เปปปุ Beppu เมืองหลวงแห่งการแช่ออนเซ็น เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เราจะพาทุกท่านไปทัวร์บ่อนรก 8 บ่อ มีทั้งบ่อสีสันสวยๆ บ่อโคลน บ่อเลือด ถือเป็นมหัศจรรย์ธรรมชาติที่น่าทึ่งของเมืองนี้ นอกจากนี้เราจะพาทุกท่านไปอบทรายร้อนริมทะเล แช่ออนเซ็นเพื่อสุขภาพ รวมทั้งตะเวนกินของอร่อยทั่วเมืองกัน จะสนุกแค่ไหน ตามไปชมรีวิวกันนะครับ
ความเดิมตอนที่แล้ว
ภาพรวมของทริป —> http://www.2madames.com/kyushu-japan-family-trip-travel-by-car/
เที่ยว Fukuoka —> http://www.2madames.com/fukuoka-dining-travel-shopping-with-family/
เที่ยว Saga —> http://www.2madames.com/saga-karatsu-hizenyumekaido-yutoku-inari-kyushu-japan/
Huis Ten Bosch —> http://www.2madames.com/huis-ten-bosch-watermark-hotel/
เที่ยว Nagasaki —> http://www.2madames.com/nagasaki-kyushu-japan/
เราเดินทางออกจาก Nagasaki ท่ามกลางข่าวพายุที่กำลังเข้าถล่มเกาะคิวชู สภาพท้องฟ้ามืดครึ้มตลอดวัน มีฝนตกด้วย
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดี น่าแปลกใจที่ในเมือง Beppu เต็มไปด้วยความเงียบเหงา ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารในเขตเมืองก็พากันหยุดตอนกลางวันทั้งนั้น ผมพาครอบครัวหาอะไรทาน เดินมาเจอร้านข้าวหน้าปลาไหลร้านนี้เข้า
หิวแล้วหละ ต้องลองทานข้าวหน้าปลาไหลซะหน่อย ร้านนี้เค้าย่างกันสดๆ เสิร์ฟกันร้อนๆ อร่อยมากครับ
ส่วนภรรยาสั่งข้าวหน้าหมูทอดครับ
เด็กๆทานอุด้งเทมปุระ
สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยแก่การท่องเที่ยว เราจึงเข้า Check-in ที่เรียวกังที่เราจองไว้ดีกว่า
เรียวกังที่พักของพวกเราที่ Beppu ชื่อว่า Nogamihonkan Ryokan ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่นักเดินทางชาวไทย เนื่องจากที่นี่เป็นเรียวกังที่ราคาไม่ได้แพงจนเกินไป แถมยังมีห้องให้เลือกทั้งห้องแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมและห้องแบบตะวันตก
ทั้งยังมีตู้บริการชาและน้ำดื่มให้กดกันฟรีๆ มีพื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง สามารถออกมานั่ง Relax พร้อมหนังสือการ์ตูนก็ยังได้
จุดเด่นที่สุดของ Nogamihonkan Ryokan คือมีบริการออนเซ็นทั้งบ่อสาธารณะแยกชายหญิง และห้องออนเซ็นส่วนตัวฟรีให้กับแขกที่มาพัก ซึ่งห้องส่วนตัวมีให้เลือกถึง 3 แบบเลยครับ (ยังทดลองแช่ตัวไม่ครบทุกห้องเลย)
หลังจากเปรียบเทียบราคาที่พักที่นี่จากทุกเว็บไม่ว่าจะเป็น Agoda, Booking.com สุดท้ายจองด้วย http://thailand.airasiago.com/ เพราะได้เรทต่อคืนถูกที่สุดตอนที่กำลังจะจอง ด้วยราคาแค่ 1,315 บาทต่อคืนสำหรับห้องตะวันตก และ 1,990 บาทต่อคืน สำหรับห้องญี่ปุ่น ไม่รวมอาหารเช้า ถ้าต้องการเพิ่มอาหารเช้าก็เพิ่มคนละ 1,070 เยน (ประมาณ 300 บาทต่อคน)
จากประสบการณ์ที่เข้าพัก ผมว่า Nogamihonkan Ryokan ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในการเข้าพักที่ Beppu ห้องพักกว้างและสะอาด แถมมีบริการออนเซ็นฟรีด้วย ราคาไม่ถึง 2 พันต่อคืน เรียกว่าคุ้มไม่รู้จะคุ้มยังไง
ห้องพักแบบ Western
ที่ Relax หน้าห้องพร้อมหนังสือการ์ตูนให้อ่านเล่นเพียบ
ห้องพักแบบญี่ปุ่น
มีห้องขับถ่ายส่วนตัว แต่ห้องอาบน้ำต้องอาบน้ำรวมนะครับ
ห้องออนเซ็นส่วนตัวฟรี ห้องนี้เป็นแบบที่ 1 ครับ (ทั้งหมดมี 3 ห้อง)
ที่เปลี่ยนชุด มีบริการไดร์เป่าผม โลชั่นต่างๆพร้อมครับ
มาถึงเปปปุทั้งที ต้องแช่ออนเซ็นสิเนอะ
คนไทยเราซึ่งไม่ชินกับการแช่น้ำร้อนแบบคนญี่ปุ่น หลายคนไปเที่ยวแล้วที่อาบน้ำเป็นที่อาบน้ำรวม โดยเฉพาะออนเซ็น (โรงแรมบางโรงแรมก็เป็นห้องน้ำอาบน้ำรวม แต่อาจจะมีห้องอาบน้ำแยกให้ก็ดีไป)
ผมมีเกล็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับการแช่น้ำ (Onsen) ที่เราควรรู้จักมารยาท ไม่ให้คนญี่ปุ่นส่งสายตามามองด้วยความเหยียดหยามมาฝากกัน
1.) ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวเข้ามาในห้องอาบน้ำรวม เขาจะมีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ให้เราถอดเสื้อผ้าเก็บไว้ในตะกร้าใส่ผ้า หรือในล็อคเกอร์(แล้วแต่ที่) ถอดทั้งหมดไม่เหลืออะไรเลย คนญี่ปุ่นจะนำเฉพาะผ้าผืนเล็กๆเข้าไป ก็ใช้ขัดขี้ไคลเวลาอาบน้ำ หรือเช็ดหน้าเวลาแช่น้ำร้อนแล้วเหงื่อออก ก็แล้วแต่จุดประสงค์ของแต่ละคน แต่ในปัจจุบันสาวๆญี่ปุ่นก็อายเหมือนกัน ถึงแม้จะอาบรวมกับผู้หญิงด้วยกัน ก็จะนำผ้าผืนเล็กขนาดผ้าเช็ดผมปิดร่างกายส่วนบนและส่วนล่างเวลาเดินเข้าในห้องอาบน้ำรวม หรือเดินจากก๊อกอาบน้ำไปอ่างน้ำแร่
2.) เป็นเรื่องของการชำระล้างร่างกายก่อนจะลงที่อาบน้ำรวม เขาจะมีก๊อกน้ำหรือฝักบัวเรียงเป็นแถว มีเก้าอี้ตัวเล็กๆ (เหมือนที่นั่งไว้ซักผ้าสมัยก่อน) ให้เรานั่งอาบชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อน นอกจากนี้ยังเป็นการปรับอุณหภูมิร่างกายให้เตรียมรับกับความร้อนของอุณหภูมิน้ำของน้ำแร่ที่ร้อนระดับ 37-42 องศาเซลเซียส
3.) ไม่ส่งเสียงดังรบกวนแขกผู้อื่น และไม่ดื่มสุราก่อนเข้ามาแช่น้ำร้อน อาจทำให้เสียชีวิตได้
4.) การลงแช่น้ำร้อนนั้น ควรจะค่อยๆเอาร่างกายลงทีละส่วน โดยเอาขาลงไปก่อน แล้วนั่งแช่โดยนั่งให้ตัวอยู่บนขอบอ่าง แล้วแช่เฉพาะขา เพื่อให้ร่างกายค่อยๆปรับตัว แล้วค่อยๆหย่อนตัวลง ถ้ามีขั้นบันไดในอ่างให้นั่งบนขั้นบันไดก่อน เพื่อให้ร่างกายช่วงล่างปรับตัวกับความร้อน เมื่อรู้สึกชินแล้วจึงลงไปนั่งกับพื้นอ่าง เท่านี้คุณก็จะรู้สึกสบาย หรือที่พูดเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “Kimochi ii”
5.) หลังจากที่ขึ้นจากการแช่น้ำร้อนแล้ว บางคนก็ว่าไม่ควรจะล้างตัวเพราะจะทำให้ร่างกายเสียอุณหภูมิ แต่สำหรับบางคนที่ผิวบาง น้ำแร่ที่มีแร่ธาตุบางอย่างอาจจะทำให้ผิวแพ้ได้ ก็ล้างตัวได้ แต่ควรปรับให้อุณหภูมิของฝักบัวใกล้เคียงกับน้ำที่แช่ หลังจากนั้นก็ใช้น้ำเย็นราดขา จะช่วยป้องกันอาการเท้าเย็นได้
รู้ธรรมเนียมกันแล้ว อย่าลืมนำไปใช้ในถูกต้องกันนะครับ
ส่วนบ่อนี้เป็นบ่อที่สองครับ
มีตู้กดชาให้กดฟรีครับ เลือกได้หมดว่าจะเอาชาเขียว ชาฝรั่ง ชาญี่ปุ่น
มื้อเย็น ขับรถหาอะไรทานกันครับ สะดุดตากับร้านเกี้ยวซ่าอันนี้ ชื่อร้าน Osaka Ohsho
จัดราเมงมา 1 ชุดครับ
เกี้ยวซ่าเค้าว่าเค้าคือ No.1 ผมชิมแล้ว อร่อยดีครับ กรอบนอกนุ่มใน ใช้ได้ๆ
วันนี้ทั้งวัน หมดวันไปกับการเดินทางและสายฝนเลยทีเดียว
เดินเล่นสำรวจห้างญี่ปุ่น Youme กันดีกว่าครับ ที่ชอบมากๆคือพวกรถเข็นที่ทำให้เด็กๆนั่งแบบนี้แหละที่ทำให้เด็กๆยอมนั่งไปกับเรา จะได้ไม่ต้องวิ่งไล่จับ
แบบรถ 2 ตอนก็มีนะ เมื่อไหร่เมืองไทยจะมีแบบนี้ซะเสียเน้อ
พวกปลาดิบ และซูชิในภาพเนี่ย ผมไปเดินซื้อตาม Supermarket ตอนก่อนห้างจะปิดสัก 1 ชั่วโมงครับ อาหารเหล่านี้จะลดครึ่งราคา หรือบางครั้งจะเจอปลาแซลมอนลายสวยๆ (รสชาติอร่อยกว่า Zen หรือ Fuji) ปลาชิ้นโตให้เยอะๆหลายๆชิ้น มาในราคาแค่ 50 บาท (150 เยน) ย้ำว่า 50 บาทเท่านั้น ไม่ได้อ่านผิดนะครับ
หรือจะเป็นซูชิรวมที่เมืองไทยราคาหลายร้อยบาท คุณจะทานได้ในราคาประมาณ 100-120 บาท โอ้ว… อร่อยด้วย ประหยัดด้วย
ทั้งนี้อาหารเหล่านี้คุณภาพก็ไม่แย่นะ พวกปลาดิบอร่อยกว่าเมืองไทยอีกครับ เหตุผลที่ถูกก็เพราะห้างที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความสดใหม่ของอาหาร เค้าจะไม่เก็บข้ามวัน ไม่หมดก็ทิ้ง ก่อนจะปิดห้าง เค้าเลยลดราคาพิเศษแบบถูกเหลือเขื่อเลยทีเดียว
เมืองเปปปุ เป็นเมืองขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อนครับ เป็นแหล่งแช่ออนเซ็นระดับต้นๆของญี่ปุ่น ใครที่มาเมืองนี้ จะพลาดการทัวร์บ่อนรก 8 บ่อ (Jigoku Meguri) อันเลื่องลือไม่ได้เลยนะครับ
ราคาค่าทัวร์ เหมา 8 บ่อ ผู้ใหญ่ 2,100 เยน ถ้าแยกเข้าจะอยู่บ่อละ 400 เยนครับ
6 บ่อแรกจะอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปเที่ยวได้ ในเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงจะทั่วนะครับ ส่วนอีก 2 บ่ออยู่ห่างไปหลายกิโลเมตร ต้องขับรถหรือนั่งรถเมล์ต่อไป
หลังจากซื้อบัตรเหมา 8 บ่อมาแล้ว ก็เริ่มเที่ยวบ่อแรกกันเลย
Umi Jigoku เป็นบ่อน้ำร้อนสีน้ำทะเลครับ สีมันฟ้าสว่างๆสวยมากครับ ซึ่งสีฟ้าสวยๆที่เห็นเกิดจากธาตุซิลิกอนออกไซค์ที่มีอยู่จำนวนมากในบริเวณนี้
ใกล้ๆกันก็มีเสาโทริอิแดงๆให้ถ่ายภาพกัน
อย่าลืมชิมไข่ต้มจากแหล่งน้ำร้อนธรรมชาตินะครับ ใส่เกลือไปนิดหน่อยอร่อยใช้ได้เลยหละ
และของเด็ดอีกอย่างคือ Jigoku Mushi Yaki Pudding ซึ่งพิเศษตรงใช้ไอร้อนจากน้ำพุในการทำด้วย อร่อยไม่น้อยนะ
แต่ละบ่อจะมีที่ให้แสตมป์ตราที่ระลึกว่ามาเยือนแล้วด้วย
ใบบัวที่นี่แข็งแรงมาก ขนาดที่ว่าเด็กๆสามารถลงไปยืนได้เลยครับ
แวะแช่เท้ากันหน่อย น้ำร้อนใช้ได้เลย ใครที่มาเดินเที่ยวแล้วจะแช่เท้าอย่าลืมพกผ้าเช็ดตัวเล็กๆมาด้วยนะครับ หรือไม่งั้นสามารถซื้อได้ตรงนั้น กลับไปเป็นที่ระลึกได้จ้า
บ่อที่ 2 Oniishibozu Jigoku เป็นบ่อโคลนเดือดครับ
บ่อที่ 3 Yama Jigoku บ่อนี้มาแปลกเป็นไอก๊าซร้อนครับ
ตรงบ่อนี้จะมีสัตว์ต่างๆให้เดินดูด้วย เช่น ฮิบโปโปเตมัส, ลิง, นกยูง, หนูยักษ์, กระต่าย และนกฟราเมงโก้ เป็นต้น
เรียกว่าบ่อนี้จะถูกใจเด็กๆเป็นพิเศษ
บ่อต่อมาชื่อว่า Kamado Jigoku
บ่อนี้มีอะไรให้ทดลองกันสนุกๆ ก็คือ เค้าว่ากันว่าให้นำบุหรี่ลองไปจี้ที่ปากบ่องควัน บุหรี่จะติดไฟขึ้นมา ทดลองดูแล้วครับ เก็บบุหรี่ที่ทิ้งของคนแถวๆนั้นมาลอง ติดไฟจริงๆนะ
บ่อน้ำร้อนบริเวณเดียวกันสีฟ้าสวยเหมือนบ่อที่ 1 เลย
มีก๊อกให้เปิดน้ำร้อนมาด้วยครับ ไม่แน่ใจว่าให้ดื่มหรือเปล่า อ่านไม่ออกอ่ะ 80 องศาแน่ะ
บริเวณนี้มีบ่อที่เปลี่ยนสีตามเวลาที่เราดูด้วยครับ แต่ตอนที่เดินผ่านเป็นสีฟ้าอ่ะ
อีกบ่อสีแดงส้มเลย
แวะแช่เท้ากันอีกรอบ บ่อนี้มีทรายด้วยนะ
บ่อต่อมา Oniyama Jigoku
บ่อนี้พิเศษตรงเลี้ยงจระเข้ไว้ให้เราดูด้วยครับ
บ่อต่อมา Shiraike Jigoku บ่อนี้เปลี่ยนสีได้เช่นเคย ผมเห็นมันเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีขาวเขียวครับ
บ่อนี้มีปลาให้ดูกัน ส่วนใหญ่จะเป็นปลาโหดๆ อย่าง ปลาปิรันย่า, ปลามังกร ฯลฯ
บ่อที่ 7 อยู่ห่างจาก 6 บ่อทั้งหมดที่เราเดินมา ต้องขับรถและนั่งรถบัสต่อไปนะครับ นั่งรถบัสก็ไม่ยากครับ ไม่ต้องกลัวครับ นั่ง Kmenoi Bus สาย 16 จากป้าย Kannawa ไปลงป้าย Chinoike Jigoku
บ่อนี้สีแดงเลือดเลยอ่ะ น่ากลัวและสวยงามในเวลาเดียวกัน
ส่วนบ่อที่ 8 บ่อสุดท้ายชื่อว่า Tasumaki Jigoku
บ่อนี้พิเศษตรงที่น้ำพุร้อนจะพุงออกมาทุก 15-20 นาที ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติจริงๆ
ได้เวลาอาหารกลางวัน คลายร้อนมาเดินห้าง Youme อีกครั้ง สะดุดตากับร้านอาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้
โปร 1,000 เยน ได้สปาเก็ตตี้ 1 จาน เครื่องดื่ม 1 ถ้วย ของหวานอีก 1 จาน คุ้มมาก ราคาถูกกว่าไทยอีก จัดไป
รสชาติใช้ได้ด้วยนะ
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าในทรายร้อนอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ทำให้ผิวพรรณสดใสและสุขภาพดี และยังสามารถรักษาโรคปวดเมื่อยได้อีกด้วย พวกเราจึงไม่พลาดที่จะอบทรายร้อน (Sand Bath) แถมด้วยบรรยากาศริมทะเลด้วย ชิลด์สุดๆไปเลย
ราคาต่อคน 1,030 เยนต่อ 15 นาที
สาวๆเปลี่ยนชุดยูกาตะรอแช่ทรายแล้ว
มันอยู่ริมทะเล นอนอบทรายไป บรรยากาศดีแท้ๆ
สืบเนื่องจากทุกคนลงไปอบทรายร้อนริมทะเลกันหมด ส่วนน้องกายยังเด็กเกินไป เลยยังลงไปอบทรายกับคนอื่นเค้าไม่ได้
น้องกายเลยยืนเกาหัวอยู่ริมบ่อทราย ทำไมต้องลงไปนอนบนทรายกันด้วยเนี่ย กายไม่เข้าใจ 555
หลังจากชีวิตวัยรุ่นสับสนอยู่พักใหญ่ หนีมาแช่เท้าดูทะเลรอดีกว่า
มื้อเย็นแวะมาร้านนี้ครับ ร้านชื่อ Toyotsune เป็นร้าน Tempura ที่ขึ้นอันดับ 2 ใน Tripadvisor ของเปปปุ ครับ
ไม่ผิดหวังอร่อยมากๆๆ
ใครไม่ทานเทมปุระก็มีอาหารชุดแบบญี่ปุ่นให้สั่งมาทานได้ครับ
สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวเพิ่มเติมที่ Beppu เช่น Aquarium, ชมลิงภูเขา ตามไปชมรีวิวของครอบครัวน้องเบลล่าได้เลยครับ
http://www.2madames.com/bljourney-beppu-fukuoka-kyushu-2/
ส่วนการเดินทางของ 2 Madames ตอนหน้าจะพาไปเที่ยว Sanrio Harmonyland สวนสนุกดินแดนของเหล่าคิตตี้กันครับ
http://www.2madames.com/sanrio-harmonyland-kitty-kyushu-japan/
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป