วันนี้เหมียวๆขอพาเพื่อนไปชม ร้านอาหารริมน้ำบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ กับวันที่แดดไม่แรงมากช่วงบ่ายๆค่ะ
โดยปกติเวลาที่เหมียวๆจะไปหาอะไรหม่ำๆกับที่รักก็จะหาข้อมูลจากใน internet นี่แหละคะ โจทย์ของเหมียวๆในวันนี้คือ “ร้านอาหารริมน้ำ และเปิดให้บริการตอนกลางวัน ส่วนอาหารเหมียวๆอยากหม่ำอาหารเส้นๆค่ะ” หลังจากที่ search ข้อมูลไปเรื่อยๆ เหมียวๆก็มาติดใจร้านนี้ค่ะ Eat Sight Story Restaurant แล้วก็เลยลองหารีวิวก็เจอแค่ข้อมูลคร่าวๆของร้านและภาพของร้านใน facebook ค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้มีข้อมูลมากมายแต่ ร้านนี้ได้ตอบโจทย์ทั้งหมดที่เหมียวๆต้องการ ดังนั้นก็…ตามเหมียวๆไปชิลที่ร้านนี้กันเลยนะคะ
จริงๆเหมียวๆค่อนข้างชินทางแถวนี้อยู่แล้วเลยเดินทางไปไม่ยากเลย ครั้งนี้ที่รักกับเหมียวๆ นั่งแท๊กซี่ไปกันค่ะ ไปจากแถวบ้านฝั่งธนบุรี ก็ให้พี่แท๊กซี่ขับไปตามเส้นถนนประชาธิปก แล้วข้ามสะพานพุทธฯ สุดทางก็เลี้ยวซ้ายไปทางปากคลองตลาด พอถึงวงเวียนหน้าสถานีตำรวจก็เลี้ยวซ้าย ขับไปเรื่อยๆจะผ่านโรงเรียนราชินี ธนาคารกรุงไทย แล้วก็ลงเลยค่ะ ร้าน Eat Sight Story จะอยู่ซอยถัดจากธนาคารค่ะ
แผนที่และที่อยู่ของร้าน ตามนี้เลยนะคะ
45/1 อาคาร ท่าเตียน ถนนมหาราช แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ทางหน้าปากซอยร้านอาหารอารมณ์ดี บริเวณด้านข้างจะมีป้ายของ Sala Rattanakosin ให้เดินเข้าไปในซอยนี้ได้เลยค่ะ ซึ่ง Sala Rattanakosin ก็มีห้องพักและร้านอาหารของเค้าเองเหมือนกัน และติดริมน้ำเช่นกันค่ะ
เดินเข้ามาในซอย เงยหน้าขึ้นไปนิดนึงก็จะเห็น Sala Arun ซึงศาลาอรุณ (Sala Arun) จะเป็นที่พักในสไตล์ B&B (Bed and Breakfast) เป็นที่พักน้องใหม่ในเครือเดียวกันกับของ อรุณเรสซิเด้นท์ (Arun Resident) ค่ะ
หลังจากเดินมาสุดซอย ให้เลี้ยวไปทางซ้ายค่ะ ซึ่งจะผ่านป้ายของศาลารัตนโกสินทร์ก่อนเลยค่ะ หลังจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้งค่ะ
ตรงเข้ามาสุดทางเลยนะคะ เห็นป้ายท่าเรือแดงเล็กๆไหมค่ะ? เดินตรงเข้ามาเลยค่ะ ทางจะค่อนข้างแคบหน่อยค่ะ
ด้านข้างของซอย ฝั่วขวาจะเป็นร้านขายส่ง นมคาร์เนชั่นแบบกระป๋องที่แพคเอาไว้ จะถูกวางเรียงรายกันแบบนี้เลยค่ะ
ถึงเวลาเข้าไปชมด้านในร้านกันแล้วค่ะ
เมนูแนะนำของทางร้านจะเขียนไว้ที่กระดานวางไว้ที่หน้าร้าน
พอเดินเข้ามาในร้านมองขึ้นไปทางขวาด้านบนจะเป็นประวัติของท่าเรือแดงที่มีอายุเกือบๆร้อยปีค่ะ ซึ่งเป็นปัจจุบันนี้ได้ทำเป็นร้าน Eat Sight Story ค่ะ
ทางขวาของร้านจะเป็น Counter ขายเครื่องดื่ม โดยมีโซฟาให้นั่งสบายๆ และที่เขี่ยบุหรี่สำหรับ smoker
เข้ามาดูกันใกล้ๆว่ามีเมนูไหนน่าลองบ้าง
ถัดจากโซฟายาวก็จะมีโซฟาเดี่ยวๆจัดไว้ให้แขกนั่งค่ะ counter ตรงนี้จะเป็นโซนที่เชฟจะทำพิซซ่าให้เราเห็นเลยค่ะ
ถัดเข้ามาอีกนิด ก็จะเป็นที่ใส่นามบัตรของทางร้าน เป็นมุมเล็กๆที่จัดไว้น่ารักมากๆ กระเบื้องเคลือบที่ใช้ตกแต่งดูเข้ากันกับผนังอิฐสีน้ำตาลแบบนี้ค่ะ
เดินเข้ามาถึงกลางร้านแล้วค่ะ ร้าน Eat Sight Story จะมีที่นั่งทั้งด้านในและด้านนอก ซึ่งเหมียวๆขอพาชมบริเวณด้านนอกก่อน สำหรับภาพนี้ ตอนเย็นๆพนักงานจะเอาเก้าอี้มาตั้ง ก็จะกลายเป็นบาร์กลางร้านเก๋ๆ ค่ะ
เนื่องจากแดดค่อนข้างแรงในตอนกลางวัน ทางร้านก็มีร่มให้แขกสำหรับกันแดด ในวันที่เหมียวๆไป จะมีแขกชาวต่างชาตินั่นดื่มอยู่ด้านนอกท่ามกลางแดดจัดๆแบบนี้เลยค่ะ
เหมียวๆเก็บภาพโต๊ะริมน้ำมาให้ดูค่ะ เชื่อว่าตอนเย็นๆ ช่วงพระอาทิตย์ตกคนคงจะมาจับจองที่นั่งกันเพื่อชมวิวสวยๆ
นอกจากวิวสวยๆช่วงพระอาทิตย์ตกแล้ว ช่วงกลางคืนก็สวยไม่แพ้กันค่ะ เนื่องจากจะมีการเปิดไฟ ทำให้พระปรางค์วัดอรุณฯมีแสงไฟสีเหลืองทองสาดส่อง เป็นภาพที่สวยงามมากๆค่ะ
ที่นี่จัดโต๊ะไว้บริการแขกค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าแออัดเลย
ทางด้านซ้ายติดกันกับร้าน ESS จะเป็นห้องพักและร้านอาหารของทางศาลารัตนโกสินทร์ค่ะ
ที่นั่งอีกส่วนบริเวณโซน Outdoor จะมีโซฟาที่หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ให้นั่งจิบเครื่องดื่มชิลๆ ชมวิววัดอรุณฯ ค่ะ
มาดูส่วน Indoor กันบ้างค่ะ ซึ่งจะมีทั้ง 2 ฝั่งเลย เหมียวๆขอเลือกฝั่งขวา จากทางเข้า เพราะชอบการตกแต่งค่ะ
การตกแต่งภายในร้านเป็นแบบนี้ค่ะ กำแพงของทางร้านจะใช้หน้าต่างหรือประตูเก่าๆ โดยโทนสีฟ้า เหลืองและส้มค่ะ
ส่วนพื้นใช้กระเบื้องลายโมเสสค่ะ
ในส่วนของที่นั่ง จะใช้เบาะนิ่ม และหมอนพิงสำหรับเอนหลัง อยากบอกว่านั่งสบายๆมากๆเหมือนนั่ง Day Bed นุ่ม ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ส่วนอีกฝั่งของโต๊ะจะเป็นเก้าอี้ไม้โทนส้มแดงแบบนี้ค่ะ
แต่ละโต๊ะจะ Set up ไว้แบบนี้ค่ะ
ด้านข้างของส่วน Indoor จะมีโซฟาสบายๆให้นั่งชมวิวค่ะ
จากภาพนี้จะเห็นว่ามีชาวต่างชาตินั่งชิลๆกันด้านนอกเลยค่ะ
ตรงกลางจะเป็นที่นั่งแบบโซฟาให้น่งสบายๆค่ะ
บริเวณผนังที่ว่างก็จะมีตู้ดิสเพลสวยๆตกแต่งไว้ค่ะ
ร้านอาหารชิลๆแบบนี้ก็คงจะต้องมีเครื่องดื่มถูกไหมค่ะ??
ดังนั้นที่ร้าน Eat Sight Story ก็เลยมีไวน์ยี่ห้อต่างๆให้ลูกค้าได้เลือกดื่มกับมื้ออาหารที่แสนอร่อย
จุกคอร์กไวน์ที่เปิดแล้วถูกนำมาใส่โหลใส่เพื่อวางตกแต่งในร้าน คู่กับถังไวน์ ให้อารมาณ์อยากจะมึนเมามากๆเลยค่ะ
หลังจากถ่ายรูปจนพอแล้ว เหมียวๆก็มานั่งที่โต๊ะค่ะ พนักงานก็เอาเมนูอาหารมาให้
เมนูสีแดงส้มเล่มนี้เป็นแบบแผ่นพับค่ะ มีเมนูให้เลือกเป็นหมวดหมู่
หลังจากเลือกอาหารกันแล้วก็นั่งเล่นกันไปค่ะ บริเวณโต๊ะที่เหมียวๆกับที่รักนั่ง จะมีข้อความจากนิราศ เมืองแกลงเขียนไว้ค่ะ คำว่า “วัดแจ้ง” เป็นชื่อสั้นๆที่ใช้เรียกชื่อ “วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร” ค่ะ นิราศเมืองแกลง เป็นนิราศเรื่องแรกของท่านสุนทรภู่กวีเอกของเมืองไทยค่ะ เขียนเมื่อตอนที่จำเป็นที่จะต้องออกเดินทางจากนางจันอันเป็นที่รักค่ะ
ก่อนหม่ำๆอาหารต้องล้างมือก่อนนะค่ะ เหมียวเลยขอเดินไปห้องน้ำ
ทางเข้าห้องน้ำจะมีป้ายห้องน้ำทำจากกระเบื้องเก๋ๆค่ะ
พอกลับเข้ามา แดดเริ่มจางลงบ้างเลยขอย้ายโต๊ะมาแถวกลางค่ะ เหมียวๆชอบการจัดโต๊ะ ที่มีจาน ช้อน ซ้อม มีด และกระดาษทิสชู โดยจัดไว้เป็นสัดส่วนคู่กับดอกไม้บนโต๊ะ ซึ่งเป็น set up บนโต๊ะแบบง่ายๆ แต่เก๋ ให้ความรู้สึกเหมือนทานที่บ้านค่ะ
อาหารมาเสริฟแล้วค่ะ อาหารเส้นๆที่เฝ้ารอ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า เนื่องจากวันนั้นเส้น เฟตูชินีหมดค่ะ
ชีสเยิ้มมากๆ อ้อนก็ยอม หอมยั่วยวนเหมียวๆมากๆ
เบคอนก็ให้มาเยอะแบบไม่หวงเลยค่ะ
ตักมาเป็นคำๆรอหม่ำๆ หลังจากถ่ายรูปเสร็จรีบตักเข้าปาก บอกได้เลยว่าถึงรสถึงชาติมากค่ะ อร่อยแบบเลี่ยนๆแบบนี้เหมียวๆชอบสุดๆ
ถัดมาเลยค่ะ พิซซ่ากะเพราหมู ที่สั่งเมนูนี้เพราะว่าเป็นคนชอบทานพิซซ่าหน้าแปลกๆค่ะ
หน้าของพิซซ่าจะใส่หมูนุ่มๆชิ้นโตๆ เห็ด ถั่วฝักยาว และใบกะเพรากรอบ รสชาติเผ็ดนิดๆกำลังดี เข้ากันกับชีส อร่อยๆมากๆเลยค่ะ แถมแป้งก็เป็นแบบบางกรอบแบบอิตาเลียน เป็นฟิวชั่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ขอบอกเลยว่าไม่เลี่ยนเลยค่ะ
ตักใส่จานเป็นชิ้นๆมาให้ดูกันชัดๆค่ะ ตอนที่ตักพิซซ่ามาทาน ชีสนี่เยิ้มๆ ยืดเลยค่ะ
นั่งหม่ำไปชมวิวไปมีความสุขสุดๆเลยค่ะ
หลังจากทานเสร็จ ก่อนจะกลับบ้าน เหมียวๆก็ออกมายืนชมวิวอีกครั้ง แดดเริ่มจะหมดแล้วค่ะ
ก่อนกลับก็ขอเก็บภาพบรรยากาศริมน้ำมาฝากเพื่อนๆค่ะ
ลากันไปด้วยภาพนี้ขอบคุณที่ติดตามเหมียวๆมาถึงตอนสุดท้ายกันนะคะ
ความรู้สึกหลังจากได้มาทานอาหารที่ Eat Sight Story Restaurant ก็คือเหมียวๆรู้สึกประทับใจวิวสวยๆแบบพาโนรามาแบบริมแม่น้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา และความงดงามของวัดอรุณฯ หรือ Temple of the dawn สถานที่ที่เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย แถมอาหารก็อร่อยถูกปาก บอกได้ว่าไว้จะมาลองเมนูอื่นๆ และมานั่งชมวิวช่วงพระอาทิตย์ตก และตอนค่ำๆเพือสัมผัสบรรยากาศยามคำคืนค่ะ
ขอให้ทุกคนรู้สึก Enjoy your eat , feel your sight by the nice story ไปกับเหมียวๆที่ร้าน Eat Sight Story Restaurant (ESS Deck)
แล้วเจอกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ เหมียวๆได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์และประโยชน์แก่ผู้เดินทาง หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่คนทำรีวิวหน่อยนะคะ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า…
ฝากกด Like ติดตามกันใน Facebook https://www.facebook.com/kitkatkittenfans
Kit Kat Kitten
ถึงแม้จะมีคนบอกว่า "แตงโม" เป็นสาวออฟฟิตใช้ชีวิตวุ่นๆเกือบทั้งหมดไปกับการทำงาน จนไม่มีเวลาไปไหนต่อไหน แต่ความเป็นจริงนั้น Lifestyle ของสาวลั่นล๊าแบบแตงโมไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ก็แตงโมทั้งชอบกิน ชอบเดินทางไปเที่ยว เป็นสาวสังคม และเป็นรักสัตว์ แบบนี้ จะพลาดชีวิต Chic Chic ไปได้ยังไง ความสุขเล็กๆของแตงโม คือการได้เดินทางไปในที่ต่างๆ และชื่อเหมียวๆนี้แตงโมจะนำมาใช้เป็นนามปากกาเวลาเขียนรีวิว ในทุกๆที่ที่แตงโมไปสัมผัส แตงโมรักที่จะเขียนเรื่องราว แบ่งปันความทรงจำ แชร์ความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆทุกคนค่ะ Kit Kat Kitten Fanpage https://www.facebook.com/kitkatkittenfans