มหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น กลองโบราณและ การล่องเรือชมวิถีชีวิตริมแม่น้ำปิง
4.ถนนคนเดินสายหัตถกรรมสันกำแพง
เลือกชม เลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมของกินของฝาก ของที่ระลึก และรับชมการแสดงดนตรีโบราณของสันกำแพง ทุกวันเสาร์เวลา 15.00-22.00

แล้วแต่ความสะดวก วันเวลา ที่เหมาะสมของแต่ละครอบครัวเลยครับ ว่าจะไปที่ไหน ส่วนตัวผมเคยไปแค่ ท่าแพ กับ วัวลาย เท่านั้น ^^ คนที่ฮือฮาที่สุดก็น่าจะเป็นหนูเบลล่านี่แหล่ะครับ ผู้คนเยอะแยะ ของขายมากมาย จะคว้าเอาทุกอย่างกันเลย ซึ่งระหว่างการเดินถนนคนเดินได้มีการตกลงกันกับสาวสวยที่ไปด้วยว่าจะผลัดกันอุ้มคนละครึ่ง ผมจะอุ้มขากลับให้เค้าอุ้มขาไป แต่สุดท้ายเบลล่าก็ไม่ยอมให้ผมอุ้ม จะให้หม่าม๊าเล้งอุ้มคนเดียว สบายไป เอ๊ย เสียใจจริงๆนะเนี่ย อิอิ

สูงสุดแดนสยาม กับวลีนี้ มาถึงเชียงใหม่ทั้งที จะพลาดได้อย่างไร ขอไปให้ถึงจุดสูงสุดแดนสยาม สถานที่นี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นนิยมมากๆอีกแห่งครับ สูงสุดแดนสยาม ดอยอินทนนท์นั่นเองครับ

ดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อพ.ศ.2515 ประกาศเป็นอุทยานฯ เป็นลำดับที่ 6 ของประเทศไทย มีพื้นที่ 482.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ดอยอินทนนท์แต่เดิมดอยนี้มีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา”ดอยหลวง มาจากขนาดของดอยที่ใหญ่มาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ดอยหลวง” (หลวง: เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ใหญ่) โดยจุดสูงสุดอยู่ที่ยอดดอยอินทนนท์มีความสูงที่2,565เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ จากตัวเมือง เชียงใหม่ เดินทางโดยรถยนต์ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) ประมาณ 56 กม.ผ่านอำเภอหางดงและอำเภอสันปาตอง ไปยังอำเภอจอมทอง ก่อนถึงอำเภอจอมทองประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวขวาตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1009 (จอมทอง-ดอยอินทนนท์) จะเริ่มเข้าเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ที่กิโลเมตรที่ 8 (น้ำตกแม่กลาง) และตัดขึ้นสู่ยอดดอยอินทนนท์เป็นระยะทางทั้งหมด 48 กิโลเมตร ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ตั้งอยู่ที่กิโลเมตรที่ 31

รูปนี้ถ่ายตรงลานจอดรถหน้ากิ่วแม่ปานนะครับ กิ่วแม่ปานจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงามมาก แต่ทริปนี้คงไม่เหมาะเราจึงแค่ถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าเฉยๆนะครับ

ในบริเวณพื้นที่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เป็นที่ประดิษฐานของพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ตั้งอยู่บนกม.ที่ 41.5 ทางด้านซ้ายมือ สร้างขึ้นโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย โดยพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสร้างถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปีพ.ศ. 2535 พระมหาธาตุทั้ง 2 องค์นี้มีรูปทรงคล้ายคลึงกัน คือมีฐานเป็นรูป 12 เหลี่ยม มีระเบียงแก้วโดยรอบเป็น 2 ระดับ รอบบริเวณสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของดอยอินทนนท์โดยรอบได้อย่างสวยงาม

เป็นที่น่าเสียดายว่าระหว่างทริปครั้งนี้ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ ได้ทำการบูรณะซ่อมแซมอยู่ จึงไม่ได้เก็บภาพสวยๆของพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริคู่กันมา

ถัดจากสถานที่ท่องเที่ยว ก็ขอมาเติมพลัง รีวิวส่วนร้านอาหารกันบ้างนะครับ ขอเริ่มที่ร้านอาหารใกล้ๆดอยอินทนนท์ก่อนเลยนะครับเป็นร้านอาหารในสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ร้านอาหารจะอยู่ด้านในนะครับ สามารถนำรถเข้าไปจอดด้านในได้เลย ซึ่งปกติจะมีเจ้าหน้าที่อยู่ตรงประตู สำหรับท่านที่มาทานอาหารหรือพักแรมสามารถจอดรถด้านในได้เลย ค่าบัตรผ่านคนละ20บาท สามารถนำไปเป็นส่วนลดในการทานอาหารได้ครับ

จัดไป4เมนูเบาๆครับ ขาหมูหมั่นโถว ยำผักบุ้งกรอบ ปลาสเตอเจี้ยนนึ่งซีอิ๊ว และ ยำเห็ดออรันจิ

รสชาติโอเคเลยครับ กับบรรยากาศ อากาศเย็นๆ สบายๆ อาจจะมีติดเรื่องบริการนิดหน่อยเพราะช่วงที่ไปคนเยอะ เป็นปกติของช่วงท่องเที่ยวอยู่แล้วครับ

ร้านต่อมา เฮือนเพ็ญ ร้านอาหารพื้นเมืองร้านประจำของครอบครัวเราอีก1ร้าน ชอบตรงที่มีอาหารหลากหลาย รสชาติถูกปาก มาที่เดียวแล้วเรียกว่าครบกันเลยทีเดียว เวลาเปิด-ปิด เปิดทุก วัน เวลา 08.30 – 16.00 น. และ 17.00 – 22.00 น บางช่วงเวลาคนจะเยอะ โทรไปสอบถามก่อนน่าจะสะดวกกว่าครับ เพราะมีกรุ้ปทัวร์เริ่มไปเยอะอยู่เหมือนกัน

ถือเป็นร้านที่ครบร้านหนึ่งครับ มีอาหารพื้นเมืองเกือบครบทุกอย่างที่อยากจะทาน ราคารับได้ รสชาติดี อยู่กลางเมืองเลย

ร้านต่อมาร้านชื่อดังที่พึ่งเป็นข่าวกันไปครับ ไก่ทอดเที่ยงคืน ไก่ทอดร้านดังของเชียงใหม่อีก1ร้าน รู้สึกจะมีสามสาขา กำแพงดิน ช้างคลาน และสวนดอก สาขาสี่กำลังจะเปิด เวลาร้านเปิดปิดไม่เหมือนกันนะครับ กำแพงดินห้าทุ่มถึงตีห้า สาขาอื่นสิบเอ็ดโมงถึงสามทุ่ม ก่อนไปหาข้อมูลเวลาเปิดปิดที่แน่นอนจริงๆ จึงรู้ว่าห้าทุ่ม เอาเจ้าหนูน้อยเข้านอนเรียบร้อยก็แวบไปซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่ ขอไปสาขาแรกกันเลยนะครับ สาขากำแพงดิน แผนที่สาขากำแพงดินนะครับ ตอนผมไปก็ตามแผนที่อันนี้เลย รูปจากเวบนี้นะครับ http://www.smilefishing.com/board/index.php?board=11;action=display;threadid=9699

ร้านไก่ทอดนี่เท่าที่คุยกับคนท้องถิ่นจะมีหลายร้านนะครับที่นิยมกัน ก็มีไก่ทอดเที่ยงคืน,ไก่ทอดCMU, ร้านไก่ทอดสมุนไพร นิมมานเหมินทร์, ร้านไก่ทอดปะโดกหลัง มช., ร้านไก่ทอดนายขันมือเหล็ก ข้างเทคนิคเชียงใหม่ แล้วแต่ความชอบกันเลยครับ ผมเคยลองแค่สามร้านแรก สูสี กันเลยครับ ไว้มีโอกาสจะไปลองใหม่เอาตอนไม่หิวนะครับ ^^

Cuisine de Garden ร้านอาหารใหม่สไตล์โมเดิร์นผสมผสานศิลปะและอาหารจากหลากหลายวัฒนธรรม เต็มไปด้วยความสวยงาม รสชาติแปลกใหม่ ทางไปจะออกจากตัวเมืองไปนิดนึงนะครับ ซอยบ้านสันป่าสัก หางดง เชียงใหม่ – ถ้ามาจากเส้นคันคลองชลประทาน เลยแยกราชพฤกษ์ จากแยกสะเมิงตรงไป 20 เมตร เลี้ยวซ้ายเข้ามาตามป้ายร้านได้เลยครับ ราคามีทั้งจัดเป็นเซตและแบบ Alacarte เปิดให้บริการ 17:30 น. – 22:00 น. อังคาร-อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์) ตอนแรกสอบถามทางเพื่อนที่เชียงใหม่ หลายๆคนบอกไม่รู้จัก ท่าจะใหม่จริงๆ ป้ายหน้าร้านไม่ได้ถ่ายนะครับเนื่องจากท่านผู้นำทริปตัวน้อย หลับ เลยต้องปล่อยนอนไปก่อน ให้ผู้ช่วยแสนสวยไปสั่งอาหารรอไว้แทน
บรรยากาศภายในร้านนะครับจะสบายๆ มีครัวเปิดให้สามารถชมการทำอาหารกันได้

วันนี้ทางเราสั่งเป็นเซตเมนูไป ราคาน่าจะประมาณ 599++ต่อท่าน
อาหารยกมาถึงทำเอาสตันไป5วิ กับความสวยงาม ^^ ชื่อเมนูไม่สามารถจำได้จริงๆครับ เรียกไม่ถูกกันเลย
ของทานเล่นเบาๆกันก่อนครับ

จานต่อมาครับ จานแรกเป็นกุ้ง จานต่อไปเป็นหอยเชลล์

จานหลักครับ ปลากะพง กับ อกเป็ด

ปิดท้ายด้วยของหวานที่หนูน้อยเบลล่าปลื้มสุดๆ จะเป็นการนำน้ำส้มไปรังสรรค์มาเป็นเหมือนไข่แดง มากัดผ่านผิวด้านนอกที่มีลักษณะเหมือนเจลาตินเข้าไป น้ำส้มก็จะพุ่งทะลักออกมา

โดยสรุปกับราคาที่อาจสูงไปนิดแต่เทียบกับเมนู หน้าตา รสชาติ ความคิดวิจิตรต่างๆ ผ่านครับ

ร้านต่อมา คั่วไก่นิมมาน ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สูตรเยาวราช นิมมานเหมินท์ ซอย 17 เปิดบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง สามทุ่ม บอกได้สั้นๆแค่ว่าอร่อยครับ ^^

คั่วไก่ในกระทะร้อน เด็ดมาก

ขนมปังหน้าหมู กรอบนอกนุ่มใน

ภาชนะใส่น้ำเก๋ไก๋มากๆ

Oriental Cake Shop ภายในโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล ดาราเทวี จะมีร้าน Oriental Shop ซึ่งเป็นร้านขายขนมที่ถูกเล่าลือถึงความอร่อยล้ำ ที่นี่มีเมนูขนมและเค้กสไตล์ฝรั่งเศสหลากหลายชนิด นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มนานาชนิด อีกหนึ่งร้านเค้กยอดฮิตอีกที่ ที่จะมีนักท่องเที่ยวแวะไปลิ้มลองความอร่อย หรือ จิบชายามบ่าย ดื่มด่ำบรรยากาสวยๆ แลดูอบอุ่น สบาย ๆ ในสไตล์ไทยล้านนาผสมผสานกับวิคตอเรีย เวลาเปิด-ปิด : 10.00 – 21.00 น. ทุกวัน และชายามบ่าย (สำหรับ 2 ท่าน) ตั้งแต่ 15.30 น. – 17.30 น.

ถ้าบอกว่าเช่าคันนี้มาก็คงไม่มีใครเชื่อ ^^ บริเวณหน้ากาดดารา จะมีรถหรูแบบนี้สลับมาจอดเรื่อยๆครับ

ได้เวลาจัดเบาๆครับ เบลล่าชี้เลยลูก

เป็นไงมั่งลูก อร่อยม้ายยย

จริงๆยังมีอีกหลายๆร้านที่ได้ไปแต่ไม่สามารถถ่ายรูปได้ทัน เนื่องจากเหตุขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อย ทั้งเลยเวลาข้าวของหนูน้อย หรือหลับแบบกะทันหันหน้าร้านพอดี ^^ ไว้คราวหน้าจะไปเก็บภาพมาฝากอีกทีนะครับ

รีวิวตอนต่อไปจะเป็นที่พักนะครับ Veranda Chiangmai – The High Resort เดี๋ยวมาดูกันว่าทำไมถึงเป็นที่พักในใจใครหลายๆคน

ปล.หากท่านอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมขอขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างมากที่ได้เข้ามาติดตามรีวิวของผม ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวฉบับนี้โดยหวังว่าจะเป็นข้อมูลและมีประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะเดินทางไปนะครับ สุดท้ายนี้ หากท่านชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ หรือ กด Like ที่ Fanpage ของผม http://www.facebook.com/BLJourney เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยแก่ผมและทีมงาน 2Madames.com ทุกคน ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์นะครับ ขอบคุณมากๆครับผม