จากตอนที่แล้ว ที่ผมได้สรุปภาพรวมของทริป ขับรถเที่ยวคิวชูด้วยตัวเอง : Kyushu แบบครอบครัว10 วัน 30,000 บาทก็ฟินได้ วันนี้จะเริ่มลงรายละเอียดไปแต่ละเมืองนะครับ โดยตอนนี้จะพูดถึงเมืองฟุกุโอกะ Fukuoka ก่อนเป็นเมืองแรกเลย เพราะนอกจากฟุกุโอกะจะเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคคิวชูแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางการคมนาคมด้วย ใครจะเที่ยวคิวชูส่วนใหญ่ก็ต้องมาเริ่มต้นจากที่นี่เสมอครับ
Fukuoka เต็มไปด้วยที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ของกินอร่อยๆ พร้อมทั้งแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่สำหรับขาช้อปทั้งหลาย รีวิวในตอนนี้จะเป็นช่วงวันแรกที่เราเที่ยวในเมือง เรามีโปรแกรมไปลองราเมงในตำนานจากร้าน Ippudo แล้วเลยไปไหว้ศาลเจ้าดาไซฟุ Dazaifu ก่อนกลับมาทานอาหารตามสั่งแบบท้องถิ่นจริงๆอย่าง Yatai และรีวิวตอนนี้จะรวมโปรแกรมเที่ยววันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับไปด้วยกันเลย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งช้อปปิ้งของเมืองฟุกุโอกะครับ จะสนุกแค่ไหน เชิญตามไปรับชมรีวิวกันครับ
ทริปนี้เริ่มต้นด้วยโปรโมชั่นบินตรงไปกลับ กรุงเทพ-ฟุกุโอกะ ในราคาแค่ 5 พันกว่าบาทของ Jet Star ผมจึงไม่รอช้าทันทีที่จะสอยมาให้ครอบครัว 5 คน ซึ่งรวมกระเป๋า อาหารบนเครื่องแล้วยังราคารวมแค่ 6 พันต้นๆ นี่เป็นที่มาของทริปคิวชูแบบครอบครัว 10 วัน 30,000 ก็ฟินได้
แต่ด้วยราคาแสนถูก การบินแบบ Low Cost จึงมาพร้อมกับเก้าอี้แคบๆ และไม่มี Entertainment ใดๆบนเครื่องเลยครับ อาหารและเครื่องดื่มก็ต้องซื้อเพิ่มนะครับ แต่ด้วยราคาประหยัดมากๆแบบนี้ แถมมีเวลาบินขาไปสวยๆ ออกช่วงดึกๆถึงเช้า เที่ยวได้เลยอีก คิดไปคิดมาก็เท่ากับประหยัดค่าที่พักไปได้อีกคืน ไม่ต้องคิดอะไรมากครับ จัดไป หลับยาวๆแปปเดียวก็ถึงญี่ปุ่นแล้ว
มาให้ข้อมูลการเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง Fukuoka กันหน่อยดีกว่าครับ
สนามบิน Fukuoka ถือเป็นสนามบินในฝันสำหรับนักท่องเที่ยวยังเราๆครับ เพราะตัวสนามบินใกล้เมืองมากครับ ถ้าขับรถก็ไม่เกิน 15 นาที ค่าแท็กซี่จากสนามบินสู่สถานีหลักอย่าง Hakata หรือ Tenjin อยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 เยน ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่ดีในการเข้าที่พักโดยไม่ต้องแบกกระเป๋าเองให้เหนื่อย
แต่ถ้าจะเดินทางโดย Subway ก็ไม่ได้ยากเลยครับ แค่ต้องนั่ง Free Shuttle Bus จาก International Terminal ไปยัง Domestic Terminal ก่อน (นั่งฟรีนะ) พอลงรถแล้วก็เลี้ยวขวาต่อ Subway ได้เลย
มาดู Floor Plan ของ International Terminal กันครับ พอเราผ่านทุกสิ่งอย่างออกมาแล้ว ให้ไปซื้อ Pass ต่างๆในการเดินทางที่หมายเลข 1 แล้วออกประตูหลักมาที่หมายเลข 2 เพื่อขึ้น Shuttle Bus ได้เลยครับ
เคาน์เตอร์หมายเลข 1 ขายตั๋ว Pass ต่างๆครับ
เนื่องจากวันแรกลงเครื่องบินมา 9:30 น. พวกเราจึงมีเวลาเที่ยวค่อนวันในการเที่ยว ในแผนที่วางไว้คือการไปไหว้ศาลเจ้าดาไซฟุ Dazaifu ซึ่งเมืองฟุกุโอกะก็มี Pass ให้เลือกอยู่มากมาย
ราคาตั๋วประเภทต่างๆ ที่ใช้ไป Dazaifu ได้
1. Dazaifu Stroll Ticket Pack (One-Day Journey) ราคา 1000 yen ใช้นั่ง Nishitetsu train ไปกลับ Dazaifu + คูปองขนมโมจิ Umegaemochi + ใช้เป็นส่วนลดค่าเข้าสถานที่ต่างๆดังนี้
Treasure Hall (Dazaifu Tenmangu Shrine) Admission: ¥100 discount
Kanko Historical Museum (Dazaifu Tenmangu Shrine) Admission: ¥50 discount
Kanzeon-ji Temple Treasure Hall Admission: ¥200 discount
Dazaifu Amusement Park Admission: ¥100 discount
Dazaifu Station Rent-a-Cycle ¥100 discount (available from 9:00 to 18:00)
http://www.nnr.co.jp/train/kippura/global/english/ticket/i_dazaifu.html
- Fukuoka City and Dazaifu Adults ราคา 1,340 yen นั่งรถไฟ บัส ต่างๆในเมือง Fukuoka ได้
เครดิต : จากคุณอาราโซะ pantip
ซึ่งสำหรับผมแล้วต้องไปที่พักย่าน Tenjin ด้วยพอดี เราจึงสอย Fukuoka City and Dazaifu Pass มาเลยครับ คุ้มสุดๆ เพราะงานนี้เด็กๆทั้งสองคนฟรีครับ ลักษณะบัตรโดยสารของ Fukuoka City and Dazaifu Pass ที่ได้มาจะเป็นแบบในรูปด้านล่างเลยครับ จะใช้วันไหนก็ขูดเลขวันที่และเดือนเลย เพราะฉะนั้นใครลงเครื่องมาเช้าๆแล้วเปิดใช้เลย ก็ถือว่าคุ้มราคาอยู่จ้า
ผู้โดยสารที่เข้าเมืองโดย Subway ต้องนั่ง Free Shuttle Bus ไปลงที่ Domestic Terminal ก่อนครับ รถนี้นั่งฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีก็ถึงครับ
มาลงหน้า Domestic Terminal แล้ว เลี้ยวซ้ายมารับ ETC ที่ไปรษณีย์ก่อน
สำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถเลี้ยวขวาลง Subway โลดเลยครับ
รับมาแล้วครับ ETC ซึ่งเราจะเอาไปใช้หลังจากรับรถเช่าวันถัดไปครับ ซึ่งในซองจะมีทั้งบัตร คู่มือการใช้งาน และซองไปรษณีย์ไว้สำหรับส่ง ETC กลับไปด้วยครับ
ระบบรถไฟใต้ดินของ Fukuoka ค่อนข้างดีครับ สองสาวของเรายิ้มร่าเลย
ในรถไฟมีที่จอดรถเข็นไว้ด้วย
การเดินทางแบบครอบครัว ที่พักแนะนำให้จองล่วงหน้านะครับ อยากคิดว่าจะไปเดิน Walk-in ตามเอาดาบหน้า มีเด็กและผู้สูงวัยไปด้วย คงไม่อยากไปเสียเวลาหาที่พักหน้างานให้เหนื่อยและเสียเวลากันอีกเนอะ
ทริปนี้จองที่พักด้วย http://thailand.airasiago.com/ เพราะหลังจากเทียบราคาแล้ว ได้ราคาดีกว่าเว็บอื่นๆด้วย(เฉพาะช่วงเวลา) ซึ่งส่วนใหญ่หลายๆคนแยกไม่ออกว่าเหมือนหรือต่างกับ airasia.com อย่างไร ที่จริงแล้ว ก็ให้บริการที่พักที่ได้ราคาดีไม่ต่างกับเว็บจองที่พักอื่นๆอย่าง agoda หรือ booking.com เลย
โดยเว็บ Airasiago สามารถให้เราใช้ Filter ด้านซ้ายได้ด้วยว่า จะเอาโรงแรมกี่ดาว ราคาเท่าไหร่ สำหรับผมก็ไม่ได้ต้องการที่พักอลังการมาก เพราะเน้นเดินทางมากกว่าพักอยู่ที่โรงแรม ส่วนใหญ่จะจอง 3-4 ดาว ก็พอแล้วครับ
โรงแรมไหนเลือกตามชอบใจ Airasiago ให้ส่วนลดเยอะด้วยอ่ะ แถมบางที่ก็จองก่อนไปจ่ายทีหลังได้ด้วย
พอเราเลือกที่พักที่ชอบเสร็จก็จอง แล้วพิมพ์ไปเช็คอินที่นั่นได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าห้องพักจะเต็มอีก เดินทางตามแผนที่วางไว้กันอย่างสบายใจได้เลย
ที่พักคืนแรกที่ญี่ปุ่นคราวนี้ คือโรงแรม Hotel Monterey La Soeur Fukuoka ครับ ทำเลดีมาก อยู่ทางทิศเหนือของสถานี Tenjin รายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งและแหล่งกิน เรียกว่าเป็นย่านกินที่มากที่สุดของเมืองก็ว่าได้
ผมจองห้อง Triple มีสามเตียง ขนาดของห้องเล็กตามแบบฉบับโรงแรมกลางเมือง แต่ก็สะอาดดีครับ
ห้องน้ำน่ารักดีครับ ชักโครกเป็นแบบญี่ปุ่นกดปุ่มเล่นกันสนุกเลยครับ
เช็คอินแล้ว ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี เดินไปทานร้านราเมนในตำนานอย่างร้าน Ippudo Nishidori Remen ครับ
พิกัดร้านนี้คือ กากบาทสีเขียวในแผนที่ครับ ถ้าออกจากสถานี Tenjin ก็ให้ด้านออก West Exit หาห้าง Iwataya (จุด B) แล้วเดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้วครับ
บรรยากาศด้านในร้าน คนเยอะตลอดเวลาเลยอ่ะ
มาดูเมนูกันครับ
ของเค้าอร่อยจริงๆครับ ไม่ว่าเส้นที่เหนียวนุ่ม น้ำซุปที่หวาน หอม กลมกล่อมมาก
ที่พิเศษ คือไข่ยางมะตูม อร่อยมากเลย
ราเมนมีหลายน้ำซุปมากครับ ทดลองทานหลายๆแบบดู
หลังจากชิมร้านนี้แล้ว บอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
อิ่มกันแล้ววันนี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยวศาลเจ้าดาไซฟุ Dazaifu Tenmangu Shrine สร้างขึ้นเมื่อสร้างขึ้นในปีค.ศ.905 เป็นวัดชินโตที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของฟูกุโอกะ ถูกสร้างเพื่ออุทิศแด่ท่านมิชิสะเนะซึงะวะระ ศิลปินด้านวรรณคดีจีนและการศึกษา
การเดินทางต้องออกจากสถานี Tenjin แล้วเปลี่ยนเป็น Dazaifu Line จอดที่ถนนทางเข้าศาลเจ้าเลย ขบวนรถไฟสีสวยมากเลย
แผนที่เที่ยวบริเวณนี้ครับ เดินออกจากสถานีรถไฟก็เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางเข้าศาลเจ้าได้เลย
สำหรับใครที่มีเวลาสามารถเดินเที่ยวไปยัง Kyushu National Museum และ วัด Komyozenji ต่อได้นะครับ
ถนนทางเข้าศาลเจ้านี่เอง นอกจากจะมีร้านค้าขายของน่ารักๆ ยังมีร้านขนมเรียงรายตลอดทางเลย
แวะร้านแรก Kitty ทั้งร้านเลยครับ
งานนี้ไม่รอดครับ เสร็จตั้งแต่ร้านแรก คุณนายเกรซอ้อนอาม่าได้กระเป๋าใส่ของมาครับ บอกเลยว่างานนี้ไม่รู้ใครหลอกใคร
อันปังแมนหน้าร้านขายของ
ยังมี Landmark ที่ทุกคนต้องแวะถ่ายภาพก็คือ ร้าน Starbucks Coffee ที่ถูกออกแบบแบบ Limited Edition ไม่เหมือนใครในโลกเลย
แวะทานขนมประจำถิ่นกันหน่อย
เดินมาประมาณ 200 ม. ก็ถึงประตูศาลเจ้าแล้วครับ
ศาลเจ้าไดไซฟุ Daizaifu กว้างมากครับ มีกระทั่งสวนสนุกด้วย
ว่ากันว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องการศึกษา ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านมิชิสะเนะซึงะวะระ ผู้เก่งกาจสามารถแต่งบทกลอนได้ตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ เมื่อท่านเติบโตขึ้นก็ได้รับราชการในตำแหน่งสำคัญที่เกียวโต ด้วยความดีของท่านทำให้ประชาชนต่างรักใคร่ท่านมาก แต่ก็ดันมีเคราะห์ที่ตระกูลของท่านดันไม่ถูกตระกูลใหญ่ของเกียวโตในเวลานั้น จึงถูกใส่ร้ายและเนรเทศมายังเกาะคิวชู จนกระทั่งบั้นปลายชีวิต ท่านได้มาพำนักยังเมืองดาไซฟุแห่งนี้จนเสียชีวิต
ด้วยคุณความดีที่ได้สร้างมาตลอดชีวิตจนเป็นที่รักใคร่ของทุกคน ประชาชนจึงร่วมใจสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น ว่ากันว่าตอนที่ท่านเสียชีวิตนั้น วัวที่ลากเทียมเกวียนไม่ยอมเดินไปไหน ชาวบ้านจึงสรุปว่าท่านมิชิสะเนะคงอยากจะอยู่ตรงนี้ จึงสร้างศาลเจ้า ณ ตำแหน่งที่วัวหยุดนั่นเอง ดังนั้นในศาลเจ้าจะมีวัวอยู่หลายตัว และเป็นที่นิยมของเหล่านักเรียนนักศึกษาที่จะมาลูบคลำวัวและขอพรให้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา
มุมมหาชนของศาลเจ้าดาไซฟุคือสะพานแดงๆข้ามบ่อน้ำเล็กๆแห่งนี้แหละ
ใต้สะพานปลาเพียบครับ
เดินข้ามสะพานมีอะไรให้ชมตลอด
ถึงประตูศาลเจ้าแล้ว
ตามประเพณีชาวญี่ปุ่นต้องล้างมือกันก่อนเข้าศาลเจ้านะครับ
น้องเกรซบอกว่ามีม้านิลมังกรด้วยอ่ะ ปะป๊า เอ่อ… นั่นสิ มาอยู่ตรงนี้ได้ไง ปะป๊าก็งงด้วยคน 5555
ถึงศาลเจ้าแล้วจ้า
ตอนไปโชคดีมาก เหมือนมีการทำพิธีอะไรสักอย่างอยู่ด้วยครับ
ชาวญี่ปุ่นนิยมนำกระดาษหรือแผ่นไม้มาเขียนคำอธิษฐานแล้วผูกไว้ครับ
อุตส่าห์มาไกลจากไทย ต้องอธิษฐานกันหน่อย เอาบ้างๆ
ศาลเจ้าไดไซฟุมีชื่อเสียงด้านการศึกษา งั้นขอพรให้เด็กๆเลย สาธุ
เรียนเก่งๆนะ ลูก
ได้ขวัญกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแล้ว กลับไปถึงประเทศไทย ต้องสู้ๆนะลูก
นั่งรถไฟกลับมาสถานี Tenjin อีกครั้ง มีนาฬิกาสวยๆ ผมมาถึงตอน 5 โมงเย็น มีตุ๊กตาออกมาเดิน เด็กๆชอบกันใหญ่เลย
แถวนี้ร้านค้า ร้านอาหารเพียบครับ เดินกันหมดวันได้เลยนะ
แต่วันนี้เตรียมท้องมาทาน Yatai ครับ
Yatai เป็นร้านอาหารข้างทางที่เราอาจจะเคยได้เห็นตามการ์ตูน หรืออาจจะเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่น ลองนึกภาพว่าเป็นร้านรถเข็นข้างทางยามค่ำคืน ที่มีผ้าบังด้านหน้า เราต้องลอดผ้าเข้าไปนั่งเก้าอี้ยาวร่วมกับใครอีกหลายๆคนในร้าน อาหารก็จะร้อนๆ อาจจะย่างบ้าง ต้มบ้าง กินไปดื่มไปพร้อมๆกับเบียร์หรือสาเกญี่ปุ่น เจ้าของร้านก็น่ารัก คุยสนุกสนานเฮฮากับลูกค้าตลอด
ร้านเหล่านี้ตั้งอยู่ริมถนนเลยครับ แต่ตอนกลางวันจะไม่มีนะ จะออกมาประมาณช่วงค่ำๆครับ มีหลายร้านตลอดถนนเลย ที่จริงผมไม่ได้เจาะจงร้านไหนเป็นพิเศษ เดินไปเรื่อยๆ กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกร้านไหนดี ปรากฏว่าเจอร้านที่มีเมนูภาษาไทย เลยตัดสินใจง่ายเลย ถึงจะแปลเป็นภาษาไทยได้แย่มาก (น่าจะเอามาจาก google translate แน่ๆ) แต่ก็ยังดีกว่าต้องส่งภาษาใบ้ครับ
พิกัด : http://yataimamichan.daa.jp/
ร้านนี้เจ้าของเป็นสามี ภรรยาครับ สามีเป็นมือผัด งานกระทะ ปิ้งย่าง ส่วนภรรยาเป็นผู้ช่วย ทำหน้าที่เสิร์ฟด้วย แม้ผมจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง แต่อัธยาศัยและการบริการยอดเยี่ยมไปเลยครับ
สั่งเบียร์ Asahi มาดื่ม แหม… นุ่มมากๆ ส่วนปีกไก่ย่าง เจ้าของร้านปิ้งแจกฟรีทุกคนครับ อร่อยมากด้วยอ่ะ ขอบอก
ข้อเสียของร้านแบบนี้ คืออาหารจะรอนานนิดหนึ่งครับ เพราะทำทีละกระทะทำทีละอย่างครับ คนก็เยอะ รอกันไปครับ ถ้าอยากกินด่วนๆก็ต้องสั่งโอเด้งมารองท้องก่อนครับ
เกี๊ยวซ่าทอดโฮมเมด ยืนห่อเกี๊ยวกันสดๆแล้วทอดร้อนๆเลย อร่อยไปอีกแบบ
ข้าวผัดห่อไข่ ทำกันสดๆ เสิร์ฟกันร้อนๆเลย อร่อยมาก
การกิน Yatai แบบนี้ถือเป็นอีกประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งครับ
เพื่อเป็นการรวบรวมข้อมูลในการเดินทางสำหรับเที่ยวเมืองฟุกุโอกะให้ครบถ้วน ผมจึงขออนุญาตรวบการเดินทางวันสุดท้ายที่เราทิ้งวันว่างๆไว้สำหรับเป็นวันเดินเล่นและช้อปปิ้งมาอยู่ในรีวิวตอนนี้เลยนะครับ
หลังจากเดินทาง 8 วันไปยังเมืองต่างๆแล้ว วันที่ 10 ของการเดินทาง ผมทิ้งวันว่างไว้ท้ายทริปสำหรับการให้ลูกทัวร์สาวๆช้อปปิ้งและเดินเล่นกันในเมือง วันนี้เริ่มจากห้าง Canal City Hakata ครับ
เสื้อผ้าเด็กน้อยใน Shop H&M ก็มีน่ารักๆอย่างเพียบ ไม่แพงด้วยครับ
น้องเกรซได้เดรสมินนี่สีสวยกลับกรุงเทพแล้ว
ห้างนี้มีคลองจำลองอยู่กลางห้างเลยครับ สวยมากเลย
เจ้าหญิงตัวน้อยมีความสุขทุกวัน
Onitsuka Tiger อยู่ชั้น 2 ครับ ราคาถูกกว่าไทยค่อนข้างมากเลย แถมมีรุ่นใหม่ๆให้เลือกเยอะกว่าไทยครับ ที่สาขานี้มีส่วนลด 10% สำหรับชาวต่างชาติด้วยนะ เพียงแค่โชว์พาสปอตเท่านั้น ก่อนจ่ายเงินทุกร้านสอบถามพนักงานก่อนก็ดีนะจ๊ะ
เริ่มหิวแล้วหละ มื้อเที่ยงไป ชั้น 5 เลยครับ มี Ramen Stadium อยู่
มีร้านราเมงอร่อยๆมาตั้งประชันกันหลายร้านมาก ต้องเด็ดจริงๆถึงจะอยู่ได้นะเนี่ย บอกเลย
เลือกไม่ค่อยถูก สุดท้ายเลือกจากร้านที่มีราเมนต้มยำครับ โหยหาพริกมากเลย 5555
การสั่งอาหารก็ไม่ยากครับ แม้จะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่มีตู้สั่งที่มีภาษาอังกฤษครับ กดจิ้มได้เลย ไม่ยากๆ
อยู่ญี่ปุ่นหลายวัน ร่างกายต้องการต้มยำมากครับ ร้านนี้มีสั่งเป็นเซ็ต มีข้าวหน้าหมูให้ด้วย ราคาไม่แพง รสชาติเยี่ยมมากครับ ข้าวหน้าหมูกระเทียมอร่อยมากมายจริงๆ เด็กๆทานกันเกลี้ยงชามเลย
สำหรับใครที่ชอบแนว Outlet แนะนำที่นี่เลยครับ Marinoa City ซึ่งเป็น Outlet Mall ครับ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นนะ ถ้าใครคาดหวังจะมาช็อปแบรนด์ดังๆที่นี่ขอบอกว่า ไม่เหมาะ มาแล้วอาจเสียเที่ยวเอานะ
แต่ที่พิเศษมาก คือ ร้าน Matsumoto Kiyoshi ที่นี่แสดงพาสเปอร์ต ได้ลดเพิ่ม 5% สำหรับนักท่องเที่ยวนะครับ ที่ Canal City Hakata ไม่ได้ลดนะ
เครื่องสำอางค์เพียบจ้า
ส่วน ABC-Mart เป็นร้านรองเท้าครับ รวบรวมรองเท้าแบรนด์ดังมาลดราคาอย่างเพียบเลยจ้า
New Balance เพียบ
กระเป๋า Coach ก็มีนะ แต่ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ และไม่ได้ถูกมาก คุณนายแอนเลยปล่อยผ่านครับ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย
Lego ส่วนใหญ่จะลดแบบที่เป็น Theme นะครับ พวกแบบ Free Style จะไม่ค่อยลดครับ
โดยรวมที่ Marinoa City จะเป็นแบรนด์ที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักนะครับ ราคาสินค้าก็ถือว่าพอรับได้ ใครที่ชอบแนว Outlet อาจจะชอบที่นี่มากกว่า Canal City Hakata ครับ
อีกสถานที่เที่ยวที่ออกแนวนั่งเล่นชิลด์ๆ ได้แก่ ชายหาด Momochihama Beach ใกล้ๆกันมีสถานที่สวยๆน่าจะเป็นโบถส์ไว้แต่งงานหรือเปล่าไม่แน่ใจ ไม่เปิดให้เข้าชม แค่ถ่ายภาพอยู่ด้านนอกเท่านั้น
การที่มีลูกมีเมียสอนผมให้เข้าใจอะไรขึ้นหลายอย่าง
การใช้ชีวิตเพื่อใครสักคน ทำให้ต้องเสียสละอะไรหลายอย่าง
สละเวลา สละความเป็นส่วนตัว แม้กระทั่งความสุขบางอย่างของตัวเอง
แต่มันก็คุ้มค่าเหลือเกิน กว่าจะรู้ตัวอีกที รอยยิ้มของบางคน…
ก็ได้เป็นความสุขแท้จริงในหัวใจเราเสียแล้ว…
มองไปไม่ไกลมี Fukuoka Tower ด้วย
เย็นนี้กลับมาหาอะไรทานที่สถานี Hakata เดินเล่นอยู่นาน ไปเจอร้านที่มีป้ายกระดาษเขียนเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นแปะไว้รอบร้าน คนญี่ปุ่นกินกันเยอะดี งั้นเราต้องลองบ้างแล้ว
ร้านนี้เป็นอาหารตามสั่งครับ สั่งเอาตามใจ งั้นโดนปลาแซลมอนเสียหน่อย การทานปลาดิบที่ญี่ปุ่นเนี่ย บอกเลยไม่ว่าร้านไหนที่กิน ส่วนใหญ่จะอร่อยกว่าทานที่เมืองไทยทุกร้านไป อาจจะเพราะใกล้แหล่งวัตถุดิบมากกว่า ทำให้ปลาสดกว่าทานที่ประเทศไทยเป็นไหนๆ
ลองชิมหอยลายดู แหม เค้าผัดแบบแห้งๆ อร่อยไปอีกแบบครับ
ต่อด้วยปลาอะไรสักอย่าง อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก เนื้ออร่อยเทพเลยอ่ะ แต่ก้างเยอะไปหน่อย
จบรีวิวเมืองฟุกุโอกะ Fukuoka ไปอย่างสมบูรณ์ แต่การเดินทางของพวกเรายังแค่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น ในตอนต่อไปเราจะเริ่มขับรถไปต่างเมืองในภูมิภาคคิวชู Kyushu บ้าง รับรองว่าจะสนุกและน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆครับ แล้วพบกันใหม่ในเร็ววัน
ตอนที่ 3 เที่ยว Saga http://www.2madames.com/saga-karatsu-hizenyumekaido-yutoku-inari-kyushu-japan/
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป