สวัสดีค่ะ เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมาเหมียวๆได้มีโอกาสติดตามเพื่อนลงไปถ่ายรูปงานประเพณีถือศีลกินผัก (กินเจ) ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า แต่ละศาลเจ้าจะมีพิธีแห่ ซึ่งศาลเจ้าที่เหมียวๆจะไป…ขบวนจะแห่อยู่บริเวณ อ. เมือง จ. ภูเก็ตค่ะ สิ่งแรกที่เหมียวๆคิดคือ ถ้ามีขบวนแห่คนต้องเยอะมากแน่ๆ และคงไม่ค่อยมีที่จอดรถด้วย เหมียวๆก็เลยพยายามเลือกหาโรงแรมที่ใช้เวลาเดินไม่มาก และเป็นโรงแรมหรือที่พักใหม่ๆ หลังจากลองดูไปดูมาแล้วก็มาเจอที่ที่ถูกใจมากๆ ที่นี่จะตั้งอยู่ที่ถนนพังงา อำเภอเมือง และอยู่ใกล้ๆสถานีขนส่งภูเก็ต 1 ค่ะ ซึ่งชื่อของที่นี่ก็คือ Blu Monkey Hub and Hotel Phuket Phangnga Road ที่พักที่นี่ใหม่ถูกใจเหมียวๆเลยเพราะตอนที่เหมียวๆไปพักอยู่ในช่วง Soft Opening เพราะเพิ่งเปิดเมื่อต้นเดือนตุลาคม 2558 นี้เองค่ะ และที่สำคัญสามารถเดินไปในตัวเมืองได้เลย ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ในส่วนของการตกแต่งของที่นี่ก็ใช้โทนสีดำและสีขาวเป็นหลัก ส่วนโลโก้ก็คือเจ้าลิงดำ น้องของเจ้าลิงฟ้าค่ะ Blu Monkey Phuket Baan Samkong นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Monkey Hub co-working space หรือห้องทำงาน ให้บริการสำหรับผู้ที่มาพัก หรือคนที่ต้องการใช้สถานที่ทำงาน พร้อมทั้งเครื่อง Fax หรือ Printer ให้บริการอีกด้วยค่ะ พร้อมแล้วตามเหมียวๆไปชมกันเลยค่ะ
ทริปนี้เหมียวๆเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ช่วงเช้าด้วยการขับรถลงไปค่ะ และกว่าจะถึงที่พักก็เกือบๆ 4 ทุ่มแล้ว พอเหมียวๆมาถึงก็ถ่ายป้ายโรงแรมเอาไว้เชคอินในโซเชียลค่ะ
ตอนที่เดินเข้ามาก็รู้สึกได้เลยว่าชอบ Theme ของที่นี่มากๆ ในภาพคือ บริเวณ Front Desk ของทางโรงแรมค่ะ ส่วนเรื่องการ Check in ของที่นี่ก็รวดเร็วดี เพราะเหมียวๆได้จองผ่านเวปไซด์มาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการจองผ่านเวปจะใช้บัตรเครดิตการันตี แล้วค่อยมาชำระกับทางโรงแรมตอน Check out อีกทีค่ะ
ถัดจาก Front Desk มาจะเป็นส่วนของ ล๊อบบี้ ซึ่งที่นี่ใช้เป็นพื้นที่ของ Breakfast และ All Day Complimentary ด้วยค่ะ เหมียวๆชอบโต๊ะตรงกลางที่แต่งเป็นสวนเล็กๆ และมีหุ่นยนต์กัมดั้มในโหลแก้ว และถ้ามองขึ้นไปบนเพดาน จะตกแต่งเป็น Theme บันไดงูค่ะ
เลยจากส่วนล๊อบบี้ ออกมาด้านนอกจะเจอกับสระว่ายน้ำเล็กๆค่ะ ตอนกลางคืนเปิดไฟสีฟ้าแบบนี้ Cool มากๆ
เดินทางมาก็เหนื่อยแล้ว เหมียวๆขอเดินทางเข้าห้องพักก่อนนะคะ เดินตามเข้ามาที่ประตูนี้กันได้เลย ซึ่งการเข้าออกประตูนี้จะต้องใช้ Key Card เพื่อความปลอดภัยค่ะ
เหมียวๆพักที่ชั้น 7 ค่ะ Type ห้องเป็นแบบ Chimpanzee Pod เปิดประตูเข้ามาก็เจอกับเตียงนอนดูดวิญญาณค่ะ บอกตรงๆว่านอนแล้วไม่อยากลุกเลยค่ะ เตียงนุ่มมากๆ หมอนใบใหญ่ไม่นุ่มเกินไปไม่แข็งเกินไป
เหมียวๆเลือก Twin Bed ไปค่ะ และก็ขอจองนอนมุมนี้เลยค่ะ ซึ่งจะติดกับโต๊ะที่มี JBL และเบาะเล็กๆ 2 ตัวให้นั่งเล่น
อยากบอกว่า เจ้า JBL นี้ทำให้เหมียวๆฟังเพลงเพลินเลยค่ะ
โดยเหมียวๆใช้ WiFi ของโรงแรมเปิด Youtube แล้วเชื่อม Bluetooth กับเจ้าเครื่องนี้อีกที นอกจากฟังเพลงแล้ว ก็สามารถตั้งนาฬิกาปลุกได้ด้วยค่ะ
ภายในห้องจะมีจุดวางกระเป๋า จุดแขวนเสื้อเก๋ๆ ตู้เซฟ และมินิบาร์เล็กๆ โดยที่นี่จะไม่มีตู้เย็นให้ค่ะ แต่ถ้าอยากดื่มน้ำเย็นๆก็สามารถลงไปหยิบได้ที่ตู้น้ำตรงล๊อบบี้ค่ะ
ถัดมาจะเจอกับทีวีจอใหญ่ และด้านข้างจะมีพื้นที่ทำงานเล็กๆ ซึ่งด้านบนจะมีโหลใส่ดินสอวางอยู่ และซองจดหมาย เป็น Design ที่เก๋มากๆและใช้สอยพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
อย่างที่เหมียวๆบอกไปข้างต้นค่ะเกี่ยวกับพื้นที่ทำงาน ภาพนี้จะเห็นว่ามีเก้าอี้ที่เข้ากันกับที่ตะแกรงที่แขวนวางของ ส่วนบริเวณช่องตรงกลางของภาพนี้จะมีกระดานแจ้งกฎระเบียบของที่พัก กับผ้าเช็ดตัว และด้านริมซ้ายสุดจะเป็นบริเวณอ่างล้างหน้า มีไดร์และของจำเป็นพวก Cotton Bud ให้ค่ะ เหมียวๆมั่นใจว่าสาวๆต้องชอบกระจกแบบที่มีไฟรอบๆแบบนี้แน่ๆ ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ห้องแต่งตัวของสตูดิโอค่ะ แต่งหน้าเพลินมากบอกเลย
ด้านบนของชั้นจะมีหนังสือและนาฬิกา ที่จัดวางได้อย่างลงตัว
มาดูห้องน้ำกันบ้างค่ะ ที่นี่น้ำแรงดีค่ะ
ส่วน Shampoo และ Body Wash ก็มีให้ใช้ขวดใหญ่ๆ
ระเบียงของห้องเหมียวๆจะมีเบาะให้นั่ง พร้อมหญ้าเทียมนุ่มๆ และมีพัดลมติดเพดานให้ด้วยค่ะ เปิดความแรงได้ถึงเบอร์ 3 เลย ส่วน Type ห้องแบบ Chimpanzee Pod with Bathpod ตรงระเบียงจะมีอ่างอาบน้ำให้แทนค่ะ
เช้าแล้วลงมาหม่ำๆอาหารกันค่ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง? เริ่มที่ตู้เย็นตู้ใหญ่ค่ะ ที่มีน้ำเปล่าแบบขวดที่หยิบได้ตลอดการพักผ่อนที่นี่ และมีน้ำผลไม้ใส่เหยือกเอาไว้ให้ดื่ม
โซนเครื่องดื่มอีกโซนจะเป็นแบบร้อนค่ะ มีเครื่องชงกาแฟให้กดใช้บริการเองค่ะ
มีกาแฟก็ต้องมีชาด้วย เหมียวๆเลือกชาเขียวร้อนใส่น้ำผึ้งหวานๆหอมๆแน่นอนค่ะ
Breakfast ของที่นี่จะไม่มีพวกอาหารหนักนะคะ ที่มีให้เลือกทานก็คือ พวกขนมปังต่างๆ ซึ่งจะมีเครื่องปิ้งและอบให้ ถัดมาจะเป็นขนมจีบซาลาเปา ส่วนโหลขนมด้านบน แขกที่พักของโรงแรมสามารถหยิบทานได้ตลอดค่ะ เพราะรวมอยู่ใน All Day Complimentary
วันที่เหมียวๆหยิบมาทานส่วนที่ใบตองนี้ห่อไว้ข้างในเป็นข้าวเหนียวสังขยาค่ะ
มาถึงอาหารของเจ้าลิง ซึ่งแขกห้องพักก็สามารถหยิบทานได้ฟรีทั้งวันเช่นกันนะคะ ซึ่งบางทีก็มีส้ม หรือแอปเปิ้ลลูกเล็กๆวางให้ด้วยค่ะ
มาถึงขนมปังอาหารเช้าที่เหมียวๆเลือกมาหม่ำๆ ขนมปังที่นี่จะให้หั่นเองได้เลย ก่อนทานก็เอาเข้าไปอุ่นร้อนเพียง 1 นาทีค่ะ
มีขนมปังก็ทานคู่กับแยมผลไม้อร่อยๆ
โต๊ะที่นั่งทานอาหารเช้าของเหมียวๆค่ะ แดดกำลังส่องเลย กิจกรรมอีกอย่างของที่นี่ก็คือเกมส์ในกล่องไม้ บนโต๊ะจะมีเกมส์บ๊อกซ์ เช่นเกมส์บันไดงูให้เล่นด้วย เข้ากับการตกแต่งมากๆค่ะ
อีกส่วนหนึ่งของโรงแรมที่เหมียวๆชอบก็คือ Monkey Hub co-working space ที่แขกของห้องพักสามารถเข้าไปใช้บริการได้
ภายในห้องทำงานจะใช้โต๊ะไม้ และเพดานสูงทำให้ดูโปร่งโล่ง
ในห้องจะมี Mac ให้ใช้ทำงานด้วย ซึ่งจะตั้งอยู่ขวาสุดของโต๊ะนี้ค่ะ
ที่โต๊ะทำงานไม้ จะมีต้นไม้เล็กๆสีเขียวๆให้พักสายตา และทำให้ห้องนี้มีชีวิตชีวามากขึ้น
โซนตู้หนังสือใหญ่ๆ จัดวางหนังสือไว้ได้อย่างเป็นระเบียบ
บานกระจกแบบกลม ให้ความรู้สึกน่าค้นหา มุมนี้เป็นมุมที่น่าอ่านหนังสือมากๆ ตอนที่เหมียวๆกลับมาช่วงกลางคืน เหมียวๆเห็นแขกที่เข้าพักนอนพิงส่วนโค้งๆของหน้าต่าง ใส่หูฟัง ฟังเพลง ดูชิลมากๆ
มุมนี้ที่ถ่ายมา เหมียวๆอยากให้เห็นอักษรไขว้ ที่ทางโรงแรมใช้ตกแต่งห้องค่ะ
รูปสุดท้ายของห้องนี้แล้วค่ะ เหมียวชอบโซนโคมไฟนี้เป็นพิเศษค่ะ ส่วนใครที่ต้องการ Print งาน สามารถแจ้งพนักงานที่ Front Deskได้เลยนะคะ
ตรงข้ามกับ Front Desk จะมีจุดขายของที่ระลึกไว้ให้เลือก Shop กันได้ก่อนกลับบ้านค่ะ ในภาพนี้จะมีต้นไม้ในโหล นอกจากนี้ยังมีถุงผ้า กระเป๋าสาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงาน Handmade
ธงแฟนซีก็น่าซื้อนะคะ
และที่ขาดไม่ได้ก็คือเจ้าพวกกุญแจลิงน้อย และเข็มกลัดลิงฟ้าน่ารักๆ
ในภาพนี้เหมียวๆตั้งใจถ่ายโปรโมชั่นมาให้เพื่อนๆดูค่ะ ใครอยากเข้าไปใช้บริการก็เข้าไปจองตรงได้ที่เวปไซด์ของโรงแรมได้เลยค่ะ http://www.blumonkeyhotels.com/
เหมียวๆเชื่อว่าคนที่ชอบถ่ายภาพ ต้องชอบแน่นอนค่ะ เพราะมีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปแนวๆ หลากหลายมากค่ะ เหมียวๆขอบอกเล่าความประทับใจไว้เพียงเท่านี้ ขอลาไปกับภาพสุดท้ายนะคะ แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ เราได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ 2 Madames ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : Kit Kat Kitten Fan Page ด้วยนะคะ
Kit Kat Kitten
ถึงแม้จะมีคนบอกว่า "แตงโม" เป็นสาวออฟฟิตใช้ชีวิตวุ่นๆเกือบทั้งหมดไปกับการทำงาน จนไม่มีเวลาไปไหนต่อไหน แต่ความเป็นจริงนั้น Lifestyle ของสาวลั่นล๊าแบบแตงโมไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ก็แตงโมทั้งชอบกิน ชอบเดินทางไปเที่ยว เป็นสาวสังคม และเป็นรักสัตว์ แบบนี้ จะพลาดชีวิต Chic Chic ไปได้ยังไง ความสุขเล็กๆของแตงโม คือการได้เดินทางไปในที่ต่างๆ และชื่อเหมียวๆนี้แตงโมจะนำมาใช้เป็นนามปากกาเวลาเขียนรีวิว ในทุกๆที่ที่แตงโมไปสัมผัส แตงโมรักที่จะเขียนเรื่องราว แบ่งปันความทรงจำ แชร์ความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆทุกคนค่ะ Kit Kat Kitten Fanpage https://www.facebook.com/kitkatkittenfans