สวัสดีค่ะ เมื่อวันที่ 10 – 13 May 2014 ที่ผ่านมา เหมียวๆได้ร่วม Firm Trip เพื่อเดินทางไปเที่ยวฮ่องกง – มาเก๊า รวมทั้งหมด 4 คืนค่ะ การไปเที่ยวแบบเป็นหมู่คณะ หรือจำนวนคนค่อนข้างเยอะ การไปกับทัวร์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทั้งในเรื่องของการเดินทาง ที่พัก และการท่องเที่ยว สำหรับเหมียวๆแล้ว เหมียวเคยเดินทางไปกับทัวร์มาแล้วรวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้วค่ะ ก็มีทั้งประทับใจบ้าง และไม่ค่อยประทับใจบ้าง เนื่องด้วยข้อจำกัดของทางบริษัททัวร์เอง และจำนวนคนที่ค่อนข้างเยอะค่ะ สำหรับครั้งนี้ เหมียวๆจะมารีวิวให้ดูว่าการไปเที่ยวฮ่องกงกับทัวร์ทริปนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตามไปเที่ยวด้วยกันเลยค่ะ
ก่อนการเดินทางของเหมียวๆ เหมียวก็ต้องเตรียมพร้อมตัวเองเช่นเดียวกันค่ะ อย่างแรกเลยเวลาที่เดินทางก็คือเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆไปให้พร้อม เนื่องจากที่ฮ่องกง จะใช้หัวปลั๊กไม่เหมือนของไทย เหมียวๆจึงเตรียม Adapter ไปเองด้วย สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันก็คือรางปลั๊กไฟ และที่เสียบ Usb หลายๆรูแบบนี้ เพราะครั้งนี้เหมียวๆต้องชาร์ทกล้อง ชารต์ pocket wifi และ แบตสำรองมือถือค่ะ
ต่อไปเป็นเรื่องของการสื่อสารที่ฮ่องกงค่ะ… เหมียวๆต้องการนำซิมไปใส่ใน pocket wifi เพื่อแชร์กับเพื่อนค่ะเพราะประหยัดดีค่ะ ซิมนี้ชื่อ One2free ใช้ได้แค่ที่ฮ่องกงเท่านั้นนะคะ ราคาตามเวปจะตกอยู่ประมาณ 400-500 บาทค่ะ มูลค่าในบัตรจะมีอยู่ 98$ สามารถโทรเบอร์ฮ่องกงนาทีละ HK$.01 หรือ 1 เซ็นต์ โทรกลับไทย นาทีละประมาณ HK$.28 หรือ 28 เซ็นต์ ส่วนเหมียวซื้อมาเพื่อาเล่นเนตโดยเฉพาะเลยสมัครเล่นเน็ตไม่จำกัด 7 วัน ราคา HK$78 เหรียญค่ะ การเปิดใช้บริการก็ต้องสมัครแพคเกจ โดย กด 101832*4# แล้วกดโทรออก ยอดเงินคงเหลือใน Sim ก็จะถูกหักไป 78$ ค่ะ
ทัวร์ที่เหมียวๆไปในวัน ที่ 2 ของการเดินทางจะเป็นแบบอิสระค่ะ ซึ่งเหมียวๆเลือกไปเที่ยว Disney Land ก็เลยซื้อบัตรจากที่นี่ไปเลย เรื่องบัตรสามารถหาซื้อได้ตามเวปไซด์เลยค่ะแล้วแต่ความพอใจ เหมียวๆได้ราคา 1,670 บาทต่อใบค่ะ
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเดินทางก็คือเงินค่ะ เหมียวๆแลกไปเฉพาะเงินดอลล่าร์ฮ่องกงค่ะ เพราะสามารถใช้ได้ที่มาเก๊าด้วย ส่วนเรื่องค่าเงินที่มาเก๊าค่าเงินจะถูกกว่าค่ะ ถ้าเราเอาเงินฮ่องกงไปจ่ายเค้า เค้าชอบใจเลยค่ะ
บริษัททัวร์นัดคณะเดินทางทุกท่านให้พร้อมกันเวลาตี 4 ค่ะ เพื่อทำการเช็คอิน เหมียวๆไปสายกว่าเวลานัด 10 นาทีค่ะ ยังหน้ามืดตามัวอยู่เลย
เมื่อถึงที่นัดทางทัวร์จะแจก passport ของเราที่เคยเอาไปรวบรวมไว้เพื่อดำเนินการเรื่องเอกสารให้เราค่ะ เอกสารจะมีใบ immigration ตั๋วเครื่องบิน itinery การท่องเที่ยวใส่มาให้ในซองใสค่ะ
ระหว่างรอ Boarding Time ก็เดินเล่นชอปปิ้งดูของไปค่ะ
ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วค่ะ ครั้งนี้เหมียวๆบินกับสายการบิน ค่าเธ่ย์ แปซิฟิก บินรอบเช้าสุดเลยค่ะ
หน้าจอก็บอกเลยว่าเครื่องเก่าหรือใหม่นะคะ
หลังจากถึงสนามบินฮ่องกง ก็ต้องต่อรถไฟฟ้าไปกันต่อค่ะ
ถึงแล้วก็เตรียมตัวไปผ่าน immigration ค่ะ
หลังจากผ่านด่านออกมาแล้วบอกได้เลยค่ะว่าฟ้าฝนไม่เป็นใจเลย สำหรับการเดินทางกับทัวร์ ค่อนข้างสะดวกสบายค่ะเพราะมีรถทัวร์ให้บริการเลย แต่สำหรับคนที่เดินทางมาด้วยตัวเองก็เลือกใช้บริการ ของ Airport Express, Taxi หรือ Air Bus ได้ตามสะดวกเลยค่ะ
จุดหมายแรกหลังจากที่ลงจากเครื่องก็คือเกาะลันเตาเพื่อขึ้นกระเช้าหนองปิง 360 ไปไหว้พระใหญ่เทียนถาน หรือ หระใหญ่โป่วหลินค่ะ
สำหรับคนที่เดินทางด้วย MTR ให้มาลงที่สถานี Tung Chung – Exit B ค่ะ
ของเหมียวไม่ต้องไปต่อคิวซื้อเพราะทางทัวร์จัดมาให้ หน้าตาของตั๋วขึ้นกระเช้าจะเป็นแบบนี้เลยค่ะ แต่สำหรับผู้ที่เดินทางเองสามารถหาซื้อได้จากเวปไซด์ต่างก่อนเพื่อความสะดวกก่อนเดินทางมาเที่ยวได้เลยค่ะ
หลังจากได้ตั๋วก็ขึ้นมารอคิวเพื่อขึ้นกระเช้าค่ะ วันนี้คนเยอะพอสมควรเลยค่ะ
กว่าจะได้ขึ้นกระเช้าก็ราวๆ 10 นาทีเลยค่ะ
พร้อมเดินทางแล้วค่ะ การเดินทางด้วยกระเช้าโดยปกติใช้เวลาประมาณ 25 นาทีค่ะ
ระหว่างทางก็ชมวิวสวยๆค่ะ
โอ๊ะโอวว..เมฆฝนหนามากจริงๆเลยค่ะ
สูงขึ้นเรื่อยๆค่ะ สภาพอากาศเริ่มแปรปรวนลมแรงมากๆ
สักพักฝนเริ่มเทลงมาค่ะ มาพร้อมกับลมแรงๆ บอกได้เลยว่าน่ากลัวค่ะ เพราะกระเช้าไกวเบาๆเหมือนชิงช้าค่ะ ช่วงที่ตกแรงมากๆกระเช้าจอดนิ่งราว 3 นาที
และแล้วก็ขึ้นมาถึงอย่างปลอดภัยค่ะ ข้างนอกลมแรงมาก จนร่มหักหลับด้านเลยค่ะ สักพักฝนก็ตกลงมาแรงมาก เหมียวๆเลยเลือกเดินทางกลับโดยกระเช้า เพราะทางไกด์แจ้งว่า ถ้าลมแรงมากๆเค้าจะปิดการให้บริการเดินทางด้วยกระเช้า ซึ่งต้องลงด้วยรถ หรือการเดินค่ะ
ระหว่างกลับก็เดินดูของที่ระลึกน่ารักๆค่ะ
หลังจากที่ลงมา เหมียวๆก็มุ่งหน้าไป City Gate Outlet Mall เพื่อหาอะไรทานค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นมี Shop Brand name ต่างๆ แล้วก็ยังมี Food Republic ที่จะช่วยเหมียวๆได้ แต่พอขึ้นไปถึงค่ะ ไม่มีที่หนังเหลือเลยสักที่ เลยมาทานที่ร้าน Steak House
มีทั้ง a la carte และ set ค่ะ ราคาอยู่ที่ $60 ขึ้นไปค่ะ
เหมียวเลือกสั่งเป็น set ค่ะ จะมีขนมปังและซุปมาให้
พร้อมเครื่องดื่ม ซึ่งสามารถเลือกได้ มีกาแฟ และชามะนาวค่ะ
เมนูที่เหมียวๆสั่งมาแล้วค่ะ สปาเก็ตตี้ซีฟู๊ดราดชีสมาเยิ้มๆ ทานๆไปก็เริ่มเลี่ยนเหมือนกัน
ทานเสร็จก็มาเดินเล่นย่อยอาหารค่ะ ที่ City Gate จะมี Zone ชั้นบนที่จะรวมๆของ sale มาไว้แบบนี้ค่ะ ไม่ต้องไปเดินตาม Shop ต่างๆถ้ามีเวลาน้อยๆ
เมื่อถึงเวลานัด ทัวร์ก็พาทุกคนมุ่งหน้าต่อค่ะ สภาพอากาศก็ยังครึ้มฟ้าครึ้มฝนเหมือนเดิม
เหมียวๆถ่ายภาพสะพานซิงหม่า (Tsing Ma Bridge) มาให้ดูกันค่ะ สะพานนี้สะพานแขวนที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง ไปสู่เกาะลันเตาค่ะ
ข้ามสะพานมาสักพักเริ่มเห็นตึกสูงๆแล้วค่ะ
ที่หมายต่อไปคืออาหารเย็นค่ะ ทัวร์พามาทานที่ร้าน City Chiu Chow ซึ่งเป็นอาหารจีนแบบกวางตุ้ง
หน้าตาของอาหารก็ตามภาพเลยค่ะ ส่วนรสก็ค่อนข้างไปทางจืด ไม่ก็เค็มไปเลยค่ะ
อย่างซุปส่าหร่ายนี้จืดมากๆค่ะ
ผัดผักต่างๆพอใช้ได้ค่ะ
ผัดปลาหมึกผัดพริกก็อร่อยใช้ได้ตาะ
จากนนี้เป็นเผือกค่ะ ใส่อะไรบ้างไม่รู้
เหมียวๆชอบจานนี้ค่ะอร่อยสุดแล้ว
ผ่าปลามาแบบดูน่ากลัวมาก แถมเค็มอีกตังหาก ต้องทานเฉพาะเนื้อปลาเอาไม่ทานตรงส่วนที่เค้าราดน้ำมาเลยค่ะ
หลังจากทาน Dinner กันเสร็จ ทัวร์ก็พาเรามาลงบริเวณตรงข้ามโรงแรม Peninsula เพื่อรอชม Symphony of lights ค่ะ การเดินทางมาสำหรับคนที่เดินทางเองก็งใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Tsim Sha Tsui Exit F จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปยังริมน้ำก็จะเห็นเลยค่ะ
ลงมาก็จะเจอกับโดม และงานศิลปะ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูปกันค่ะ
ฟ้าเริ่มมืดแล้วค่ะ ระหว่างรอชมโชว์ แสง สี เสียง ก็เดินเล่นแถว Avenue of stars และชมวิวบริเวณอ่าววิกตอเรียรอค่ะ
เค้าว่ากันว่าจุดชมวิวที่ดีจะอยู่บริเวณโรงแรม Intercontinental นี่แหละค่ะ
ดูโชว์ไปทานไปน่าจะอร่อย เหมียวๆเดิมผ่านร้านนี้ถึงกับต้องหิวอีกรอบค่ะ กลิ่นเย้ายวนมากๆเลยขอเข้าไปชิมสักหน่อย
ปลาหมึกบนเส้นๆค่ะ ราคาถุงละ $30 หลังจากโชว์จบคนมาเข้าซื้อกันยาวเลยค่ะ
การแสดงเริ่มแล้วค่ะ ตามตึกต่างๆมีการเปิดไฟ เล่นแสงตามตึกได้สวยงาม
ประกอบกับดนตรีและแสงเลเซอร์ เป็นโชว์ที่โอเคค่ะ
โชว์จบก็กลับไปขึ้นรถทัวร์ที่รออยู่ค่ะ ใช้เวลาชมอยู่ราวๆ 10 นาทีได้
บริเวณทางออกมา concert เล็กๆให้ชมกัน
ถึงเวลาเดินทางกลับแล้วค่ะ โดยที่รถทัวร์จะมารอที่จุดเดิม
คืนแรกและคืนที่สอง คณะทัวร์ของเหมียวๆเข้าพักที่ Panda Hotel ค่ะ บริเวณ Lobby จะมีน้อง Panda น่ารักๆ ต้อนรับอยู่
สภาพของห้องพักเป็นเตียงคู่ค่ะ ข้างเตียงจะมีโซฟา
ถึงแม้ห้องพักไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่รู้สึกอึกอัดค่ะ เพราะได้จัดพื้นที่ใช้สอยไว้ได้ดี
ส่วนของ Minibar น้ำดื่มที่เห็น เสียเงินนะคะ แต่ทางโรงแรมก็มีกาต้มน้ำให้ สามารถเอาน้ำจากก๊อกมาต้มดื่มได้เลยค่ะ
ราคาเครื่องดื่มและขนมก็มีบอกอยู่ในใบเรียบร้อยค่ะ ราคาค่อนข้างแพง
ตู้เสื้อผ้าขนาดไม่ใหญ่มากค่ะ อยู่ถัดจากห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นแบบอ่างอาบน้ำค่ะ มี Amenity ไว้ให้ครบเลยค่ะ ไปได้โดยไม่ต้องเตรียมอะไรไปค่ะ
ด้านล่างของ Panda Hotel จะเป็น Mall ค่ะ มี Shop ของ Sasa ร้านอาหาร และ Supermarket ก่อนที่จะลงจากรถทัวร์ ไกด์บอกว่าที่นี่มีชานมไข่มุกชื่อดัง เหมียวๆเลยขอลองสักหน่อย
ชานมยี่ห้อ Come Buy ค่ะ เหมียวๆว่ารสพอรับได้ค่ะ กลิ่นชาอ่อนไปหน่อย สู้บ้านเราไม่ได้
หลังจากซื้อชานมคืนนี้ขอทานอะไรเบาๆก่อนนอนค่ะ เลยมุ่งหน้าไปที่ซุปเปอร์
ช่วงดึกๆเค้าจะ Sale อาหารที่ขายไม่หมดค่ะ ราคาถูกน่าคบมากๆ
ส่วนของนมก็มีหลายรสให้เลือกค่ะ แต่เหมียวไม่ได้ลองชิมค่ะ
ส่วนของมึนเมาก็มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ
ซื้อเสร็จก็ถึงเวลากลับขึ้นห้องนอน แต่ก่อนจะหลับคืนนี้ เหมียวๆขอลาด้วยภาพของแสงไฟสวยๆของเมืองฮ่องกงรอบๆโรงแรมค่ะ
เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 วันนี้จะเป็นวันอิสระค่ะ ถ้าต้องการไปกับทัวร์ ทัวร์จะพาไปเที่ยวเซินเจิ้น หรือจะเลือกไป Hong Kong Disney Land ก็ได้ ซึ่งทางทัวร์จะมีรถไปรับส่งขาไป และขากลับ ราคาอยู่ที่ 2,500 บาท ต่อคนค่ะ ส่วนเหมียวๆเลือกไป Hong Kong Disney Land ด้วยตัวเอง ตั๋วที่ซื้อมา ราคา 1,670 บาทค่ะ แต่ก่อนจะไปเที่ยวก็ต้องเพิ่มพลังก่อน โดยที่ทัวร์พาไปทานอาหารเช้าที่ร้านนี้ค่ะ
ซุปฟักทองค่ะ หวานๆ ร้อนๆ
ป่อเปี๊ยะทอดอร่อยดีค่ะ
เอิ่มแป้งเยอะจรืงอะไรจริงค่ะ
เหมียวๆว่าไส้เค้าออกหวานๆ มันๆ เลี่ยนๆ ไม่ค่อยอร่อยค่ะ
จานนี้น่าคือกระดูกหมูผัดเต้าซี่ค่ะ
ขนมจีบกุ้ง
ฟั่นโกวค่ะ
ต่อไปเป็นการเดินทางคะ จากรถไฟฟ้าใต้ดินเปลี่ยนขบวนรถจากสายสีแดงเป็นสายสีส้ม (Tung Chung Line) ที่สถานี Lai King ต่อจากสถานี Lai King ต่อไปยังสถานี Sunny Bay เพื่อเปลี่ยนขบวนรถเป็ยสาย Disney ค่ะ สามารถซื้อตั๋วครั้งเดียวได้ที่ตู้เหล่านี้เลยค่ะ การใช้งานก็แค่จิ้มสถานีที่จะไป แล้วก็หยอดเงินหรือใส่แบงค์เข้าไปได้เลยค่ะ
จุดนี้เป็นจุดเติมเงินค่ะ
ได้บัตรมาแล้วค่ะ พร้อมเดิมทาง
สภาพในขบวนค่ะ คนไม่ได้เยอะแออัดมากเหมือนที่ไทย เพราะขบวนยาวมาก
เปลี่ยนเป็นสาย Tung Chung ที่สถานีนี้นะคะ แต่ภาพนี้เหมียวๆถ่ายจากอีกฝั่ง ต้องไปขึ้นฝั่งตรงข้ามค่ะ
รถไฟฟ้ามาแล้ว หน้าต่่างเป็นรูปหัวมิกกี้เม๊าส์ น่ารักมากๆค่ะ
ลงจากขบวนแล้ว ก็ถึงเวลาเที่ยวค่ะ
บริเวณชานชาลา หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
ก่อนหน้าเหมียวๆจะถึงฝนตกหนักมากๆ แต่ตอนนี้หยุดแล้ว
หลังจากผ่านประตูเดินเข้ามาก็จะเจอ DisneyLand City Hall เหมือนเป็นจุดบริการลูกค้าค่ะ
โซนแรกที่เหมียวๆเดินผ่าน Main Street, U.S.A.
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอ ปราสาทสัญลักษณ์ของ Disney และบริเวณนี้จะเป็นจุดชมพลุช่วงค่ำค่ะ
เหมียวๆเลือกเลี้ยวไปทางซ้าน มุ่งหน้าสู่ Adventure Land
เครื่องเล่นในโซนนี้ที่เหมียวๆเลือกเล่นก็คือ Jungle river cruise
ที่เห็นตรงกลางจะเป็นบ้านทาร์ซานค่ะ เหมียวๆก็เข้าไปเล่นเหมือนกัน เป็นบ้านต้นไม้ให้เดินชมเรื่องราวของทาร์ซานค่ะ
เรือมาแล้วไปสนุกกันเลยค่ะ
เหมียวๆถ่ายรูปให้ดูบ้างเล็กน้อยนะคะ อยากบอกว่าเค้่าทำดีมากๆค่ะ การเคลื่อนไหว ค่อนข้างเหมือนจริง เหมียวๆเคยเล่นของซาฟารีเวิล์ดค่ะ เทียบที่นี่ไม่ติดเลย
พอเล่นเสร็จก็เดินผ่านจุดถ่ายรูปค่ะ มีคนไปยืนถ่ายรูปกันบ้างเหมือนกัน
โซนต่อไปเป็น Toy Story Land ค่ะ สีสันสดใส มีเครื่องเล่นน่ารักๆหลายอย่างเลยค่ะ
เจ้าหมาน้อยหมุนๆ รับลมชิล ชื่อ Slinky Dog Spin
ด้านหลังที่เห็นโค้งๆเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียว ชื่อ RC Racer ส่วนเครื่องเล่นอีกอย่างที่คนต่อคิวยาวก็คือ Toy Soldier Parachute Drop
ปราสาทนี้เป็นของเครื่องเล่นที่ชื่อว่า Mystic Manor เราจะเข้่าไปในปราสาท แล้วนั่งรถเข้าไปชมค่ะ โดยที่รถจะเข้าไปพร้อมกัน 4 คันและหมุนไปมาได้
โซนต่อไปค่ะ Grizzly Gulch
เดินเข้ามาก็เจอกับเครื่องเล่น Runaway Mine Cars เลยค่ะ สนุกและตื่นเต้นดีค่ะ
ส่วนจุดนี้จะทำให้ทุกคนที่เข้าไปชม ได้เปียกกัน จุดนี้เรียกว่า Geyser Gulch
ถึงเวลาบ่าย เหมียวๆก็ขอไปชมโชว์สุดอลังการที่ชื่อว่า Festive of The Lion King ค่ะ แอบสปอยนิดหน่อยตามภาพเลยค่ะ
หิวแล้วก็เดินหาอะไรหม่ำๆค่ะ ทุกๆโซนจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเองนะคะ สามารถเลือกทานได้ แต่ราคาค่อนข้่างสูงทีเดียวค่ะ
เหมียวๆเลยเลือกสั่งตามบูทด้านนอกแทนค่ะ ประหยัดกว่าค่ะ เหมียวๆสั่งฮอทดอกไซส์ใหญ่สุดเค้าจะให้เลือกซอสราดมีทั้งซอสเนื้อ และซอสเห็ดค่ะ ไซส์นี้แบ่งทานกับเพื่อน 2 คนค่ะ
ส่วนจานนี้คือนาโช่ ราดชีสค่ะ
เค้ามีอุปกรณ์มาให้ด้วยค่ะ เป็นถุงมือกันเลอะค่ะ
เดินผ่านมาก็เจอพ่อมดเมอร์ลินค่ะ มาจากเรื่อง Sword in the Stone กับลังโชว์อยู่ ส่วนด้างหลังเป็นม้าหมุนค่ะ คนต่อคิวเล่นกันเยอะเลยค่ะ
มุ่งหน้าต่อไป Small World ค่ะ แต่ก่อนเหมียวๆจะไปเล่น เหมียวแอบไปเอา Fast Pass ของเครื่องเล่น Winnie The Pooh Ride ก่อนเลยค่ะ
เราจะนั่งเรือนี้เข้าไปชมค่ะ
ภายในตกแต่งเป็นโซนๆเรื่องราว น่ารักๆค่ะ นั่งเรือชมนานเลยค่ะ เมื่อเทียบกับ Winnie The Pooh Ride ค่ะ
ส่วนเครื่องเล่นนี้คือด้านในของ Space Mountain ค่ะ
เครื่องเล่นสุดท้ายสำหรับวันนี้ Buzz Lightyear Astro Blasters ที่ให้ทุกคนเข้าไปยิงแสงเลเซอร์ใส่เป้าต่างๆที่ติดอยู่บนมนุษย์ต่างดาวเพื่อเก็บคะแนนแข่งกันค่ะ
ก่อนโชว์สุดท้ายเหมียวๆไปเล่น Mickey Phillar Magic อยากบอกว่าสนุกดีค่ะ ไปแล้วอย่าพลาดนะคะ เสร็จแล้วเหมียวๆก็เดินมาชม The Golden Mickeys เป็นการแสดงบนเวทีเหมือนละครเวทีค่ะ
ก่อนกลับเหมียวๆมารอชมพาเหรดค่ะ แต่เสียดายมากๆ ทางฮ่องกงดิสนีย์ประกาศว่า วันนี้งดขบวนพาเหรดแบบเต็มค่ะ แต่จะเป็นพาเหรดสั้นๆของเหล่าตัวการ์ตูนแทน
กลับถึงห้อง ก็ลงไปต่อคิวอันแสรยาวใต้โรงแรม Panda Hotel เพื่อซื้อเจ้าเคเอฟซีชุดนี้ค่ะ จัดมาเป้นแบบเซทเลยมีข้าวด้วย หลังจากนั้นก็นอนหลับฝันหวานเตรียมตัวเดินทางวันรุ่งขึ้นค่ะ
เริ่มต้นวันที่ 3 แล่วค่ะ ทัวร์พาคณะเราเดืนทางมาทานอาหารเช้าก่อนเลยค่ะ
ชื่อร้านเป็นภาษาจีนค่ะ เหมียวๆอ่านไม่ออก
ทางเข้าร้านจะมีเรื่องฮวงจุ้ยค่ะ เค้าจะวางช้างไว้ด้านหลังปี่เซี๊ยะ เพื่อให้บริวาร คนงานในร้าน ขยันทำงานและซื้อสัตย์ค่ะ
เข้ามาก็เจอคณะทัวร์ชาติอื่นนั่งรอกันอยู่มากมาย
เดินไปที่โต๊ะ เค้าจะเสริฟอาหารบางส่วนรอไว้แล้วค่ะ วันนี้เหมียวๆได้ทานโจ๊กไข่เยี่ยวม้า อร่อยมากๆ
ขนมจีบกุ้งก้อนโต
ทาร์ตไข่ของฮ่องกงค่ะ ลองชิมกันแล้ว เพื่อนลงมติกันว่าไม่อร่อย สู้ที่ไทยไม่ได้ค่ะ
ฮะเก๋า ที่แน่นไปด้วยเนื้อกุ้ง ค่ะ ทุกอย่างบนโต๊ะทานได้คนละชิ้นเท่านั้นค่ะ
พอมาดูที่ผ้าเช็ดปากเลยรู้ว่าร้านนี้ชื่อ Lin Kee Hot Pot ทัวร์บอกว่าช่วงเย็นที่นี่คนเยอะค่ะ เค้ามาทานหม้อไฟกัน
หลังจากทานข้าวกันเรียบร้อย ทัวร์ก็พาไปร้านขายพวกแหวนกังกัน จิลเวอร์รี่ต่างๆ เรียบร้อยก็มุ่งหน้าสู่วัดแชกงหมิว หรือวัดกังหันค่ะ การเดินมาเองให้ลงสถานี Tai Wai ใช้ทางออก B หลังจากที่ออกมาจากตัวอาคาร จะเห็นวัดสีแดงๆแบบนี้แหละค่ะ ทางซ้ายมือซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ให้เดินไปตามทางแล้วลงบันได เลี้ยวขวาเพื่อรอดไปอีกฝั่ง
เวลาเปิดปิดของทางวัดค่ะ
เข้ามาก้เจอกับร้านขายของชำร่วยค่ะ มีกังหันขนาดต่างๆให้เลือกซื้อ
การไหว้ทางทัวร์บอกว่าสามารถเลือกธูปได้ค่ะ ราคาจะแตกต่างกันออกไป
เมื่อเขียนชื่อและคำอธิษฐานลงในใบสีสะเดาะเคราะห์สีแดงๆที่แนบมากับธูปเรียบร้อยก็เดินเข้าไปทำพิธีด้านหน้านี้ได้เลย โดยต้องไหว้ฟ้าดินก่อน
ด้านในจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดทำพิธีและนำสวดและปักธูปเป็นอันเสร็จพิธีค่ะ
พอเข้าไปด้านใน ก็ให้ก้มหน้าขอพรท่านแชกงหมิวค่ะ หลังจากนั้นให้มองหน้าสบตาท่าน
หลังจากอธิษฐานเรียบร้อยแล้ว ให้เดินมาหมุนกังหันด้วยนิวชี้ หมุนตามเข็มนาฬิกา แล้วไปตีกลอง 3 ครั้งก็เรียบร้อยค่ะ คนที่น้ำแหวน สร้อย จี้ หรือพวงกุญแจกังหันมาก็ให้นำมาทำพิธีที่ด้านในได้เลยค่ะ
เหมียวๆถ่ายภายในวัดตามจุดต่างๆมาให้ชมกันค่ะ
ขึ้นมาบนรถทัวร์ก็เจอกังหันค่ะ ทัวร์บอกว่าส่วนใหญ่เค้าจะมีติดที่รถกัน
มาต่อกันที่วัดนางชีค่ะ
หลังจากเข้ามาแล้วจะเจอกับสวนด้านนอกค่ะ
ส่วนนี้จะเป็นสวนด้านใน รอบๆจะมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์ให้กราบไว้ ห้ามส่งเสียงดัง และห้ามถ่ายรูปค่ะ
ฝนตกลงมาอีกแล้วค่ะ หลังจากไหว้พระเสร็จก็ถึงเวลาเดินทางต่อ
พาหนะในการเดินทางของฮ่องกงค่ะ
อาหารมื้อสุดท้ายก่อนไปเที่ยวมาเก๊าค่ะ
คาดว่าคงจะเตรียมงานแต่ง ทางลงบันไดเลยสวยแบบนี้ค่ะ
อาหารมาละค่ะ เป็นย่างหนังกรอบอร่อยใช้ได้
ผัดผักจืดๆ แต่ก็สดดีค่ะ
ซุปข้าวโพดเนื้อปู
กระดูกหมูทอด จานนี้อร่อยแต่ทานยากค่ะ
จานนี้หมูหมักชิ้นใหญ่ๆอร่อยค่ะ
ไข่ไหม้ๆ จืดๆ ไม่ค่อยร่อยค่ะ
ปลาสดโอเคเลยค่ะ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็เตรียมเดินทางไปมาเก๊าค่ะ ติดตามได้ตอนหน้าเลยนะคะ ลากันไปด้วยภาพรถรางของฮ่องกงค่ะ
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ เราได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ 2 Madames ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : Kit Kat Kitten Fan Page ด้วยนะคะ
Kit Kat Kitten
ถึงแม้จะมีคนบอกว่า "แตงโม" เป็นสาวออฟฟิตใช้ชีวิตวุ่นๆเกือบทั้งหมดไปกับการทำงาน จนไม่มีเวลาไปไหนต่อไหน แต่ความเป็นจริงนั้น Lifestyle ของสาวลั่นล๊าแบบแตงโมไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ก็แตงโมทั้งชอบกิน ชอบเดินทางไปเที่ยว เป็นสาวสังคม และเป็นรักสัตว์ แบบนี้ จะพลาดชีวิต Chic Chic ไปได้ยังไง ความสุขเล็กๆของแตงโม คือการได้เดินทางไปในที่ต่างๆ และชื่อเหมียวๆนี้แตงโมจะนำมาใช้เป็นนามปากกาเวลาเขียนรีวิว ในทุกๆที่ที่แตงโมไปสัมผัส แตงโมรักที่จะเขียนเรื่องราว แบ่งปันความทรงจำ แชร์ความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆทุกคนค่ะ Kit Kat Kitten Fanpage https://www.facebook.com/kitkatkittenfans