เมื่อเร็วๆนี้ Skyscanner เสิร์ชเอ็นจิ้นหรือผู้ให้บริการค้นหาตั๋วเครื่องบินโรงแรมและรถเช่าชั้นนำของโลก ได้มาสัมภาษณ์เราในโครงการ Best Time to Book ซึ่งเผยให้รู้เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการจองตั๋วเครื่องบินไปยังประเทศยอดนิยมของคนไทยและจัดทำคู่มือท่องเที่ยวไปยังแต่ละประเทศ โดยเราได้รับสัมภาษณ์สำหรับทำคู่มือเที่ยวตะลุยแดนจิงโจ้ ออสเตรเลีย ว่าแล้วที่นี่มีอะไรน่าเที่ยวบ้างและต้องเตรียมตัวไปเที่ยวอย่างไร มาดูกัน
ท็อปเมืองที่ประทับใจที่สุด
“อยากให้ไปเที่ยวออสเตรเลียกันครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งประเทศ ที่มีธรรมชาติและเมืองก็สวยงาม จะพาครอบครัวไปก็ดี หรือไปกับกลุ่มเพื่อนก็ได้ เป็นประเทศที่ไปได้ทุกเพศทุกวัย”
ซิดนีย์ (Sydney)
เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (New South Wales) ที่มีประชากรมากที่สุด ที่เที่ยวที่นี่จึงมีมากตามไปด้วย เมืองนี้มีคนไทยอาศัยอยู่เยอะจนถึงกับมีไทยทาวน์ตั้งอยู่กลางเมือง เมื่อมาเยือนซิดนีย์จึงมักได้ยินภาษาไทยอย่างไม่ขาดหู ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนอยู่บ้าน และสามารถหาของกินถูกปากได้มากมาย เรียกว่าหากิน หาเสบียงกักตุนได้ง่ายมาก
เมลเบิร์น (Melbourne)
เมืองหลวงของรัฐวิคตอเรีย (Victoria) ติดอันดับเมืองน่าอยู่ของโลก ที่กลางใจเมืองสามารถมองเห็นตึกสูงสวยงาม มนต์เสน่ห์แม่น้ำยาร่า (Yarra River) ที่ไหลผ่านกลางเมืองดึงดูดใจให้ผู้คนอยากมาเยี่ยมเยือน ยิ่งไปกว่านั้น สวนสาธารณะของเมืองแห่งนี้ยังสวยงาม และมีเยอะมาก ทางใต้ของเมือง มีท่าเรือเซนต์คิลด้า (St Kilda Pier) สถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ในยามเย็นเมื่อนกเพนกวินเดินกลับบ้าน เราสามารถมองเห็นได้จากท่าเรือนั้นเลย
บริสเบน (Brisbane)
เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ (Queensland) เป็นเมืองท่องเที่ยวในฝันของเด็กๆ และครอบครัว นอกจากที่นี่จะมีธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีสวนสนุกอยู่เยอะแยะมากมาย แถมยังเป็นสวนสนุกระดับโลกที่เรียกว่าไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็น มูฟวี่เวิลด์ ของวอร์เนอร์บราเธอร์ส (Warner Bros. Movie World) หรือสวนสนุก (Sea World) เป็นสวรรค์การท่องเที่ยวของเด็กๆ ที่มาแล้วไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ท็อปจุดท่องเที่ยวยอดนิยมที่ประทับใจที่สุด
“เป็นสามจุดที่ผมชอบมาก มันเป็นแหล่งท่องเที่ยวในออสเตรเลีย ที่ไม่มีที่ไหนในโลกจะมีแบบนี้”
เกรท โอเชี่ยน โรด (Great Ocean Road)
ถนนเรียบมหาสมุทรชื่อดัง อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมลเบิร์น ตลอดระยะทาง 250 กิโลเมตร สามารถพบกับวิวทิวทัศน์สวยงามของหน้าผาสูง ชายหาด มหาสมุทร ระหว่างเส้นทางมีเมืองเล็กๆ ที่สามารถแวะเที่ยว แวะรับประทานอาหาร หรือแวะพักจากการเดินทางยาวๆ ได้ ในบางจุดยังสามารถแวะพบเจอกับหมีโคอาล่าเจ้าถิ่น ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีประภาคารสวยๆ หลายแห่งให้ได้เก็บภาพ และมีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียง อย่างแท่งหินปูน 12 นักบุญ (Twelve Apostles) ที่เกิดจากการกัดเซาะตามธรรมชาติของคลื่นและลมในมหาสมุทร สามารถนั่งชมจากริมถนนชายฝั่ง หรือนั่งเฮลิคอปเตอร์เพื่อชมภาพในมุมสูงก็ได้
โอเปร่า เฮ้าส์ (Harbour Bridge)
และสะพานฮาร์เบอร์ (Harbour Bridge) จุดชมวิวมหาชนของเมืองซิดนีย์ ที่เรียกว่ามองปุ๊บรู้ปั๊บว่ากำลังยืนอยู่ที่ไหน เป็นสถานที่ ที่มีเอกลักษณ์อย่างโดดเด่นและสวยงามไม่แพ้สถานที่เที่ยวทางธรรมชาติอื่นๆ ของเมือง ใครที่มาถึงซิดนีย์ แล้วไม่ถ่ายรูปกับสถานที่นี้ ก็เหมือนกับมาไม่ถึง
ฟิลลิป ไอส์แลนด์ (Phillip Island)
เป็นเกาะในเมลเบิร์น เป็นที่ที่ผมชอบมาก ที่นี่จะมีเพนกวินสายพันธุ์ที่เล็กที่สุดในมหาสมุทรอาศัยอยู่ และมีจุดท่องเที่ยวหนึ่งเรียกว่า เพนกวินพาเหรด ตอนกลางวันเพนกวินพวกนี้จะออกไปทำงาน ก็คือหาปลาในมหาสมุทรอะไรทำนองนี้ พอพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาก็จะรวมกลุ่มกันกลับบ้าน คือเดินเกาะกลุ่มกันกลับบ้าน กลุ่มละ 8 ตัวบ้าง 10 ตัวบ้าง เหตุผลที่พวกเขารวมกลุ่มกันก็เพื่อความปลอดภัย ไม่ให้นกหรือสัตว์อื่นมาทำอันตรายได้ ซึ่งที่นี่มีเพนกวินเป็นพันๆ ตัว เป็นที่เที่ยว ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง เพราะมันไม่มีที่ไหนในโลกที่เป็นแบบนี้ มีที่นี่ที่เดียวเลย
ท็อปจุดท่องเที่ยวแนวอันซีนที่ประทับใจที่สุด
“รับรองว่าเป็นสถานที่เที่ยวในออสเตรเลีย ที่หลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก และไม่รู้ว่าที่ออสเตรเลียก็มีที่แบบนี้อยู่ด้วย”
ฟาร์มสตรอว์เบอร์รี่ซันนี่ริดจ์ (Sunny Ridge Strawberry Farm)
สถานที่เที่ยวอันซีนในเมลเบิร์นที่คนไม่ค่อยรู้จักนัก เป็นไร่สตรอว์เบอร์รี่ขนาดใหญ่ เปิดให้เข้าไปเดินเที่ยวเล่น และเก็บสตรอว์เบอร์รี่กินกันแบบสดๆ ขอบอกว่ารสชาติหวานและอร่อยมากๆ เป็นอะไรที่สนุกสนานจริงๆ และพอออกจากฟาร์มมา จะมีร้านขายขนมของฟาร์มที่เอาสตรอว์เบอร์รี่มาเป็นส่วนผสม เช่น ไอศกรีมโฮมเมดจากสตรอว์เบอร์รี่ หรือช็อกโกแลตจากสตรอว์เบอร์รี่ ซึ่งราคาไม่แพงและอร่อยมากๆ เป็นสถานที่เที่ยวที่สวยงามและมีกิจกรรมให้ทำ เด็กๆ ก็แฮปปี้ ผู้ใหญ่ก็แฮปปี้ มีความสุขกันทั้งครอบครัว
เซอร์เวอร์เรนส์ ฮิลส์ (Sovereign Hill)
ที่เที่ยวแบบคาวบอย ณ เมืองบาราลาร์ท เดิมที ที่ตรงนี้เป็นเหมืองทองคำสมัยยุคล่าทองในอดีต ตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเราสามารถเข้าไปชมวิธีทำเกือกม้าในยุคคาวบอยได้ มีกิจกรรมร่อนทองในแม่น้ำ ชมการทำเหมืองแบบดั้งเดิม เล่นโบว์ลิ่งแบบคนสมัยก่อน และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่ทำให้เห็นว่าคนยุคสมัยนั้นใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง
ปราสาทครียอล (Kryal Castle)
หลายคนอาจไม่คาดคิดว่าที่ออสเตรเลียจะมีปราสาทเหมือนๆ กับยุโรป ปราสาทครียอลนี้ตั้งอยู่ที่เมืองบาราลาร์ท เป็นปราสาทจริงๆ ซึ่งอาจไม่ได้โด่งดังหรือสวยงามวิจิตรขนาดปราสาทในยุคกลางของยุโรป แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกแห่ง ปราสาทเป็นแบบจำลองมา มีกิจกรรมที่สนุกมากๆ คือ ให้เราสามารถแต่ตัวเป็นอัศวิน ใส่ชุดเกราะแบบยุคกลาง และถ่ายรูปทำกิจกรรมต่างๆ แถมด้วยโชว์แบบอัศวิน ขี่ม้ามาประลอง และยิงธนูแบบโบราณ ตรงนี้คนไทยน่าจะไม่ค่อยรู้จักเลยล่ะ แนะนำว่าควรไปมาก
ท็อปกิจกรรมที่แนะนำต้องลอง
“เป็นกิจกรรมที่ต้องจัดอยู่ในทริปเที่ยวออสเตรเลีย คือมาประเทศนี้แล้วไม่ควรพลาดจริงๆ”
เล่นกับสัตว์ประจำชาติออสเตรเลียอย่างจิงโจ้หรือหมีโคอาล่าที่สวนสัตว์เปิด (Wildlife Park)
ซึ่งมีอยู่หลายที่ในออสเตรเลีย ที่โด่งดังและนักท่องเที่ยวนิยมไปคือ ฟีทเธอร์เดล ไวลด์ไลฟ์ ปาร์ค (Featherdale Wildlife Park) ที่ซิดนีย์ สวนสัตว์เปิดประเภทนี้ จะมีจิงโจ้อยู่ในทุ่งหญ้าและเขาเปิดให้เราเข้าไปใกล้ชิดได้เลย สามารถซื้อหาอาหารไปป้อนได้ ซึ่งจิงโจ้หรือหมีโคอาล่าของที่นี่ค่อนข้างเชื่องมากพอที่จะมากินอาหารจากมือเรา บางแห่งอนุญาตให้อุ้มได้ด้วย แต่บางแห่งได้แค่ถ่ายรูป อยากให้ไปทำกิจกรรมนี้กัน มันสนุกเพลิดเพลินมากๆ เพราะไม่มีแบบนี้ในบ้านเราและไม่มีที่ไหนในโลกด้วย ต้องมาเที่ยวที่ออสเตรเลียเท่านั้น
ถ่ายรูปตกตึกที่ ยูเรกา สกายเด็ค (Eureka Skydeck)
ที่นี่จะเป็นตึกสูงกลางเมืองเมลเบิร์น ที่ชั้น 88 จะเป็นชั้นที่มีกระจกล้อมรอบ เมื่อขึ้นไปแล้วเราสามารถเดินดูวิวมุมสูงชมเมืองได้โดยรอบ แต่แค่เดินดูวิวมันไม่สนุกเท่าไหร่ ใครอยากตื่นเต้นมากกว่าเดิม ให้ลองไปเดินเล่นที่ระเบียงกระจกใส พอมองลงไปจะเห็นเป็นพื้นเลย เรียกว่าทั้งสวยทั้งหวาดเสียวในคราวเดียว และที่นี่ยังมีบริการถ่ายรูป จำลองการตกตึก ให้เราแอคท่าเหมือนกำลังตกตึกจริงๆ สนุกตรงที่ได้แอคท่าหลายๆ ท่า และภาพที่แต่งกราฟฟิคออกมาก็เหมือนตกตึกมากๆ ด้วย ล่าสุดจากหนังเรื่อง เดอะ วอล์ก ที่เดินบนสลิง ทางตึกก็ได้เพิ่มการถ่ายรูปเสมือนเดินบนสลิงเข้าไปด้วย ก็น่าไปลองถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก
เที่ยวอุทยานแห่งชาติบลูเม้าเท่นส์ (Blue Mountains)
อยู่ไม่ไกลจากซิดนีย์ไปทางตะวันตก ที่นี่จะมีส่วนหลักๆ 4 ส่วนให้เที่ยว เราสามารถนั่งเคเบิ้ลสกายชมวิวสูงของอุทยานบลูเม้าเท่นส์ ซึ่งเป็นอะไรที่สวยงามมาก ท้องฟ้าของบริเวณนี้จะเป็นสีฟ้าๆ มากกว่าบริเวณอื่นๆ เพราะมีการปลูกยูคาลิปตัสเยอะ ทำให้มีการหักเหแสง ท้องฟ้าที่นี่เลยสวยมาก และเราสามารถมองเห็นยอดเขาสามอนงค์ (Three Sisters) และอีกหนึ่งกิจกรรมที่สนุกสุดๆ คือ การนั่งรถไฟทิ้งดิ่ง ที่เป็นของจริงๆ เพราะที่นี่เคยเป็นเหมืองถ่านหินมากก่อน เส้นทางรถไฟจึงเป็นเส้นทางจริงๆ และถือเป็นเส้นทางรถไฟทิ้งดิ่งที่ชันที่สุดในโลกด้วย ความหวาดเสียวอยู่ตรงที่ เราสามารถปรับระดับเบาะให้สามารถมองเห็นพื้นได้มากหรือน้อยด้วยตัวเอง พอลงจากรถไฟ ก็เดินเที่ยวชมเส้นทางธรรมชาติ ที่เป็นเหมืองเก่า จะได้เห็นว่าคนสมัยก่อนใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เมื่อชมครบก็ขึ้นเคเบิ้ลกลับ ถือเป็นกิจกรรมที่สนุกและน่าไปทำอย่างยิ่งเมื่อไปออสเตรเลีย
ทิปส์เด็ดสำหรับวางแผนไปเที่ยว
“ค่าอาหารการกินของออสเตรเลียถือว่าสูงมาก หากวางแผนส่วนนี้ดีๆ จะช่วยประหยัดงบในการท่องเที่ยวได้”
ทิปส์เด็ดที่ผมอยากแนะนำสำหรับคนที่ไปเที่ยวออสเตรเลียเอง เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารการกินระหว่างเที่ยว ต้องบอกก่อนเลยว่า ค่าครองชีพที่ออสเตรเลียสูงมาก ออกไปข้างนอกกินอาหารเริ่มต้นที่ 15 – 20 เหรียญแล้ว แปลงเป็นเงินไทยสูงมากๆ มากนะ อย่างงบท่องเที่ยว 100% ค่ากินเนี่ยหมดไป หนึ่งในสามเลยนะ ผมเลยจะแนะนำทิปส์เด็ดที่จะช่วยประหยัดงบค่าอาหารให้เที่ยวได้อย่างสบายกระเป๋า
โดยส่วนตัวครอบครัวผมเอง ทั้งคุณแม่และเด็กๆ จะค่อนข้างติดอาหารไทย แล้วลองคิดดูว่า ถ้าไปเที่ยวแล้วต้องกินเบอร์เกอร์ติดกัน 3 มื้อ มันก็ไม่ไหว หรือจะเวียนไปเป็นพวกพิซซ่า สปาเก็ตตี้ กินไม่กี่วันก็เบื่อแล้ว ผมเลยอยากแนะนำให้ทำอาหารไทยกินเอง ซึ่งมันไม่ได้ยากเลย
เริ่มจากเรื่องจองที่พักก่อน ที่พักที่ออสเตรเลียนอกจากโรงเแรมทั่วไปแล้ว จะมีพวกอพาร์ทเมนท์ด้วย ให้เราเลือกจองที่พักจะโรงแรมหรืออพาร์ทเมนท์ยังไงก็ได้ตามสะดวก แต่ให้เลือกที่มีครัวเล็กๆ ไว้ให้ และให้เราเตรียมเครื่องปรุงพวกแกงผงไปด้วย พวกของแห้งทั้งหลายที่ไม่ใช่ของต้องห้ามเข้าประเทศเขา เราเอาไปได้นะ แล้วไปหาซื้อของสดเอาตามซุปเปอร์มาร์เก็ตที่นู่น มันจะประหยัดได้มากจริงๆ อย่างผมไปกัน 6 คน มื้อนึงออกไปข้างนอก ค่าอาหารตกคนละ 60 กว่าเหรียญ แต่ทำกินเองเหลือแค่ 15 เหรียญเท่านั้น แต่ผมก็ไม่แนะนำให้ทำกินทุกมื้อนะ เพราะเราไปเที่ยวให้เลือกทำเฉพาะมื้อที่เราอยู่กับที่พัก แต่ถ้าเกิดว่าทำไม่เป็นก็ไม่มีปัญหาเลย เพราะที่นู่นมีพวกอาหารสำเร็จรูปในซุปเปอร์ฯ ที่ราคาถูกกว่ามากเต็มไปหมด สามารถหาทานได้ด้วยเหมือนกัน
สิ่งที่ควรรู้/สิ่งที่ควรทำในระหว่างเดินทาง
“ประเทศออสเตรเลียค่อนข้างจะเที่ยวง่ายนะ บ้านเมืองเจริญ ผู้คนเป็นมิตร ในการเดินทางเข้าประเทศเขา ก็ขอให้ทำตามกฎอย่างเคร่งครัด”
สืบเนื่องจากทิปส์ที่ผมแนะนำให้ทำอาหารทานเอง เราจะต้องเตรียมเครื่องปรุงซองจากไทยไป สิ่งที่ควรรู้ระหว่างเดินทางเข้าประเทศคือ กฎระเบียบของกงสุลออสเตรเลีย ทางนั้นจะมีกฎหมายที่เคร่งครัดมากๆ คือ ห้ามเอาผลิตภัณฑ์จากพืช สัตว์ นม เข้าประเทศเขาเด็ดขาด ส่วนเครื่องปรุงซองของไทยนั้น มีวิธีที่ทำให้นำเข้าได้ คือ อาหารที่จะนำเข้าต้องเป็นอาหารแห้ง และมีฉลากภาษาอังกฤษระบุชัดเจน ว่ามันคืออะไร แพ็คซีลอย่างดี และแพ็คเกจจิ้งต้องระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน ให้จัดแยกสิ่งเหล่านี้ไว้เลย 1 กระเป๋า และทำใบดีแคลร์ เช่น เด็กๆ ชอบทาโร่ เอาไป 5 ห่อ เครื่องปรุงเอาไป 6 ซอง ก็เขียนอธิบายอย่างละเอียดว่าในกระเป๋านั้นมีอะไรบ้าง คืออะไร เป็นยังไง เอาไปจำนวนเท่าไหร่ พอไปถึงสนามบิน จะมีช่องทางเข้าสองช่อง คือ สีเขียว (Nothing to declare) และสีแดง (Declare) อันนี้สำคัญมากๆ เลยนะ ห้ามเดินเข้าช่องสีเขียวเด็ดขาด ให้เดินเข้าช่องสีแดง เพราะถ้าเข้าสีเขียว แสดงว่าเราดีเแคลร์ว่ามันไม่มี เขาสามารถปรับเราได้ทันที และปรับแพงมากด้วย ให้ยอมจำนนโดยดี โดยเดินเข้าช่องสีแดง และเอาใบที่เราเขียนเตรียมไว้ให้เขาดู ส่วนใหญ่จะผ่านหมด อาจจะมีทิ้งบ้าง ก็ยอมให้ทิ้งไปเลย แต่ส่วนใหญ่ถูกทิ้งน้อยมาก ผมไปมาสองครั้ง ไม่เคยถูกทิ้งของเลย หากเราอยากเอาอะไรจากไทยไป ก็ให้ทำแบบนี้ เขาจะทิ้งก็ให้เค้าทิ้งไป ถ้าอยากหาซื้ออะไรเพิ่มก็สามารถซื้อได้ที่ไทยทาวน์ แต่ก็อาจจะแพงกว่าที่ไทยนิดหน่อย
เรื่องการเดินทางประเทศออสเตรเลียเดินทางค่อนข้างง่ายนะ การคมนาคมขนส่งมีระเบียบ อย่างเมลเบิร์น ก็มีรถลาง สามารถนั่งได้รอบเมืองเลย รถไฟก็ค่อนข้างตรงเวลา แม้กระทั่งถนนหนทางก็เดินได้ไม่ยาก เพราะเป็นเมืองใหม่ และถนนที่นี่กว้างขวางตัดกันเป็นสี่เหลี่ยม ทำให้เดินทางง่ายไม่ต้องกลัวหลงทาง สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งครอบครัว หรือเดินคนเดียวก็ได้
สำหรับการสื่อสาร คนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็อาจจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยแอพพลิเคชั่นมือถือ เพื่อช่วยแปลภาษา แต่คนที่นี่ส่วนใหญ่ใจดีและยินดีให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
ในส่วนการใช้งานอินเตอร์เน็ต ของบ้านเมืองเขาดีกว่าเรามาก สามารถหาใช้หลากหลายทางเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการและจำนวนคนเดินทาง ถ้าไปกันหลายคนก็ให้เลือกพ็อคเก็ตไวไฟจะคุ้ม แต่ถ้าไปคนเดียว ก็เปิดซิมใช้งานคนเดียวจะดีกว่า
เรื่องการขอวีซ่าออสเตรเลีย สามารถยื่นผ่านตัวแทน VFS รายละเอียดเอกสารที่ต้องเตรียม ดูได้ที่ http://www.vfsglobal.com/Australia/Thailand/ มีค่าธรรมเนียมเล่มละ 3,650 บาท และ VFS คิดค่าบริการอีก 610 บาท รวมเป็นเงิน 4,260 บาทต่อคน หรือถ้าใครอยากประหยัดไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมให้ VFS สามารถส่งเอกสารไปยังสถานทูตด้วยตัวเองครับ
ที่มา: บทสัมภาษณ์ 2Madames ที่เว็บท่องเที่ยวของ Skyscanner
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป