ครอบครัวเราชอบเดินทางมาเที่ยวจังหวัดสุโขทัยมาก โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เคยมาเที่ยวงานเผาเทียนเล่นไฟลอยกระทงและเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์มาแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 เราจึงขอเที่ยวสุโขทัยแนวใหม่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักบ้าง
2 คืนในสุโขทัย ระยะเวลาสั้นๆที่ทุกครอบครัวสามารถออกท่องเที่ยวได้ในสุดสัปดาห์ศุกร์เสารอาทิตย์โดยไม่จำเป็นต้องลางานลาเรียน เราจะพาเด็กๆไปพิมพ์พระ ฝึกยิงธนูโบราณ ปั่นจักรยานเที่ยวเล่นชมไดโนเสาร์และเจดีย์สวยๆ เรียนรู้เชิงเกษตรกับเมืองที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย ขี่ควาย ดำนาให้รู้ถึงคุณค่าของข้าวไทย ทั้งหมดนี้คือความสนุกที่รอคอยอยู่ ตามไปชมรีวิวกันครับ
เที่ยวสุโขทัยครั้งก่อน
สองคุณนายพาแอ่วเหนือ โลกหมุนด้วยความรัก : ตอนที่ 2 : แอ่วเมืองเก่า ลอยกระทง ชมพลุที่สุโขทัย
http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10018375/E10018375.html
เที่ยวสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย : บินดี อยู่ดี ไปสบายๆไม่ต้องวางแผน
http://www.2madames.com/sukhothai/
เพื่ออรรถรส เชิญรับชมคลิปเที่ยวครั้งนี้กันนะ
วิธีการเดินทางไปจังหวัดสุโขทัยที่สะดวกสบายมากที่สุด คือการเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยใช้เวลาเดินทางแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงก็สามารถไปถึงภาคเหนือตอนล่างภาคกลางตอนบนอย่างสุโขทัยได้อย่างรวดเร็ว
เราเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็มาเช็คอินที่เคาน์เตอร์กันก่อน หากใครที่เดินทางแบบ Blue Ribbon Class ก็สามารถเช็คอินที่ช่องพิเศษที่มีพรมสีน้ำเงินได้เลย
บูลริบบอนคลับ Blue Ribbon Club คืออะไร?
เป็นบริการสุดพิเศษจากสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส Bangkok Airways ซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น
Blue Ribbon Club Check-in สามารถเช็คอินที่แถวพิเศษ ไม่ต้องรอคิวนาน, มีห้องรับรองหรือเล้าจน์พิเศษชั้นธุรกิจ, น้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม, บริการ VIP Tag รับกระเป๋าก่อนใคร
ซึ่งปกติจะเป็นบริการการซื้อตั๋วโดยสารแบบชั้นธุรกิจครับ
ชมรีวิว Blue Ribbon Club แบบฉบับเต็ม http://www.2madames.com/blue-ribbon-club-lounge-bangkok-airways/
เช็คอินโหลดกระเป๋ากันแล้วก็มาที่เลาจน์หรือห้องรับรองกันเลยนะ แวะถ่ายรูปกับพี่หมีกันก่อนนะ
เลาจน์หรือห้องรับรองของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สอยู่บริเวณ โซน A ชั้น 2 (ตรงข้ามประตู A3)
ข้อดีของการนั่งห้องรับรองคือจะมีไลน์อาหารและเครื่องดื่มให้นั่งทานกันฟรีๆ ไม่อั้นเลย
แถมยังมีอาหารร้อนเสิร์ฟด้วย เกี๊ยวกุ้งตัวใหญ่ๆ น้ำซุปร้อนๆ ฟินเว่อร์
มีขนมจีบ ติ่มซำ และห้ามพลาดกับข้าวต้มมัดแสนอร่อยในตำนานด้วยนะ
คือมานั่งในเลาจน์แบบนี้บอกเลยว่าอิ่มจริงจังมากครับ
มีมุมให้ใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วย
อิ่มแล้วมานอนสบายๆ Relax กันต่อบนเก้าอี้นวด น้องเกรซชอบมา เพลินเลยละ
ได้เวลาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว Blue Ribbon ได้สิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อนคนอื่นด้วยนะ
เราจองอาหารสำหรับเด็ก Child Meal มาล่วงหน้าให้น้องเกรซน้องกายด้วย แหม… เค้กหน้าตาน่าทานเชียว
ส่วนอาหารของผู้ใหญ่ วันนี้เค้าเสิร์ฟพะแนงไก่ครับ แต่ยอมรับตรงๆว่ากินไม่ไหวแล้ว อิ่มตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องเรียบร้อย
ลงเครื่องมาก็มีรถรางมารับที่เครื่องบินเลย
รับกระเป๋าเสร็จก็เดินมารับรถเช่าของ EDDY Rent a car เป็นเคาน์เตอร์รถเช่าที่รับรถได้ที่สนามบินสุโขทัยเลย ค่าเช่ารถเก๋งประมาณวันละ 990 บาทครับ
ที่พักของทริปนี้เราพักกันที่โรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจ รีสอร์ท (Sukhothai Heritage Resort) โรงแรมนี้สวยดีนะ
ห้องพักสะอาดเรียบร้อยดีครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามาเที่ยวกันที่หอศิลปะ พระพิมพ์ บ้านเชตุพน กันครับ
ด้านในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการเล็กๆที่บอกเล่าเรื่องราวของการพิมพ์พระ รวมทั้งจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้โบราณของชาวสุโขทัยเอาไว้
คุณณรงค์ชัย เจ้าของที่นี่เป็นคนดูแลพวกเรา เค้าจะสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆได้เป็นฉากๆเลย เป็นเรื่องราวที่สนุกสนานและน่าสนใจมากๆ
เราทำการจอง Workshop พิมพ์พระเอาไว้ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาทต่อหนึ่งชุด
โดยแต่ละชุดจะมีขนมโบราณและเครื่องดื่มสมุนไพรเย็นๆ พร้อมกับชุดพิมพ์พระไว้ให้
ในใบตองที่ห่อไว้จะมีดินเหนียว เราก็เริ่มจากการนวดดินกันก่อน
พอนวดดินเหนียวเสร็จก็นำดินอัดไปในแม่พิมพ์ที่เค้าเตรียมไว้ให้ จากนั้นก็เอาไม้ปาดหน้าให้เรียบอีกที
จากนั้นก็สามารถเขียนชื่อตัวเราลงไปหลังพระก่อนจะนำไปอบ ซึ่งเค้าจะนำไปให้เราที่โรงแรมที่พัก หรือจะจัดส่งไปรษณีย์ส่งไปให้ที่บ้านในวันรุ่งขึ้นครับ
มาที่นี่ เด็กๆยังมีโอกาสได้ฝึกยิงธนูโบราณด้วย
น้องเกรซน้องกายเห็นเค้าเลี้ยงนกเขาไว้ ก็ช่างสักช่างถาม จนพี่ณรงค์ชัยเลยจัดบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการจับนกเขาด้วยการใช้นางนกต่อล่อ สาธิตเครื่องมือจับนกให้ชมอีกแน่ะ ทำเอาเด็กๆและพวกเราถูกใจมากๆ
หลังจากทำกิจกรรมเสร็จ พวกเราแวะมาทานอาหารที่ร้านไม้กลางกรุง ร้านนี้เคยมาทานแล้วครั้งนึง ด้วยความที่ติดใจรสชาติอาหารเลยกลับมาอุดหนุนหันอีกครั้ง
แน่นอนว่าต้องไม่พลาดที่จะสั่ง ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย มาทานกันเหมือนเคย ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยจะมีรสออกหวาน ถ้าใครไม่ทานหวานอาจไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่
จานนี้เป็นข้าวผัดกุ้งไม่ใส่ผัก สีเลยดูจืดสนิท แถมกุ้งก็ถูกกลบอยู่ด้านๆล่างหมด รสชาติผัดมาได้หอมไข่มากๆ เด็กๆชอบทีเดียว อีกอย่างนึงที่ชอบของร้านนี้คือการใช้ใบตองจัดจานมาดูสวยงามเชียว
ทีเด็ดอีกอย่างของร้านนี้ที่ต้องสั่งกันแทบทุกโต๊ะก็คือ ข้าวเกรียบปากหม้อสีดอกอัญชัญสวยๆดูน่าทาน ที่เค้าเพิ่มความอร่อยด้วยการราดน้ำกะทิรสออกหวานมาอีกที
ทานข้าวแบบยั้งๆให้แค่พออิ่ม เสร็จแล้วลุยหาของหวานทานต่อที่ร้านหงส์ รามา ทีรูม แอนด์ เรสเตอรองค์ ที่นี่เป็นโรงแรมเล็กๆใจกลางเมืองและมีร้านกาแฟอยู่ด้านล่าง ร้านกาแฟก็ตกแต่งน่ารัก เรียบง่ายเป็นปูนเปลือยสลับไม้ ออกแนววินเทจอยู่หน่อยๆ
เด็กๆชอบมุมนี้มาก กอดรัดฟัดเหวี่ยงพี่หมีกันนานเลย
ของหวานมีให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ พวกเราเลยลองสั่ง บลูเบอร์รี่ชีสพายมาทาน ตัวพายออกแนวหนึบๆ ชีสก็เปรี้ยวหอมหวานกำลังดี ส่วนบลูเบอร์รี่ก็ราดมาซะล้นเลย อันนี้จัดว่าอร่อยใช้ได้เลย
ลองสั่งฮั่นนี่ โทสต์มาอีกอย่าง ชอบที่เค้าเจาะเอาขนมปังออกมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ทาเนยแล้วค่อยเอาไปอบ ทานง่ายดี แถมขนมปังกรอบนอกนุ่มในทุกชิ้น เคียงมาด้วยผลไม้เพียบเลยทั้งกล้วยหอม กีวี แอ๊ปเปิ้ลเขียว ส้ม และไอศกรีมอีก 2 สกูป อาจไม่อร่อยเข้าขั้นเจ้าดังที่กรุงเทพ แต่พวกเราว่าพอได้จ้า
เดิมทีเราตั้งใจจะไปเที่ยวหาดเจ้าราม แล้วชมถ้ำค้างคาวกัน แต่ว่าฝนดันตกทั้งวันเลย คนท้องถิ่นก็เตือนว่าถ้าไปอาจจะไม่ได้ชมนะ เพราะค้างคาวมันก็ไม่ชอบฝนเหมือนกัน
ได้ฟังอย่างนั้นก็เลยเปลี่ยนแผนครับ กลับมาที่พักแทน ซึ่งที่โรงแรมเค้าก็มีจักรยานให้ยืมปั่นฟรี น้องเกรซที่เพิ่งขี่จักรยานสองล้อเป็นก็เลยชักชวนให้ออกไปปั่นจักรยานเล่นกัน
ต้องบอกก่อนเลยว่าเนื่องจากโรงแรมสุโขทัย เฮอริเทจที่เราพัก อยู่ในพื้นที่เดียวกับสนามบินสุโขทัยเลย ซึ่งสนามบินสุโขทัยเค้าจะทำเลนจักรยานให้พวกเราได้ปั่นไปเที่ยวสถานที่ต่างๆในบริเวณนี้ได้
แวะจุดแรกก่อนเลย พระพุทธปฏิมาเมตตาทันใจสุขโข
ศาลพระพรหม
วัดจีนก็มีครับ แต่น่าเสียดายที่จะเปิดให้เข้าชมแค่ช่วงเช้า
มีไดโนเสาร์กับเจดีย์สวยๆด้วย
ตรงนี้น้องกายชอบเป็นพิเศษเลย
คิงคองก็มีนะ
ขี่ไปเรื่อยๆ มีสวนสัตว์ให้ชมด้วยนะ
หนูยักษ์และจิงโจ้ก็มี เด็กๆชอบกันใหญ่เลย
รุ่งเช้าวันใหม่ เรามากันที่โครงการเกษตรอินทรีย์ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมกันแต่เช้า เพราะเราได้จองโปรแกรมห้องเรียนกลางแจ้งท่องเที่ยวเชิงเกษตรของที่นี่ไว้ครึ่งวัน
เข้ามาก็เจอกับกระดานที่เขียนภาษาท้องถิ่นสุโขทัยไว้ น่าสนใจดีครับ
มีตู้ปลาจัดแสดงไว้ น้องเกรซน้องกายตื่นตาตื่นใจกันใหญ่
เปลี่ยนชุดม่อฮ่อมเป็นชาวนาอย่างเต็มตัว แล้วนั่งรถอีแต๋นทัวร์โครงการเกษตรอินทรีย์กัน
แวะถ่ายภาพกันนะ
บึงบัวมีหงส์อยู่ด้วย
เที่ยวแปลงผักกัน
ลูกฟักข้าวสวยมาก
นั่งโซฟาในเมืองมาเยอะแล้ว มานั่งโซฟาฟางข้าวกันบ้าง
เดินเที่ยวชมนิทรรศการบ้านเราที่ให้ความรู้เรื่องข้าว
คุณนายแอนลองสีข้าวด้วยเครื่องมือดั้งเดิม
น้องเกรซสนุกกับการคัดแยกเมล็ดข้าว
พร้อมจะไปทำนากันแล้ว
น้องกายสนุกมาก
ไม่เคยเห็นคุณนายแอนในลุคนี้เลย
น้องกายได้เรียนรู้ว่าชาวนาต้องทำอย่างไรกว่าจะได้ข้าวมาสักเม็ด รู้จักคุณค่าของอาหารมากขึ้นด้วย
มีตลาดกลางนาด้วยนะ
แล้วพาเด็กๆมาขี่ควายกันต่อ
ใครสนใจจะเที่ยวโครงการเกษตรอินทรีย์ก็ดูรายละเอียดและติดต่อได้ที่นี่ครับ http://www.kaohomsukhothai.in.th/way2.htm
ร่วมกิจกรรมเสร็จมาเหนื่อยๆ ก่อนเริ่มทานข้าวกัน เค้าเสิร์ฟน้ำใบข้าวคลอโรฟิลให้ดื่มให้ชื่นใจกันก่อน ผมว่าอร่อยได้ประโยชน์ดีนะ กลิ่นจะออกเขียวๆจากยอดต้นอ่อนข้าวสักเล็กน้อย มีเติมน้ำหวานนิดๆเพื่อให้ทานได้อร่อยขึ้น
ส่วนอาหารนี่เสิร์ฟแบบจัดเต็มมาก สำหรับครอบครัวเราเรียกว่าเยอะเกินไปหน่อยนะ ทานไม่หมดจริงๆ มีทั้งน้ำพริกมะขามทานกับผักสดๆ แกงส้มดอกโสน ยำผักน้ำ หมูทอด ผัดกะเพราใส่ไหลบัว ขาหมูหมั่นโถว และไข่เจียว และที่ชอบมากๆคือข้าวที่เสิร์ฟใช้ข้าวกล้องที่ปลูกในโครงการฯด้วย เสิร์ฟมาทั้งสามสีเลย
ก่อนบินกลับไฟลท์เย็น พวกเราตั้งใจไปทานร้านหมูตกครก ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆสนามบิน ร้านนี้เปิดถึงแค่ 5 โมงเย็น ด้วยความที่กลัวอาหารหมดเพราะจะไปทานช่วงเวลาใกล้ๆปิดร้าน เลยโทรไปจองเมนูเด็ดเค้าไปก่อนทั้ง หมูตกครก และไก่อบโอ่ง คือโชคดีมากที่โทรจอง เพราะโต๊ะที่เข้าร้านมาพร้อมๆกันสั่งสองเมนูนี้ไม่ได้จ้า ร้านแจ้งว่าของหมด
ไก่อบโอ่ง หน้าตาแบบนี้ผิวดูฉ่ำย่างมาสีสวย ที่สำคัญหอมฟืนและเนื้อไก่นุ่มมาก ชอบสุดๆ ถ้ามาแล้วไม่ได้ทานเสียใจแย่เลย
หมูตกครก แน่นอนว่ารสชาติเด็ดแน่เพราะเป็นชื่อร้านเค้าเลย หมูเค้าหมักดีและนุ่มมาก เดาว่าอบในโอ่งเหมือนกันเพราะมีความหอมฟืนเบาๆ ร้านเค้าเอาหมูอบมาหั่นแล้วเอามาตำเหมือนส้มตำเลย เด็ดจริงๆ
สั่งยำวุ้นเส้นอีกจาน เมนูนี้ไม่ค่อยปลื้ม เพราะเป็นยำวุ้นเส้นที่ใส่ผักมามั่วไปหมด เสียอรรถรสไปเยอะเลย แต่รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด นี่ใช้ได้อยู่จ้า
มาถึงสนามบิน ระหว่างนั่งรอขึ้นเครื่อง ก็ดื่มเครื่องดื่มและทานขนมกันพอกรุบกริบตามเคย
และแล้วก็จบทริปเที่ยวสุโขทัยแนวใหม่ไปอย่างสมบูรณ์ ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนนะ วันนี้ลากันไปก่อนแล้ว บะบายยย
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป