เดินทางมากันถึงตอนสุดท้ายของซีรี่ย์ ขับรถเที่ยวยุโรปตะวันออกด้วยตัวเอง : 6 ชีวิต คน 3 รุ่น อายุ 2 ขวบยัน 65 ปี กับ 14 วัน 2,500 km พิชิต 4 ประเทศ 11 เมือง ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ในตอนนี้จะพาไปเที่ยวชมเมืองบูดาเปสต์ Budapest เมืองหลวงของประเทศฮังการี Hungary ซึ่งความสวยงามของเมืองบูดาเปสต์นั้นงดงามจนได้รับการยกย่องให้เป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” เมืองถูกคั่นด้วยแม่น้ำดานูบที่สวยงามแยกเมืองเก่าและเมืองใหม่ออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเมืองบูดาและฝั่งเมืองเปสต์ จะมีอะไรให้เที่ยวบ้าง ตามไปชมรีวิวกันครับ
ความเดิมตอนที่แล้ว
ภาพรวมของทริป —> http://www.2madames.com/2madames-in-eastern-europe-czech-austria-germany-hungary/
เที่ยว Prague —> http://www.2madames.com/prague-czech-republic/
เที่ยว Cesky Krumlov —> http://www.2madames.com/cesky-krumlov-czech-republic/
เที่ยว Salzburg —> http://www.2madames.com/salzburg-austria/
เที่ยว Konigssee —> http://www.2madames.com/konigssee-lake-germany/
เที่ยว Zugspitze, Neuschwanstein —> http://www.2madames.com/zugspitze-neuschwanstein-castle-germany/
เที่ยว Innsbruck, Munuch http://www.2madames.com/zugspitze-neuschwanstein-castle-germany/
เที่ยว Hallstatt —> http://www.2madames.com/hallstatt-austria/
เที่ยว Vienna —> http://www.2madames.com/vienna-austria/
เนื่องด้วยมีเวลาเที่ยวเมืองบูดาเปสแค่เพียง 1 วัน พวกเราจึงออกเดินทางจากเวียนนากันแต่เช้าตรู่ พอเข้าทางหลวงก็แวะจ่ายทางด่วนที่ปั้มน้ำมันก่อน พอเราเปลี่ยนประเทศสกุลเงินก็เปลี่ยนไป จากยูโรกลายเป็น โฟรินท์ฮังการี Forints (HUF) ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ 1.2-1.3 บาท/โฟรินท์ ไม่ต้องแลกเงินจากไทยครับ นำยูโรไปแลกที่ฮังการีได้เลย หรือแม้กระทั่งบางร้านก็สามารถจ่ายเป็นยูโรได้ครับ เค้ารับ
แม้เราจะขับผ่านทางของฮังการีไม่ถึง 24 ชั่วโมง แต่ขั้นต่ำค่าทางด่วนต้องจ่ายเหมา 7 วัน ทำไงได้ครับ ก็ต้องซื้อตามกฏหมายเค้า เพื่อความสบายใจ มาเที่ยวเมืองสวยๆทั้งทีควักกระเป๋าจ่ายไปซะดีๆ
Budapest บูดาเปสต์ เมืองหลวงของประเทศฮังการีที่รวมเอาสองเมืองเข้าด้วยกัน คือเมือง “บูดา” กับเมือง “เปสต์” รวมกันเมื่อปี 1873 บูดาเปสต์นั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่มีความงดงามติดอันดับโลก จนได้รับสมญานามว่า “บูดาเปสต์ ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ด้วยเพราะทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ (Danube) หรือที่คนฮังกาเรียนเรียกขานว่า ดูนา (Duna) เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำดานูบ มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อนเรียกว่าฝั่งบูดา (Buda) เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรมโบราณและศิลปวัฒนธรรมอันเก่าแก่ ส่วนฝั่งเปสต์ (Pest) มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นราบ เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของเมือง
ฝั่งซ้ายของแม่น้ำดานูบ หรือเขตบูดา Buda ประกอบด้วยเมืองเก่าและพระราชวังหลวงบนเนินเขา Castle Hill ฝั่งบูดาเราจะเที่ยว Royal Palace, ป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion) และโบสถ์มาธียาส (Matthias Church) กันครับ
ส่วนฝั่งขวาของแม่น้ำ หรือเขตเปสต์ Pest ไปเที่ยวชมอาคารรัฐสภา, จัตุรัสฮีโร่, ปราสาท Vajdahunyad Castle, มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen Basilica)
โดยมีสะพานเชน (Chain Bridge) หรือสะพานโซ่ ข้ามแม่น้ำเป็นอีกไฮไลท์หนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก www.Planetware.com
มาถึงหาที่จอดรถได้แล้วก็มาต่อคิวรถราง Siklo (Funicular Railway) ขึ้นไป Castle hill กัน วันนี้นักท่องเที่ยวเยอะทีเดียว
เด็กน้อยสองคน น้องเกรซน้องกายอารมณ์ดีตลอดทริป
สำหรับใครที่ขับรถเองและไม่ต้องการเสียเงิน ก็สามารถขับรถไปจอดด้านบนได้เลยครับ ส่วนครอบครัวผมอยากได้บรรยากาศก็เลยขึ้นรถรางเที่ยวจ้า
ขึ้นไปแล้ว แวะทักทายกับยามตัวสูงๆหน้า Sandor Palace หรือที่พักของประธานาธิบดีฮังการีครับ
วิวจาก Castle Hill มองลงไปยังสะพานโซ่สวยมาก
ที่เห็นไกลๆก็คือ อาคารรัฐสภาอันสวยงามของประเทศฮังการี
เข้าไปเดินเล่นในลานพระราชวังกัน
มีให้ฝึกยิงธนูด้วยนะ
คนเยอะเหลือเกินครับ และด้วยเวลาเที่ยวจำกัด เลยตัดสินใจไม่เดินไปเข้าพระราชวังครับ ถ่ายภาพอยู่ด้านนอกก็พอ
วิวเมืองสวยงามไม่น้อยครับ
จากพระราชวังเราสามารถเดินไปเที่ยวต่อยัง โบสถ์มาธียาส (Matthias Church) ได้ครับ โดยแทบไม่ต้องเปิดแผนที่ใดๆเลย ให้เดินตามคนเยอะๆไป เพราะใครๆก็เที่ยวแบบนี้กันทั้งนั้น
โบสถ์แมทเทียส (Matthias Church)
เป็นโบสถ์ใหญ่เก่าแก่อายุ 700 ปี ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทเทียส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี เมื่ออดีตโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเถลิงราชสมบัติของกษัตริย์แห่งฮังการี แต่ในช่วงที่ฮังการีถูกรุกรานจากกองทัพเติร์ก สมบัติส่วนใหญ่ถูกขนออกไป และถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นมัสยิสหลักของเมืองภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ.1541 และในช่วงสงครามขับไล่กองทัพเติร์ก โบสถ์แมนเทียสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อสงครามสงบลงจึงมีการบูรณะโบสถ์แมทเทียสให้กลับมายิ่งใหญ่และงดงามดังเดิม มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค ส่วนด้านโบสถ์ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาที่งดงามเกินคำบรรยาย
อนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ได้ชมกันเป็นอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่หน้าป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน สร้างขึ้นไว้เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมืองในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกรานเมื่อปี 1241 – 1242
ที่อยู่ติดกันเลยก็คือ ป้อมชาวประมง (Fishermen’s Bastion)
ป้อมทรงกรวยยอดแหลม 7 ยอดนี้ สร้างขึ้นต้นศวรรษที่ 20 เพื่อระลึกถึงชนเผ่าแมกยาร์ 7 เผ่าที่ช่วยป้องกันการรุกรานของกองทัพมองโกล ส่วนชื่อนั้นตั้งตามหมู่บ้านชาวประมงที่อยู่ด้านล่างครับ
คุณพ่อตาคุณแม่ยายกับป้อมชาวประมงอันสวยงาม
บนป้อมชาวประมงนี้ถือว่าเป็นจุดชมวิวรอบเมืองบูดาที่สวยที่สุด สามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้แบบพาโนรามา มองเห็นสะพานเชน และอาคารรัฐสภาฮังการีริมแม่น้ำดานูบที่งดงามตรึงตา ประทับใจกับการที่ได้มาเยือน “บูดาเปสต์” นครหลวงอันงดงามแห่งสาธารณรัฐฮังการี
วิวสวยๆแบบนี้ ให้นางแบบนายแบบถ่ายภาพสักชุดนะครับ
ได้เวลาอาหารกลางวัน ก็หาร้านอาหารทานกันด้านบนนี่แหละ ค่าครองชีพของฮังการีไม่ได้แพงเหมือนออสเตรียแล้ว
ลงมาเที่ยวสะพานโซ่กันต่อ
วิวแม่น้ำดานูบช่างสวยงาม
สองคุณนายของผมยิ้มหวานมาก
มองกลับไปยังตัวปราสาทที่เพิ่งไปเที่ยวมา
เดินข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง ให้คุณพ่อตาคุณแม่ยายนั่งพัก ชมวิวกันก่อนนะ
ให้ทุกคนนั่งพักริมแม่น้ำ ผมรีบเดินย้อนข้ามสะพานกลับไปเอารถ ขับมารับลูกทัวร์ไปเที่ยวต่อที่ ฮีโร่สแควร์ (Hero Square)
ฮีโร่สแควร์ (Hero Square)
สถานที่แห่งนี้เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานฮีโร่สแควร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เป็นดั่งหลักของอาณาจักรฮังการี รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9
นอกจากนี้ยังมีเสาระเบียงโดยรอบที่ประดับประดาไปด้วยรูปหล่อของบุคคลสำคัญของฮังการี ไม่ว่าจะเป็นอดีตกษัตริย์ นักปราชญ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ของฮังการี ซึ่งในช่วงที่มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น ฮังการียังคงอยู่ภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ดังนั้นรูปหล่อบางรูปในขณะนั้น จึงเป็นบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กแห่งออสเตรีย แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก การบูรณะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนรูปหล่อของบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กทั้งหมดให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ฮังการี สอดคล้องกับสภาพการเมืองในขณะนั้นที่จักรวรรดิออสเตรียล่มสลายลง และฮังการีได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศเอกราช
ถ่ายภาพกันหน่อย
ปราสาท Vajdahunyad Castle
อยู่ถัดไปด้านหลังของ Hero Square สร้างเพื่อเฉลิมฉลองครบ 1,000 ปี ของอาณาจักรฮังการี ได้จำลองส่วนสำคัญๆของสถานที่ต่างๆในประเทศฮังการีมารวมไว้ที่นี่ และได้ผสมผสานกับปราสาท Hunyad Castle หรือปราสารทแดร็คคิวล่าในโรมาเนียมารวมไว้ด้วย ปัจจุบันด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์การเกษตรครับ
มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen Basilica)
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสูงโดดเด่นเป็นสง่าในฝั่งเปสต์ เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1851 เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1905 ใช้เวลากว่า 54 ปีในการก่อสร้าง มหาวิหารแห่งนี้มีความสูงถึง 96 เมตร ถือว่าป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในบูดาเปสต์
ด้านในกว้างขวาง ใหญ่โต อลังการ สวยงามมากครับ
เพดานตกแต่งอย่างสวยงาม
อาตี๋กายยิ้มแป้นกับมะม้าหน้าโบสถ์ เห็นแบบนี้หัวใจพ่ออย่างผมมันช่างอิ่มเอมจริงๆ
เที่ยวโบสถ์เสร็จ ถึงคราวของ อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการที่ไม่ควรพลาดมาเที่วชม ถือว่าป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิคด้วยหลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร
ก็บรรยากาศมันดี ขอสวีทกันนิดหนึ่งนะ
เจ้าตัวน้อยถึงตัวจะเล็กแค่นี้ แต่เปรียบเสมือนเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของผมเลย
ในชีวิตนี้ไม่ได้หวังอะไรมากมาย ขอแค่เพียงลูกผมยิ้มได้ ผมก็สุขใจเกินพอแล้ว
จุดต่อมาขับรถขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่ดีที่สุดของเมืองจาก Gillert hill ครับ
จากจุดนี้เราจะสามารถเห็นสถานที่สำคัญทุกที่ของเมือง Budapest สวยมากๆเลย
ตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า ยามเย็นเริ่มต้นครับ เรามาเดินเล่นริมแม่น้ำชมวิวกัน
เอาภาพบรรยากาศช่วงฟ้าทไวไลท์มาฝากสักชุดละกันนะครับ
อิจฉาชาวเมืองบูดาเปสต์เหลือเกินที่มีวิวสวยๆแบบนี้ให้ชมทุกวัน
บอกตรงๆว่ามันสวยมากจนผมทำหัวใจหล่นไว้ที่นี่ครับ
ฟ้าที่ยุโรปมืดเร็วมาก ยังไม่ทันได้เก็บภาพจากหลายๆมุม ฟ้าก็มืดเสียแล้ว น่าเสียดายที่มีเวลาให้กับเมืองนี้น้อยไปหน่อย
ทิ้งไว้ภาพสุดท้ายไว้ที่สะพานยามค่ำคืน 1 วันน้อยไปจริงๆกับเมืองสวยๆอย่าง Budapest ไม่ตายจะขอกลับมาซ่อมใหม่อีกครั้ง
คืนนั้นผมขับรถออกนอกเมืองไปพักแถวๆสโลวาเกีย รุ่งเช้าอีกวันก็เดินทางกลับปราก เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทย
เป็นอันจบรีวิวซีรี่ย์ ขับรถเที่ยวยุโรปตะวันออกด้วยตัวเอง : 6 ชีวิต คน 3 รุ่น อายุ 2 ขวบยัน 65 ปี กับ 14 วัน 2,500 km พิชิต 4 ประเทศ 11 เมือง ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ไปอย่างสมบูรณ์
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การติดตามและรับชม หวังว่าคงได้รับข้อมูลการเดินทางที่เป็นประโยชน์ไปไม่มากก็น้อย
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป