เมืองฉงชิ่งที่อยู่ของประชากร 31 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีประชากรเยอะที่สุดของโลก ฉงชิ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งมรดกโลกและความเจริญของบ้านเมือง
วันนี้รีวิวของผมไม่มีครอบครัวสุขสันต์ ไม่มีสองคุณนายหรือคุณชายเล็กเหมือนเช่นเคยนะครับ เป็นการบินเดี่ยวของผมเพราะเป็นทริปรับเชิญจากสายการบิน Thai Air Asia และรัฐบาลจีน ในฐานะสื่อมวลชน ร่วมเดินทางไปคณะสื่อมวลชนอีก 32 ชีวิต และ Blogger ชื่อดัง “ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก”
และอย่างที่บอกว่าเป็น Sponsor Review ขอแจ้งว่าผมได้รับการสนับสนุนทุกสิ่งอย่างในรีวิวนี้จากสายการบิน Thai Air Asia และรัฐบาลจีน ไม่ว่าจะเป็นเที่ยวบิน ที่พัก อาหาร เดินทาง และการท่องเที่ยวทั้งหมด
พร้อมจะเดินทางไปพร้อมกับผมหรือยังครับ?
เนื่องจากเที่ยวบินที่ผมเดินทางไปฉงชิ่งเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Thai Air Asia จึงได้รับมอบประกาศนียบัตรและคู่มือท่องเที่ยวเมืองฉงชิ่งเป็นพิเศษด้วย
การเดินทางจากกรุงเทพไปฉงชิ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง พอถึงที่เมืองฉงชิ่ง ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากรัฐบาลจีนครับ
มารู้จักเมืองฉงชิ่งกันก่อนนะครับ
มหานครฉงชิ่งเป็นเขตเทศบาลนคร หมายถึงเป็นเมืองที่บริหารโดยตรงจากรัฐบาลจีน เช่นเดียวกับ กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และไทจิน ตั้งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีพื้นที่ติดกับมณฑลหูเป่ย์ หูหนัน กุ้ยโจว ซื่อชวนและฉ่านซี ภายในตัวเมืองมีแม่น้ำไหลพาดผ่านหลายสายเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 8 ของจีน มีเนื้อที่ 82,300 ตร.กม.; มีประชากร (พ.ศ. 2548) 31,442,300 คน ความหนาแน่น 379/ก.ม.² จีดีพี (2005) (310) พันล้านเหรินหมินปี้ รวมต่อประชากร 8,540 พันล้านเหรินหมินปี้ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น
ได้ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองภูเขา เตาไฟ เมืองในหมอก” อันเป็นแหล่งกำเนิดของชนเผ่าปาหยีโบราณ มีประวัติศาสตร์อันเนิ่นนานกว่า 3,000 ปี
ขอบคุณภาพประกอบจาก“ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก”
การเดินทางทั่วไปในเมืองฉงชิ่ง
การเดินทางค่อนข้างถูกครับ หากเป็น CRT ก็ขึ้นอยู่กับระยะทางที่โดยสาร หรือรถเมล์ ราคาเพียง 1-3 หยวน ส่วน Taxi ราคาเริ่มต้นที่ 7 หยวนครับ ก็ราคาประมาณประเทศไทยครับ จ่ายกันสบายๆ
CRT ปัจจุบันมี 3 สายครับ
สาย 1 และสาย 3 ขณะที่ผมไปบางช่วงกำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างอยู่ สาย 3 สามารถเดินทางถึงสนามบินได้เลย ส่วนสาย 2 จุดแวะสำคัญๆคือ
– Jiaochangkou และ Linjiangmen ลงบริเวณถนนคนเดิน Jeifangbei ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปิ้งและการค้า Downtown ของเมือง
– Huanhuayuan สำหรับ Hongyadong
– Zhenjiayan สำหรับ Chongqing Municipality Government
– Dongwuyuan สำหรับสวนสัตว์เมืองฉงชิ่ง
กรุณาดูกระทู้คุณหมอยุ่งเพิ่มเติมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองฉงชิ่ง
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E11850833/E11850833.html
กระทู้การเดินทางจาก Tripadvisor
http://www.tripadvisor.com/Travel-g294213-s302/Chongqing:China:Getting.Around.html
Chongqing Planning Exhibitions Gallery และลานจัตุรัสชมวิวริมน้ำ Chaotianmen Square
ย่าน Chaotianmen ตั้งอยู่ตรงจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายสำคัญคือ แม่น้ำแยงซีและแม่น้ำเจียหลิง บริเวณนี้จะเป็นลานกว้างที่ให้ผู้คนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจกัน และติดกับ Chaotianmen ก็มี Chongqing Planning Exhibitions Gallery นั่นเอง
การเดินทาง : CRT สถานี Chaotianmen หรือรถบัสสาย 112, 401
ในภาพคือจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสาย
ชาวฉงชิ่งมักมานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันที่ Chaotianmen Square
บริเวณนี้ ผู้คนที่นี่ชอบเล่นว่าวสายแบบนี้ครับ
ใกล้ๆกันก็เป็นที่ตั้งของ Chongqing Planning Exhibitions Gallery ซึ่งมีภาพสวยๆจัดแสดงให้ชมเพียบเลยครับ
และไฮไลท์ไม่ควรพลาดสำหรับที่ Chongqing Planning Exhibitions Gallery คือโมเดลจำลองผังเมืองของเมืองฉงชิ่ง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเมืองที่ใหญ่และน่าทึ่งด้วยอาคารสูงมากมายทั้งเมือง
พิพิธภัณฑ์บ้านโบราณ (Huguang Guild Hall)
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแยงซี บริเวณ Dongshuimen ในเขต Yuzhong สร้างครั้งแรกในสมัยจักรพรรดิคังซี ราชวงศ์ชิง (1662-1722) ภายในแสดงประวัติการตั้งถิ่นฐานของเมือง การค้า ศาสนา และการเกษตรของชาวฉงชิ่ง
การเดินทาง : นั่งรถเมล์สาย 702, 703, 832, 875
เบอร์โทร : 0086-23-63930544
ภายในแสดงวิถีชีวิตการตั้งถิ่นฐานของชาวฉงชิ่ง
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่นิยมในการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งของชาวฉงชิ่งด้วยครับ แต่งตัวน่ารักเชียว
ถนนคนเดินย่าน Jeifangbei
ย่าน Jeifangbei นับเป็นย่านการค้าที่สำคัญมากของเมืองฉงชิ่ง ห้อมล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ภัตตาคาร ร้านค้าต่างๆ และมี Landmark สำคัญคือ Liberation Monument ที่สร้างขึ้นเมื่อได้รับชัยชนะในสงครามต่อต้านญี่ปุ่นปี 1937-1945
การเดินทาง : สถานี CRT Jiaochangkou และ Linjiangmen หรือรถเมล์สาย 103, 122, 215, 251, 413
Tip : หากมาช่วงเวลายามค่ำคืนบริเวณนี้จะสวยมากๆจากไฟของห้างสรรพสินค้าต่างๆ และมีวัยรุ่น ผู้คนออกมาเดินเล่นมากมาย
แบรนด์เนมมีครบทุกแบรนด์ครับ น่าจะถูกใจขาช้อปไม่น้อย
Hongyadong Folklore Zone
จากย่าน Jeifangbei เดินไปทางทิศเหนือไม่เกิน 5 นาทีก็จะพบกับอาคารที่แปลกสวยสะดุดตาออกแนวโบราณ นั่นคือ หงหยาต้ง Complex ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแยงซีเกียง ภายในประกอบได้ โรงแรม ร้าน อาหาร มีทั้งหมด 4 ชั้นด้วยกัน แต่ละชั้นก็จะมีร้านขายของเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ที่เป็นจุดเด่นเลย ก็คือชั้น 4 ด้านบนจะจำลองเป็นบ้างเมืองสมัย โบราณ มีร้านขายขนม ร้านน้ำชา ร้านขายของที่ระลึก และร้านอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ขายของทานเล่น เช่น เนื้อแพะย่าง เนื้อไก่ย่าง ปลาหมึกย่าง ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
การเดินทาง : เดินจาก Jeifangbei ไปทางริมแม่น้ำทิศเหนือ หรือ CRT สถานี Huanhuayuan หรือนั่งรถเมล์สาย 601
เบอร์โทรศัพท์ : 0086-23-63708808
มีร้านค้าขายของ มีร้านอาหารวิวสวยๆอยู่ทั่วไป แถมมีมุมถ่ายรูปเพียบเลยนะครับ
เมื่อเดินเล่นขึ้นมายังชั้นดาดฟ้าก็จะมีลานโล่งๆ มีการแสดงดนตรีสด มีคู่หนุ่มสาวและผู้คนมากมายที่มาชมวิวแม่น้ำของ Hongyadong ครับ
เมืองโบราณ ซีฉีกั๋ว (Ancient Town of Ciqikou)
รัฐบาลจีนอนุรักษ์ไว้สืบเนื่องเพราะประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่เริ่ม ก่อสร้างราชวงศ์ซ่งสู่ยุครุ่งเรืองด้านการเป็นเมืองท่าราชวงศ์หมิง มีจุดเด่นการผนวกวัฒนธรรมเก่าแก่ ความเชื่อทางศาสนาแตกต่างกัน และตึกรามบ้านช่องรูปทรงโบราณ เป็นแหล่งผลิตสินค้าพื้นเมืองตกทอดกันมารุ่นต่อรุ่นรวมถึงร้านชาจีนจำนวนมาก
การเดินทาง : ลง CRT สถานี Shapingba แล้วต่อ Taxi ไปไม่ไกล หรือนั่งรถเมล์สาย 220, 261, 808, 843 ลงสถานี Ciqikou
Tip : หากมีเวลาพอลงสถานี Shapingba แล้วจะพบกับแหล่งช็อปปิ้งและห้างสรรพสินค้าเหมือนกับย่าน Jeifangbei ครับ
บางร้านขายแต่พริกอย่างเดียวก็มี
หมูปลุกพริกแล้วทอด อร่อยนะ ชอบมาก
ขนมทอด คนต่อแถวเข้าคิวซื้อกันยาวเหยียดเลยครับ แต่ผมว่ารสชาติเฉยๆครับ
มีวัดสวยๆ Bao Lun Buddhist Temple ให้ขึ้นไปเที่ยวชมด้วย
กิจกรรมยามค่ำคืนและ Night Life ของเมืองฉงชิ่ง
ชีวิตยามค่ำคืนของเมืองฉงชิ่งค่อนข้างจะคึกคักครับ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้บริการมากมาย ตั้งแต่ ชมโชว์น้ำพุ, ล่องเรือชมความงามของเมืองเวลายามค่ำคืน, ผับและร้านอาหารต่างๆ
ล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียง ชมความงามของเมืองเวลายามค่ำคืน Night Cruise
เนื่องจากเมืองฉงชิ่งเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพในยามค่ำคืนที่สวยงามที่สุดเมืองหนึ่ง กิจกรรมที่เป็นที่นิยมในราคาไม่แพงมากคือ การล่องเรือแม่น้ำแยงซีเกียงชมเมืองครับ
มีบริษัทเรือมากมายที่ให้บริการแบบนี้อยู่ สนนราคาก็อยู่ราวๆ 60-200 หยวนครับ แล้วแต่ว่ามีอาหารด้วยหรือไม่
การเดินทาง : มีเรือออกจาก Chaotianmen Dock เรืออกจากท่าประมาณ 2 ทุ่ม ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
บรรยากาศภายในเรือก็เลิศหรูมากๆ
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนิยมนั่งบนดาดฟ้าของเรือครับ เพราะจะสามารถเห็นวิวได้ชัดเจนที่สุด และอากาศก็ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
จิบเครื่องดื่มชมแสงไฟจากตึกสูงๆริมแม่น้ำก็เพลินดีไม่น้อยครับ
Hongyadong เมื่อมองจากเรือล่องแม่น้ำช่างสวยงามมากมาย
โรงแรม Sheraton ที่ตัวอาคารเลียนแบบตึก Petronas ของมาเลเชีย
นอกจากนี้บางบริเวณของเมืองเช่นที่ลานหน้าโรงแรม Sheraton ยังมีโชว์น้ำพุประกอบดนตรี สวยไม่แพ้ที่ไหนของโลกเหมือนกันครับ
นอกจากที่เที่ยวในเมืองแล้ว เมืองฉงชิ่งยังรายล้อมด้วยที่เที่ยวนอกเมืองที่สวยงามมากมาย หลายๆที่ก็ได้รับการยกย่องและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย
ผาหินสลักต้าจู๋ Da Zu Rock Carving
อยู่ห่างจากเมืองฉงชิ่งไปทางทิศตะวันตกประมาณ 60 km เขาหินแกะสลัก เป่าติ่งซาน เขาแห่งนี้มีพระพุทธรูปหินแกะสลักที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่งเหนือและซ่งใต้ รวม 50,000 กว่ารูป มีรูปร่างลักษณะที่ต่างกันมากมายฝีมือประณีตเป็นไปตามแต่ละสมัยที่มีการแกะสลักเพิ่มเติมขึ้นมาจึงได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ว่า เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันลํ้าค่า ของโลกในปีค.ศ.1999
การเดินทาง : สามารถซื้อทัวร์หรือตั๋วรถบัสจาก Chongqing West Bus Station หรือ Caiyuanba Bus Station หรือ Chengjiapin Bus Station ไปยังเมืองต้าจู๋ แล้วต่อรถมินิบัสหรือ Taxi ไปยังภูเขาอีกที
ค่าเข้าชม : เข้าชมทุกส่วน 120 หยวน เข้าชมบางส่วน 60-80 หยวน
Tip : ไม่แนะนำให้นั่งรถไฟ เพราะว่าใช้เวลานานกว่ารถบัสครับ
Website : www.dzshike.com
หินแกะสลักในถ้ำ มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน คนโบราณที่นี่มีการออกแบบทางน้ำไหลและทางส่องสว่างไว้อย่างลงตัว
แต่ละผนังที่แกะสลักก็มีเรื่องราวที่กล่าวถึงพระพุทธศาสนาที่ผสมผสานกับลัทธิเต๋า สอนให้คนรู้จักความดีความชั่ว
เมือง อู่หลง Wulong สะพานฟ้า ผามังกร
เมืองมรดกโลกตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของฉงชิ่ง เป็นเมืองที่โอบล้อมด้วยภูเขาสูง มีแม่น้ำอู่เจียงตัดผ่านเป็นแม่น้ำสายหลัก มีทัศนียภาพที่งดงามเกินบรรยาย มีสะพาน 3 แห่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
การเดินทาง : ขึ้นรถบัสจาก Chaotianmen Bus Station วิ่งไปยังเมืองอู่หลง แล้วต่อรถอีกทีไปยัง Tianshengsanqiao
โทรศัพท์ : 0086-23-77821666
มีบ้านโบราณที่สวยงามกลางหุบเขา และที่นี้เองก็เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “ศึกโค่นบัลลังก์ วังดอกไม้ทอง” หรือ Curse of the golden flower ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับ จางอี้โม๋ อันโด่งดังด้วย
สะพานที่เกิดเองโดยธรรมชาติ จะมีด้วยกัน 3 สะพาน คือ สะพานมังกรฟ้า, สะพานมังกรเขียว และสะพานมังกรดำ ที่บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์และดูยิ่งใหญ่มากครับ
Tip : ระยะทางในการเดินค่อนข้างไกล ควรใส่รองเท้าที่กระชับสวมสบาย บริเวณภูมิประเทศอยู่ในหุบเขาสลับกับทะเลสาบ จึงมีอากาศเย็น ควรใส่เสื้อกันหนาวให้เพียงพอ
ผามังกร หลุมซึ่งเกิดโดยธรรมชาติ ปกคลุมด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์
ที่จริงบริเวณนี้ยังมีที่เที่ยวที่เป็นที่นิยมที่ผมไม่ได้เดินทางไปในทริปนี้ด้วยคือ ถ้ำหินงอกหินย้อย Furong ครับ
มาพักรู้จักกับอาหารของเมืองฉงชิ่งและมณฑลเสสวนกันบ้างนะครับ
อาหารของที่นี่ มักจะมีรสจัดกว่ามณฑลอื่นๆของจีน และนิยมใส่น้ำมัน เรียกว่าอะไรไม่มัน ยังต้องราดน้ำมันให้มัน มีพืชผักที่สดใหม่จากไร่สวน และเนื้อสัตว์ต่างๆ รวมทั้งปลาน้ำจืดด้วย
มาจานแรกเลยนะครับ เห็ดหูหนู เป็นจานแรกของโต๊ะแทบทุกมื้อครับ
ต้มยำเต้าหู้ ที่พิเศษคือมีพริกชื่อดัง “หมาร่า” ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวฉงชิ่งและเสสวน เมื่อกัดเข้าไปจะออกฤทธิ์ให้ลิ้นชา ไม่รู้อร่อยตรงไหน แต่เท่าที่ถามมามันเป็นสมันไพรครับ
เนื่องจากภูมิประเทศของเมืองเป็นหุบเขา ไม่ค่อยเจอกับแสงอาทิตย์ มีความชื้นสูง ทำให้คนเมืองนี้เป็นโรคไขข้อกัน หากกินหมาร่าเข้าไปจะช่วยขับความชื้นออกจากร่างกายครับ
หมูสามชั้นนุ่มๆ ทานไขมันจากเนื้อสัตว์ให้ร่างกายสามารถต่อสู้ความหนาวได้
ซี่โครงหมูทรงเครื่อง เนื้อนุ่ม อร่อยครับ
เป็ดที่นี่อร่อยมากๆ สุดยอดเลย
หากมีโอกาสออกไปนอกเมือง มักจะมีพืชไร่มาเสิร์ฟให้กินกันสดๆเลย เช่น ข้าวโพด เผือก มัน ฟักทองต่างๆ
หากมาถึงเมืองฉงชิ่งอย่าลืมชิม Hot Pot หรือสุกี้ของเมืองเค้าด้วยนะครับ คล้ายๆ MK ครับ แต่มีรายละเอียดแตกต่างกัน
หากมาถึงประเทศจีน ที่พลาดไม่ได้คือเบียร์ครับ ราคาถูกมากกว่าน้ำดื่มอีก แต่ละเมืองก็มีเบียร์ Local ของตัวเองไป
ขนมเลย์ที่นั่น มีรสชาติแปลกๆเพียบ ไม่ว่าจะเป็นรสแตงกวา รสหมูสามชั้น รสปลาสามรส เป็นต้น
ขอกล่าวถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของเมืองฉงชิ่งหน่อยนะครับ เริ่มจากอะไรดีหละ เริ่มจากสาวๆของเมืองดีกว่า
สาวของเมืองฉงชิ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสาวที่สวยที่สุดของประเทศจีน เนื่องจากภูมิประเทศที่ไม่มีแสงแดดจ้า ผิวพรรณจึงขาวเนียน อีกทั้งภูมิประเทศหุบเขาแบบนี้ จึงต้องเดินขึ้นเดินลงเป็นว่าเล่น เค้าว่ากันว่าทำให้หุ่นดีมากๆ
ส่วนภาพนี้ คือ รปภ หน้าโรงแรมที่พักนะครับ บอกตามตรงว่าไม่น่าจะเป็น รปภ เลย เหมาะเป็น PR มากกว่า
ภรรยาไม่มาด้วย งั้นขอสักภาพแล้วกัน หุหุ
ผู้คนที่นี่ค่อนข้างจะกลัวภาษาอังกฤษนะครับ หากพูดใส่เค้า เค้าจะเดินหนีเลย ถือเป็นสิ่งที่ลำบากในการเดินทางมากๆ แต่ผู้คนที่นี่อัธยาศัยดีครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส
เกร็ดที่สำคัญที่แปลกของเด็กที่นี่ คือกางเกงเปิดตูดแบบนี้แหละครับ ใส่กันทุกคน คงจะสะดวกเวลาขับถ่าย แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเย็นก้นหรือเปล่าน้า
และเนื่องจากมันคงเปิดง่าย พอปวดเมื่อไหร่ ก็นั่งยองๆถ่ายกันกลางถนนเลยครับ แถมเสร็จแล้วไม่เก็บให้เรียบร้อยด้วย อันนี้รับไม่ค่อยได้
ที่จริงหากใครพูดถึงการเดินทางตามท้องถนนของประเทศจีน ย่อมนึกถึง “จักรยาน” ใช่มั้ยครับ แต่เมืองฉงชิ่งนี้ไม่มีจักรยานขี่กันเลยครับ สักคันยังไม่มีเลยครับ
เหตุผลก็คือภูมิประเทศที่เป็นหุบเขาครับ ขี่ขึ้นขี่ลงกันไม่ไหวครับ
ในภาพคือ สามล้อ ของเมืองฉงชิ่งครับ น่ารักเชียว
สัตว์เลี้ยงที่เป็นที่นิยมของชาวฉงชิ่งคือ หมา ครับ คนที่นี่นิยมพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น มักจะเห็นได้มากมายตามลานจัตุรัสของเมืองครับ
และหากกล่าวถึงเมืองฉงชิ่งแล้ว คงจะต้องกล่าวถึงเมืองเฉิงตูด้วย เพราะเป็นเมืองหลวงของมณฑลเสสวน ซึ่งมีระยะทางไม่ไกลจากเมืองฉงชิ่งมากนัก และผู้คนก็มักจะเรียกสองเมืองนี้ว่าเป็นเมืองพี่น้องกัน
ที่จริงการเดินทางระหว่างเมืองฉงชิ่ง และเมืองเฉิงตู สามารถเดินทางด้วยหลายวิธี ตั้งแต่ รถบัสระหว่างเมือง, เครื่องบิน และที่เป็นที่นิยมมากๆคือ รถไฟหัวกระสุนครับ
รถไฟหัวกระสุนเป็นการเดินทางที่สะดวก รวดเร็วมาก โดยใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ในราคาประหยัดมากๆ คือตั๋ว First Class 117 หยวน และที่นั่งธรรมดา 98 หยวนเท่านั้น และความถี่ของรถไฟก็ค่อนข้างจะเยอะออกเกือบทุก 2 ชั่วโมง
เฉิงตู เป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจกลางมณฑล มีพื้นที่ 12,390 ตร. กม. ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการ ศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ คำว่าเฉิงตูมีความหมายว่า ค่อย ๆ กลายเป็นเมือง เนื่องจากย้อนไปเมื่อราว 2,000 ปีที่แล้ว ในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้มีการจัดการชลประทานขึ้น เพื่อแก้ไข ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดเป็นประจำทุกปี เมื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ ชาวนาชาวไร่เพาะปลูกได้ดี ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น คนจึงเริ่มอพยพมาที่เมืองนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้ชื่อว่า เฉิงตู
เฉิงตู เป็นเมืองใหญ่ที่น่าท่องเที่ยวติดอันดับของจีน เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่หลายแห่ง นอกจากศูนย์อนุรักษ์และเพาะพันธุ์หมีแพนด้าแล้ว ยังเป็น เมืองสามก๊ก มีศาลเจ้าสามก๊กตั้งอยู่ สามก๊กเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเมืองจีน เรื่องราวเริ่มขึ้น ในปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของจักรพรรดิเหี้ยนเต้ เนื่องจากสมัย สามก๊กนั้นเล่าปี่ตั้งราชธานีที่เสฉวน โดยมีขงเบ้งมาช่วยเล่าปี่บริหาร ประชาชนมีความสุข แต่เมื่อสิ้นเล่าปี่แล้วประชาชน นับถือขงเบ้งมากกว่าเล่าปี่ เลยสร้างศาลเจ้าขึ้นมา แต่ไม่นานผู้ปกครองเมืองจีนเห็นว่าไม่ถูกต้อง เลยออกคำสั่งสร้างศาลเล่าปี่ให้มีรูปปั้นขุนนาง 14 ท่าน ศาลเจ้าสามก๊ก สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.223 เพื่อรำลึกถึงบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์สามก๊ก หรือ สมัย ค.ศ.220-280 ซึ่งสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นผลงานการก่อสร้างที่ปรับปรุงในปีที่ 11 ของจักรพรรดิ์คังซี แห่งราชวงศ์ชิง และศาลเจ้าแห่งนี้ ได้รับการยกย่องเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ของจีน เมื่อปี ค.ศ.1961 และได้สร้างเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เมี่อปี ค.ศ.1984 ด้วย
แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในตัวเมืองเฉิงตู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และห่างจากตัวเมืองออกไปเป็นแหล่งธรรมชาติ ทั้งนี้เป็นทิวทัศน์และโบราณสถานที่สร้างขึ้น โดยมนุษย์ 172 แห่ง ที่สำคัญได้แก่ ศาลเจ้าอู่โหว สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงจูเก๋อเลี่ยง (ขงเบ้ง-อัครมหาเสนาบดีผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์รัฐสู่) ที่นี่ยังเป็นที่ฝังศพของขงเบ้งและหลิวเป้ย(เล่าปี่-กษัตริย์สู่ฮั่น)ด้วย บ้านเก่าท่านกวีเอกตู้ฝู่ สุสานหวังเจี้ยนมู่ เขื่อนชลประทานตูเจียงเอี้ยน วัดเอ้อหวัง และทิวทัศน์ธรรมชาติที่เขาชิงเฉิง
เฉิงตูยังเป็นชุมทางคมนาคมสู่แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกที่มีชื่ออย่าง อุทยานแห่งชาติจิ่วไจ้โกว หวงหลง เขาง้อไบ๊ และที่ตั้งของพระพุทธรูปใหญ่แห่งเขาเล่อซัน ทิเบตดิน แดนหลังคาโลก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวโครงการเขื่อนมหึมาที่ซันเสีย เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นฐานวิจัยเพื่อการเพาะพันธุ์และเพาะเลี้ยงหมีแพนด้า ‘สมบัติล้ำค่า’ ของประเทศ
เมืองเฉิงตูอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองฉงชิ่ง ระยะห่างกันประมาณสี่ร้อยกีโลเมตรครับ
ในภาพ คือ ชนบทระหว่างเมืองฉงชิ่งและเมืองเฉิงตู ทุ่งสีเหลืองๆ นั่นคือพืชที่มีเมล็ดนำไปกลั่นเป็นน้ำมันพืชได้ครับ
วัดมัญชุศรี หรือวัดเหวินซู เป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเฉิงตู มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์สุย (ปีค.ศ.605-617) เดิมชื่อวัดซินเซี่ยงจื้อ แต่โดนทำลายในสงครามในปลายราชวงศ์หมิง ต่อมาในรัชกาลคังซี ราชวงศ์เช็งได้โปรดให้มีการบูรณะวัดขึ้นมาใหม่ โดยมีหลวงพ่อฉือตู่เป็นแกนนำซึ่งเชื่อว่าหลวงพ่อเป็นภาคหนึ่งของพระโพธิสัตย์มัญชุศรี ภายหลังเปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดเหวินซู
การเดินทาง : วัดอยู่ที่ 15 Wenshuyuan Jie ให้ลงสถานี Renmin Zhong Lu
ค่าเข้าชม : 5 หยวน
โทรศัพท์ : (86 28) 8693 2375
ชาวเฉิงตูให้ความเคารพศรัทธามากๆ แต่ที่นี่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในวิหารหรืออาคารนะครับ ต้องถ่ายภาพจากภายนอกเท่านั้น
ภายในวัดกว้างใหญ่มากมีทั้งส่วนวิหาร ศาลา โรงทาน และสวนขนาดใหญ่
ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า
แพนด้าเป็นสัตว์ที่หาชมได้ยากและเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศจีน ศูนย์อนุรักษ์อยู่บนเนื้อที่ 600,000 ตารางเมตร ซึ่งใช้เป็นศูนย์เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ รวมถึงใช้เป็นสถานที่ศึกษาหมีแพนด้าซึ่งเป็นสัตว์อนุรักษ์ของประเทศจีน และชมความน่ารักพร้อมสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของเหล่าหมี
ค่าเข้าชม : 58 หยวน
Website: http://www.panda.org.cn
หมีแพนด้าที่นี่มีอยู่สองสายพันธุ์ครับ ที่เห็นในภาพก็คือ Red Panda หรือหมีแพนด้าแดงครับ แต่ดูไปดูมาผมว่ามันเหมือนตัวแรคคูนหางจิ้งจอกมากกว่า
และพระเอกของที่นี่ครับ แหล่งรวมบรรพบุรุษของหลินปิงเลยหละที่นี่
ศูนย์ผ้าไหม Shu Brocade
ของฝากยอดนิยมของเมืองเฉิงตู ตั้งแต่โบราณคนจีนได้ศึกษาและวิจัยเพาะเลี้ยงไหม จนสามารถผลิตผ้าไหมที่มีคุณภาพ
ที่ตั้ง : 268 Huanhua Lu
การเข้าชม : ฟรี
ภายในร้านผ้าไหมนี้ มีการอธิบายการผลิตผ้าไหมตั้งแต่กระบวนการเพาะเลี้ยงจนการทอ ส่วนผลผลิตสามารถนำไปทอผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน เสื้อผ้า ตลอดจนชุดชั้นในเลยครับ ส่วนราคาก็แพงไม่ใช่เล่นครับ แต่หากเทียบกับคุณภาพก็น่าจะโอเคครับ
การแสดงอุปรากรและโชว์เปลี่ยนหน้ากาก Sichuan Opera (Chuan Ju)
การแสดงอุปรากรและโชว์เปลี่ยนหน้ากากชื่อดังของเสสวนเริ่มต้นประมาณปลายราชวงศ์ หมิง และเริ่มเฟื่องฟูเรื่อยมา ในระยะแรกเป็นเพียงการแสดงหน้าโรงน้ำชา โดยค่าชมการแสดงตามความชอบใจของผู้ที่ทานน้ำชา แต่ภายหลังมีการสร้างเป็นโรงแสดง เก็บค่าเข้าชมแล้วเสิร์ฟน้ำชาแทน
โชว์เปลี่ยนหน้ากากสามารถเปลี่ยนหน้ากากได้มากถึง 20 ชิ้นเลยทีเดียว
ราคา : 180-260 หยวน แล้วแต่โรงแสดง
การแสดงอุปรากรจีนก็คล้ายๆกับลิเกหรืองิ้วของบ้านเราครับ
มีการแสดงที่แบ่งเป็นตอนๆ บางเรื่องก็ให้ทั้งความบันเทิงและแฝงข้อคิดให้กับผู้ชมไปด้วย
ถนนด้านหน้าโรงละคร ก็มีอาคารโบราณซึ่งมีของจำหน่ายมากมาย
บทสรุปของทริป Chongqing – Chengdu
แต่ก่อนหากกล่าวถึงเมืองฉงชิ่ง อาจจะไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะรู้จักเมืองเฉิงตูที่อยู่ใกล้เคียงกันจะมากกว่า
การเดินทางของผมครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเมืองฉงชิ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่เจริญก้าวหน้า สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก
ขอเรียนให้ทราบว่านอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ปรากฏอยู่ในรีวิวฉบับนี้แล้ว ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านของชาว Ba-Yu ทะเลสาปรอบเมือง หรือเส้นทางล่องแม่น้ำแยงซี ไปชม Three Gorges Dam เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก จิ่วจ่ายโกว ภูเขาง้อใบ้ ฯลฯ ลองหารายละเอียดอ่านดูจากเว็บไซค์ท่องเที่ยวต่างๆนะครับ
โดยรวมเมืองฉงชิ่งเหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ไม่ว่าคนชอบแสงสีในเมืองใหญ่ หรือขาช็อปปิ้ง ถ้าคุณรักธรรมชาติ วัฒนธรรมและประวัติศาตร์ ลองมาสัมผัสกับมรดกโลกของเมืองนี้ ไม่แน่นะครับว่าคุณจะรักเมืองๆนี้เหมือนกับผม
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณรัฐบาลจีนและสายการบิน Thai Air Asia ที่เชิญไปรู้จักเมืองที่มีเสน่ห์มากมายอย่าง ฉงชิ่ง และ เฉิงตู ในครั้งนี้ ถือเป็นประการณ์ที่ดีมากของผมจริงๆ
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ผู้เดินทาง หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป