ถ้าพูดถึง Walt Disney คิดว่าทุกคนย่อมนึกถึงตัวการ์ตูนดังอย่างมิกกี้เม้าส์และเจ้าหญิงต่างๆ และคงคิดถึงสวนสนุกระดับโลกอย่าง Disneyland เนอะ แต่ก็มีน้อยคนที่รู้ว่าที่จริงนอกจากสวนสนุกแล้ว Disney ยังมีเรือสำราญลำใหญ่ที่มีทั้งห้องพักและสวนน้ำบนดาดฟ้าเรือด้วยนะ ครอบครัวเราได้มีโอกาสไปล่องเรือสำราญ Disney Magic มา ซึ่งแพกเกจการจองจะเป็นแบบ All Inclusive รวมตั้งแต่ที่พัก, อาหาร, เครื่องดื่ม, โชว์การแสดง, บัตรเข้าสวนสนุก ตลอด 8 วัน 7 คืน วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังอย่างละเอียดตั้งแต่จองเรืออย่างไร ราคาเท่าไหร่ ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ห้องพักสวยไม่สวย มีอะไรให้เล่น มีอะไรให้ดู พร้อมแล้ว ตามมารับชมรีวิวได้เลยครับ Let the Magic Begin…
ล่องเรือสำราญ Disney Magic เป็นส่วนหนึ่งของทริปนิวยอร์กของพวกเราครับ
รับชมรีวิวเที่ยวนิวยอร์ก พาครอบครัวบินข้ามฟ้าไปครึ่งโลก เที่ยวนิวยอร์กด้วยตัวเองง่ายนิดเดียว
ต.ค. 59 ทริปนี้เราเดินทางกัน 17 วัน แต่หากหักเวลานั่งเครื่องบินไปก็จะหายไป 2 วัน เพราะต้องนั่งเครื่องบินกันไกลจริงๆ ทริปนี้นอกจากจะไปเที่ยว New York แล้ว เรายังจองเรือสำราญของ Disney Cruise Line ไว้ 8 วัน 7 คืน ในโปรแกรมเส้นทาง 7-Night Halloween on the High Seas Bahamian Cruise from New York โดยเรือจะล่องไปเที่ยวที่ Bahamas และ Florida ด้วย แต่สำหรับตอนนี้จะเล่าถึงแค่เฉพาะการเที่ยวล่องเรือสำราญ Disney Magic เท่านั้นนะครับ โปรแกรมการเดินทางตามด้านล่างเลย
10 ต.ค. – 14 ต.ค. เที่ยวนิวยอร์ก
15 ต.ค. – ขึ้นเรือสำราญ Disney Magic
16 ต.ค. – At Sea
17 ต.ค. – At Sea
18 ต.ค. – แวะเที่ยวเกาะส่วนตัวของ Disney Castaway Cay ประเทศ Bahamas
19 ต.ค. – เรือจอดที่ Florida นั่งรถมุ่งหน้าสู่ Walt Disney World ที่ Orlando เที่ยว Disney’s Animal Kingdom และ Disney Magic Kingdom
20 ต.ค. – At Sea
21 ต.ค. – At Sea
22 ต.ค. – เรือ Disney Magic กลับมาที่ New York
ปล.ลำดับภาพอาจจะมีสลับกันบ้าง เพื่อความไหลลื่นของเนื้อหานะครับ
รู้ก่อนขึ้นเรือ…
Disney Cruise Line ถือเป็นหนึ่งในหลายธุรกิจของ Walt Disney ซึ่งปัจจุบันมีเรือสำราญอยู่ 4 ลำ ได้แก่ Disney Magic (1998), Disney Wonder(1999), Disney Dream(2011), Disney Fantasy(2012) โดยมีเส้นทางเดินเรือส่วนใหญ่อยู่ในแถบอเมริกาและยุโรป ซึ่งใครที่ดูรีวิวนี้แล้วอยากเดินทางตามครอบครัวเรา ก็สามารถออกจากท่าเรืออื่นที่ไม่ใช่ New York ได้เลย
การจองเรือสำราญ Disney Cruise Line ทำได้ทั้งการจองโดยตรงกับเว็บไซค์ https://disneycruise.disney.go.com/ หรือจะผ่านเอเจนซี่ที่ไทยก็ได้ แต่ถ้าให้ผมแนะนำจริงๆ คือควรจองผ่านเอเจนซี่คนไทยครับ เพราะราคาไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อเรามีเอเจนซี่คนไทย เค้าจะคอยแนะนำช่วยเหลือและดูแลเวลาเรามีปัญหาได้ ใครสนใจจองเราแนะนำให้จองกับเจ้านี้เลย https://www.facebook.com/theworldtraveldesigner/ ดูแลเราดีมาก
โดยเส้นทางที่เราเดินทาง คือ เส้นทาง 7-Night Halloween on the High Seas Bahamian Cruise from New York โดยไปกับเรือ Disney Magic ออกจากท่าเรือเมือง New York และกลับมาที่ New York เช่นเคย
ห้องพักบนเรือ Disney Magic จะมีไล่ตั้งแต่ห้อง Stateroom แบบไม่มีหน้าต่าง, ห้องพักแบบมีหน้าต่างแต่ไม่มีระเบียง, ห้องพักแบบมีระเบียง และห้องสวีทสุดหรู ถามว่าเราพักห้องไหน ตอบได้อย่างรวดเร็วว่าห้องเริ่มต้นไม่มีหน้าต่าง ถามต่อว่าทำไมไม่พักห้องที่มีระเบียงชมวิวสวยๆละ ตอบอย่างรวดเร็วกว่าว่า ตังค์ไม่พอจ้า จ่ายได้เท่านี้แหละ
ราคาค่าเรือสำหรับทริปนี้อยู่ที่เท่าไหร่ สำหรับทริปนี้เราพักห้อง Deluxe Inside Stateroom 1 เตียงใหญ่ พร้อมกับโซฟาที่แปลงร่างเป็นเตียงสองชั้นได้ พักกัน 4 คน ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 ราคาอยู่ที่ 5,648 USD หรือประมาณ 200,000 บาท (ยังไม่รวมทิปพนักงานอีกประมาณ 396 USD ซึ่งจะชาร์ตอัตโนมัติไปบนบัตรเครดิตหลังจากลงจากเรือ)
สองแสนกว่าบาทฟังดูแล้วอาจจะดูแพงนะ แต่ถ้าเฉลี่ย 4 คนแล้วก็จะตกเหลือคนละ 52,xxx บาทต่อคน ซึ่งถ้าเทียบกับที่พัก 7 คืน + อาหาร 20 มื้อ + พิซซ่า ฮอทดอก ไก่ทอด เครื่องดื่ม ไอศกรีมไม่อั้น + บัตรเข้าสวนสนุก 2 Park + ลงเกาะส่วนตัว Castaway Cay + รถรับส่ง และการแสดงโชว์สุดอลังการทุกคืน ตามความเห็นผมแล้ว มันโคตรคุ้มค่าเลยหละ
จองเสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อมั้ย?
ใครที่จองเรือแล้ว นิ่งนอนใจว่าเดี๋ยวถึงวันแล้วฉันจะเดินไปขึ้นเรือเก๋ๆ โปรดหยุดอ่านก่อนนะ
- หลังจากจองเรือเสร็จแล้ว ให้เรารีบเข้าไปที่ https://disneycruise.disney.go.com/ Login แล้วรีบจองกิจกรรมต่างบนเรือก่อน เช่น กิจกรรมถ่ายภาพกับเหล่าเจ้าหญิง (มีจำนวนจำกัด เต็มเร็วมาก เราจองไม่ทันเหมือนกัน), จองวันกินอาหารเช้ากับตัวการ์ตูน, จองไปสวนสนุกที่ Disney World Orlando, จองกิจกรรมต่างๆบนเกาะ Castaway Cay, จองสปาหรือคิวทำสวยที่ Bibbidi bobbidi boutique เป็นต้น
-
อีกอย่างที่ต้องเตรียมตัว คือ การศึกษาคู่มือที่ทาง Disney Cruise Line จะส่งมาให้เราถึงบ้านทางไปรษณีย์ โดยเค้าจะมีคู่มือต่างๆที่บอกทุกอย่างเลยว่าจะต้องเตรียมข้าวของอะไรไปบ้าง มี Tag กระเป๋าส่งมาให้ติดเวลาลงเรือด้วย แต่ด้วยเหตุประการใดไม่ทราบ ของเหล่านี้ไม่ถูกส่งมาถึงผมเหมือนกับคนอื่นๆเค้า ผมจึงในวิธีหาข้อมูลเองในเว็บไซค์เอา ไปเจอบทความหนึ่งเขียนไว้ดีและละเอียดมากๆ แนะนำอ่านที่นี่ http://www.thanop.com/disney-cruise-dream-review/ เลยครับ
-
Download Application : Disney Cruise Line Navigator แอพนี้ดีมาก ใช้ดูและแจ้งเตือนกิจกรรมบนเรือ และไว้ Chat สื่อสารกันบนเรือด้วย Google Play และ ios
-
ก่อนเดินทางก็อย่าลืมเช็คอินออนไลน์ทางเว็บไซค์, พิมพ์ตั๋วเรือ และพก Tag กระเป๋ามาให้พร้อมเลย เวลาลงเรือจริงจะได้ไม่เสียเวลามาก
เมื่อมาถึงท่าเรือแล้ว ให้ผูก Tag กระเป๋าที่ได้มากับกระเป๋าใบใหญ่ โดยกระเป๋าเหล่านี้จะถูกนำขึ้นไปส่งถึงที่หน้าห้องพักเลย พึงระวังว่าเรือดิสนี่ย์จะไม่อนุญาตให้นำอาหาร เครื่องดื่ม เตารีด ไดร์เป่าผม รวมทั้งพวกเครื่องทำอาหารต่างๆ ขึ้นเรือด้วย หากท่านพกใส่กระเป๋าไป อาจจะทำให้กระเป๋าส่งล่าช้าและต้องไปรับที่เจ้าหน้าที่เองนะ
หากเราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว ก็เดินไปยื่นตั๋วที่เคาน์เตอร์เลย ใช่เวลาไม่นานมาก อย่าลืมเอาใบกิจกรรม Navigator มาอ่านเล่นกันด้วย
เจ้าหน้าที่จะให้บัตร ID มา บัตรใบนี้สำคัญมากๆนะ ใช้ตรวจตอนขึ้นเรือลงเรือ แม้กระทั่งการจ่ายเงินก็ไม่ต้องจ่ายด้วยเงินสด ยื่นบัตรนี้ใช้จ่ายเงินแทนได้เลย
และอีกอย่างที่ได้รับมาคือ เลขห้อง พร้อมรอบในการขึ้นเรือ
ครอบครัวที่มาพร้อมเด็กเล็ก ต้องเข้าคิว Youth Registration ด้วย เค้าจะมีสายข้อมือใส่ไว้ที่เด็กๆ สายอันนี้ใช้ในการเข้าออก Kids Club และป้องกันเด็กหาย
รัดสายข้อมือให้น้องเกรซน้องกายเสร็จ ก็แวะถ่ายภาพกับมินนี่ก่อนขึ้นเรือ Disney Magic กัน
และแล้วก็ถึงเวลาขึ้นเรือเสียที จะมีพนักงานเรือคอยประกาศต้อนรับแขกทุกครอบครัวบนเรือ “Welcome Simapichet Family” พร้อมกับลูกเรือคอยยืนตบมือต้อนรับอยู่
โถงล็อบบี้ชั้น 3 ของเรือจะเป็นบริเวณทางเข้าของห้องอาหารหลัก Lumiere’s และยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมอย่างพวกงานปาร์ตี้ฮาโลวีน ท่ามกลางการประดับตกแต่งด้วยต้นฟักทองปีศาจในเทศกาลฮาโลวีนด้วย
จะมีตัวการ์ตูนและเจ้าหญิงสลับสับเปลี่ยนกันออกมาถ่ายภาพกับแขกบนเรือ
วันที่ออกเรือจะมี Sail Away Party บริเวณดาดฟ้าเรือ จะมีตัวการ์ตูนพวก Mickey Mouse พร้อมฝองเพื่อนมาแดนซ์กันกระจายเลย
และแล้วเรือ Disney Magic ของเราก็แล่นออกจากท่าที่ Manhattan แล้ว
บะบายนะ เทพีเสรีภาพ อีก 7 วันเจอกันใหม่
มาชมห้องพักที่จะเป็นที่พักของเราบนเรือตลอดทั้ง 7 คืนกันบ้างนะ
ห้องนี้เป็นแบบ Deluxe Inside Stateroom 1 เตียงใหญ่ พร้อมกับโซฟาที่แปลงร่างเป็นเตียงสองชั้นได้ ที่จริงห้องนี้เป็นแค่แบบห้องพักที่ถูกที่สุดในเรือ ไม่มีหน้าต่างใดๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าอึดอัดเลย ห้องกว้าง แถมมีที่เก็บของเยอะมาก
ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไมไม่พักห้องที่มีหน้าต่างหรือระเบียง ก็ตอบง่ายมาก ก็คือ มีตังค์ไม่พอ จ่ายไม่ไหวจ้า 5555
มาชมห้องน้ำกันบ้างนะ เค้าจะแยกเป็นสองห้องคือ ห้องขับถ่ายและห้องอาบน้ำ
แม้ห้องจะเล็กแต่มีอ่างอาบน้ำด้วยนะ
สบู่ แชมพูมีให้นะ แต่พวก Cottonbud ไม่มีให้ครับ
ห้องพักจะถูกทำความสะอาดวันละสามเวลา เปลี่ยนผ้าเช็ดตัวให้ตลอด ดีมากมาย
บนโต๊ะจะมีบัตรต่างๆที่เราจองกิจกรรมไว้มาให้ และจะมีบอกว่าเรามื้อเย็นจะไปทานอาหารที่ห้องอาหารไหนเวลาเท่าไหร่ด้วย
เวลาที่เรืออยู่กลางมหาสมุทรโทรศัพท์เราจะไม่มีสัญญาณ ส่วนอินเตอร์เนตก็แพงไม่ใช่เล่นเลย สำหรับใครที่ต้องการสื่อสารกันก็สามารถพกโทรศัพท์ในห้องไปโทรหากันก็ได้
เวลาค่ำคืน โซฟาตอนกลางวันจะถูกแปลงร่างเป็นเตียงสองชั้นเหมือนในรูปครับ บนเตียงเค้าก็จะมีโปรแกรมตารางกิจกรรมสำหรับวันพรุ่งนี้มาให้ มีช็อกโกแลตมาให้ทุกวันด้วย
พิเศษที่คืนสุดท้ายจะมีซองสำหรับใส่ทิปพิเศษให้กับบริกรที่คอยบริการเราตลอด 8 วัน ได้แก่ บริกรเสิร์ฟ, ผู้ช่วยบริกรเสิร์ฟ, หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟที่ห้องอาหาร (ตามไปเสิร์ฟเราที่โต๊ะทุกวันแม้จะเปลี่ยนห้องอาหาร) และพนักงานทำความสะอาดห้อง แต่จริงๆแล้ว ทางเรือจะหักจากเราไปโดยอัตโนมัติ 4 คน 396 USD ไปในบัตรเครดิตหลังจากลงจากเรือเลย (ค่าทิปจะคำนวณจากจำนวนวันและจำนวนแขกในห้องนะครับ)
แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเค้าบริการเราดี แล้วประทับใจก็สามารถใส่เงินในซองเพิ่มเติมให้เค้าก็ได้ครับ
ประตูหน้าห้องพักของห้องส่วนใหญ่จะถูกตกแต่งอย่างสวยงามโดยแขกที่มาพัก ยิ่งช่วงที่ไปตรงกับเทศกาลฮาโลวีน ทุกห้องจะตกแต่งแบบจัดเต็มมากๆ อันนี้ต้องเตรียมมาเองนะครับ แต่ครอบครัวเราไม่ได้เตรียมมาอ่ะ ถ่ายภาพห้องอื่นมาให้ชมครับ
ชมห้องพักกันไปแล้ว เรามารู้จักกับส่วนต่างๆของเรือ Disney Magic กันต่อนะ
เรือลำนี้มี 11 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 875 ห้อง จุผู้โดยสารได้ 2,700 คน ลูกเรืออีกประมาณ 950 คน มีห้องอาหารหลัก 5 ห้อง เคาน์เตอร์อาหารอีก 4 จุด
มาดูที่ดาดฟ้ากันก่อนนะ บนนี้จะมีสระว่ายน้ำทั้งหมด 3 โซน
โซนแรกเป็นสระเด็กนะครับ
มีเสื้อชูชีพไว้ให้บริการฟรี
วันนี้ไม่หมดแรงไม่กลับห้องนะ
บริเวณนี้เรียกว่า Aqua Lab จะมีของเล่นเพียบเลย
ตรงนี้น้องเกรซชอบมากเลย เล่นน้ำสนุกมาก
แต่ที่สนุกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องสไลด์เดอร์ Twist n Spout water slide ตรงนี้เลย น้องเกรซเล่นไปประมาณ 20 รอบได้
สำหรับเด็กเล็กๆก็มี Nephews Splash Zone ให้เล่นน้ำด้วย
แต่สำหรับวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ที่ต้องการความโล่ดโผดให้กับชีวิต แนะนำเลยกับ Aqua Dunk จะเป็นที่ยืนในห้องกระจกแล้วพื้นจะหุบไปเราก็จะตกลงมาอย่างมันส์ครับ
ไปชมคลิปบรรยากาศกันดีกว่า
ถัดไปจะเป็นสระว่ายน้ำตรงกลางเรือ สระนี้จะพิเศษหน่อยตรงมีจอทีวีอันใหญ่ให้เล่นน้ำไป ดูการ์ตูนไปได้ด้วย
แต่สำหรับผู้ที่ชอบความสงบก็มาที่สระ Quiet Cove Pool ได้เลย เพราะสระนี้จะจำกัดอายุสำหรับแขกที่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ด้านหัวเรือจะเป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย มีเกมส์ต่างๆพวกโต๊ะโกล์บอล โต๊ะปิงปองให้เล่นด้วย
รอบๆดาดฟ้าก็มีเก้าอี้ยาวให้นั่งเล่นนอนเล่นชมวิวทะเลกันไป
ลงมาบริเวณชั้น 4 จะเป็นห้องสำหรับซื้อรูปถ่ายที่ช่างภาพของเรือถ่ายไว้
ข้างๆกันจะเป็น Gallery รูปภาพ แต่ละภาพสวยๆทั้งนั้น ชอบภาพไหนก็สามารถซื้อกลับบ้านได้นะครับ
แวะมาดูชั้น 5 จะเป็นที่ตั้งของดินแดนสวรรค์ของเด็กๆเพราะจะมี Kids Club อันใหญ่ถึง 2 ที่ ได้แก่ Oceaneer Club และ Oceaneer Lab
มาดูในห้อง Oceaneer Club กันก่อนนะ โซนแรกเลยห้องของเล่นของ Andy จากเรื่อง Toys Story อันโด่งดัง
ตัวละครจากเรื่องที่คุ้นเคยอย่าง Mr.Potato กระปุกหมูก็มานะ
ด้านบนจำลองว่าเป็นเตียงนอน ผ้าปูที่นอน Buzz Lightyear
เด็กๆจะชอบสไลด์เดอร์เจ้าหมา Slinky dog มากๆ
สนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลย
ข้างๆกันจะเป็นโซนมิกกี้เม้าส์นะ มี Tablet และกิจกรรมมากมายให้น้องๆได้เข้าไปเล่น
ส่วนถ้าใครเป็นแฟน Iron man ต้องสนุกมากกับ MARVEL AVENGERS ACADEMY แน่นอน
แนวนิทานก็มีนะ ห้องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมงานศิลปะและประดิษฐ์ของต่างๆ
ลานตรงกลางปกติจะทำเป็นลานกิจกรรม แต่บางครั้งก็ฉายการ์ตูน นั่งดูกันเพลินเลย
ข้ามมาฝั่ง Oceaneer Lab กันบ้าง
ทาง Lab จะเน้นไปทาง Workshop และกิจกรรมมากกว่า
พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นโต๊ะและเก้าอี้เพื่อให้เด็กๆได้ทำกิจกรรมต่างๆ
บางกิจกรรมก็ชวนคุณแม่และทุกคนในครอบครัวมาทำขนมกัน สนุกและอร่อยมากๆ
บางโซนก็เป็นที่วาดการ์ตูนด้วย
มีโซนเกมส์ต่างๆด้วย
น้องเกรซชอบเล่นเกมส์มาก
ส่วนน้องกายก็มาฝึกขับเรือแบบกัปตันเรือเลย
ต้องบอกเลยว่าทั้ง Oceaneer Lab และ Oceaneer Club เป็นที่สิงสถิตของเด็กๆ อยู่ได้ทั้งวัน เล่นกันไม่เบื่อจ้า
แต่สำหรับเด็กเล็ก จะมี it’s a small world คล้ายๆ Nursery ให้ด้วยนะ
แต่สำหรับเด็กโตขึ้นมาหน่อย ของเล่นอาจจะไม่จูงใจพวกเค้ามากนัก ก็จะมีห้อง Edge ที่ชั้น 9 โดยจะมีกิจกรรมเน้นไปที่วิดีโอเกมส์มันส์ๆเหมาะกับเด็กโตครับ
ส่วนวัยรุ่นจะชอบห้อง Vibe ชั้น 11 กิจกรรมจะเน้นไปทางพบปะสังสรรค์สร้างเพื่อนใหม่กับวัยรุ่นด้วยกันมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีโรงหนังที่ฉายหนังตลอดวันให้สำหรับทุกคนในครอบครัวได้เข้าไปชมอีกด้วย
มาว่าด้วยเรื่องของอาหารกันบ้างนะ อาหารและเครื่องดื่มจะฟรีทุกมื้อตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับแขกทุกคนบนเรือ เนื่องจากราคาที่จ่ายไปได้รวมค่าอาหารไว้หมดแล้ว (ยกเว้นห้องอาหาร Palo นะ)
โดยห้องอาหารหลักๆมีอยู่ทั้งหมด 5 ห้องนะครับ จะกล่าวถึง 4 ห้องที่ฟรีละกัน ส่วนห้องอาหาร Palo ไม่กล่าวถึงเพราะไม่ได้เข้าไปเลย (ใช้บริการแต่ของฟรีจ้า)
เริ่มจากห้องอาหารแรก Cabanas เป็นห้องอาหารแบบไลน์บุฟเฟ่ต์บริการตัวเอง เปิดให้บริการทั้ง 3 มื้อ เช้า กลาง วัน ใครเบื่อๆห้องอาหารอื่นๆในมื้อเช้า และ เย็นที่เค้าระบุไว้ ก็อาจมานั่งทานที่นี่แทนได้ ห้องอาหารนี้จึงเป็นห้องอาหารที่พวกเรา 4 คน แวะมาทานกันบ่อยสุด เพราะง่ายๆสะดวก รวดเร็ว อยากทานอะไรก็ตัก
เสน่ห์ของห้องอาหาร Cabanas มื้อกลางวัน คือมีซีฟู้ดส์ให้ทานแบบไม่อั้น ทั้งปูที่มีแต่ก้าม ทานง่ายสะดวกมาก แถมเนื้อหวานและแน่นมาก มีหอยให้กิน มีกุ้งด้วย ทั้งหมดคือสด และดีงามมาก นี่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เราเลือกทานที่นี่ทุกมื้อเที่ยงเลย เสียดายอย่างเดียวที่เราพกน้ำจิ้มซีฟู้ดส์ขึ้นเรือมาด้วยไม่ได้ ถ้ามีน้ำจิ้มแซ่บๆคงจะเด็ดกว่านี้แน่นอน
ส่วนเมนูมื้อเช้าจะจะเป็นสไตล์ American Breakfast มีครบหมดทั้งเมนูไข่ ไส้กรอก เบคอน แต่ที่ชอบคือ ไก่ทอดแบบไม่มีกระดูกอร่อยมากๆ เมนูส่วนอื่นๆก็จะคล้ายๆเราไปทานอาหารเช้าตามโรงแรมไม่ได้โดดเด่นอะไร เมนูก็มีสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โซนขนมปังมีเสิร์ฟโดนัทคริสปี้ครีมด้วยนะ น้องกายผู้ชอบกินโดนัทชอบมากเลย
ถ้าเป็นมื้อกลางวันหรือมื้อเย็น ก็จะมีมุมอาหารประจำชาติต่างๆสลับๆกันมา เจอวันนึงมีโซนอาเซียน มีข้าวผัดให้ทาน มีกับข้าวสไตล์ที่เราชอบ ส่วนบางวันเป็นสไตล์อินเดียก็มี แบบนี้เราไม่ถนัดก็ปล่อยผ่านจ้า วันไหนที่เป็นธีมสเต็กก็จะมีสเต็กเนื้อวัวอร่อยๆ เนื้อม้าก็มี ไก่งวงก็มา เนื้อแกะก็เสิร์ฟให้ทานกันไม่อั้น
ของหวานที่ห้องอาหาร Cabanas ก็ไม่ขี้เหร่นะ เค้าจะจัดมาเป็นเสิร์ฟๆตามในภาพเลย แถมมีไอติมด้วยจ้า เรา 4 คน ก็ชิมวนๆกันไปจ้า
ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีตามนี้ทุกวัน มีน้ำอัดลม น้ำส้ม น้ำแอ็ปเปิ้ล และน้ำทับทิมของมินิทเมท และชา กาแฟ
สำหรับที่นั่งที่ห้องอาหาร Cabanas นั้นก็มีทั้งโซน Outdoor ถูกอกถูกใจฝรั่ง โซน Indoor ถูกใจคนไทยอย่างเราก็มีที่นั่งเพียบนะ แต่ถ้าไปเจอบางช่วงที่ห้องอาหารคนแน่นมากๆ อย่างไปเที่ยงตรงพอดีคนก็เยอะหน่อย ถ้าเอาสะดวกรีบทานรีบไป พวกเราก็นั่งเคาน์เตอร์แบบนี้แทน
หลังจากช่วงเวลาที่ห้องอาหารหลักปิดให้บริการแล้ว ใครทานข้าวตรงมื้อไม่ทัน ก็ไม่ต้องกลัวอดนะ เพราะบนเรือยังมีบริการอาหารที่ Pete’s Boiler Bites ที่เปิดตั้งแต่ช่วงสายๆถึงเย็นเลย อาหารที่ให้บริการก็จะเป็นอาหารที่ทานง่ายๆพวกไก่ทอด ฮอตดอก เบอร์เกอร์ และมันฝรั่งทอด
หรือจะทานแซนวิช สลัดผัก ผลไม้ต่างๆ ก็แวะมาได้ที่ Daisy’s de lites
ส่วนบาร์เครื่องดื่มบริเวณชั้น 9 ตรงนี้เรียกว่าเปิดตลอด 24 ชั่งโมงกันเลย ครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆต้องดื่มนมก็มากดนมสดตรงนี้ได้เลย มีช็อคโกแลตร้อนด้วย ส่วนน้ำอื่นๆก็เหมือนในห้องอาหารที่สีน้ำอีดลม ชา และกาแฟ
อาหารทานเล่นพวกนี้เป็นแบบบริการตนเอง สั่ง รอรับ แล้วก็หาโต๊ะนั่ง ถ้าเล็งทำเลดีๆไว้ได้ก็นั่งทานไปดูฉายหนังการ์ตูนกลางแปลงที่สระว่ายน้ำไปด้วยสบายๆจ้ะ ทานเสร็จมีบริกรคอยเดินเก็บถาดอาหารและทำความสะอาดโต๊ะให้ตลอด
เท่านั้นยังไม่พอนะ มีไอศกรีมโคนซอฟท์เสิร์ฟให้ทานด้วย จำเวลาให้บริการที่นี่ไม่ได้แล้วนะครับ แต่คิดว่าน่าจะให้บริการยาวนานอยู่สักประมาณ 11.00-23.00น. วันๆนึงเด็กๆหลอกล่อพ่อแม่อย่างเราเดินผ่านเจ้าตู้นี้บ่อยมาก ทานกันวันละ 3 โคนเห็นจะได้ ในส่วนของรสชาติก็สลับๆกันไปจ้า ยืนพื้นที่รสนม ส่วนรสช็อตโกแลตกันสตรเบอรี่มีสลับๆกันมานะ
มาถึงห้องอาหารเย็นบ้าง ห้องอาหารเย็นหลักที่รวมในแพ็คเกจมี 3 ห้องด้วยกัน โดยจะสลับหมุนเวียนกันไปทานเค้าจะระบุไว้ในบัตรแล้ว ว่าวันนี้ทานห้องอาหารไหน
เริ่มห้องแรกที่ห้อง Lumiere’s จะตกแต่งหรูหราธีม Beauty and the Beast โดยจะเสิร์ฟอาหารสไตล์ Contemporary French พูดตามตรงเรากระโดดข้ามไปจานหลักเลยก็หลายมื้อ เพราะอิ่มแน่นมากทั้งวัน มีเมนูอาหารสำหรับเด็กๆด้วยนะ
เมนูตามนี้เลย เลือกสั่งทานได้ตามใจชอบ สำหรับเมนูเครื่องดื่ม Cocktails ด้านบนๆอันนี้เสียเงินนะจ๊ะ เค้าจะบริการฟรีเฉพาะเครื่องดื่มซอฟท์ดริ้งค์ต่างๆตามที่เคยบอกไปด้านบนๆจ้า
จานนี้เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของสักมื้อนึงที่พวกเราทานกัน เป็นกุ้ง กุ้งมังกร และหน่อไม้ฝรั่ง สั่งมาเพราะอ่านชื่อได้ความว่ามี 3 อย่างนี้แหละ
กุ้งมังกรตัวใหญ่และเนื้อสดอร่อยมาก สุดยอดเลยจริงๆ
คนนี้ชื่อ Canise เป็นบริกรประจำโต๊ะของพวกเรา ที่คอยดูแลเราทุกมื้อเย็น ไม่ว่าเราจะเปลี่ยนย้ายไปห้องอาหารอื่นๆ เค้าก็ตามไปด้วยจ้า บริการสุดพิเศษจริงๆหั่นอาหารให้เด็กๆทานง่ายทุกครั้ง แก้วน้ำก็จะติดชื่อของเด็กๆไว้เลยว่าแก้วไหนของใคร แก้วน้ำเด็กจะปิดฝากันหกมาให้ทุกครั้ง บริการเลิศเลอมากๆ
ห้องอาหารหลักสำหรับมื้อเย็นห้องที่ 2 คือ Animator’s Palate เป็นห้องอาหารที่เน้นการตกแต่งด้วยลายเส้นการตูน เป็นห้องอาหารที่พวกเราชอบมากที่สุด เพราะระหว่างการทานอาหารจะมีกิจกรรมให้เรามีส่วนร่วมตลอดเลย
นอกจากมื้อเย็นน่ารักๆแล้ว ถ้าใครจองเที่ยวเรือเรียบร้อย แนะนำให้รีบโหลด Application แล้วทำการจองอาหารเช้ามื้อสุดพิเศษที่จะทานอาหารเช้าร่วมกันกับตัวการ์ตูนคาร์แร็กเตอร์ต่างๆฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ต้องรีบเพราะที่นั่งมีจำกัดมากๆ พวกเราเกือบพลาดจองไม่ทันด้วย อาหารที่เสิร์ฟก็เลือกตามเมนูนี้
จริงๆตัวอาหารจะคล้ายๆทานที่ห้องอาหารอื่นๆ แต่จะมีการตกแต่งให้น่ารักประทานมากขึ้นจ้า
ในมื้ออาหารเช้ากับตัวการ์ตูน เหล่าตัวการ์ตูนจะเดินมาทักทายและถ่ายภาพร่วมกับเราถึงโต๊ะอาหารเลย
Mickey Mouse ขวัญใจเด็กๆมาแล้วจ้า
ดูเค้าพับผ้ากันเปื้อนเป็นรูปสูทสิ เก๋มากๆ
ส่วนที่บอกไปว่ามีกิจกรรมให้เรามีส่วนร่วมด้วย เช่น กระดาษแผ่นนี้เค้าจะให้เราออกแบบตัวการ์ตูนของเราเอง แล้วจะเอาไปสแกน
แล้วมาทำเป็นการ์ตูนวิ่งในจอแบบนี้ คือบอกเลยว่าว้าวมากอ่ะ ดูกันเพลินเลย สุดยอด
ต้องชมเป็นคลิปเนอะ ถึงจะเห็นภาพ
ในวันที่เป็น Gala Dinner ทุกคนก็จะใส่ชุดแบบเป็นทางการเข้าไปทานอาหารกัน ก็ถือเป็นโอกาสจัดเต็ม ถ่ายภาพเก็บไว้หน่อย (ที่จริงก็ไม่ได้บังคับนะ ใครจะไม่แต่งก็ไม่ว่ากันหรอก ไม่มีใครซีเรียสครับ)
สวยหล่อมั้ย
อีกห้องอาหารสุดท้าย Carioca’s จะตกแต่งแนวบราซิลครับ คืนปาร์ตี้ฮาโลวีน แต่งชุดผีไทยไปกินซะเลย ฝรั่งงงกันใหญ่จ้า 555
การทานอาหารจะถูกแบ่งเป็นสองรอบนะ โดยจะผลัดกันไปทาน ครอบครัวเราอยู่รอบแรก คือจะไปดูโชว์การแสดงก่อน แล้วจึงจะไปทานอาหาร แต่ถ้าอยู่รอบแรกก็จะทานอาหารและมาดูโชว์การแสดง
และต้องบอกเลยว่าการแสดงบนเรือนี่ไม่ธรรมดานะ ยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ บางวันก็จะมีนักมายากลที่สุดยอดมาแสดง บางวันก็จะเป็นการแสดงตลก หรือการแสดงซินเดอร์เรล่า เป็นต้น
พิเศษสำหรับคนที่มาล่องเรือในเดือน ต.ค. ทั้งเรือจะเป็นเทศกาล Halloween on the High Seas ทั้งเรือจะถูกประดับตกแต่งด้วย Theme Halloween
ปาร์ตี้ฮาโลวีนสนุกมากๆครับ
พวกเราเตรียมชุดผีไทยไปด้วย ทำเอาพวกผีฝรั่งงงกันใหญ่เลย
เค้ามีให้เด็กๆไป Trick or Treat ด้วยนะ เด็กๆสนุกกับการหลอกเพื่อรับขนมกันใหญ่เลย
ปาร์ตี้ผีไปแล้ว ยังไม่จบยังมีปาร์ตี้โจรสลัด Pirate Night ด้วย
ปาร์ตี้สุดมันส์บนดาดฟ้าเรือ ปิดท้ายด้วยพลุสุดสวยชุดใหญ่ ทำเอาทุกคนต่างประทับใจไปตามๆกัน
ในเส้นทาง 7-Night Halloween on the High Seas Bahamian Cruise from New York เราจะอยู่บนเรือ At Sea 4 วันเต็มๆ แต่จะมีวันที่เรือจะมาจอดยังเกาะ Castaway Cay ที่ประเทศบาฮามาสด้วย
เกาะ Castaway Cay เป็นเกาะส่วนตัวของทางดิสนี่ย์ ผู้โดยสารของเรือ Disney Magic สามารถลงมาเที่ยวได้ฟรี
ลงมาถึงก็แวะถ่ายภาพกับ Mickey Mouse ก่อนเลย
Pluto ก็มานะ
เกาะ Castaway Cay เป็นเกาะที่ทาง Walt Disney เช่ามาจากรัฐบาลบาฮามาสเป็นเวลา 99 ปี เกาะแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยงามมาก หาดทรายสวย น้ำทะเลใสมากๆ
แต่ถ้าเจ้าของเกาะคือดิสนี่ย์ รับรองว่าเค้าจะต้องสร้างความสนุกอย่างสไลด์เดอร์ไว้ให้เล่นลงน้ำทะเลเลย
งานนี้น้องเกรซน้องกายสนุกมากครับ
นอกจากหาดทรายและน้ำทะเลแล้ว ก็จะมีโซนกิจกรรมให้เราเล่นได้หลายอย่าง ทั้งหมากฮอลยักษ์ โต๊ะพลู แป้นบาสเก็ตบอล เป็นต้น
และแน่นอนต้องมีอาหารเที่ยงบนเกาะ ก็ฟรีเช่นเคย
ผลไม้ทานได้เท่าที่ต้องการ
อากาศร้อนๆต้องมีจัดไอติม ของโปรดน้องเกรซเลย
ส่วนในวันที่ 5 ของการล่องเรือ เรือ Disney Magic ได้มาจอยังท่า Florida ซึ่งจะมีรถรับ-ส่งฟรีไปยัง Walt Disney World Resort ที่ Orlando ซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนสนุกระดับโลกอย่าง Magic Kingdom Park, Disney’s Hollywood Studios, Disney’s Animal Kingdom Park, Epcot, Waterpark ฯลฯ
และแน่นอนว่าแขกทุกคนบนเรือ Disney Magic สามารถเข้าออกสวนสนุกเหล่านี้ได้ฟรี โดยรถที่จะออกไปส่งที่สวนสนุกจะออกตั้งแต่ 7.30 น. แต่เรือจะออกจากท่าเรือเวลาตี 1 ของอีกวัน ซึ่งทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองในการกลับมายังเรือก่อนที่เรือจะออกจากท่า
แต่เอาจริงๆ สวนสนุกเหล่านี้มันใหญ่มากๆ เที่ยวใน 1 วันไม่มีทางครบครับ ขนาดครอบครัวเราเดินแบบข้ามๆยังไปได้แค่ 2 สวนสนุกเท่านั้นเอง
สวนสนุกแรกที่ครอบครัวเรามาเยือนก็คือ Disney’s Animal Kingdom Park
เข้ามาถึงก็จะเจอต้นไม้ยักษ์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางสวนสนุกเลย
ที่ต้นไม้จะมีรูปสัตว์ต่างๆแกะสลักไว้ด้วย
ตะลุยดินแดนไดโนเสาร์
อ้าว Donald ก็มาท่องป่าหรา งั้นมาถ่ายรูปกัน
แต่เครื่องเล่นที่สนุกสุดๆ ก็ต้องมาที่เครื่อง Everest นะ รถไฟถอยหลังได้ด้วย สนุกมาก
พาเด็กๆมาแปรงขนให้แพะกัน แหม… ดูท่าทางจะสบายมากนะเจ้าแพะน้อย
ไฮไลท์อีกอย่างของ Disney’s Animal Kingdom Park ก็คือนั่งรถเข้าไปชมสัตว์ป่ากัน
ส่วนอีกครึ่งวันเราเลือกมาเดินเล่นกันที่ Magic Kingdom ก็จะคล้ายๆกับ Disneyland อื่นๆครับ ที่จริงหากมาเป็นกลุ่มวัยรุ่นก็ไปที่ Disney’s Hollywood Studios หรือ Epcot น่าจะสนุกกว่านะ แถมที่อื่นไม่มีเหมือนที่ Walt Disney World ด้วย
แต่น้องเกรซน้องกายน่าจะเหมาะกับ Magic Kingdom มากกว่า เราเลยมาที่นี่แทนครับ
สุดท้ายนี้แค่อยากจะบอกทุกคนว่า ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อยากทำอะไร อยากจะไปไหน จงรีบไป ใช้ชีวิตให้คุ้มที่เกิดมา หมั่นสะสมความสุข เติมความรักให้คนในครอบครัว และทำให้วันทุกวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายของโลกใบนี้
นอกจากนี้เรายังมีคลิปบรรยากาศต่างๆบนเรือ Disney Cruise เชิญรับชมได้เช่นกันนะครับ
บทสรุปของการล่องเรือสำราญดิสนี่ย์ เมจิก Disney Magic
การล่องเรือสำราญ Disney Cruise ถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าจริงๆ มันเป็นโอกาสที่จะทำให้เราและครอบครัวเหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝันทั้งหลับและตื่น เรามีความสุขมากกับกิจกรรมบนเรือตลอดทั้ง 8 วัน 7 คืน เราอิ่มหนำกับอาหารบนเรือที่มีความหลากหลายและคุณภาพดีจริงๆ การบริการต่างๆก็ดีเยี่ยม ราคาอาจจะฟังดูแรง แต่ที่จริงแล้วมันคุ้มมากๆ ยิ่งถ้าครอบครัวคุณมีเด็กๆที่กำลังอยู่ในวัยซน การล่องเรือสำราญแบบนี้อาจจะเป็นสวรรค์ของทุกคนในครอบครัวเลยทีเดียว
ข้อดี
1.) ห้องพักดีและสะอาดมาก แม้จะเป็นห้องเริ่มต้น แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย มีการเข้ามาทำความสะอาดห้อง 2-3 ครั้งต่อวัน มาตรฐานสูงจริงๆ
2.) อาหารอร่อยมาก แถมมีให้เลือกเยอะ ให้อิสระเราที่จะเลือกทานแบบห้องอาหารมีบริกรมาเสิร์ฟ หรืออยากจะตักทานเองก็ได้ แถมอิ่มฟรี 24 ชั่วโมงเลย
3.) เด็กๆชอบไอศกรีมโคนฟรีมาก น้องเกรซคนเดียวล่อไป 20 โคนได้
4.) ห้อง Kids Club มีความหลากหลาย มีทำให้เหมาะกับวัยของน้องๆ เจ้าหน้าที่ก็ดูแลเด็กๆเป็นอย่างดี
5.) เกาะ Castaway Cay ทะเลใส หาดทรายสวย ธรรมชาติงดงามจริงๆ
6.) ที่สระว่ายน้ำมี Life Guard ประจำสระตลอดเวลา ปลอดภัยจริงๆ
7.) ตัวการ์ตูนต่างๆ ออกมาให้ถ่ายภาพบ่อยมาก แถมชุดที่ใส่ก็เปลี่ยนไปตลอดเลย
8.) ได้เที่ยว Walt Disney World ซึ่งบัตรเข้าสวนสนุกก็รวมอยู่ในแพกเกจเรือแล้ว เข้าฟรีกี่ที่ก็ได้
9.) เราชอบการแสดงโชว์ของเรือมาก สนุกและอลังการงานสร้างสุดๆ
10.) พนักงานไทยบนเรือมีเยอะมาก ไม่มีเหงาครับ คนไทยแวะมาเม้าส์กระจายตลอดๆ
ข้อเสีย
1.) เรืออายุสิบกว่าปีแล้ว หลายอย่างอาจจะทันสมัยไม่เท่าเรือรุ่นใหม่ๆ แต่ต้องบอกเลยว่าเค้าบำรุงรักษาดีจริงๆ เรือดูใหม่เหมือนเรือ 2-3 ปีเลยหละ
2.) เราผิดหวังเล็กน้อยที่เรือลำนี้ไม่มี Aqua Duck สไลด์เดอร์รุ่นใหม่ที่มีบนเรือรุ่นใหม่กว่าอย่าง Disney Dream หรือ Disney Fantasy
3.) เหมือนขึ้นมาบนเรือแล้ว คุณจะเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก อินเตอร์เนตแพงคิดราคาตามปริมาณการใช้จริง ซึ่งไม่เหมาะสำหรับคนที่ต้องติดต่องานหรือธุรกิจ
4.) เวลาบนฝั่งมีจำกัด อย่าง Walt Disney World เวลาเที่ยวไม่พอ
5.) เส้นทางเรืออยู่ไกลจากบ้านเรามาก ต้องเดินทางไกลและต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินแพงด้วย
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป