เมื่อเดือนก่อนแอนได้รับเชิญจาก Sukhumvit 36 Aesthetics ให้ไปพูดคุยกับคุณหมอลัทธพล ม้าลายทอง หรือคุณหมอเฟิร์ส เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาค่ะ เพื่อนๆหลายๆคนอาจมีคำถามมากมายว่าฉีดฟิลลเอร์ใต้ตาคืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไร หรือคำถามที่ว่ามันจะปลอดภัยมั้ย คงผุดขึ้นมาเต็มเลยใช่มั้ยค่ะ วันนี้แอนจะมาเล่นประสบการณ์จากที่ได้พูดคุยซักถามกับคุณหมอ และก็อดไม่ได้จริงๆที่จะทดลองฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาดู เพื่อจะมาเล่าประสบการณ์ตรง และความรู้สึกก่อนและหลังฉีดให้เพื่อนๆฟังกันค่ะ
ก่อนอื่นขอพาเพื่อนๆสำรวจบริเวณโดยรอบคลินิกก่อนนะคะ ตัวคลินิกนั้นตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 36 และตั้งอยู่ภายในบริเวณบ้านของคุณหมอเจ้าของคลีนิคเลยค่ะ บรรยากาศร่มรื่น ดูสบายๆ อบอุ่น เหมือนนั่งเล่นอยู่บ้านตัวเองเลย คุณหมอให้เหตุผลว่าไม่อยากไปตั้งอยู่ตามห้างเหมือนคลินิกทั่วไป เพราะอยากให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัว เหมือนเดินเข้ามาในบ้านดีกว่า
บรรยากาศภายในตัวคลินิกก็โปร่งสบาย คนไข้นั่งรอรับบริการ สามารถชมวิวสวนสวยๆ ร่มรื่น สบายตามากๆเลยค่ะ
ก่อนพบคุณหมอก็ขอทำประวัติและให้น้องพยาบาลซักประวัติก่อนนะ
แอบเหลือบมาเห็นใบอนุญาตของคุณหมอด้วย การันตีความน่าเชื่อถือได้เยอะ
บริการน้ำเย็นชื่นใจ และผ้าเย็นระหว่างรอคุณหมอจ้า
โซนนี้เป็นห้องรับรองอีกห้อง เอาไว้สำรองในช่วงเวลาที่ลูกค้าพีคๆค่ะ ที่เห็นโล่งๆแบบนี้ไม่ใช่ว่าลูกค้าที่ Sukhumvit 36 Aesthetics ไม่เยอะนะค่ะ ปกติลูกค้าค่อนข้างเยอะ และลูกค้าเก่าที่มาซ้ำก็เยอะค่ะ ข้อมูลนี้แอบถามจากเพื่อนๆและคุณแม่ของเพื่อนมา เพราะเพื่อนเป็นลูกค้าขาประจำของที่นี่เลยล่ะ
ขอแอบถ่ายรูปหน้าสวยๆสักรูป ก่อนที่จะโดนลบเครื่องสำอางออก
ปล. ช่วงนี้แอนอยู่ในช่วงน้ำหนักขาขึ้นมากๆ แก้มมาเต็ม หน้าบวมเชียว
ที่คลินิก Sukhumvit 36 Aesthetics แห่งนี้มีคุณหมอประจำเพียงแค่สองท่านนะค่ะ วันนี้แอนมีนัดกับนพ.ลัทธพล ม้าลายทอง หรือคุณหมอเฟิร์ส เป็นจักษุแพทย์ผู้เชียวชาญด้านการฉีดฟิลลเอร์ใต้ตา ณ จุดนี้แค่ฟังว่าเป็นจักษุแพทย์ ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกมากมายเลยค่ะ แอนพูดคุยกับคุณหมอค่อนข้างเยอะ และปรึกษาคุณหมอเฟิร์สเกี่ยวกับปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้าด้วย
แต่จริงๆวันนี้บอกตามตรงว่ามาเพื่อยิงคำถามยอดฮิต ที่เคยผ่านหูผ่านตามามากมายว่า “ฟิลเลอร์ใต้ตา…ทำให้ตาบอดได้” คุณหมอก็น่ารักค่ะ ตอบคำถามได้อย่างหมดเปลือก ซึ่งรายละเอียดค่อนข้างเยอะ เลยขอนำบทความที่คุณหมอเขียนมาให้เพื่อนๆอ่านกันนะค่ะ
ฉีด Filler ใต้ตาแล้วตาบอดจริงหรือ? โดย นพ.ลัทธพล ม้าลายทอง
คำถามนี้หมอโดนถามบ่อยมากครับ คำตอบคือจริงครับ และไม่ใช่ว่าฉีดบริเวณอื่นแล้วตาจะไม่บอดนะครับ มาดูกันนะครับว่าสาเหตุที่ทำให้ตาบอดนั้นคืออะไร
บนใบหน้าเรานั้นมีเส้นเลือดอยู่มากมายครับ เส้นเลือดบนใบหน้าทั้งหมดจะเชื่อมกันเหมือนร่างแหครับ ตัวที่สำคัญคือเส้นเลือดแดงครับ เพราะว่าเส้นเลือดแดงนั้นเป็นตัวนำเลือดดีไปเลี้ยงอวัยวะบนใบหน้าครับ และเป็นเส้นเลือดที่มีแรงดันที่เกิดจากการเต้นของหัวใจ ทำให้เวลาที่มีก้อนอะไรก็ตาม (ก้อนไขมัน, Filler) เข้าไปในเส้นเลือดแดง จะทำให้เกิดการอุดตันได้ และทำให้อวัยวะบริเวณนั้นขาดเลือดไปเลี้ยง และตายในที่สุดครับ
ยกตัวอย่างเช่น ไปอุดที่เส้นเลือดบริเวณจมูกก็ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณจมูกนั้นตาย ถ้าไปอุดที่เส้นเลือดบริเวณตาก็ทำให้ตาบอดครับ ซึ่งถือเป็นจุดที่อันตรายที่สุดครับ เรียกภาวะนี้ว่า Central retinal artery occlusion (CRAO) ครับ เนื่องจากโอกาสจะดีขึ้นนั้นน้อยมาก และการรักษานั้นต้องรีบรักษาภายใน 90 นาทีหลังจากมีการอุดตันครับ เพราะถ้านานกว่า 90 นาทีเซลจอประสาทตาจะตายแบบถาวรครับ (irriversible damage)
คราวนี้มาดูกันครับว่าบริเวณไหนที่ฉีดแล้วเกิดภาวะ CRAO ได้บ้าง ถ้าดูจากงานวิจัยแล้ว มันก็อยู่แถวๆรอบดวงตาล่ะครับ ทั้งหน้าผาก, จมูก, ร่องแก้ม และใต้ตาครับ เนื่องจากที่ผมกล่าวข้างต้นแล้วว่าเส้นเลือดมันเขื่อมกันเหมือนเป็นร่างแหครับ Filler เข้าไปที่บริเวณไหน มันก็มีโอกาสเข้าไปที่ตาทั้งนั้นครับ ยิ่งใกล้ตา โอกาสก็ยิ่งสูงครับ โดยในงานวิจัยนี้พบว่าการใช้ไขมันตัวเองฉีดเข้าไป มีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้มากกว่าการใช้ Filler HA (Hyarulonic acid) อย่างมีนัยสำคัญนะครับ
อันนี้เป็น Link สำหรับอ่านเพิ่มเติมนะครับ
http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24762584
ถามว่ามีวิธีหลีกเลี่ยงภาวะเหล่านี้หรือไม่
บอกได้เลยครับว่ามี เช่นการใช้เข็มปลายทู่ (Blunt canula), การใช้ Filler HA แทนไขมันตัวเอง และสุดท้ายก็คือเทคนิคและประสบการณ์ในการฉีดครับ
นพ.ลัทธพล ม้าลายทอง
Director of Sukhumvit 36 Clinic
จักษุแพทย์ด้านโรคกระจกตา รอบดวงตา และแก้ไขสายตาผิดปกติ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด Advanced Botulinum toxin และ Fillers
Korean College of Cosmetics Medicine
และนี่คือผลงานของสองคุณหมอประจำคลินิกนี้ ดูแค่นี้ก็คะเนได้เลย ว่าคุณหมอเชี่ยวชาญขนาดไหน
เอาล่ะแอนเคลียร์กับคำถามค้างคาใจทุกสิ่งแล้ว บอกเลยว่าใจพร้อมมากๆกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาครั้งนี้ น้องพยาบาลก็พามาที่ห้องรับบริการเลยค่ะ
เริ่มด้วยทำความสะอาดใบหน้ากันก่อน
โปะยาชาแล้วรอเวลาสัก 30 นาทีจ้า
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น เพื่อนยาชาออกฤทธิ์ดีแล้ว คุณหมอจะทำการฉีดยาชาเพิ่มที่บริเวณใต้ผิวหนังด้วย จากนั้นจะทำการเปิดแผลโดยการเจาะรูบริเวณโหนกแก้มระนาบเดียวกับปีกจมูก พร้อมแล้วคุณหมอก็เริ่มปฏิบัติการอัพสวยให้แอนเลยค่า
สำหรับเพื่อนๆที่สงสัยว่าฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไปทำไม ฉีดไปเพื่ออะไร แอนจะมาคลายสงสัยแบบสั้นๆง่ายๆ กระชับและได้ใจความกันค่า มองผิวเผินหลายคนคงคิดว่าแอนไม่เห็นมีความจำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์เลย แต่ขอบอกเลยค่าที่เห็นสวยๆเนี่ยแต่งหน้ากลบเกลื่อนทั้งนั้น ทั้งรองพื้น คอนซีลเลอร์ เทคนิคการไฮไลท์และเฉดดิ้ง ก็กลบปัญหาบนใบหน้าเสียเกือบอยู่หมัด แต่เอาเข้าจริงแอนก็อยากจะแต่งหน้าเบาๆ ไม่ต้องลงรองพื้นออกจากบ้านบ้างน่ะค่ะ แอนมีปัญหามีร่องน้ำตาที่ลึกนิดหน่อย เวลาไร้เมคอัพหน้าจะดูโทรมตาโหลเหมือนคนอดนอนมามากๆ แถมยังต้องยิ้มบ่อยๆ เลยมีริ้วรอยใต้ตาค่อนข้างเยอะ ถุงใต้ตาก็ใหญ่ พอฉีดฟิลเลอร์เรียบร้อยแล้ว ก็จะดูเต็มขึ้นทันที รอยย่นใต้ตาจางลงไปเยอะอยู่ค่ะ แถมถุงใต้ตาดูเล็กลงด้วย ปลื้มๆๆๆ
สำหรับค่าใช้จ่ายครั้งนี้ของแอนมีโปรอยู่จาก 24,000 บาท ลดเหลือ 16,000 บาท
ซึ่งการทำสวยของแต่ละคนราคาคงไม่เท่ากันเพราะต้องทำไม่เหมือนกัน แนะนำให้ไปคุยปรึกษากับคุณหมอเฟิร์สก่อนเลยค่ะ
รายละเอียดเพิ่มเติมของ Sukhumvit 36 Aesthetics : https://www.facebook.com/sukhumvit36clinic/
ส่วนใครที่สนใจจะทำติดต่อแอนก่อนที่ https://www.facebook.com/BeautyMadameANN/ แอนมีส่วนลดให้จ้า
อัพเดต ก.ย. 60
ตอนนี้คุณหมอเฟิร์สย้ายมาเปิดคลีนิคตัวเองแล้วที่ https://www.facebook.com/firstclinic49/
รีวิวล่าสุด รีวิวฉีดฟิลเลอร์-โบท็อกซ์ บอกลาริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ First Clinic
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป