ต้องยอมรับว่าหลายๆท่านคงยังไม่คุ้นหูกับคำว่า OMAKASE (โอมากาเสะ) สักเท่าไหร่ เดี๋ยวผมจะขออธิบายคร่าวๆในภาษาที่เข้าใจก่อนละกัน ซึ่งก็คือการทานซูชิเป็นคอร์สตามใจเชฟนั่นเอง จริงๆจะเรียกว่าตามใจก็ไม่ถูกสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าช่วงฤดูไหนมีวัตถุดิบตัวไหนเด็ดดวง เชฟก็จะคัดสรรมาเป็นเมนูในช่วงนั้นๆละกัน และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ปลาเบๆ (ย่อมาจากเบสิค basic) หรือปลาตลาดๆอย่างแซลมอนที่ขายกันทั่วไปแน่นอน
วันนี้พวกเราพากันมาลองทานซูชิคอร์สหรือ OMAKASE กันที่ ICHIKA Japanese Cuisine แบบพรีเมี่ยม ราคาหัวละ 2,700++ บาท และแน่นอนว่าราคาขนาดนี้ เราจึงมีความคาดหวังที่จะได้ทานโอมากาเสะที่จะต้องมีความพิเศษแบบไม่ธรรมดาอยู่แล้ว จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามไปรับชมกันครับ
เพื่ออรรสรถ เชิญรับชมแบบคลิปวิดีโอได้เลยครับ
สำหรับการเดินทางมาไม่ยากเลย เพราะตั้งอยู่ในโรงแรมแรมแบรนท์ Rembrandt Hotel Bangkok ซอยสุขุมวิท 18 เรียกว่าทำเลใจกลางเมืองเชียวล่ะ พอถึงโรงแรมแล้วก็มาที่ชั้น M หน้าร้านเป็นแบบในภาพนี้ครับ
ภายในร้านมีแค่ 10 กว่าที่นั่ง แถมมีตู้ที่เลี้ยงวัตถุดิบสดๆเป็นๆอยู่ด้วย ราคามื้อกลางวันมีทั้งหมด 3 ระดับราคา เริ่มตั้งแต่ 1,700++ 2,700++ และ 3,700++ บาท
ถ้าจะมาทานต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่สามารถมาทานแบบไม่บอกไม่กล่าวได้
เข้าไปจองได้ที่ : https://www.facebook.com/ichikathailand/
ที่นั่งทานก็จะนั่งหันหน้าเข้าหาเชฟ และสามารถชมการปั้นซูชิได้ตลอดเวลาที่นั่งทานเลย
เด็กๆดูตื่นเต้นให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะจะได้ดูเชฟฝีมือดีปั้นซูชิให้ดูใกล้ๆเป็นครั้งแรก
สำหรับอุปกรณ์อย่างเขียงและมีดของที่นี่ ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดานะ มี Story ให้ทราบกันด้วย เช่น อย่างเขียงที่เห็นเป็นแผ่นไม้ใหญ่ๆนั้นทางเจ้าของร้านก็ใส่ใจไปเลือกไม้เองถึงประเทศญี่ปุ่น และไม้ก็มีอายุมากกว่า 150 ปี
ส่วนมีดที่แล่ปลาก็สั่งตีพิเศษพร้อมสลักชื่อร้าน ICHIKA โดยใช้เหล็ก Blue Steel ที่เป็นเหล็กกล้าชั้นดีจากเมืองซาไกที่ เป็นแหล่งตีมีดดาบซามูไรแสดงว่าความคมต้องไม่ธรรมดา ที่ทางร้านใส่ใจถึงการเลือกมีดนั้นเพราะมีผลต่อเรื่องอุณหภูมิส่งผลถึงความอร่อยของอาหารด้วย
ส่วนนี้เป็นวัตถุดิบที่ทางเชฟเตรียมไว้สำหรับเรามื้อนี้ และไม่ต้องห่วงว่าที่ทำไว้จะตากแอร์ตากลมให้วัตถุดิบชืด เพราะเชฟจะมีฝาปิดตลอดเวลา รวมทั้งภาชนะที่ใส่ข้าวด้วย
วาซาบิที่เสิร์ฟก็เป็นวาซาบิสด ทานแล้วไม่ฉุนขึ้นจมูกเหมือนที่ทานกันอยู่ทั่วไปนะ
เชฟจะค่อยๆบรรจงปั้นและเสิร์ฟทีละคำ พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดทุกอย่าง
จานแรกเป็น โรลทูน่าบลูฟิน (Tororo Combu Maki) ห่อด้วยสาหร่ายคอมบุ ราดซอสวาซาบิ ทานเพื่อเรียกน้ำย่อยกันก่อนเลย
ไข่ตุ๋นซอสฟัวกราส์ เมนูนี้ใช้เพียงไข่ขาวอย่างเดียวเพื่อให้เนื้อไข่ตุ๋นออกมายิ่งนุ่มเนียน ซอสฟัวกราส์ที่ใส่มานั้นก็ไม่เลี่ยน ทำให้เมนูไข่ตุ๋นแปลกใหม่ไปจากเดิมมาก
คัมปาจิ (Kampachi) เป็นปลาเนื้อขาว เนื้อละเอียด ในเนื้อปลามีมันแทรกอยู่น้อยมาก เนื้อจะนุ่มๆเหนียวๆ แต่งด้วยต้นหอม วางบนข้าวที่ปั้นมาพอดีคำ แต่ละคำนั้นต้องบอกว่าเชฟบรรจงปั้นเพื่อให้เราได้ลิ้มรสความอร่อยจริงๆ
สำหรับซูชิที่ ICHIKA นั้นจะเห็นว่าข้าวที่นำมาปั้นจะออกสีน้ำตาล เพราะที่นี่จะใช้น้ำส้มแดงผสมลงไปในข้าวทำให้สีดูน่าทานมากยิ่งขึ้น
คำต่อไปเป็นปลา Kinki คินคิ เป็นสายพันธุ์เดียวกับปลานกแก้ว ถ้าทานให้อร่อยต้องทานกับซอสบ๊วย ขอบอกไว้นิดนึงว่าแต่ละคำที่เสิร์ฟนั้น เชฟราดซอสมาพร้อมทานแล้วนะ เพราะฉะนั้นเพื่อความอร่อยขั้นสุด เมื่อเชฟเสิร์ฟแล้วต้องรีบทานภายใน 20 วินาที เพื่อให้ได้ลิ้มรสชาติดีที่สุด และวิธีการทานที่ถูกต้องคือต้องทานทั้งคำด้วย ห้ามกัดนะ คุณผู้หญิงก็อาจจะลำบากหน่อยนะ
ส่วนชิ้นนี้จำชื่อไม่ได้ครับ แต่ก็อร่อยนุ่มลิ้นมากๆ
ปลาโนโดะคุโระ หรือปลาคอดำ เป็นปลาน้ำลึกที่คนญี่ปุ่นว่ากันว่าสักครั้งนึงในชีวิตควรลิ้มลองให้ได้ ตอนเสิร์ฟเชฟจะเบิร์นที่หนังเล็กน้อยเวลาทานก็จะมีความหอมหน่อยๆ
ปลาหมึกขาวมีโรยผิวเปลือกส้ม Yusu เล็กน้อย ซึ่งฤดูนี้ช่วงปลายเดือนมิถุนายน เปลือกส้มยังเป็นสีเขียวอยู่ และโรยเกลือหิมาลายาเพิ่มอีกหน่อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้โดดเด่นขึ้น
ซูชิกุ้งลายเสือสดๆจากตู้ปลาที่เลี้ยงไว้เลย ไม่ได้เอาแบบแช่แข็งมาให้ลูกค้าทานกันนะ ที่สำคัญไม่ใช่กุ้งเลี้ยงด้วย เป็นกุ้งที่โตมาตามธรรมชาติเลยทำให้กุ้งมีความสด กรอบ เนื้อแน่น
คำถัดไปเป็นปลาทูน่า (Maguro) มนส่วนเนื้อแดงที่เรียกว่า Akami ส่วนนี้จะแทบไม่มีไขมันเลย
ซูชิบางชิ้นจะมีการเบิร์นด้วยเปลวไฟด้วยนะครับ
และต้องไม่พลาด Ootoro ที่เป็นปลาทูน่าส่วนท้องหรือส่วนพุงปลา ที่มีไขมันเยอะที่สุดและมีราคาค่อนข้างแพง แถมเชฟยังใส่ทองคำตกแต่งลงไปอีก เลยยิ่งดูดี ดูแพง 555
Negi Toro Maki สำหรับคำนี้เชฟเอาสาหร่ายไปเผาไฟให้กรอบและหอมมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเอาสาหร่ายไปห่อกับ Toro ที่หั่นไว้ สาหร่ายที่เผาไฟช่วยเนรสชาติปลาให้อร่อยมากขึ้นไปอีก
Tamako Yaki หรือไข่หวาน ทีแรกที่เสิร์ฟมานึกว่าเป็นของหวานประมาณซอฟท์เค้ก แต่พอเชฟบอกว่าไข่หวานเท่านั้นแหละ ตกใจกันเป็นแถบ ยิ่งได้ชิมรสชาติออกแนวๆขนมไข่ที่เนื้อนุ่มนวล ที่สำคัญชิ้นนี้ไม่มีส่วนผสมจิงแป้งด้วยนะ สูตรพิเศษจริงๆเป็นอะไรที่ว๊าวมากๆ
Osuimono Soup เป็นซุปใสปิดท้ายอาหารคาว มีเนื้อปลาบางๆมาด้วย ซุปหวานมาก
ปิดท้ายมื้อนี้อย่างสมบูรณ์ด้วย Yusu Sorbet ที่เปรี้ยวๆหอมๆ ทานแล้วสดชื่น
สำหรับบ้านไหนที่อยากทาน OMAKASE แต่มีลูกเล็กไปด้วยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทานอะไรไม่ได้นะ แค่ตอนจองแจ้งล่วงหน้าสักนิดว่ามีเด็กอายุกี่ขวบไปด้วย เค้าก็มีบริการเตรียมอาหารสำหรับเด็ก เช่น ไก่เทอริยากิ ให้ทานอิ่มอร่อยได้เหมือนกัน
ถือเป็นอีกมื้อที่อิ่มอร่อยไม่ธรรมดาครับ ส่วนใครที่ตามมาทานก็อาจจะได้เมนูปลาไม่เหมือนกับเรานะครับ เนื่องจากเชฟจะเสิร์ฟปลาที่สดใหม่และมีตามฤดูกาลจ้า
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป