ปีหน้าผมมีวางแผนจะพาครอบครัวจะพาไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นรอบที่ 4 กัน แต่เราก็อยากจะหาที่เที่ยวแปลกๆ บ้าง ไปค้นข้อมูลเจอที่เที่ยวแปลกๆ เลยถือโอกาสมาแบ่งปันกัน ปกติคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็มักจะนิยมเดินทางไปยังภูมิภาคคันโต คันไซ หรือเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียว เกียวโต โอซาก้า แต่ประเทศญี่ปุ่นยังมีอะไรน่าค้นหามากมาย หลายๆ ที่ก็สวยงามมาก น่าเสียดายที่สถานที่เหล่านั้นไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักสำหรับคนไทย ตัวอย่างเช่น Inakadate Village ทางเหนือของเกาะฮนชู ชาวบ้านที่นี่สร้างศิลปะบนนาข้าวมากว่า 20 ปี พวกเขาเปลี่ยนท้องนาธรรมดาๆ ให้เป็นผืนผ้าใบสุดอาร์ต รังสรรค์งานศิลปะขนาดใหญ่ โดยนำต้นข้าวหลายสายพันธุ์ หลากสีสันมาปลูกบนท้องนา เพื่อถ่ายทอดจินตนาการ เป็นลวดลายบนนาข้าวที่แตกต่างกันไปในทุกปี รอให้ทุกคนมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง เราตามไปรู้จักกับที่นี่แบบใกล้ชิดกันดีกว่าครับ
Inakadate Village ตั้งอยู่ในจังหวัด Aomori ด้านเหนือของเกาะฮนชู
Inakadate Village – Aomori
กว่า 20 ปีแล้วที่ชาวบ้านเมืองอินาคะดาเตะ (Inakadate) ชุมชนชาวนาแห่งจังหวัดอาโอโมริ ได้สร้างสรรค์เปลี่ยนท้องนาธรรมดาของพวกเค้าให้กลายเป็นผลงานศิลป์ มหัศจรรย์จากรวงข้าว ให้ชาวโลกได้ชมในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยพวกเค้าทำกันจนกลายเป็นประเพณีประจำเมืองนี้ไปแล้ว
ค่าเข้าชมบนหอคอย ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็ก 100 เยน
หอคอยเปิดตั้งแต่ 09.00-17.00 น. (ประตูทางเข้าจะปิดเวลา 16.30 น.)
ช่วงเวลาที่สามารถเข้าชมได้ในปี 2015 นี้ เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงวันที่ 12 ตุลาคม (หยุดวันที่ 4 ตุลาคม)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1993 ในปีนั้นเศรษฐกิจของโลกกำลังถดถอย พวกเขาเองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย ชาวบ้านต่างได้รับพิษเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า
ชาวบ้านจึงมานั่งปรึกษาหารือกันว่าพวกเค้าจะนิ่งเฉยไม่ได้แล้ว น่าจะหากิจกรรมที่ช่วยปลุกชีวิตชีวาและสีสันให้กับชุมชนที่เศร้าหมองจากพิษเศรษฐกิจ ประจวบเหมาะกับนักโบราณคดีค้นพบว่าพื้นที่ในแถบชุมชนอินาคะดาเตะนี้ มีการปลูกข้าวกันมานานกว่า 2,000 ปี ในที่สุดจึงเกิดเป็นไอเดียการสร้างศิลปะบนนาข้าวขึ้นมา หรือที่เรีกว่าทันโบะ อาร์ต ส่วนหนึ่งก็เพื่อการเฉลิมฉลอง 2,000 ปีแห่งพื้นที่ที่มีการทำนา อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมที่น่าจะปลุกชีวิตชีวาให้กับชาวชุมชนไปในคราวเดียวกัน
ในช่วงปีแรกๆ ภาพศิลปะบนนาข้าวจะเน้นรูปที่ไม่ซับซ้อนมาก โดยเน้นไปที่ภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม, ประเพณีหรือสถานที่เด่นๆของญี่ปุ่น
แต่ในปีต่อๆมา ประเพณีการตกแต่งงานศิลป์บนท้องนาของที่นี่เริ่มมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากขึ้น ภาพศิลปะจึงเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ก็ยังคงเป็นภาพที่เข้าถึงผู้ชมส่วนใหญ่ได้ง่ายขึ้นเช่นกัน รวมไปถึงขนาดของผืนนาที่ถูกใช้แทนผืนผ้าใบก็มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย จากพื้นที่ 2,500 ตารางเมตรในปีแรก กลายเป็นขนาด 15,000 ตารางเมตร
ในช่วงหลังๆ ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่มากถึงกว่า 200,000 คน จึงสร้างรายได้และความคึกคักให้กับชาวบ้านที่นี่เป็นอย่างมาก
สำหรับกระบวนการสร้างสรรค์ทันโบะอาร์ตนั้น จะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนของทุกปี ชาวบ้านที่นี่จะเริ่มมานั่งหารือกันว่าปีนี้จะสร้างงานศิลปะในรูปแบบไหนดี โดยมีคุณครูศิลปะชั้นมัธยมปลายที่เป็นคนในพื้นที่ เป็นผู้ให้คำปรึกษา แนะนำลายงานศิลป์ที่จะทำออกมา แล้วจึงเริ่มต้นวาดภาพร่าง จากนั้นจึงนำไปปรับรายละเอียดและแก้ไขแบบจนได้ภาพที่ลงตัวในคอมพิวเตอร์
งานศิลปะบนท้องนาในปี 2015 นี้ ใช้ข้าวด้วยกันทั้งหมด 11 ชนิด และใช้สีที่แตกต่างกัน 11 สี ซึ่งสีที่เลือกใช้หลักๆ คือ เหลือง ม่วง และเขียวเข้ม โดย 3 สีนี้จะเป็นพันธุ์ข้าวที่ทางหมู่บ้านมีอยู่แล้ว ส่วน สีขาว แดง และอื่นๆ นั้นจะเป็นพันธุ์ข้าวที่นำมาจากกรมพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร จังหวัดอาโอโมริ ซึ่งมีหน้าที่พัฒนาข้าวพันธุ์พิเศษที่ไม่ได้มีไว้แค่กิน แต่ยังเป็นพันธุ์ข้าวที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างทันโบะอาร์ตได้ด้วย
จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการทำนาในรูปแบบปกติ ระหว่างนี้ก็จะมีการกำจัดวัชพืชและปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม รวมระยะเวลาทั้งสิ้นในการทำงานศิลป์ประมาณ 6 เดือน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวหมู่บ้านอินาคะดะเตะ สามารถเดินทางไปชมได้ในช่วงเดือนมิถุนายนไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งสามารถขึ้นไปชมทันโบะ อาร์ตจากบนหอคอยที่อยู่สูงขึ้นไป 22 เมตร ที่สร้างไว้ให้นักท่องเที่ยวชมอย่างเต็มๆ ตา
สำหรับสถานที่จัดงานศิลปะบนนาข้าวจะมีอยู่ด้วยกัน 2 จุด จุดแรกจะอยู่ใกล้กับที่ทำการหมู่บ้าน (ภาษาญี่ปุ่นจะเรียกว่า Murayakuba) ส่วนอีกจุดจะอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Tamboato
สำหรับทันโบะ อาร์ต บริเวณใกล้สถานีรถไฟ Tamboato ในปีนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่างหมู่บ้านอินาคะดาเตะกับค่ายหนังยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวู้ด โดยมีคอนเซ็ปท์เกี่ยวกับภาพยนตร์ดัง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือภาพยนตร์รักคลาสสิคอย่าง Gone with the wind ส่วนอีกเรื่องคือหนังไซไฟขึ้นหิ้งอย่าง Star Wars ที่กำลังจะเข้าฉายภาคใหม่ในปี 2015 นี้
คือแบบว่า ราคาค่าชมก็ไม่แพง แถมฟังแค่คอนเซ็ปท์ต่างๆ ก็อยากจะเก็บกระเป๋าไปดูของจริงกันแล้วใช่ไหมหละครับ
การเดินทาง
จุดชมศิลปะบนนาข้าวใกล้ที่ทำการหมู่บ้าน : จากสถานี JR Hirosaki เดิน 1 นาที จะถึงสถานี Konan Railway Hirosaki (Konan Line) นั่งรถไฟ 25 นาที ลงที่สถานี Inakadate แล้วต่อแท็กซี่ 5 นาที จะถึง Inakadate-mura Observation Platform
จุดชมศิลปะบนนาข้าวใกล้สถานี Tamboato : จากสถานี JR Hirosaki เดิน 1 นาที จะถึงสถานี Konan Railway Hirosaki (Konan Line) นั่งรถไฟ 23 นาที แล้วลงที่สถานี Tamboato
หมายเหตุ มีบริการรถรับส่งในช่วงเดือนที่มีการแสดงทันโบะอาร์ต โดยรถจะวิ่งไปมาระหว่างระหว่างจุดชมศิลปะบนนาข้าวทั้งสองแห่ง คือระหว่างหอคอย Inakadate observation platform และหอคอย Yayoi no Sato observation platform
และนี่เป็นแค่เพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าใครอยากจะตามไปค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆในญี่ปุ่น ก็คลิกเข้าไปดูต่อในเว็บไซต์ www.japanstory.org ได้เลย ที่นี่คุณจะได้ค้นพบ17 เรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แนะนำโดย องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) นอกจากเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นแล้ว แคมเปญ “ Japan Story เปิดประสบการณ์ เที่ยวญี่ปุ่นมุมมองใหม่ มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกผ่านเว็บไซต์อีกเพียบ แล้วยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เที่ยวญี่ปุ่นแบบฟรีๆ อีกด้วยนะ ตามเข้าไปร่วมสนุกกันต่อได้ที่ www.japanstory.org ได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น
www.japanstory.org
www.yokosojapan.org
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป