ขึ้นชื่อว่าที่เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพที่สามารถไปเช้าเย็นกลับภายในวันเดียว หนึ่งในนั้นจะต้องมีชื่อ “บางแสน” ชายหาดทะเลที่เกือบจะใกล้กรุงเทพมากที่สุดแห่งหนึ่ง วันนี้เราจะพาทุกท่านไปแนะนำสถานที่กิน ที่เที่ยวของบางแสนแบบครอบครัวกัน
ทริปวันเดียวจบของพวกเราจะพาไปทานอาหารและขนมเค้กที่ร้าน La Torta แล้วพาเด็กๆไปชมปลาสวยๆที่สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน) แล้วจบด้วยไปนั่งเล่นชิลด์ริมทะเลบางแสนกัน จะสนุกแค่ไหน ตามไปชมรีวิวกันนะครับ
เดินทางออกจากกรุงเทพสายๆ ก็ถึงบางแสนเกือบๆเที่ยงพอดี จุดหมายแรกแวะมาทานอาหารและขนมเติมพลังที่ร้านลาทอร์ต้ากันก่อน
สำหรับผู้ที่ต้องการจะเดินทางมาที่ร้านนี้ด้วย GPS ค้นหาพิกัดนี้เลยครับ 13.275159, 100.94337
มาถึงหน้าร้านแล้วห้ามกลับใจไม่ทานเหมือนหลักกิโลที่เค้าทำขึ้นมาให้ถ่ายภาพแล้วกัน
La Torta ลาทอร์ต้า บางแสน ร้านอาหารสไตล์อิตาเลี่ยน La Torta ออกแบบตกแต่งอาคารสไตล์อิตาลี สีสันสดใส ตกแต่งมุมสวยๆ หลากหลายมุม รองรับลูกค้าที่ชื่นชอบในการถ่ายรูป เก็บภาพบรรยากาศสวยๆ มุมน่ารักๆ หลากหลายให้ถ่ายภาพกันอย่างจุใจ มีที่นั่งให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor La Torta ลาทอร์ต้า บางแสน ตั้งอยู่ริมถนนเลี่ยงตลาดหนองมน ใกล้สี่แยกไฟแดง La Torta ลาทอร์ต้า บางแสน เปิดบริการตั้งแต่เวลา 9.00 น. ถึง 21.00 น.
นอกจากนี้ยังมีมุมถ่ายรูปเพียบเลยครับ
ขึ้นไปนั่งถ่ายรูปกับรถฟักทอง เด็กๆชอบกันใหญ่
ขี่จักรยานกันม่ะ
ส่วนคนนี้ Love Love นะ จุ๊บุ จุ๊บุ
มุมเก๋ๆสวยๆเพียบ ถ่ายภาพกันมันส์เลย
บริเวณร้านด้านนอก
อากาศวันที่ไปค่อนข้างร้อน นั่งด้านในแอร์เย็นๆดีกว่า
มาช่วงใกล้ Halloweens ของตกแต่งก็เข้ากับบรรยากาศดีจริงๆ
ที่นี่เค้ามีม้าไม้ให้เด็กๆขี่กันฟรีด้วยนะ สนุกกันใหญ่เลย
ดื่มชาเย็นๆก่อนนะ
แปปเดียวอาหารก็มาเต็มโต๊ะเลย
มาดูจานแรกเลย ไก่ย่างจิ้มแจ่ว มีดีที่ไก่รสชาติเข้มข้น หมักเข้าเนื้อ เด็กๆชอบกันมากเลย น้ำจิ้มแจ่วที่นี่ก็รสชาติดีกลมกล่อมไม่ได้มีแค่รสเผ็ดเค็มเท่านั้น แต่รสชาติออกหวานหน่อยๆอร่อยเลยจ้า
ข้าวผัดปลาสลิด ตัวข้าวผัดมีรสเผ็ดเล็กน้อย ผัดกับปลาสลิดทอดกรอบเนื้อฟูๆ แต่ผมว่าตัวข้าวผัดรสชาติอ่อนไปนิด ราดพริกน้ำปลาอีกหน่อยอร่อยเด็ดเลยครับ
อีกหนึ่งเมนูแนะนำของร้าน ลา ทอร์ตา ถือเป็นเมนูเด็ดสำหรับผมเลย ส้มตำทะเลมะพร้าวอ่อน ด้วยรสชาติส้มตำที่จัดจ้าน ครบรส เผ็ดกำลังดีตามมาตรฐานคนไทย แถมใส่เนื้อมะพร้ามตักเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่กุ้ง และหอยแครง กลายเป็นเมนูเด่นที่สั่งกันแทบทุกโต๊ะเลยละครับ
อิ่มกันแล้ว เดินออกมาให้อาหารปลาด้วยขวดนมด้านหน้าได้ด้วยนะครับ (เพิ่งรู้ว่าปลาคาร์ฟดูดขวดนมเป็นด้วย Amazing มาก)
เดินทางไปเที่ยวกันต่อ จุดหมายต่อมาคือ Aquarium ในเมืองบางแสน กับ สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
เดินเข้ามาจะสะดุดตากับโครงกระดูกปลาวาฬอันใหญ่ก่อนเลย
แนะนำให้เดินขึ้นไปชมนิทรรศการบนชั้น 2 กันก่อนนะครับ โซนนี้เข้าชมฟรีนะครับ
มีการอธิบายความรู้เรื่องระบบนิเวศน์ทางทะเล และความรู้เรื่องสัตว์น้ำมากมายเลยทีเดียว
ส่วน Aquarium ต้องซื้อบัตรเข้าชมนะครับ บัตรก็ไม่แพงครับ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 40 บาท เทียบกับปลาที่แสดงใน Aquarium และความใหม่สะอาดที่ดูแลอย่างดี ถือว่าคุ้มค่ามากเลยครับ
มาชมด้านในกันเลย จะเริ่มจากปลาในตู้เล็กๆแยกตามประเภทของปลาก่อน
เจอตู้นี้ปุ๊บ เด็กๆตะโกน นีโมๆ กันใหญ่
ปลาแปลกๆเยอะมาก
น้องกายตื่นตาตื่นใจกับปลาแปลกๆพวกนี้ใหญ่เลย
ม้าน้ำกับปะการังสวยๆ
ปลาไหลแกงค์นี้ลายชวนขนลุกทีเดียว
เดินมาเรื่อยๆจะเดินกับตู้ปลาใหญ่ของที่นี่ มีปลาหลากหลายมาก ทั้งปลาเก๋า ปลาทูน่า ที่เจ๋งมาก คือ พวกฉลาม และปลากระเบนครับ
ครอบครัวเราสนุกกันใหญ่เลย
ทุกๆวันจะมีการแสดงโชว์การให้อาหารปลาด้วย
จะมีคนใส่ชุดดำน้ำลงไปให้อาหารปลาต่างๆกับมือเลย
ถือเป็นอีกไฉไลท์ที่เด็กๆชอบใจกันมากเลย
หลายวันก่อนได้ยินข่าวว่าทาง “ตราช้าง” โดยทาง SCG ได้มีโครงการส่งมอบ “A Place We Stand Showcase @บางแสน” กับ 3 สถาปัตยกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ให้แก่ชุมชนเทศบาลเมืองแสนสุข ผลงานการออกแบบของ 3 สถาปนิกชั้นนำของไทย
ดูปลากันเสร็จเลยแวะมาเที่ยวที่นี่ดูซะเลย
ห้องสมุด “Live for Reading Room” “หายไป” คือให้แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างกลมกลืน ที่ทุกคนสามารถมาหาความรู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ตลอดทั้งวัน
สามารถได้ยินเสียงทะเล มองเห็นร่มเงาของต้นไม้ และสัมผัสสายลมเย็น จึงใช้แผ่นโปร่งแสง ตราช้าง มาทำเป็นหลังคาและผนัง เพื่อให้แสงธรรมชาติกระจายได้ทุกทิศทาง ทำให้ไม่เสียสายตา และยังช่วยประหยัดพลังงาน
มีหนังสือดีๆให้นั่งอ่านหลายเล่มเลย
มาใช้เวลาอ่านนิทานรับลมทะเลก็ไม่เลวครับ
ศาลาอเนกประสงค์ “The Flow” ศาลาอเนกประสงค์ที่ให้ทุกความสุขมีพื้นที่ของตัวเอง แผ่นพื้นถูกพับยกขึ้นคล้ายกระดาษพับ เพื่อเปิดเป็นพื้นที่ไหลเลื่อนสำหรับกิจกรรมที่หลากหลาย ส่วนหลังคาใช้แผ่นโปร่งแสง และ แผ่นสมาร์ทบอร์ด ยูนิตย่อมๆ มาซ้อนกันเป็นชั้นๆ ให้บังเงากันเองและมีช่องว่างระหว่างแผ่นให้ลมพัดเอาความร้อนไหลระบายออกไปโดยเร็ว ทั้งยังได้แสงรำไรเป็นการให้ร่มเงาแบบเดียวกับร่มเงาของต้นไม้ใหญ่
พวกเราสามารถนั่งชมวิว หรือเป็นอัฒจันทร์ เป็นเวทีขนาดย่อม พื้นบางส่วน ถูกยกฉีกขึ้น กลายเป็นโต๊ะ และที่นั่งสำหรับกิจกรรมต่างๆ เป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับชุมชนดีๆนี่เอง
รับเล่นนอนเล่นชมวิวทะเล เพลิดเพลินกันไป
สนามผู้ใหญ่เล่น “The Labyrinth” สนามเด็กเล่นที่ผู้ใหญ่ก็เล่นได้
คือแนวคิดในการออกแบบให้เด็กและผู้ใหญ่ได้ออกกำลังกายร่วมกัน พร้อมซึมซับบรรยากาศธรรมชาติในคราวเดียว โครงสร้างคอนกรีตจึงเน้นการใช้ ปูนโครงสร้างที่แข็งแกร่งของตราช้าง นำมาผสมสีแดงลงในเนื้อปูน และหล่อในที่ มั่นใจในความแข็งแรง ปลอดภัย ทางเดินและบันไดสร้างขึ้นมาเป็นโมดูลาร์ (Modular) เชื่อมต่อกัน ถ้าเดินครบ 1 รอบ จะเผาผลาญได้ 10 แคลอรี่ อาคารนี้จึงมีชื่อเล่นว่า “10 แคลอรี่ทาวเวอร์”
เด็กๆวิ่งเล่นกันสนุกเลย
ใครเห็นน้องเกรซบ้างจ๊ะ ผมวิ่งไล่จับไม่ทัน
ด้านบนยังมีวิวทะเลหาดบางแสนที่สวยงามอีกด้วย
ใกล้ๆกันก็มีสนามเด็กเล่น น่าเล่นทีเดียว
เห็นแบบนี้ น้องเกรซน้องกายก็อดใจไม่ไหวหละครับ
จบแล้วครับ กับทริปสบายๆที่บางแสน ลองพาเด็กๆและครอบครัวไปเที่ยวกันดูนะครับ วันนี้ลาไปก่อนแล้ว บะบายนะ
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป