เดิมทีบอกตรงๆว่าแทบไม่เคยรู้จักประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่านอย่างโครเอเชีย,สโลเวเนีย,บอสเนียฯ และมอนเตรเนโกรมาก่อนเลย จนวันหนึ่งได้ไปเห็นภาพของเพื่อนในเฟสบุ๊ค โอ้โห มันสวยมาก ประกอบกับเราเป็นแฟนซีรี่ย์ดังอย่าง Game of Thrones ซึ่งมีฉากถ่ายทำมากมายที่โครเอเชียด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เราสนใจดินแดนแถบนี้มากขึ้น
จนกระทั่งมีโปรโมชั่นของ Qatar Airways ไปกลับกรุงเทพ-ซาเกร็บ มาในราคาแค่คนละไม่ถึงหมื่นห้าพันบาท เลยจองตั๋วเครื่องบินพาทั้งครอบครัวไปเยือนดินแดนแถบนี้จนได้
พอได้มาท่องเที่ยวดินแดนนี้จริงๆ ต้องบอกเลยว่าเป็นเส้นทางที่มีทั้งบ้านเมืองและธรรมชาติที่สวยงามในระดับมรดกโลก ผู้คนน่ารัก อาหารก็อร่อย ที่สำคัญราคาข้าวของค่าครองชีพก็ไม่แพง จ่ายอะไรก็สบายกระเป๋า ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ รวม 153,334 บาท หารเฉลี่ย 4 คนจะอยู่ที่ 38,333 บาทต่อคน เที่ยวยุโรป 16 วันแบบจัดเต็ม ไม่มีอด กินอร่อย พักสบาย เที่ยวเต็มที่ คิดว่าคงไม่มีทัวร์ที่ไหนทำราคานี้ได้
น่าเสียดายที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักประเทศเหล่านี้เท่าไหร่นัก รีวิวนี้จะพาทุกคนไปรู้จักเส้นทางท่องเที่ยวแถบนี้กัน จะสวยงามแค่ไหน เตรียมตัวเที่ยวอย่างไร ตามมารับชมรีวิวกันครับ
มารับชมในรูปแบบคลิปกันนะ
โปรแกรมการเดินทางท่องเที่ยวโครเอเชีย-สโลเวเนีย-บอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า-มอนเตรเนโกร Croatia-Slovenia-Bosnia and Herzegovina-Montenegro 16 วัน ตั้งแต่ 3-18 ต.ค. 60
3 ต.ค. – เดินทางด้วยสายการบิน Qatar Airways จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แวะเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา และมุ่งหน้าสู่กรุงซาเกร็บ Zagreb เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย Croatia
4 ต.ค. – ถึงซาเกร็บ Zagreb แล้วรับรถเช่าจากบริษัท Sixt แล้วเดินเล่นในเมือง : Cathedral of Zagreb / Dolac Market / Ul. Ivana Tkalčića / St. Mark’s Church
5 ต.ค. – ข้ามพรมแดนสู่ประเทศสโลเวเนีย Slovenia เที่ยวทะเลสาบ Bled Lake บ่ายเที่ยวเมืองลูบลิยานา Ljubljana : Dragon Bridge / Triple bridge / ชิมไอติมร้านอร่อย Vigo / ขึ้นรถรางไป Ljubljana Castle
6 ต.ค. – เที่ยวถ้ำโพสทอยนา Postojna Cave และปราสาท Predjama Castle
7 ต.ค. – เที่ยวเมืองพิราน Piran / Town Walls / Tartini Square / หม่ำร้านซีฟู้ดถูกแต่อร่อยขั้นเทพ Fritolin Pri Cantini
8 ต.ค. – ข้ามพรมแดนกลับมายังประเทศโครเอเชีย Croatia เที่ยวเมือง Rastoke – Slunj
9 ต.ค. – เที่ยวน้ำตกพลิทวิเซ่ Plitvice
10 ต.ค. – เที่ยวเมืองซาดาร์ Zadar : Saint Anastasia / Crkva Sv. Donata / Sea Organ / The Greeting to the Sun
11 ต.ค. – เที่ยวเมืองชีเบนิค Sibenik : Barone Fortress เที่ยวเมืองสปริต Split : Diocletian’s Palace ชมวิวบน Saint Domnius Bell Tower
12 ต.ค. – ข้ามพรมแดนไปยังประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่า Bosnia and Herzegovina เที่ยวเมือง Mostar ชมสะพาน Stari most ที่แบ่งแยกสองศาสนาจากผู้คนสองฝั่งน้ำ
13 ต.ค. – มุ่งหน้าสู่ประเทศมอนเตรเนโกร Montenegro เที่ยวเมือง Perast : Our Lady of the Rocks / St. Nikola Church
14 ต.ค. – เที่ยวเมืองโคเตอร์ Kotor : Lady of Remedy / Kampana Tower / Clock Tower / Cats Museum / หม่ำสเต็กร้านเด็ด Tanjga Family Restaurant
15 ต.ค. – กลับสู่โครเอเชีย Croatia เที่ยวเมืองดูโบรฟนิก Dubrovnik : Ploce Gate / Church of Saint Blaise / Dubrovnik Cathedral ตามรอย Game of Thrones ฉากราชินีเดินแก้ผ้ากลางเมือง / Pile Gate
16 ต.ค. – เที่ยวเมืองดูโบรฟนิก Dubrovnik : Tvrđava Bokar / Lovrijenac / Gradac Park / ทานร้านเก๋ Barba
17 ต.ค. – คืนรถเช่า บินไปซาเกร็บ เพื่อเตรียมเดินทางกลับประเทศไทย
18 ต.ค. – ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
การเตรียมตัวการเดินทาง
1.) วีซ่า : เนื่องจากโครเอเชีย-บอสเนียฯ-มอนเตเนโกร ไม่อยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป แต่สามารถใช้วีซ่าเชงเก้น Multiple Entry ที่ยังไม่หมดอายุเข้าไปท่องเที่ยวได้ ส่วนสโลเวเนียอยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป จึงควรขอวีซ่าเชงเก้นที่สโลเวเนียเพื่อเข้าได้ทุกประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่าทั้งหมด โดยต้องชี้แจงว่าเราจะเดินทางผ่านสโลเวเนีย
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple Entry ก็สามารถขอวีซ่าโครเอเชียได้ รายละเอียด : http://www.vfsglobal.com/croatia/thailand/Thai/Tourist.html แต่อาจจะเที่ยวได้เพียงโครเอเชียประเทศเดียวนะครับ ส่วนในกรณีของครอบครัวเรามีวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple Entry ตั้งแต่ทริปก่อนแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าแต่อย่างใด
2.) เงิน : แต่ละประเทศในแถบคาบสมุทรบอลข่านใช้สกุลต่างกัน
สโลเวเนียและมอนเตเนโกรจะใช้เงินสกุลยูโร 1 EUR = 39 บาท (ต.ค. 60) ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนได้ที่ https://www.superrichthailand.com/
ส่วนโครเอเชียจะใช้เงินสกุลโครเอเชียคูนา 1 HRK = 5.19 บาท
และบอสเนียฯจะใช้เงินสกุล Convertible Mark = 0.5 EUR
แต่เราจะหาเงิน HRK และ Convertible Mark ไม่ได้ในประเทศไทยนะครับ วิธีการคือแลกเงินยูโรไปสกุลเดียว แล้วไปแลกเงินท้องถิ่นอีกที 1 ยูโรจะแลกได้ 7.0-7.3 HRK ที่โครเอเชีย และแลกได้ประมาณ 1.9 Convertible Mark ที่บอสเนียฯ ซึ่งบางร้านก็รับชำระเงินยูโรเลยครับแต่อาจจะมีอัตราแลกเปลี่ยนไม่ค่อยจะดีนัก
3.) เวลาแถบบอลข่านใช้ CET Central European Time UTC/GMT +1 hour ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง
4.) ภาษา : ผู้คนแถบนี้ส่วนใหญ่จะพูดภาษาท้องถิ่น และพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่พอสื่อสารได้โดยไม่ลำบากมากนักในร้านอาหาร โรงแรม หรือสถานที่ท่องเที่ยว
5.) อากาศและการแต่งกาย : ประเทศแถบบอลข่านในปีหนึ่งแบ่งออกเป็น 4 ฤดู แต่ละฤดูจะกินเวลา 3 เดือน วันเดือนที่กำหนดว่าเป็นวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละฤดูนั้น จริง ๆแล้วไม่ได้หมายความว่าอากาศจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นจริง ๆ วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิบางปีในบางท้องถิ่นอากาศจะหนาวมากกว่าฤดูหนาวในบางถิ่น ฤดูทั้ง 4 มีดังนี้คือ
ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มเดือน มีนาคม สิ้นสุด มิถุนายน ในฤดูนี้อากาศจะอบอุ่นขึ้น ต้นไม้ที่โกร๋นปราศจากใบมาตลอดเวลา 3 เดือน ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นจะเริ่มผลิใบ การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมาก ในเวลาไม่กี่วันหลังอากาศอบอุ่นต้นไม้จะผลิใบเขียวชอุ่ม ปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนอากาศจะไม่แน่นอน ในช่วงนี้จึงยังคงเก็บเสื้อโค้ตไม่ได้เพราะอากาศจะหนาวเมื่อไรก็ได้ บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง อากาศจะดีจริง ๆ ในเดือนพฤษภาคม ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สวยงาม ฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส พระอาทิตย์ซึ่งไม่เคยปรากฏในฤดูหนาวเริ่มส่องแสง
ฤดูร้อน เริ่มเดือน มิถุนายน สิ้นสุด กันยายน ฤดูร้อนเป็นฤดูที่กลางวันยาวมาก เมื่อกลางวันยาว กลางคืนก็สั้นประมาณ 6 – 7 ชั่วโมง กลางวันยาวในที่นี้ หมายความว่า พระอาทิตย์ตกดินช้า สามทุ่มหรือสี่ทุ่มยังไม่มืด เมื่อไม่มืดก็มีความรู้สึกว่ายังไม่ถึงกลางคืน กลางคืนจะยาวประมาณ 6 – 7 ชั่วโมง ฤดูร้อนอากาศร้อน ผู้คนจึงไปชายทะเล ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งวันหยุด ผู้คนเฝ้ารอฤดูนี้เพื่อจะได้ไปเที่ยวทะเล เพื่อจะได้อาบแดด บางเมืองอากาศจะร้อนมาก อุณหภูมิที่สูงสุดในฤดูร้อนอาจสูงถึงประมาณ 30 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนมากสำหรับประเทศหนาว
ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มต้นเดือน กันยายน สิ้นสุด ธันวาคม อากาศที่สดใส แดดจ้าในฤดูร้อนเริ่มเปลี่ยน ท้องฟ้าสีเทา ลมแรง ใบไม้เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง กลางวันสั้นมากขึ้น กลางคืนยาวขึ้น ใบไม้สีเหลือง แห้งและร่วง แต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยฤดูหนึ่ง เพราะใบไม้ที่เปลี่ยนสีทำให้ฟ้าสวยงาม หาที่เปรียบไม่ได้ อากาศในช่วงต้นฤดูไม่หนาวมาก แต่จะเริ่มหนาวปลายๆฤดูครับ
ฤดูหนาว เริ่มเดือน ธันวาคม สิ้นสุด มีนาคม ปลายฤดูใบไม้ร่วง กลางวันสั้นมากขึ้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฤดูหนาวในประเทศหนาวคือ ความหนาว ฝนและหิมะ การแต่งกายต้องจัดเต็มเรื่องกันหนาวมากครับ เสื้อให้หนาและอุ่น รองเท้าบูท ลองจอห์นจัดไปครับ
ทริปในต่างประเทศส่วนใหญ่เราจะต้องเดินเยอะนะครับ รองเท้าแนะนำให้เลือกที่กระชับ ใส่สบาย เหมาะกับการต้องเดินมากๆ แต่หากใครชอบรองเท้าที่พื้นนุ่มกระชับ เบาใส่สบาย แถมสีสันสวยงาม ครอบครัวเราขอแนะนำให้ใส่ของ SKECHERS เลยครับ ใส่แล้วแทบลืมยี่ห้ออื่นไปเลย
6.) ประกันภัยการเดินทาง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เวลาครอบครัวเราต้องซื้อทุกครั้งหากต้องเดินทางต่างประเทศ นอกจากจำเป็นในการยื่นขอวีซ่าในบางประเทศแล้ว ประกันภัยการเดินทางยังเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เพราะเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์กับเราบ้างเวลาเดินทาง
บางครั้งไฟล์ทดีเลย์ จะได้มีค่าชดเชยที่พักและอาหาร หรือกระเป๋าเดินทางสูญหาย เราจะได้มีความคุ้มครองที่จะไปหาเสื้อผ้าเพิ่มเติม และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องอุบัติเหตุ รวมทั้งการเจ็บป่วย เพราะการรักษาพยาบาลในต่างประเทศนี่ค่าใช้จ่ายสูงมาก มีเพื่อนผมคนหนึ่งเคยต้องไปเข้าโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น เชื่อมั้ยว่าค่ารักษาเกือบล้านบาท ยิ่งถ้าเราต้องเดินทางพร้อมกับเด็กๆหรือผู้สูงอายุแล้ว มีโอกาสและความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดเจ็บป่วย ประกันการภัยเดินทางเดี๋ยวนี้ก็ไม่แพงนะ ซื้อไม่กี่บาทเอง ถ้าไปไม่กี่วันบางทีจ่ายหลักร้อยแต่คุ้มครองหลักล้านบาทเลย ถึงแม้จะไม่มีเหตุการณ์อะไร แต่ก็ถือว่าซื้อความอุ่นใจ เดินทางได้มั่นใจขึ้น
ไปยุโรปแนะนำของ MSIG เพราะเป็นบริษัทประกันภัยที่ได้รับการรับรองในการทำประกันภัยการเดินทางเพื่อยื่นขอ visa schengen แถมถ้ายื่นไม่ผ่านคืนเงิน 100% เลย อันนี้ขอเสริมเล็กน้อย ถ้าใครมีทริปการเดินทางหลายประเทศแล้วไม่อยู่ในกลุ่มเชงเก้นเลย เวลาเลือกประเทศปลายทางแนะนำให้เลือกประเทศที่อยู่ไกลประเทศไทยมากที่สุด และไม่ต้องห่วงต่อให้เดินทางหลายประเทศในทริปยังไง MSIG ก็คุ้มครองแน่นอน มีเพื่อนเคยเคลมแล้ว บอกว่าเคลมไม่ยาก ดูแลดีมาก ช่วงนี้เค้ามีโปรโมชั่นด้วยนะ
ซื้อประกันภัยการเดินทาง MSIG TravelEasy ตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป รับสิทธิ์ 3 ต่อ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 60
ต่อ 1 รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์
รายเที่ยว สำหรับผู้ที่เดินทางเป็นทริป (เดินทางได้สูงสุด 180 วัน)
เบี้ยเริ่มต้น 500 บาท/คน รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ หรือ Starbucks e-Coupon 100 บาท
เบี้ยเริ่มต้น 1,000 บาท/คน รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ หรือ Starbucks e-Coupon 200 บาท
รายปี สำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย แนะนำให้เดินทางเป็นรายปี (อยู่ได้นาน 120 วัน/ครั้ง)
ทุกแผน รับบัตรกำนัลสตาร์บัคส์ หรือ Starbucks e-Coupon 500 บาท
ต่อ 2 เบี้ยประกันเดินทางคนละ 800 บาทขึ้นไป ลุ้นสิทธิ์ชิงแพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่น 5 วัน 3 คือ สำหรับ 2 ท่าน และรางวัลอื่นๆอีกมากมาย มูลค่ารวม 300,000 บาท
ต่อ 3 รับส่วนลด Uber Car มูลค่า 200 บาท ทุกกรมธรรม์
คุ้มขนาดนี้ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันเองที่ https://goo.gl/9hYc8K ได้เลย
7.) อาหารและเสบียงที่เตรียมจากไทย
อาหารในแถบบอลข่าน นิยมทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean food ที่เน้นไปทางอาหารทะเล ปลาหมึก ปลา และหอยต่างๆ ดินแดนแถบนี้จะได้รับอิทธิพลอาหารมาจากอิตาลีด้วย ทำให้มีพวกสปาเก็ตตี้และพิซซ่าให้เลือกทานได้ไม่ยาก ซึ่งราคาก็ไม่แพงมากนักนะครับ ค่าครองชีพแพงกว่าบ้านเรานิดเดียวเอง
ครอบครัวเราค่อนข้างติดอาหารไทยครับ ยิ่งเด็กๆ จะไม่ค่อยชอบทานอาหารยุโรปเท่าไหร่ หากจะต้องทานเบอร์เกอร์ พิซซ่า หรืออาหารต่างถิ่นนานๆ มักจะเบื่อมากครับ เราเลยต้องเตรียมเสบียงไปจากไทยไปเยอะหน่อย ทั้งขนม นมของเด็กๆ รวมทั้งหม้อหุงข้าวไว้หุงข้าวทาน เอาข้าวสารและแกงซองไปปรุงเองในต่างแดนด้วย
เราก็จะไปเลือกซื้อของสด เนื้อสัตว์ ไข่ และผักสดจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็เหมือนๆประเทศไทยครับ หากเราไปทานตามร้านอาหารก็ย่อมแพงกว่าซื้อกลับมาทานเอง ซึ่งนอกจากจะประหยัดเงินแล้ว การทานอาหารไทยในต่างแดนยังทำให้หายคิดถึงบ้านได้ด้วยนะ
อย่างไรก็ตามเราจะทำอาหารทานเฉพาะในมื้อเช้าและเย็นเท่านั้นนะครับ หากเป็นมื้อกลางวันเราก็จะทานอาหารท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการท่องเที่ยวของพวกเรา เพราะอาหารท้องถิ่นจะทำให้เราสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมของดินแดนที่เราไปเยือนได้มากขึ้นจริงๆ
8.) ที่พัก เมื่อเราวางแผนจะทำอาหารทาน จึงต้องเลือกที่พักแนวอพาร์ทเม้นท์ที่มีครัวและอุปกรณ์ด้วย ทริปนี้เราจองที่พักของ Airbnb รัวๆเลย ที่พักดีงาม มีพื้นที่กว้างกว่าโรงแรม และไม่แพงเลย
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก Airbnb ลองอ่านบทความนี้ก่อน http://www.2madames.com/airbnb/
ใครจะจองที่พัก Airbnb เข้าลิงก์นี้ กดรับส่วนลด 700 บาทได้เลย http://airbnb.com/2madames
ที่พักของพวกเราในทริปนี้ ไม่แพงเลย มีครัว ห้องนั่งเล่น นอนสบาย ตกแต่งเก๋ไก๋อีกต่างหาก
Zagreb https://th.airbnb.com/rooms/16636122
Ljubljana https://th.airbnb.com/rooms/12975112
Postojna https://th.airbnb.com/rooms/12818955 *อันนี้เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กมาก มีสนามเด็กเล่นใหญ่มาก ห้องพักได้ 9 คน
Piran https://th.airbnb.com/rooms/4010700
Plitvice https://th.airbnb.com/rooms/3304527
Zadar https://th.airbnb.com/rooms/6210619
Split https://th.airbnb.com/rooms/8287221
Mostar https://th.airbnb.com/rooms/13272468
Perast https://th.airbnb.com/rooms/210779 *อันนี้ไม่ค่อยประทับใจนะ แนะนำให้ไปนอนควบที่ Kotor เลย
Kotor https://th.airbnb.com/rooms/11989870 *อันนี้ดีมาก
Dubrovnik https://th.airbnb.com/rooms/5909925 *วิวมหาชนจากระเบียงที่พักเลย เจ๋งมาก
ส่วนถ้าใครจะจองผ่าน Booking.com ก็มีแนวอพาร์ทเม้นท์ดีๆมากมายให้เลือกนะ กดรับเครดิต 1,000 บาทก่อนที่นี่เลยครับ https://goo.gl/2gQY54
9.) อินเตอร์เนต ถ้าใช้เครื่องเดียวแนะนำให้เปิด Data Roaming ไปครับ แต่หากต้องการใช้อินเตอร์เนตพร้อมกันหลายเครื่องต้องเช่า Pocket Wifi ครับ ถ้าไปยุโรปหลายๆประเทศแนะนำของ Magic Wifi เลย มีเคาน์เตอร์รับ-คืนอยู่ที่สุวรรณภูมิเลย ราคาก็ไม่แพงนะ สนใจดูลิงก์นี้ครับ https://www.facebook.com/magicwifi/
ปล.ที่บอสเนีย+มอนเตเนโกร จะไม่มีอินเตอร์เนตบริการไม่ว่าค่ายใดๆนะครับ ต้องใช้เนตจากที่พักล้วนๆนะครับ
ได้เวลาเดินทางแล้วจ้า บิน Qatar Airways มาตรฐานดีมาก ชอบที่เค้าดูแลเอาใจใส่เด็กๆดีมาก เสิร์ฟอาหารให้เด็กก่อน มีของเล่นแจกบนเครื่องด้วย หนังบนเครื่องก็ใหม่ มาตรฐานสูงมากครับ สมกับเป็นสายการบินอันดับต้นๆของโลก บินแล้วไม่ผิดหวังเลย
เนื่องจากเราเดินทางพร้อมกับเด็กๆถึง 2 คน แถมสัมภาระก็เยอะ เราจึงไม่อยากต้องแบกกระเป๋าขึ้นรถไฟกัน เราจึงเลือกเช่ารถเช่าของ Sixt ในการขับรถเที่ยวกัน โดยรับรถจากสนามบินซาเกร็บแล้วไปคืนต่างสาขาที่สนามบินดูบรอฟนิก
ข้อดี คือ ไม่ต้องแบกกระเป๋าไกล กระเป๋าถึงที่พักเลย เที่ยวก็สะดวก ไปถึงที่หมาย โดยไม่ต้องรอขึ้นรถไฟ รถบัส ควบคุมเวลาเองได้ แถมที่พักก็อยู่ชานเมืองที่ค่าเช่าประหยัดลงหน่อยได้
ข้อเสีย คือ แพงกว่ารถสาธารณะ ทั้งค่าเช่าหรือค่าจอดรถ และต้องขับพวงมาลัยซ้ายเป็นนะ ที่จริงก็ไม่ยากสำหรับคนที่ขับพวงมาลัยชวาเป็นนะ แค่ตอนแรกๆมันจะไม่ค่อยชิน แนะนำให้วนรถในที่ปลอดภัยให้ชินก่อนออกถนนใหญ่
ที่จริงเราจองรถแบบ ECO คันเล็กๆมานะ แต่พอมารับรถจริง เจ้าหน้าที่ของ Sixt เคยมาเที่ยวประเทศไทยแล้วชอบประเทศไทยมาก เค้าบอกเค้ารักอาหารไทย รักคนไทย พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย เลยอัพเกรดรถเป็น Audi A4 ให้ฟรีจ้า สุดยอด #ใครๆก็รักเมืองไทย
สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมเวลาจะเดินทางมาขับรถในต่างแดน
1. ใบขับขี่ไทย สำคัญมาก ต้องพกตัวจริงมาแสดงนะ ห้ามสำเนาหรือภาพถ่าย ไม่งั้นรับรถไม่ได้
2. ใบขับขี่สากล International Driving Permit (IDP) ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ทำได้ง่ายๆที่กรมขนส่งทางบก 500 บาท แปปเดียวเสร็จ
เริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า หลังจากรับรถเช่าแล้วขับไปจอดที่พัก Airbnb แล้ว ก็เดินมาเที่ยวในตัวเมืองซาเกร็บกันหน่อย
บริเวณนี้เป็นจัตุรัสเล็กๆที่มีรูปปั้นชื่อ Peter Preradović ครับ
เช้านี้หิวมากๆ เราสั่งร้านอาหารเล็กๆบริเวณจัตุรัส เค้าขายพวกแพนเค้กคล้ายๆเครปแป้งนุ่มดี ส่วนของน้องเกรซสั่งไข่ทอดกับขนมปังปิ้ง รสชาติใช้ได้เลย น้องเกรซชมไม่ขาดปากเลย
ในเมือง Zagreb ที่จริงไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวที่มี Landmark สำคัญต้องไปเที่ยวเยอะ แต่มุมถ่ายภาพเล่นเพียบเลยนะ
สวนสาธารณะ Park Zrinjevac
จัตุรัสกลางเมืองครับ
Cathedral of Zagreb
ไม่ไกลจากมหาวิหารมีตลาดผลไม้ Dolac Market อยู่ด้วย ชั้นใต้ดินจะเป็นตลาดของสดครับ พวกองุ่นและเบอรี่ต่างๆราคาไม่แพงขายอยู่ครับ
ถนน Ul. Ivana Tkalčića มีบ้านเรือนและร้านอาหารสวยๆเพียบเลย เป็นที่เดินเล่นอย่างดีครับ
เดินมาอีกไม่ไกลก็จะเป็นโบสถ์ St. Mark’s Church มีหลังคาลายตารางเหมือนธงชาติโครเอเชียสวยงามมากครับ
เช้าวันใหม่ ออกเดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศ Slovenia ใครที่ขับรถเช่า จำเป็นจะต้องหยุดซื้อสติ้กเกอร์ทางด่วนที่ปั้มแรกหลังจากผ่านพรมแดนมานะครับ
เราซื้อแบบ 7 วัน ราคา 15 EUR ครับ
จุดหมายสำคัญและเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปก็คือ Lake Bled ซึ่งจะมีโบสถ์ตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไปชมวิวจากตัวปราสาท Bled Castle แต่บอกเลยว่ามุมนั้นจะไกล อาจจะได้ภาพไม่สวยเท่าไหร่
เราแนะนำให้มาชมจากจุดชมวิวที่ชื่อว่า Ojstrica ที่อยู่อีกด้านของทะเลสาบ ซึ่งจากจุดนี้จะสามารถชมวิวเกาะได้ใกล้กว่า แถมได้ตัวปราสาท Bled Castle เป็น Background ด้วย
แต่ทางขึ้นอาจจะต้องไปจอดรถบริเวณ Camping แล้วเดินขึ้นเขามาต่ออีกประมาณ 30 นาทีนะครับ เมื่อยขาอยู่ แต่พอได้นั่งชมวิวเท่านั้นแหละ บอกว่าหายเหนื่อย คุ้มค่าที่เดินขึ้นมาสุดๆครับ พิกัดที่พวกเราจอดรถ
สวยมั้ยๆ
เที่ยว Bled Lake กันเสร็จ ก็แวะมาเที่ยวที่เมืองลูบลิยานา Ljubljana กันต่อ เริ่มกันที่สะพานมังกร Dragon Bridge กันก่อนเลย
บริเวณนี้คือ Triple bridge ครับ
ใครที่ชอบทานไอติมเจลาโต้ แวะร้านนี้เลยครับ VIGO ไอติมอร่อยมากๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/Q7k87F7g1592
และเราก็เดินไปเที่ยวบน Ljubljana Castle กัน วิวเมืองจากหอคอยสวยสุดๆ ไปเลยครับ
เช้าวันใหม่ มาเที่ยวกันต่อที่ถ้ำโพสทอยนา Postojna Cave ซึ่งจะต้องนั่งรถไฟเข้าไปชมกันครับ
ปกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับถ้ำนะ แต่ถ้ำ Postojna Cave เนี่ยอลังการจริงๆ เราใช้เวลาเดิน 2-3 ชั่วโมงยังไม่ทั่วดีเลยครับ สมแล้วที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้เรียบร้อย
สิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งที่อาศัยอยู่ในถ้ำมืด ก็คือเจ้า Baby Dragon รูปร่างหน้าตาก็ประมาณนี้แหละครับ
ไม่ไกลจากถ้ำ Postojna จะมีปราสาท Predjama Castle อยู่ ปราสาทแห่งนี้มีลักษณะพิเศษ คือตั้งอยู่บริเวณปากถ้ำเลย ไม่เหมือนใครจริงๆเลย
วันนี้เที่ยวแค่ครึ่งวันเช้า แล้วเข้าที่พักเร็ว เค้ามีจักรยานให้ยืมปั่นฟรี เลยพาน้องเกรซปั่นเล่น แวะทักทายเจ้าแพะกัน สนุกใหญ่เลย
วันรุ่งขึ้นเข้ามุ่งสู่เมือง Piran ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ Slovenia กัน
มุมมหาชนที่ไม่ควรพลาดของที่นี่คือวิวเมืองจากกำแพงเมือง Town Walls
เดินลงมาจะเจอกับจัตุรัส Tartini Square ข้างๆกันมีท่าเรือสวยเชียวครับ
พวกเราเดินลัดเลาะชายฝั่งมาเรื่อยๆ ชายฝั่งทะเลของ Piran จะไม่มีหาดทรายนะ จะมีแต่ก้อนหินครับ
มื้อเที่ยววันนี้หารีวิวจาก Tripadvisor มา เป็นร้านซีฟู้ดชื่อว่า Fritolin Pri Cantini อาหารจะเป็น Mediterranean food กินปลาหมึกเค้าสดมากนะ ห้ามพลาด ไม่แพงด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/wEqzoopCrQJ2
เช้าวันใหม่เราเดินทางข้ามพรมแดนกลับไปที่ประเทศ Croatia อีกครั้ง โดยเราไปพักเที่ยวเมือง Slunj เลยแวะไปเดินเที่ยวที่หมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่า Rastoke ครับ
หมู่บ้าน Rastoke เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีน้ำตกไหลผ่านหมู่บ้านไป โดยชาวบ้านก็สร้างบ้านคร่อมน้ำตกไปเลย แถมมี Watermill โบราณให้เที่ยวชมอยู่
เค้าสร้างเกาะกลางน้ำแบบนี้เลย ชิลด์มาก
มายุโรปในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีส้มแดง สวยงามมาก
ใครมาเมืองนี้แนะนำให้ชิมปลาเทราต์ของร้าน Petro นะ หาไม่ยากเป็นร้านใหญ่สุดของเมือง อร่อยมากเลย
รุ่งเช้าเรามาเที่ยวกันที่อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ National Park Plitvice Lakes มีพื้นที่ใหญ่โตมาก ประกอบไปด้วยทะเลสาบน้ำสีเขียวใสดั่งกระจกที่รายล้อมด้วยภูเขาสูงที่ปกคลุมด้วยพื้นป่าอันอุดมสมบูรณ์ และมีน้ำตกที่สวยงามมากมาย โดยที่นี่ธรรมชาติมีความสวยงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้เป็นที่เรียบร้อย
การเดินเที่ยวชมอุทยานแห่งนี้ มีคอร์สให้เลือกหลายแบบตั้งแต่ 2-3 ชั่วโมงจนถึง 8 ชั่วโมง แต่เราเลือกคอร์ส 5-6 ชั่วโมง แต่พอเดินจริงๆ มีแวะพักและแวะถ่ายรูปไปเรื่อย ใช้เวลาในการเดินเยี่ยมชมทั้งหมด 8 ชั่วโมง ทำเอาเมื่อยขาเหมือนกัน แต่มันสวยงาม คุ้มค่าแก่การเมื่อยมากๆ
ใครแวะมาเที่ยวโครเอเชีย ต้องบอกเลยว่าห้ามพลาดในการมาเยือนสรวงสวรรค์แห่งนี้เด็ดขาดนะครับ มันสวยงามสุดๆจริงๆ
สำหรับใครที่ต้องการไปชมวิวในภาพ คือเป็นมุมที่ถูกซ่อนไว้ ที่น้อยคนจะรู้ ต้องเดินตามนี้นะ
จากน้ำตกใหญ่ Veliki Slap – Big waterfall จะมีบันไดตามในภาพ ให้เดินขึ้นไปจนสุดทาง จะมีศาลาก็ให้ไปทางขวา เดินสุดจนเจอถนนก็เลี้ยวขวา เดินจนข้ามสะพานเล็กๆ ให้เดินข้ามและเลี้ยวขวาไปตามทางเล็กๆ เดินอีกนิดเดียวก็จะถึงจุดชมวิวที่ซ่อนไว้เลยครับ
ครอบครัวเราโชคดีมากที่ได้มาเยือนที่นี่ในวันที่อากาศแจ่มใส อีกทั้งเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี จึงได้มีโอกาสเยี่ยมชมดินแดนแห่งสวรรค์แห่งนี้ในช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
วันนี้เลยถือเป็นอีกหนึ่งวันที่มีความสุขมาก เพราะได้พาครอบครัวมาใกล้ชิดกับธรรมชาติอันสวยงามสุดๆครับ
น้ำในกระเลสาบนี่ใส และนิ่งสงบสะท้อนภาพขึ้นมากอย่างกับกระจกเลย
มีให้นั่งเรือด้วยครับ ค่าใช้จ่ายรวมในค่าบัตรแล้ว
ใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ยิ่งสวยขึ้นไปอีก นับเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนโครเอเชีย
วันต่อมาเรามาเที่ยวต่อที่เมืองซาดาร์ Zadar กันครับ
เริ่มกันที่โบสถ์กลางเมือง St. Donatus ซึ่งใกล้ๆกับโบสถ์จะมีซากโบราณ Roman Forum ด้วย
ชมบ่อน้ำโบราณที่ 5 Wells Square
แต่ไฮไลท์ของเมืองอยู่ที่ Sea Organ / Morske Orgulje ซึ่งคือรูที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล รูเหล่านี้จะต่อมาจากท่อด้านล่าง เวลาน้ำทะเลซัดเข้ามา จะเกิดเป็นเสียงดนตรีคล้ายกับเสียงออร์แกน
ลองไปฟังเสียงกันครับ
อีกด้านของเมืองจะมีประตูเมืองที่ชื่อว่า Land Gate
มื้อเย็นคุณนายแอนภรรยารู้สึกเหนื่อยๆ ขี้เกียจทำอาหาร เราก็เลยดินเนอร์กันที่ร้าน Foša วิวยามเย็นงามชะมัดเลยครับ
กลับมาแถวๆ Sea Organ อีกครั้ง ไม่ไกลกันจะมีแผง Solar Cell รูปวงกลม เวลากลางวันจะเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ และจะปล่อยแสงสีสันสดใสในเวลากลางคืนครับ
เช้าวันใหม่เรามุ่งหน้าสู่เมือง Split แต่ทางผ่านต้องผ่านเมือง Sibenik เลยแวะชมวิวเมืองที่ป้อม Baron Fortress ก่อนครับ สวยงามทีเดียว ที่จริงเราตั้งใจจะไปเที่ยวที่ป้อม St. Michael’s Fortress ด้วย แต่หาที่จอดรถไม่ได้ เลยยอมแพ้ครับ
หลังจากแวะเที่ยว Sibenik ไปแล้ว เราก็มุ่งหน้าตรงสู่เมืองสปลิต Split กัน
เราตั้งใจจะเที่ยวพระราชวังไดโอคลีเชียน Diocletian’s Palace กันก่อนเลย โดยบริเวณนี้เป็นบริเวณทางเข้าที่มาจากชายหาดครับ แถมตรงนี้เป็นฉากถ่ายทำในซีรี่ย์ Game of Thrones ด้วยครับ
พระราชวังไดโอคลีเชียน (โครเอเชีย: Dioklecijanova palača, อังกฤษ: Diocletian’s Palace) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ที่เมืองสปลิทในประเทศโครเอเชีย ที่สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียนเมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 4
จักรพรรดิไดโอคลีเชียนทรงสร้างพระราชวังขนาดมหึมาเพื่อเตรียมตัวที่จะใช้เป็นสถานที่สำหรับปลดเกษียณในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 305 ตัวพระราชวังตั้งอยู่ที่บนแหลมสั้นๆ ทางด้านใต้ของอ่าวของฝั่งทะเลดาลเมเชีย ปัจจุบันพระราชวังไดโอคลีเชียนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1979
ใครที่มาเที่ยว Diocletian’s Palace แนะนำให้ขึ้นมาชมวิวบนหอระฆัง Saint Domnius Bell Tower ด้วยนะ ด้านบนวิวสวยมาก
เดินเล่นไปรอบๆ มีนักดนตรีกำลังโชว์ประสานเสียงกันอยู่ด้วย
อาคารบ้านเรือนสวยงามมาก
แวะถ่ายภาพกับรูปปั้นเก๋ๆ บริเวณ Kinoteka Golden Gate
แวะร้านขายของที่ระลึก เจอมังกร Game of Thrones ด้วยอ่ะ
เราใช้เวลาเดินเล่นไปเรื่อยๆ เจอน้ำพุเก๋ๆ สนุกสนานกันใหญ่
ใกล้ๆกับเมืองสปลิต จะมีป้อม Klis Fortress ที่ใช้ในการถ่ายทำฉากในเรื่อง Game of Thrones
มันอยู่ใกล้แบบนี้ ขอขับรถมาเที่ยวสักหน่อยครับ
จากบนป้อม Klis Fortress วิวสวยมากเลย
เอาจริงๆเวลามาตามรอยสถานที่ถ่ายทำเนี่ย จะรู้สึกว่าในหนังมันแต่งเติมด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิตเยอะมาก จนเราหาแทบไม่เจอว่าถ่ายอะไรตรงไหนเลย
แต่ต้องบอกเลยว่ามันถ่ายรูปสวยมากเลยนะ
มุมเก๋ๆหลายมุมเลยครับ
ถ่ายภาพเล่นกันเพลินเลย
มุ่งหน้าข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีน่ากันต่อเลย
เมืองเดียวที่เราจะเที่ยวในประเทศนี้คือ เมือง Mostar ครับ
มาถึงหิวมากๆ เลยลองทานอาหารท้องถิ่นแบบ Bosnian Food ของเค้า ชื่ออ่านยากเลยจำไม่ได้แล้วว่ามันชื่ออะไร แต่จะเป็นเนื้อย่างทานคู่กับแผ่นแป้ง คือ อร่อยมากอ่ะ แถมอาหารที่นี่ถูกมากครับ ตลาดแถวสะพานเก่าเดินสนุกมาก มีของสวยๆขายในราคาสบายกระเป๋าด้วย
เมือง Mostar จะมีสะพานเก่าที่ชื่อว่า Stari Most ที่แบ่งศาสนาของชาวเมืองออกเป็นสองด้าน ระหว่างศาสนาคริสต์และอิสลาม เมืองนี้เดิมทีเกิดการสู้รบกันในสมัยประเทศยูโกสลาเวียล่มสลาย ประเทศอยู่แตกเป็นเสี่ยงๆ โดยเฉพาะประเทศบอสเนียฯ มีสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวบอสเนียี่นับถือศาสนาอิสลามขึ้นโดยชาวเซิร์บที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออโทดอกซ์ และชาวโครแอตที่นับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
การสู้รบดุเดือดจนมีผลทำให้สะพาน Stari Most อันเก่าเสียหายพังทลายลงไป ที่เห็นในปัจจุบันคือสะพานที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ทดแทน สงครามที่นี่เพิ่งยุติไปไม่กี่ปี ตามรอยกำแพงของบ้านเรือน บางแห่งเราจะยังสามารถเห็นรอยกระสุนอยู่เลย
เดินทางต่อไปยังประเทศที่ 4 ของทริปนี้ มอนเตรเนโกร Montenegro
เรามาเที่ยวที่เมืองเล็กๆริมทะเลที่ชื่อว่า Perast
เมืองนี้ที่จริงเป็นเมืองชิลด์ๆ ขนาดไม่ใหญ่ครับ ใช้เวลาในการเดินประมาณ 2 ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว
จากโบสถ์ของเมืองเราสามารถมองเห็น Our Lady of the Rocks ที่ตั้งอยู่บนเกาะได้
สวยแปลกตาดีเนอะ
เราจ้างเรือเพื่อข้ามไปเที่ยวบนเกาะกัน โดยเค้าให้เด็กๆทดลองจับหางเสือขับเรือด้วย
ค่าจ้างแล้วแต่ตกลงนะ ลำแรกที่คุยบอกขอ 40 ยูโร แต่เรามาจบกับอีกเจ้าที่ 10 ยูโรเอง
ภายใน Our Lady of the Rocks ดูขลังมาก
ด้านบนจะเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ชมของเก่าๆ
เก็บภาพครอบครัวกันหน่อย
อีกวันเรามาเที่ยวกันต่อที่เมืองโคเตอร์ Kotor ภาพนี้คือ Kampana Tower ครับ
เราตั้งใจขึ้นไปชมวิวเมืองจากมุมสูงตั้งแต่เช้า ภาพนี้คือโบสถ์ Lady of Remedy ที่ตั้งอยู่บนเขา
วิวจากบนนี้สวยมากครับ มองเห็นเรือสำราญที่จอดแวะให้นักท่องเที่ยวบนเรือลงมาเที่ยวเมือง Kotor ด้วย
มื้อเที่ยงมาทานที่ร้าน Tanjga Family Restaurant
พิกัด : https://goo.gl/maps/ABAZEdBFdUT2
ร้านนี้เป็นร้านสเต็กที่สั่งย่างกันสดๆครับ ลูกค้ารอคิวกันยาวเลย
รอคิวอาหารนานพอสมควร สุดท้ายพอได้ชิม ไม่ผิดหวังครับ สเต็กเนื้อและไก่อร่อยมาก แถมราคาไม่แพงเลย แนะนำสุดๆครับ
อิ่มกันแล้ว ไปเดินเล่นในเมืองโคเตอร์ Kotor กันต่อดีกว่า บริเวณนี้คือหอนาฬิกาของเมืองครับ
เราพาเด็กมาเที่ยวที่ Cat Museum หรือพิพิธภัณฑ์แมว ด้านในจัดแสดงเรื่องราวของแมวทั้งของใช้และการ์ตูน โปสเตอร์ต่างๆ มีแมวให้เล่นด้วย 3 ตัวครับ
ชิมหอยแมลงภู่ Mussel อร่อยดีครับ
เดินทางย้อนกลับมาที่ประเทศโครเอเชีย ถึงเมืองสุดท้ายของเราในทริปนี้ เมืองดูบรอฟนิก Dubrovnik หนึ่งในไฮไลท์ของทริปนี้
วิวสวยๆแบบนี้ ผมถ่ายจากระเบียงห้องพักเลยครับ
การมีมุมมหาชนในที่พักของตัวเอง ทำให้การถ่ายภาพครอบครัวเป็นเรื่องง่ายไปเลย ไม่มีติดคนอื่น เอากี่ช็อตก็ได้เท่าที่ตากแดดไหว
แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือโครเอเชียค่าที่พักถูกมาก อพาร์ทเม้นท์มีห้องนั่งเล่นและครัว นอนได้ 4 คน วิวเทพคืนละ 2,800 บาท จะถูกไปไหนเนี่ย
เมืองดูบรอฟนิค Dubrovnik เนี่ยเป็นฉากถ่ายทำของเมืองหลวง King’s Landing ในเรื่อง Game of Thrones เลย
มีฉากต่างๆที่เราเห็นอยู่ในเรื่องเยอะมาก
เริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า เราเข้ากำแพงเมืองทาง Ploce Gate เดินเข้ามาเรื่อยตามถนน ก็จะเจอกับ Church of Saint Blaise ครับ
หันไปอีกด้าน นี่คือถนนสายหลักของเมืองเลย สองฝั่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารเพียบครับ
ใครที่เป็นแฟนของซีรี่ย์ Game of Thrones น่าจะจำฉากที่ราชินีเชอร์ซีโดนบังคับให้เดินแก้ผ้าท่ามกลางประชาชนในเมืองคิงส์แลนด์ดิ้งนั่นเอง
คุณนายแอนเจอ จอน สโนว์แล้ว แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่ค่อยอยากจะคุยด้วยนะ 5555
เดินเที่ยวมาเรื่อยๆครับ บริเวณนี้คือ Large Onofrio’s Fountain
เราเดินมาที่ป้อม Lovrijenac แล้วมองกลับไปที่เมือง วิวสวยมาก
เดินเล่นไปเรื่อยๆครับ อันนี้ คือ Gradac Park หนึ่งในฉากแต่งงานของ King Joffrey ครับ
สำหรับร้านอาหารในเมืองนี้ ขอแนะนำร้านนี้เลย Barba ร้านนี้มีเบอร์เกอร์ปลาหมึกยักษ์ และหมึกทอด Calamari ที่ใช้ได้เลย แถมเด็กๆจะได้สนุกกับการระบายสีส้อมแล้วนำไปตกแต่งตามผนังร้านด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/uf3onkYWpy12
พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ทิ้งแสงสวยๆไว้ให้ชื่นชม ทริปขับรถเที่ยวยุโรป 4 ประเทศก็จบลงอย่างสมบูรณ์ นับเป็นอีกเส้นทางที่เที่ยวสนุกและสบายกระเป๋าจริงๆ
ค่าใช้จ่ายในทริปนี้ รวม 153,334 บาท หารเฉลี่ย 4 คนจะอยู่ที่ 38,333 บาทต่อคน
ตั๋วเครื่องบิน (กรุงเทพ-ซาเกร็บ) + (ดูบรอฟนิค-ซาเกร็บ) 71,444 บาท
รถเช่า 13,104 บาท
ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง+จอดรถ+ทางด่วน 5,292.48 บาท
ที่พัก 35,937 บาท
อาหาร+เครื่องดื่ม+ขนม+ไอติม 19,338.78
ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 8,518.20 บาท
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านรีวิว หวังว่ารีวิวนี้จะมอบข้อมูลอันเป็นประโยชน์และความสุขจากการเดินทางให้ทุกท่านไม่มากก็น้อย ใครมีอะไรสงสัยแวะมาถามและพูดคุยกันที่ https://www.facebook.com/2Madames นะครับ วันนี้ลาไปก่อนแล้ว บะบายยย
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป