web analytics
เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก, อนุบา
ติดตามพวกเราบน Facebook

โยนยาวเอย…คาวกินกล้วย…เอาน้องไปด้วย…ช่วยกันโยนยาวเอย    ร้องเพลงกล่อมลูกอยู่แป๊ปๆ ลูกก็โตซะแล้วถึงเวลาที่จะต้องสรรหาโรงเรียนให้ลูกยาของแม่แล้ว งกๆเงิ่นกับการค้นคว้าหาข้อมูลโรงเรียนจากใน Internet ตระเวนดูสถานที่จริง มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเรา  จะเป็นโรงเรียนที่ใกล้บ้านที่สุด ใกล้ที่ทำงานคุณพ่อ-คุณแม่มากที่สุด ลูกจะต้องตื่นเช้า กลับค่ำสักแค่ไหน สงสารลูกจังเดินทางนานๆ กลัวเหนื่อย   แนวการเรียนการสอนของโรงเรียน เครื่องเล่นสนามของเด็กๆ(เรื่องเล็กๆแต่สำคัญไม่แพ้กัน)  และไม่ง่ายสำหรับลูกเราเช่นกันที่จะต้องพรากออกจากอกคุณแม่ไปใช้ชีวิตตามลำพังกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมาก่อน คิดแล้วคิดอีก หัวอกคนเป็นแม่ที่สุดแสนจะห่วงลูก  จะร้องไห้เยอะไหม กินข้าวได้ไหม  ได้กินน้ำหรือเปล่า  (อยากจะแยกร่าง แล้วใส่บราเรีย ไม่ให้ใครมองเห็น ติดตามลูกทุกๆฝีก้าว ) ตั้งมั่นไว้ว่า จะเลือกโรงเรียนแนวเตรียมความพร้อมให้น้องบีบี มันจะเหมาะกับเค้ามากที่สุด จึงออกตามล่าหาโรงเรียน

1-เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก-อนุบาลไหนดี-หาโรงเรียน

กว่าจะได้โรงเรียนอนุบาลที่ถูกใจคุณลูก-สบายกระเป๋าคุณพ่อก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนกันผ่านเรื่องราวมากมายมาสมควร  ย้อนไปเมื่อ ปี 2555 แฟร์กับพี่บ๊อบ ได้ทำการเลือกโรงเรียนอนุบาล(ย่านแจ้งวัฒนะ) ให้น้องบีบี ด้วยความที่ว๊าวโรงเรียนนี้  การเรียนการสอนเค้าเพอร์เฟ๊ค ได้ใจไปเต็มๆ คุณครูแจ้งว่าจองไว้เลยไหมคะ โรงเรียนของเรารับจำนวนจำกัด จะช้าอยู่ใย จองทันทีทันใดก็รักเลยนิคะ  ลูกก็ชอบ มัดจำไปแล้ว  10,000 บาท เดินตัวปลิวกลับบ้าน

วันเวลาผ่านไปเมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะต้องไปโรงเรียนและทำการจ่ายส่วนต่างๆ ถึงขั้นผงะ เมื่อโรงเรียนนั้นได้ทำการขึ้นค่าเทอมอีก จำนวนหนึ่ง(อาจจะดูไม่มาก) แต่คำนวนแล้วบีบหัวใจผู้เป็นแม่ บีบกระเป๋าผู้เป็นพ่อ และจะบีบพวกเราทั้งสามคนให้แบนเป็นกล้วยปิ้ง  ทำยังไงล่ะทีนี้ ฝืนเรียนที่นี่ได้ไหมกับค่าเทอมเช่นนี้ ได้!!  แต่คงจะเหนื่อยไม่เบา สุดท้ายยอมค่ะ  ยอมสละ 10,000 นั้นออก ฝืนให้ลูกเรียนที่นี่คงไม่ไหว  สุดแสนเสียดายงือๆ  (โรงเรียนไม่สามารถคืนมัดจำส่วนนี้ได้ค่ะ)

ดั้นด้นหาและหาโรงเรียนให้ลูกใหม่  จึงได้พบกับโรงเรียนแนวธรรมชาติสุดๆ  (ย่านดอนเมือง)   เรียนรู้จากการปฎิบัติการจริง  ปลูกผักปลอดสารพิษกินเอง   รีดนมวัว  คลุกคลีอยู่กับธรรมชาติ บรรยากาศโดยทั่วๆไปรอบโรงเรียน พอที่จะรับได้รับได้  เครืองเล่นสนามพอจะมองข้ามผ่านไปได้บ้าง เพราะ คุณพ่อชอบแนวการสอนของโรงเรียนนี้มาก  แต่เด็ดสะระตี่กว่านั้น การไปดูโรงเรียนของเรา ครูให้ชมโรงเรียนที่ …… นอกรั้วของโรงเรียน  เดินดูรอบๆๆเอาเอง (มันก็ไม่ใหญ่โตนะ ไม่กี่สิบก้าวก็รอบโรงเรียนแล้ว) ที่สำคัญ แดดร้อนเปรี้ยงๆ อุ้มลูกไปด้วย น้ำใจของครู ที่จะเปิดประตูให้เราเข้าไปหลบแดด นั้นไม่มีเลย ซึ่งคุณแม่พยายามแสดงอาการต่างให้ครูได้ทราบว่า ลูกร้อน พัดให้ลูกก็แล้ว ถามลูกว่าร้อนไหมก็แล้ว  เอ๊า ….คุณครูไม่สังเกตเด็กเลยหรือ แม้แต่น้ำใจเพียงน้อยนิดที่จะหยิบยื่นให้เด็กตัวเล็กๆ ที่ร้อนเพราะแสงแดดจะเข้าร่มไม้ชายคาโรงเรียนมิมีเชียวหรือ แฟร์กับพี่บ๊อบจึงตัดโรงเรียนนี้ออกจากรายชื่อทันที แค่นี้ยังไม่มีน้ำใจแล้ว หากน้องบีบีเรียนที่นี่จะได้รับการดูแลดีสักเท่าไรกันเชียว ช่างมัน !!

ตระเวนหากันต่อไป โรงเรียนบางแห่งเด็กต่อห้องเยอะไปบ้าง  เปิดทีวี/การ์ตูนให้เด็กดูบ้าง  ช่วงเวลาการรับประทานอาหารกลางวันของเด็กช่างดูวุ่นวายไร้ระเบียบ สัดส่วนของครูกับเด็กดูไม่สมเหตสมผล บริเวณรอบๆโรงเรียนเป็นป่ารกทึบ ติดคลองน้ำดำ บางโรงเรียนกั้นห้องเด็กระดับชั้นต่างๆ ด้วยล๊อคเกอร์ ความรับผิดชอบของโรงเรียนต่อเด็กเมื่อเกิดอุบัติเหต (ข้อนี้ต้องซักถามจากผู้ปกครองที่มีบัตรหลานเคยเรียน ณ ที่นั้นๆ ) ค่อยๆตัดออกทีละโรงเรียน  ตัดจนแทบจะไม่มีตัวเลือก

เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก, อนุบา

แล้วเราก็ได้โรงเรียนอนุบาลที่ ก็ยังคงเป็นแนวการเรียนสอนแบบเตรียมความพร้อม (ยึดมั่นถือมั่นมากค่ะ)  เรียนไปร้องไห้ไปปะปนกันไป ถูกเพื่อนแกล้งบ้าง หลังๆแกล้งทุกวันจนเก็บมาฝัน ฝันฝันเข้าฝันหาคนเดิมๆทุกวัน ละเมอออกมาเป็นชื่อเสียงเรียงนามด้วยเลย เอ้อนะ ….. วันเวลาผ่านไป จนกระทั่งกำลังจะขึ้น อนุบาล1. (เป็นเด็กก่อนเกณฑ์) คุณแม่ก็สำรวจ ห้องเรียนอนุบาล 1ความเอาใจใส่ของครูต่อเด็ก ( ผปค..เด็กที่กำลังจะเลื่อนไปชั้น อนุบาล2 กล่าวว่า อนุบาล1 นั้นครูเอาใจใส่น้อยลงนะคะ แทบจะไม่ดูแลก็ว่าได้) ดูๆไป แล้วน้องบีบี ไม่พร้อมแน่ๆวิชาการน่าจะหนัก  ความเอาใจใส่ก็น้อย  ก็ให้เรียนชั้นเตรียมอนุบาลต่อ (จะได้เรียนตามเกณฑ์ปกติ แม่ไม่รีบ ) เรียนๆๆ ไปแล้ว โชคดีนะนี่ที่คุณแม่ไม่ได้ให้น้องขึ้น อนุบาล 1  เพราะอัตราเด็กต่อครู ไม่ใช่ตามที่คุยกันไว้ (25ต่อ2 )  ไปมาไปมา  (35ต่อ2) มันเกินไปได้อย่างไรก๊านนนนน   คุณพระ!!! 

ประชากรในห้องเรียนหนาแน่น ขนาดนั้นจะดูแลอย่างไรไหว อัตราครูไม่ได้เพิ่มตามเด็กแม้แต่น้อย เห้อออออออออ….. ปลง !! (ก็แหงล่ะสิ จะเครียดทำไม น้องบีบีไม่ไอยู่ อนุบาล1 สักหน่อย  และแล้วงานก็เริ่มเข้าคุณแม่ทีละหน่อย ทีละหน่อยเมื่อน้องบีบี เริ่มป่วย ที่ไม่ใช่แค่การเจ็บป่วยด้วยโรคธรรมดาๆ เช่น ไข้หวัด  ตัวร้อน   ไอ  จ าม  น้ำมูกไหล  อะไรทำนองนี้  แต่มันคือ  โรคติดต่อ   1.แผลในคอ  2.มือ-เท้าปาก 3. RSV+ไวรัสลงกระเพาะ โกรธมากๆ คือ การที่ครูทราบดีว่าเด็กคนไหนป่วยเป็นมือเท้าปากครูก็ยังคงรับเด็กคนนั้นมาเรียนตามปกติ  เด็กติดเชื้อที่ปอดหยุดเรียนไปเพียงแค่ 2 วัน กลับมาเรียนตามปกติ ทั้งที่ยังมีอาการต่างๆหลงเหลืออยู่พอสมควร   มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แทบจะฉีกอกแล้ว กลายร่างเป็น Huke มนุษย์ตัวเขียว ซะจริง  (ตอนลูกเราเป็นมือเท้าปากคุณหมอให้หยุดเรียน หนึ่งสัปดาห์เต็มๆเลยนะ) มันอัลรัลกั๊นนนนนน สามเดือนติดกันที่น้องบีบีต้อง Admid  นอนโรงพยาบาลเฉลี่ยครั้ง ละ 3-4 คืน Peak สุดๆคือ RSV น้ำหนักตัวน้องบีบีหายไปเกือบสองกิโลกรัมภายในเวลา 1 สัปดาห์   RSVเล่นงานลูกสาวสุดที่รักจนสะบักสะบอม สโหลสะเหล ทรงตัวแทบจะไม่ไหว เดินเซไปเซมาประดุจดังคนเมา เรี่ยวแรงแทบจะไม่มี

คุณแม่โกรธจัดในการไม่รักษาความสะอาด การตรวจตราเข้มงวดกวดขันสุขอนามัย การคัดกรองเด็กป่วย  แม้กระทั่ง ในโรงเรียนมีเด็กนักเรียนที่เป็นมือเท้าปากหลายคน  ทำไมถึงไม่ปิดโรงเรียน หรือห้องเรียนทำความสะอาด  เด็กป่วยต้องหยุดเรียน  จะให้มาแพร่เชื้อ ทำไมกัน ผ่านมาสองครั้งก็มองข้ามมองผ่าน และแอบกระซิบเบาๆตลอดว่าเน้นเรื่องเด็กป่วยหน่อยนะคะ ก็มิวาย เกิดเหตุการณ์ซ้ำเป็นรอบที่ สาม โอเค….พอแล้ว เราหยุดเอง  หยุด!! ที่จะเรียนโรงเรียนนี้ ซึ่งไม่มีมาตราการการแก้ไขปัญหาให้ดีกว่านี้ได้เลย  สัมผัสนานวันเข้าเห็นถึงความไม่เอาใจใส่ของครู ที่ปล่อยให้เด็กอนุบาล เล่นอยู่เครื่องเล่นสนาม ตามลำพัง ในระหว่างที่นักเรียนอื่นๆเข้าแถว ด้วยเหตผลของครูที่ว่า ไม่ทันเห็นน้อง  พอกันทีกับสิ่งที่บอกเราตอนแรกที่มาเยี่ยมชมโรงเรียน มันช่างกลับกันอะไรแบบนี้

สุดท้ายแล้ว  ให้น้องบีบีได้หยุดพักการเรียนเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อฟื้นฟูร่างกายของน้อง  จิตใจของน้องที่ถูกเพื่อนแกล้ง การแกล้งกันของเด็กนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับน้องบีบีแต่เพียงผู้เดียว เกิดกับเด็กคนอื่นๆด้วย เก็บไปละเมอเพ้อฝันเน่กัน ซึ่งก้เกิดมาจากเด็กคนเดียวกันด้วย  (ตอนน้องป่วยคุณแม่ไม่เคยที่จะดองอาการของน้องไว้ที่บ้านจนอาการโคม่าแต่อย่างใด ขนาดว่าไปเร็วที่สุดแล้วน้องยังทรุดได้ขนาดนี้ โชคดีที่เชื้อนั้นไม่ลงปอดของน้อง ไม่งั้นคงแย่กว่านี้)  แต่จากครั้งนี้แล้ว น้องจะรับเชื้อโรคง่ายกว่าเด็กปกติ เพราะ RSV ได้ ทำลายภูมิต้านทานบางส่วนไป ส่งผลให้น้องภูมิต้านทานต่ำลง 3 โรคที่เกิดขึ้นกับน้องบีบี นี้มอบเงินอุดหนุนโรงพยาบาล ไปร่วมแสน สบายตัวเบยไหมล่ะ ถ้าจ่ายเอง ฮ่าๆๆๆ เคลมประกันกันมันส์เลยอ่ะ

เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก, อนุบา

เมื่อพักตัวได้ที่แล้ว ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว จนระยะเวลาหนึ่ง ใกล้ๆ ตุลาคม ก็ออกตามล่าหาโรงเรียนใหม่อีกครั้ง คราวนี้ขยับปรับใหม่โยกโซน บ้าง ก็ได้พบกับโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ปริมาณเด็กต่อห้องน้อยมาก ครูดูแลได้ทั่วถึงเลยล่ะ ค่าเล่าเรียนฮ่าๆ ไม่ต้องพูดถึงสบายๆๆอ่ะ ชิลล์เวอร์(ก็ยังเป็นโรงเรียนเอกชนค่ะ )  แต่ … โรงเรียนนี้แนววิชาการจ๋ามาก (เข้าไปแบบไม่รู้ว่า เค้าเน้นวิชาการนะจ๊ะ)  ไม่มีครูต่างชาติ ครูไทยล้วนๆ ไม่มีสระว่ายน้ำ (จริงๆก็ไม่ค่อยจำเป็นหรอก) ไม่มีเครื่องเล่น ของเล่นอะไรมากมาย   มีทีวีจอบวมๆ อยู่ในห้องเรียน (ครูบอกว่า เปิด การ์ตูนทีมีสาระให้ดู) เอิ่มมมม  เหตุผลดูดีค่ะ เน้นให้เด็กๆทำอะไรด้วยตนเอง (ดีค่ะแม่ชอบ เพราะแม่ก็สอนลูกแบบนี้เหมือนกัน)   ความสะอาดของห้องเรียนเล่นเอา ขุ่นแม่….อึ้งๆไปเหมือนกัน สภาพห้องเรียน สภาพของเล่นภายในห้องเรียน  ชีวิตตความเป็นอยู่ไม่สู้ดีนัก  ความสอาดให้คะแนเป็นศูนย์  เด็กๆที่นี่ อนุบาล 1.สามารถเขียนชื่อจริง นามสกุลจริง ของตัวเองได้แล้ว ป๊าดดด ลูกจะเครียดไหมเนี่ย แม่เริ่มเครียดแทนลูก ได้ชมช่วงเวลาการทานอาหารของเด็กๆ ท่าทางเด็กๆมีความสุขกับการกินดีค่ะ  อาหารน่าทาน จัดว่าครบห้าหมู่ดี เหลือบไปมองดูน้องบีบี  ดูเธอจะหวาดหวั่น กับสถานการณ์ ณ จุดนี้เหลือเกิน  แน่ละ  คุณแม่ไม่เลือกโรงเรียนนี่ให้หนุหรอกค่ะ  แม่เองก็หวั่นไม่แพ้กัน

เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก, อนุบา

ในที่สุดความลงตัวของโรงเรียนในดวงใจของทุกๆคนในบ้านก็มาถึงสักน้องบีบีชื่นชอบ และบอกว่าหนูอยากเรียนที่นี่  โรงเรียนนี้ สะอาด มีการตรวจคัดกรองโรคทุกเช้าก่อนเข้าเรียน คล้ายๆ ตม.ฮ่องกง เลย ฮ๊ะ วัดไข้เด็กทุกเช้าก่อนเข้าอาคารเรียน หากมีไข้  ให้เด็กๆกลับบ้านค่ะ มีอาหารเช้าให้ทานที่โรงเรียน(จ่ายเพิ่มเติมจากค่าเทอม หากต้องการ) สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ  น้องบีบีมีความสุขที่ได้ไปโรงเรียน เปลี่ยนน้องบีบีจากเด็กที่เงียบๆ กลายเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกขั้นเทพ  อัตราการเจ็บป่วยน้อยลง น้องมีความสุข รู้จักคิด สำเนียงภาษาอังกฤษเป๊ะมาก รู้จักช่วยเหลือดูแลตัวเองได้มากขึ้น  รู้จักหน้าที่ของตนเอง กลางคืนก็ยังมีละเมอ อยู่ตามเคย แต่ละเมอร้องเพลง ละเมอหัวเราะชอบใจ (บางคืนก็ลุกมานั่งแล้วปรบมือ Twinkle twinkle Little Star)  ทุกๆเย็นจะได้ฟังเรื่องราวกิจกรรมต่างๆ ในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็น teacher สอนร้องเพลง teacher ให้ Stamp เพราะหนูเป็นเด็กดี  วันนี้หนูทานข้าวหมดเลย คุณครูสอนทำต้นไม้ เต้นฉันคือเมฆให้คุณแม่ดู  ทุกๆสัปดาห์จะมีสิ่งประดิษฐ์กลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่เสมอเก็บทุกชิ้น ใส่กล่องไว้ให้เค้าดูตอนโต วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็คิดถึงคุณครู อยากไปหา teacher โทรหาคุณครูให้หนูหน่อย(หนูคิดถึง) อยากเรียนคอมพิวเตอร์กับครู ช่างน่าสุขใจเสียยิ่งกะไรสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกHappy คุณพ่อคุณแม่ก็ Happy Very much นะฮ๊า……………………….

เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก, อนุบา

สุดท้ายนี้หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดกำลังทำการบ้านเรื่องโรงเรียนอนุบาลสำหรับลูกรักนั้น เก็บข้อมูลให้มากๆ สรรหาข้อมูลจากหลายๆคน สัมผัสด้วยตนเองแบบย้ำๆ สักนิด จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนโรงเรียนให้ลูกบ่อยๆ ได้โรงเรียนที่ถูกใจในครั้งเดียว รายละเอียดปลีกย่อยในการคัดสรรโรงเรียนให้ลูกนั้นค่อนข้างลึกซึ้งพอสมควร ความพึงพอใจ ความคาดหวังในสิ่งที่จะได้รับจากโรงเรียนของแต่ละบ้านย่อมแตกต่างกัน จงเลือกโรงเรียนที่ลงตัวในแบบฉบับของตนเอง เราไม่สามารถจะตามปกป้องดูแลลูกได้ทุกฝีก้าว เราจึงต้องเลือกโรงเรียนที่อบอุ่นเสมือนบ้านให้ลูกของเรา ติดตามตอนต่อไปของ ‘’หม่าม๊าบ้าพลัง (mamamadmad)’’ กันว่า ‘’ เอ๊ะ ..!! อะไร?? ยังไง !!‘’ มีหลักเกณฑ์อะไรกันหรือ ในการเลือกสรรโรงเรียนสำหรับเจ้าตัวแสบ แสนซน ‘’ ให้เค้ามีความสุข อบอุ่น ราวกับว่าเค้าได้อยู่บ้านของตัวเอง รออึดใจเดียวนะ คะ

หม่าม๊าบ้าพลัง

ปล.แฟร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าประสบการณ์เล็กๆ ที่ใหญ่มาก ของการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคุณพ่อคุณแม่ไม่มากก็น้อย

หากชื่นชอบเรื่องราวดีๆแบบนี้ ส่งความคิดถึง ส่งกำลังใจให้พวกเรา เพียงแค่คุณ กด Like Share Comment หรือรับข่าวสารเรื่องราวดีๆโยการ กรอก E-mail ที่ http://www.2madames.com/followus

ฝากติดตามเรื่องราวดีๆ ของหม่าม๊าบ้าพลัง ที่ http://www.facebook.com/mamamadmad

บทความตอนที่ 2

เลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกรัก ตอน 2 : หลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาโรงเรียน

The Art Family ครอบครัวตัว ‘’อาร์ท’’ ป๊าบ๊อบ ม๊าแฟร์ น้องบีบี สามคนพ่อแม่ลูกที่มักหากิจกรรมทำร่วมกันเสมอๆ ป๊าบ๊อบผู้น่ารัก ใจดี(มั้ง)ที่สุดในบ้าน ม๊าแฟร์หญิงผู้ทรงพลัง-เจ้าระเบียบและโหดสุดในบ้าน น้องบีบีเด็กที่พูดได้ทั้งวัน ถามได้ทั้งวัน แบตเตอร์รี่ของเธอเต็มตลอดเวลา(Auto Charge) ความอาร์ทๆของเขาทั้งสามเป็นความอาร์ทที่ลงตัว อาร์ทกิน อาร์ทเที่ยว อาร์ทสรรหากิจกรรมต่างๆเพื่อผูกสัมพันธ์ให้ทุกคนในครอบครัว ความทุ่มเทของผู้เป็นแม่และภรรยาที่พร้อมจะดูแลทุกๆคนในครอบครัวให้มีความสุขLifestyle ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบตามเวลาและความเหมาะสม ในแบบฉบับที่ลงตัว (ภายใต้ความ ‘’อ๊าทส์ ‘’ของเขาทั้งสาม) กับผลงานการสร้างโดย หม่าม๊า บ้าพลัง หม่าม๊า บ้าพลัง https://www.facebook.com/mamamadmad

Follow

Get every new post delivered to your Inbox

Join other followers:

%d bloggers like this: