ทริปเด็กน้อยเบลล่าตะลุยญี่ปุ่นก็มาถึงตอนสุดท้าย เราจะพาไป Yokohama Hakeijima Sea Paradise กับ Tokyo Disneyland สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆคนครับก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกๆกำลังใจ ทุกๆไลค์ ทุกๆcomment มากๆนะครับ หากสนใจข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมตรงไหน สอบถามได้นะครับ ผมจะพยายามหาคำตอบมาให้นะครับ ^^
สำหรับรีวิวที่ผ่านมานะครับ
ตอนที่ 1 การเตรียมตัว จัดทริป สิ่งต่างๆที่ควรรู้ก่อนจัดทริปญี่ปุ่น
ตอนที่ 2 คู่มือการตะลุยโอไดบะ สถานีไหนมีที่เที่ยวอะไร
ตอนที่ 3 เจาะลึก Kawaguchiko ตามหาฟูจิซังจอมขี้อายอย่างละเอียด
หลักจากที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างสนุกสนานมา 4 วัน ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2 ที่ ที่เราตั้งใจจะไปกันมากๆในการจัดทริปครั้งนี้นั่นก็คือ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise กับ Tokyo Disneyland ครับ โดยในวันที่ 5 ของเราในญี่ปุ่น หลังจากไปเยี่ยมเยียน ฟูจิซัง มาแบบใกล้ชิด วันนี้เราจะไป Yokohama Hakkeijima Sea Paradise กันก่อนและวันพรุ่งนี้เราจะไป Tokyo Disneyland กัน โดยในรีวิวตอนนี้จะเป็นการรีวิวที่ท่องเที่ยวทั้ง 2 ที่ต่อกันเลยนะครับ ซึ่งที่เราจัดสองที่นี้มาในวันท้ายๆก็เนื่องจากจะหลบวันเสาร์อาทิตย์ที่คนจะเยอะมากๆ และ ยังขอเวลาในการปรับจูนตารางของหนูน้อยเบลล่าให้เข้าที่กันก่อนนะครับ
จากที่หาข้อมูลมาเบื้องต้น เมื่อพูดถึง Aquarium ที่ญี่ปุ่น ก็จะนึกถึง Aquarium ใหญ่ๆที่คนไปกันเยอะๆเช่น
Okinawa Churaumi Aquarium , Osaka Aquarium Kaiyukan , Kasai Rinkai Aquarium , Toba Aquarium , Shimane Aquarium
แต่จากที่เราหาข้อมูลดันไปสะดุดเจอ Aquarium ที่ Yokohama ซึ่งมี วาฬเบลูกา และมีกิจกรรมถีบเรือออกไปสัมผัส โลมา อย่างใกล้ชิดอีกด้วย ไหนๆเรามาเที่ยวโตเกียวก็เลยตัดสินใจไปที่ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise กันครับ
Yokohama เมื่อเอ่ยชื่อนี้ แวบแรกที่คนส่วนใหญ่จะคิดถึงคือ Ramen Museum ที่ Shin Yokohama รายละเอียดของ Ramen Museum สามารถดูได้จาก รีวิวของ Ms.Elizabeth นี่นะครับ กับ Cup Noodles Museum ของบริษัท Nisshin ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่า Instant Ramen Museum ที่โอซาก้าถึง 3 เท่า รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ตาม ลิงค์จาก Marumura ได้เลยนะครับ
จริงๆเมือง Yokohama นี้มีอะไรให้เที่ยวมากกว่านั้นเยอะเลยครับ มาดูรายละเอียดกัน
Yokohama เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของญี่ปุ่น อยู่ไปทางใต้ของกรุงโตเกียวโดยใช้เวลาในการเดินทางด้วยรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมง Yokohama ยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่าเรือแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นแห่งหนึ่งอีกด้วย โดยสถานที่ท่องเที่ยวโยโกฮาม่ามีหลากหลายความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่นชมเมืองรวมถึงสัญลักษณ์ของที่นี่ ชมความงามธรรมชาติ ช้อปปิ้งกินอาหารญี่ปุ่น อาทิเช่น
- China Town ที่มีขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น สามารถไปสัมผัสบรรยากาศ และเลือกซื้อสินค้า อาหาร และ ขนม มากมาย จากร้านค้าต่างๆ โดยย่าน China Town นี้อยู่ใกล้สถานี Motomachi-Chukagai มากที่สุด
- Minato Mirai21 ซึ่งรัฐบาล ญี่ปุ่น มีนโยบายพัฒนาขึ้นให้เป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของเมือง Yokohama เพื่อเชื่อมต่อย่านเมืองเก่า กับ สถานีรถไฟ Yokohama เข้าด้วยกัน มีสถานที่สำคัญมากมายทั้ง Yokohama Landmark Tower, สวนสนุก Cosmo World, Yokohama Museum of Art , Pacifico Yokohama Convention Center, Nippon Maru and Yokohama Port Museum แหล่งช๊อปปิ้งเซ็นเตอร์ และ อื่นๆ อีกมากมาย เพียงนั่งรถไฟในเมืองโยโกฮามามาที่สถานี Minato Mirai
- ล่องเรือชมบรรยากาศยามค่ำคืนของอ่าวโยโกฮาม่า ที่เต็มไปด้วยแสงสีสวยงาม ชมความงามของแสงสีในเมืองซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ชิงช้าสวรรค์กลางเมืองที่ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
ตามโปรแกรมที่ตั้งใจวันนี้เราจะไปเที่ยว Yokohama กัน โดยเน้นหลักที่ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise ก่อน ซึ่งเราก็รอผ่านช่วง rush hour ให้เรียบร้อยก่อน เราจึงเริ่มเดินทางตอน 9 โมง การเดินทางก็ไม่ยากครับ เราเลือกการเดินทางที่เปลี่ยนรถไฟน้อยที่สุด จึงได้เลือกเส้นทางมาตามนี้ครับ
ซึ่งตอนแรกเราวางแผนว่าจะไป Yokohama Hakkeijima Sea Paradise ก่อน พอบ่ายๆเย็นๆก็ออกมาเที่ยวรอบๆอ่าว แต่พอเห็นการเดินทางแต่ละจุดท่องเที่ยวแล้วจึงเปลี่ยนแผนครับ ใช้เวลาที่ Hakkeijima Sea Paradise ให้เต็มที่เลยดีกว่าครับ
เวลา 10 โมง 45 โดยประมาณ เรามาถึงสถานี Hakkeijima ครับ สังเกตจากรูป Beluga ที่สถานีได้เลยครับ
เดินตามทางข้ามสะพานที่เรี่ยกว่า Marine Gate ไปสู่ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise
โดยรายละเอียดของ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise สามารถดูได้จาก link นี้นะครับ http://www.seaparadise.co.jp/english/guidebook/top.html
Yokohama sea paradise จะแบ่งพื้นที่หลักๆออกเป็น3ส่วนนะครับ
1. Aqua Resorts โดยในส่วนของ Aqua Resorts นี้ จะมีจุดเข้าชมสำคัญๆอยู่ 3 จุดด้วยกัน
- จุดแรกจะเป็น Aqua Museum ซึ่งภายในจะเป็นส่วนจัดแสดงที่เป็น Aquarium หลัก ของที่นี่เลยครับ ด้านในจะมีเหล่าสัตว์มากมายให้ได้ดูครับ เช่น เพนกวิน วอลรัส หมีขาว โลมา ฉลามวาฬเต่าทะเลขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงโชว์ที่ไม่ควรพลาดอีกด้วยครับ
- จุดที่สองจะเป็น Dolphin Fantasy ที่นี่คุณจะได้เดินดูความน่ารักของ ฝูงโลมา อย่างใกล้ชิด เลยครับ และยังมี Mola Mola หรือปลาพระอาทิตย์ขนาดใหญ่มากๆให้ดูด้วยครับ
- จุดที่สาม The Fureai Lagoon จะเป็นส่วนจัดแสดงที่ให้เราได้จับ ได้สัมผัสความน่ารักของเหล่าสัตว์ที่เป็นไฮไลท์ ทั้ง Beluga โลมา สิงโตทะเล เพนกวิน อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีค่าบริการเพิ่มเติมถ้าต้องการเข้าไปสัมผัสอย่างใกล้ชิด
2. Pleasure Land ส่วนนี้จะเป็นสวนสนุกให้ได้เล่นกันครับ มีทั้ง Blue Fall ซึ่งเป็นเครื่องเล่นเด่นของที่นี่เลยครับ อารมณ์แบบ Tower Shock สัมผัสความเสียวจากความสูง 107 เมตร นอกจากนี้ยังมี ม้าหมุน ไว้ให้เด็กๆได้สนุกกัน และก็ยังมี Sea Paradise Tower หอคอยชมวิวที่ระดับความสูง 90 เมตร ให้ได้ชมวิวสวยๆกัน และก็ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆอีกมากมายเลยครับ
3. Umi Farm ส่วนนี้พึ่งเปิดบริการในช่วงมีนาคม ปี 2013 จะเป็นส่วนการเรียนรู้อีกส่วนนึง โดยจะให้เด็กๆสามารถเข้าไปจับปลาด้วยมือเปล่า มีเรือท้องกระจกให้ดู มีส่วนบริการตกปลา มีการให้อาหารปลา
บัตรเข้าชมสามารถเลือกซื้อเป็นโซนๆหรือจะซื้อแบบแพคเกจก็ได้นะครับ
โดยมีคูปองส่วนลดอยู่ที่ ลิงค์ นี้ครับ แต่เราซื้อแบบแพคเกจเที่ยวได้ทุกโซนครับ จ่ายเงินเสร็จก็จะได้สายรัดข้อมือมาเป็นสัญลักษณ์ครับ
เดินจากสะพานมาถึงจุดขายตั๋ว ไกลเอาเรื่องเลยครับ จุดแรกที่เราจะเข้าไปก็อยู่ตรงจุดขายบัตรเลยครับ
Aqua Musuem ด้านในมีทั้งส่วนที่เป็นจุดแสดงสัตว์แยกๆกันไว้ในตู้กระจกและส่วนที่่เป็น ตู้แทงค์กระจกขนาดใหญ่ ตลอดจนการแสดงโชว์ความสามารถของสัตว์นะครับ
เจ้าวอลรัส เขี้ยวยาวก็ว่ายมาทักทายกันก่อนเลย
ต่อจากวอลรัสก็จะเจอฝูงเพนกวินมาโชว์ความน่ารักกันครับ เบลล่าชอบมากๆเลยครับ ฝูงเพนกวินหลายสิบตัวแหวกว่ายโชว์ตัวกันอย่างเต็มที่เลย
ปลาน้อยใหญ่มากมายอยู่ระหว่างทางที่เดินไปเรื่อยๆครับ
เจ้าฉลามตัวอวบอ้วนก็ว่ายมาให้เราเห็นกันอย่างใกล้ๆ
ชั้นล่างสุดก็จะมีทางเข้าไปชม ฉลามวาฬ ที่ว่ายวนเวียนอยู่ใต้ส่วนจัดแสดงโชว์ครับ
เดินตามทางไปเรื่อยๆก็จะเจอบันไดเลื่อนขึ้นสู่ด้านบนนะครับ ตรงจุดนี้จะได้สัมผัสกับความสวยงามของฝูงปลาหลายพันตัวที่ว่ายเกาะกลุ่มกัน น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ เลยครับ
ส่วนของพื้นที่แสดงโชว์จะอยู่ที่ชั้น 4 นะครับ เดินดูจากข้างล่างตรงทางเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเจอครับ เวลาแสดงโชว์ของที่นี่จะมีเป็นรอบๆครับ เจ้าหน้าที่จะให้มาตอนซื้อตั๋วครับ ซึ่่งเวลาของรอบการแสดงกับเวลาของกิจกรรมที่โซนอื่นๆจะใกล้เคียงกันเลยนะครับ ถ้าจะเก็บให้หมดวันเดียวคงจะลำบาก
เรามาถึงจุดแสดงก่อนเวลาเล็กน้อย มีพนักงานเดินขายนักเก็ต กับของกินเล็กน้อย ระหว่างรอครับ ถ้าสังเกตจะเห็นรอยช้ำที่แก้มขวาของเบลล่า เนื่องจากคึกมากตอนเจอเต่า วิ่งไปกระแทกขอบรั้วเลยต้องมีการเสียน้ำตาเล็กน้อย T-T
โชว์ขอบอกเลยว่าสนุก ไหลลื่น มากๆ ถึงแม้เราจะฟังไม่ออกแต่จากการแสดงท่าทางก็เข้าใจได้ครับ
โลมาที่นี่กระโดดแบบสเต็ปเทพมาก หมุนตีลังกากันทุกตัว
มีสิงโตทะเล และ แมวน้ำมาโชว์ความน่ารัก
และแล้วก็ถึงตัวเอกของที่นี่ครับ Beluga วาฬขาวแสนซน ทักทายกันก่อนเลย
โชว์การพ่นน้ำเป็นวงกลม หรือที่เรียกว่า Bubble Rings ครับ
จบการแสดงโชว์ไปอย่างสุดประทับใจครับ ความน่ารักแสนรู้แสนซนของเหล่าสารพัดสัตว์น้ำ อีกทั้งยังมีฉลามวาฬที่ว่ายอยู่ด้านล่างมาโชว์ตัวเป็นระยะๆด้วยครับ
เสร็จเรียบร้อยจากบริเวณโชว์ก็มาต่อที่จุดให้อาหารปลา เบลล่าชอบมาก แทบจะโดดลงมาหาฝูงปลาคาร์พกันเลยครับ
ชั้น5จะเป็นส่วน Aqua Theater นะครับ ต้องซื้อตั๋วเพิ่ม เราไม่ได้ขึ้นไปครับ
ออกจากโซนนี้ก็มาต่อที่ Dolphin Fantasy ครับ เดินลอดอุโมงค์ที่มีฝูงโลมาว่ายข้ามไปมา โชว์ความน่ารัก ฟินมากๆ ครับ
เดินต่อมาก็มาเจอกับพระเอกของที่นี่อีกตัวครับ Mola Mola ปลาพระอาทิตย์ ขนาดใหญ่มากๆ
สนุกสนานกันจนลืมเวลาเลยครับ แวะช๊อปปิ้งเล็กน้อย
3 โมง แล้ว เป๊ง เป๊ง เป๊ง ระวังฟืน ระวังไฟ ไม่ใช่แล้ว^^ ระวังเด็กหลับจ้า
เรียบร้อย ลูกหลับพ่อก็หลับเหมือนกัน โอ้ เย ขอพักแพ่พพพพพ
ช่วงนี้ก็ได้เวลาผลัดกันกินข้าวกันไปครับ ร้านอาหารในนี้ก็มี 4-5 ร้านครับ ที่คนเยอะสุดจะเป็นร้านแบบ outdoor ร้านนึง ลักษณะประมาณเป็นเตามีตะแกรงเล็กๆ ปิ้งหอย ปลา กุ้ง สนุกสนานกันไป ร้านที่เราเลือกก็เป็นแนวก็จะขอเน้นที่มีอาหารชุดเด็ก มีที่หลบให้นอนพักแป๊ปนึง อาหารก็ประมาณนี้ครับ
ด้านนอกก็จะมีจักกิจกรรมเป็นช่วงๆครับ ให้อาหารนก ให้อาหารปลา จับสัตว์น้ำอย่างใกล้ชิดครับ
รอเบลล่าชาร์จแบตจนเต็ม ก็ไปต่อกันที่โซน Umi Farm ครับ หลักๆของตรงนี้คือการตกปลาครับ กับมีเรือถีบชมโลมา แต่วันที่ไป ท้องฟ้ามันครึ้ม มันครึ้มออกอย่างนี้ ลมแรง ฟ้ามืดเลยครับ กิจกรรมบางอย่างก็งดให้บริการครับ น้ำในทะเลก็มีคลื่นตลอด ไม่เห็นปลาเล็กปลาน้อยเท่าไหร่ครับ
ออกจากจุดนี้เราก็เดินต่อไปเรื่อยๆไปถึงอีกไฮไลท์ของที่นี่ครับ โซน The Fureai Lagoon ซึ่ง ณ จุดนี้เราจะได้สัมผัส โลมา เบลูกา สิงโตทะเล กันอย่างใกล้ชิดครับ จับได้ แตะได้ มีบริการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยครับ
เข้ามาสัมผัสแบบติดขอบบ่อกันเลย
มีปลาดาวกับปลาหลายๆอย่างให้สัมผัสกันครับ แต่จะมีป้ายบอกว่าต้องจับอย่างไร ห้ามจับตรงไหน
ด้านในจะมีโดมให้ถ่ายรูปกับแมวน้ำนิดหน่อยครับ
นอกจากนี้ยังมีบริการmeet and greet กับ โลมา กับ เบลูกา อย่างใกล้ชิด หอมแก้ม จับมือ แต่จะมีเป็นรอบๆครับ มีค่าบริการพิเศษ รอบสุดท้ายน่าจะสามโมงครึ่ง เรามาไม่ทัน >< แต่ก็ยังมี back stage tour ให้ได้เข้าไปดูครับ คนละ500เยน จะไปดูด้านหลังของโซนนี้ครับ ไปดูว่าสิงโตทะเล แมวน้ำ เพนกวิน อยู่กันยังไง ไปให้อาหาร ถ่ายรูป ช่วงที่ไปมีลูกเพนกวินอายุ2อาทิตย์ด้วยครับ น่ารักมากๆ ^^ จุดนี้ห้ามนำกล้องถ่ายรูปไปครับ จะมีเจ้าหน้าที่ถ่ายให้แล้วก็จำหน่ายครับ
สนุกกันแบบลืมเวลาจริงๆครับ จะหกโมงแล้ว ได้เวลากลับกันแล้ว นั่งรถไฟจากด้านในมาส่งตรงม้าหมุนได้เลยครับ ย่นระยะการเดินได้เยอะเลย
ไหนๆมาเจอม้าหมุน ก็ขอให้เบลล่าซ้อมก่อนไปดิสนีย์แลนด์วันพรุ่งนี้สักหน่อย
เด็กน้อย งง หนูไม่เข้าใจ นี่คืออาราย ทามมาย โยกได้
เล่นกันพอหอมปากหอมคอ ก็มาเก็บบรรยากาศนิดหน่อยครับ เรื่มมืดแล้ว
และแล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับกัน เส้นทางก็จะเป็นย้อนทางจากขามาครับ
แต่ขากลับก่อนจะถึง Ueno เราขอแวะที่ Tokyo Station ก่อน เพราะอยู่ถึงก่อน Ueno 3-4 สถานีเลยกะจะมาหาข้าวเย็นกัน
จากแผนที่ในมือเราเห็นว่ามีห้าง Kitte อยู่ใกล้ๆสถานี จึงมุ่งมาที่นี่ครับ ข้อมูลร้านอาหารของที่นี่ครับ ลิงค์นี้จ้า
มื้อนี้เป็น โอยากะด้ง ข้าวหน้าไก่ครับ ร้าน HONKEABEYA Japanese cuisine (Chicken dishes)อร่อยมาก ไข่ ไก่ ข้าว และ ซอส เข้ากันเป็นอย่างดี เบลล่ากินไปเยอะเลยทีเดียว
ถ้าใครพอมีเวลามาที่ห้างนี้นะครับ จะมีจุดถ่ายรูปสวยๆอยู่ด้านบนมีระเบียง มีจุดให้ถ่ายรูปครับ ได้วิวสถานี tokyo สวยๆแบบนี้ครับ ภาพจากวบ http://www.panoramio.com/ นะครับ
วันที่ 5 ในญี่ปุ่น กับ Yokohama Hakkeijima Sea Paradise บอกได้เลยว่าประทับใจมากๆครับ หม่าม้าเล้งคอนเฟิร์ม เจ๋งกว่า Kaiyukan ที่ โอซาก้า ครับ หากใครมีเวลาลองแวะไป ผมว่าจะต้องชอบครับ ไม่น่าจะผิดหวังกัน
เช้าวันต่อมา วันนี้เราจะไปสู่ดินแดนแห่งความสุข ดิสนีย์แลนด์ สถานที่ในฝันของหลายๆคน ต้องมาวัดดวงกันนิดนึงว่าเบลล่าจะกลัว Mascot ตัวการ์ตูนต่างๆมั้ย เพราะก่อนหน้านี้เห็นแล้วร้องไห้จ้าเลย
สำหรับข้อมูลการเดินทางจาก Ueno ไป Disney Resort นะครับ จะไปลงที่สถานี Maihama กันนะครับ
Tokyo Disney Resort แรกเริ่มเดิมที มีการเริ่มก่อสร้างเปิดบริการจากส่วนของ Tokyo Disney Land ก่อน เปิดให้บริการในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2526 แล้วจึงสร้างส่วนขยายต่อมาเป็น Tokyo Disney Sea เปิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2544 นอกจากนี้ยังมีส่วนโรงแรมอยู่ภายในอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดจะถูกเรียกรวมกันว่า Tokyo Disney Resort
Tokyo Disney Land ถือเป็นสวนสนุกของดิสนีย์แห่งแรกที่สร้างขึ้นภายนอกสหรัฐอเมริกา เปิดให้บริการในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2526 ก่อสร้างโดย Walt Disney Engineering ในลักษณะรูปแบบที่คล้ายคลึงกับ Disney Landที่แคลิฟอร์เนียและ Magic Kingdom ที่ฟลอริดา ดำเนินงานโดยบริษัทโอเรียนทัลแลนด์คอมปานี ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากเดอะวอลต์ดิสนีย์ โดยทั้งโตเกียวดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์ซี ถือเป็นสวนสนุกเพียงแห่งเดียวที่ Walt Disney ไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ
ซึ่ง Tokyo Disney Resort แทบจะถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนที่มาโตเกียว จะต้องแวะไปสัมผัสกันให้ได้สักครั้ง มิฉะนั้นอาจเรียกว่ามาไม่ถึงโตเกียวกันเลย ^^ ซึ่งตอนแรกเราตั้งใจจะไปทั้งสองที่ แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและลมแรง เราจึงเลือก Disney Land ที่เดียว เพราะบริเวณ Disney Sea เป็นลักษณะคล้ายๆอ่าวริมทะเล จากที่ผมกับเล้งไปมาคราวที่แล้ว ลมแรง อากาศหนาวมาก คงไม่สนุกแน่ถ้าจะพาเบลล่าไปในคราวนี้
ก่อนที่จะไป Disney Resort ไม่ว่าจะ Land หรือ Sea มีทริคเล็กๆน้อยๆนะครับ เพื่อจะได้วางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกมากขึ้น
- ข้อสำคัญที่สุดเลยที่แทบทุกคนอยากรู้คือไปวันไหนดี คนจะเยอะมั้ย อากาศเป็นอย่างไร เช็คเวบนี้เลยครับ Disney Forecast ส่วนวิธีการดู ข้อมูลจากเวบนี้ ขออนุญาติเอารีวิวของคุณ iamfoong มาให้ดูนะครับ
- พอได้วันคร่าวๆแล้วก็มาดูต่อครับว่าวันที่เราจะไปมีเครื่องเล่นหรือการแสดงไหนปิดมั้ย และ เวลาเปิดปิดวันนั้นกี่โมง เพราะแต่ละวันเปิดไม่พร้อมกันนะครับ
- ได้วันที่แน่นอนเรียบร้อยก็มาดูตั๋วกันต่อครับ จะซื้อแบบไหนดี บางที่ตั๋ววันธรรมดา ซื้อตาม 7-11 หรือร้านขายตั๋วตามสถานีรถไฟอาจจะได้ราคาถูกกว่านะครับ แต่ต้องหาดูดีๆ
- ข้อนี้เป็นปัญหาคาใจใครหลายๆคนครับ จะทำอย่างไรให้เล่นครบ หรือ เยอะที่สุด ถ้าไปวันธรรมดาคนก็อาจจะน้อยกว่าช่วงวันหยุดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันธรรมดาคนน้อยนะครับ ผมไปมา 3 วัน วันธรรมดาทุกครั้ง คนเยอะตลอดเลย ข้อสำคัญก็ต้องพึ่ง fast pass ล่ะครับ ดังนั้นจึงอาจต้องวางแผนดีๆ เพราะเครื่องเล่นยอดฮิตแต่ละโซนก็อยู่คนละทางกันเลย วิธีใช้ fast pass นะครับ
- ต่อเนื่องจากด้านบน ในการจะวางแผนเล่นในการเล่นให้เยอะๆ สิ่งสำคัญก็คือ แผนที่ครับ กดตามลิงค์ไปได้เลยครับ มีครบเลยทั้ง Disneyland และ Disneysea จะได้เห็นภาพมากขึ้นว่าควรไปกด fast pass เครื่องเล่นไหนก่อน หลัง ระหว่างรอจะทำอะไร อย่าลืมเผื่อเวลาดูโชว์กับพาเหรดด้วยนะครับ ซึ่งบางคนก็บอกว่าช่วงพาเหรด เครื่องเล่นจะคนน้อยหน่อย ก็ลองวางแผนดีๆนะครับ ^^
จากข้อมูลเวบที่มีการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยว Disney ด้านบน วันที่เราไปก็ สีแดงเข้ม ประมาณ 65000 คน >< ขนาดวันธรรมดานะเนี่ย เสาร์อาทิตย์นี่สีดำเลยครับ อาจเพราะจากพยากรณ์อากาศวันนี้ฟ้าโปร่ง พรุ่งนี้กับมะรืนฝนตกครับ
วันนี้ดิสนีย์เปิด8โมงครับ เรามาถึง 10 โมง ครับ คนเยอะมากๆๆๆๆๆ
ช่วงที่ไปเป็น Theme The Happiness Year ฉลองครบ 30 ปี ครับ
เดินเข้าไปจะเจอผู้คนจำนวนมากมายืนรอต่อคิวกันอยู่ 2 แถว ซีกซ้ายแถวนึง ขวาแถวนึง คิวยาวเหยียดครับ เพื่อจะถ่ายรูปกับ มิกกี้ และ มินนี่
ไปถ่ายกับตัวการ์ตูนอื่นๆที่ไม่มีคิวก่อนดีกว่า เห็นคิวแล้ว ยอมแพ้ เบลล่าเริ่มเบะนิดๆแล้วครับ เจอคนแคระตาปรือเข้าไป
คราวนี้ถึงกับหันหนีกันเลย อัยย่ะ ลางไม่ดีซะแล้ว
เดินเข้ามาด้านในกัน กับฝูงชนมหาศาล
ยังไม่ 11 โมง บัตร fast pass ของเครื่องเล่นยอดฮิต เช่น Monster Inc ถึงรอบทุ่มครึ่งแล้วครับ พนักงานแนะนำว่าอย่ากดเลย เพราะชนช่วงพาเหรดพอดี ดูพาเหรดดีกว่า
เราจึงต่อแถวกัน คิวนิดหน่อย 90 นาที >< ระหว่างต่อก็ผลัดกันพาเบลล่าไปเดินเล่นรอบๆบ้าง กันเบื่อครับ
ระหว่างนั้นผมก็แวบไปกด fast pass Buzz Lightyear ได้รอบ 2โมงครึ่ง กับ ไปลุ้น lottery One Man’s Dream II ซึ่งคราวที่แล้วที่มา ไม่ได้ดูครับ แต่คราวนี้โชคดีได้ดู ดีใจมากๆ จุด lottery จะอยู่ตรง Tomorrow land Hall ครับ วิธีก็คือนำตั๋วของคุณไปเสียบที่เครื่อง เลือกรอบเวลา แล้วก็ภาวนาครับ ^^ มีโอกาสแค่ครั้งเดียวในแต่ละวันเท่านั้น
หลังจากนั้นก็กลับมาต่อคิว Monster Inc ต่อ
เล่นเครื่องเล่นนี้เสร็จก็จะลองไปกด fast pass เครื่องเล่นอื่นๆดู ปรากฏว่าเต็มเอี๊ยดหมดแล้วตั้งแต่บ่ายโมง >< คนเยอะมากๆ โดยเฉพาะเครื่องเล่นยอดฮิตของเด็กๆ Winnie the Pooh คิว120นาทีเป็นอย่างน้อยตลอดทั้งวันเลยครับ
ระหว่างนั้นก็เดินเล่นไปรอบๆ ครับ เก็บบรรยากาศความสนุกสนานกันไป แวะบ้าน Chip&Dale เบลล่าแยกความต่างของ 2 ตัวนี้ โดยสีจมูกครับ เรียกถูกตั้งแต่ที่เจอที่ Odaiba
มาบ้านพี่กู้ฟฟี่ด้วย จะได้เจอมั้ยนะ
เดินไปเรื่อยๆเจอกับจุดถ่ายรูปพอดีครับ ซึ่งตัวการ์ตูนจะออกมาเป็นรอบๆครับ ลองถามทางเจ้าหน้าที่ดูว่าจะเป็นใคร เค้าบอกว่า ให้รอลุ้นเอา surprise ^^
สักพัก ประตูเปิดพร้อมกับพี่กู้ฟฟี่ วิ่งออกมา เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนที่รอได้อย่างมากเลยทีเดียวครับ เบลล่ายังหวาดๆนิด แต่พอหลังถ่ายรูปมีขอ hi five ไป ผูกมิตรเรียบร้อย เรียกหาพี่กู้ฟฟี่ ตลอดเลยคราวนี้
เจอกระปุกป็อปคอร์นลายโบว์ ของ Daisy Duck เรียบร้อยครับ จัดไป สะพายเดินตลอดเลย
และก็ได้เวลาพาเหรด ไฮไลท์สำคัญของการมา Disney Land กันเลยครับ เส้นทางพาเหรด สังเกตง่ายๆครับ คนญี่ปุ่นจะมานั่งรอกันก่อน1ชั่วโมงโดยประมาณ ตัวการ์ตูนหลักๆมากันเพียบเลยครับ
เบลล่าตื่นเต้นมากๆครับ ชอบสุดๆ ทั้งโบกมือ ส่งจูบให้ แต่ที่ฟินสุดน่าจะเป็นการล้วงกินป็อปคอร์น ^^
เอารูปนักท่องเที่ยววันนี้มาให้ดูครับตอนบ่ายๆ แน่นมากๆๆๆๆ
เสร็จจากพาเหรดก็ได้เวลาดูโชว์ One Man’s Dream II ที่ไปลุ้น lottery มาได้ครับ บ่ายสองสิบห้า อากาศเย็นๆสบายๆ เบลล่าปิดสวิทช์ อดดูโชว์ เลยถ่ายรูปกะคลิปไว้ให้ดูตอนตื่นนิดหน่อยแทนครับ
ชมความน่ารักของ Mickey และผองเพื่อนกันเสร็จ รอเวลาเบลล่าตื่นก็แวะไปหาพี่มิกกี้กะมินนี่กันซะหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไม่มาถึง Disney Land
บ้านมินนี่อยู่ข้างบ้านมิกกี้ครับ เราไปบ้านมินนี่ก่อนเลย
หนูขอเปิดตู้เย็นหน่อยนะคะ หิวน้ำ ^^
ไม่เจอพี่มินนี่ หนูฝากโน้ตทิ้งไว้นะคะ
มาสวนหลังบ้านพี่มินนี่ เจอต้นมีดอกชมพูๆ ซากุระรึเปล่าไม่รู้ ขอเก็บรูปซะนิดนึง
ต่อด้วยไปหาพี่มิกกี้ คิวยาวเหยียดเลยทีเดียว ป้ายบอก 90 นาทีเลย แต่จริงๆนานกว่านั้นนิดนึงครับ แต่หนูสู้อยู่แล้ว
บรรยากาศในบ้านนะครับ คิวขยับช้ามากๆ ก็เลยมีเวลาถ่ายรูปเล่นข้างในนานเลย
หนูว่านานไปป่ะคะพี่มิกกี้
ผ่านไปทีละห้อง มาเจอที่นอนของพลูโตครับ
ผ่านไปอีกห้อง วนไปสวนหลังบ้าน
วนไปวนมา ในที่สุด ก็มาเจอพี่มิกกี้ครับ มีบริการถ่ายรูปราคาเป็นแพคเกจหลายแบบเลยครับ 1 รูป 2 รูป เอากรอบแบบไหน ยังไง เลือกได้
พี่มิกกี้เข้ามาผูกมิตรก่อนด้วยการเข้ามากอดเบาๆ
หนูเบลล่าตกหลุมรักพี่มิกกี้ซะแล้ว
มีจุ๊บแก้มอำลากันซะด้วย
เสร็จเรียบร้อย ได้ทักทายกับพี่มิกกี้อย่างเต็มอิ่ม ก็ออกมาเดินเล่นต่อครับ พาเบลล่าเข้าไปเล่น It’s a Small World ตุ๊กตาเยอะ เบลล่าชอบเลย
และอีกเครื่องเล่นที่หลังจากเมื่อวานซ้อมมาแล้ว วันนี้มาเล่นอีกที ^^ Castle Carrousel หรือ ม้าหมุนนั่นเองครับ
ต่อด้วย Snow White’s Adventure อันนี้เบลล่ากลัวนิดๆครับ เหวี่ยงแรง แล้วก็มืดๆมีแม่มดออกมาด้วย ><
เสร็จสรรพเรียบร้อยใกล้ได้เวลาพาเหรดก็มาเก็บภาพยามเย็นระหว่างรอชมพาเหรดไฟรอบค่ำครับ
ได้เวลาพาเหรดแล้วครับ เบลล่าตื่นตาตื่นใจมากๆครับ
ได้เวลาอาหารเย็น วันนี้ฝากท้องในดิสนีย์ทั้งวันเลย ^^ ร้าอาหารในนี้จะมีร้านที่อาหารชุดของเด็กบางร้านนะครับ ดูจากแผนที่ได้ว่าร้านไหนมีบ้างนะครับ
อาหารชุดของเด็กจะคล้ายๆกันเกือบทุกร้านเลยครับ ข้าวผัดซอส ของทอดนิดหน่อย ข้าวโพด และขนมครับ
มีพลุรอบค่ำประมาณ 20.30 ก็พาเบลล่ามาดูทันพอดี และก็ได้เวลาต้องโบกมือลา พี่มิกกี้และผองเพื่อนกันแล้ว
ไว้มีโอกาสหนูจะพาป๊ากับม้ามานะคะ ซาโยนาระ
เส้นทางกลับก็ย้อนทางจากขามาเลยครับ จริงๆมาได้หลายทางแต่ผมจะเลือกทางที่เปลี่ยนสายน้อย และ ค่าใช้จ่ายน้อยสุด นะครับ
ผ่านไปอย่างสุดแสนประทับใจ สนุกสนานตลอดทริป กับทริปต่างประเทศครั้งแรกของหนูเบลล่ากับประเทศญี่ปุ่นดินแดนในฝันของใครหลายๆคน
ผมหวังว่ารีวิวทั้ง 4 ตอน จะเป็นแนวทาง เป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่สนใจจะเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนะครับ
สุดท้ายผมขอฝาก 4 คำง่ายๆ ที่จะช่วยเติมพลังชีวิตของคุณให้มีความสุข มีพลังที่จะกลับมาสู้กับปัญหาต่างๆ เพียงมองไปยังคนที่คุณรักแล้วบอกว่า “ไปเที่ยวกันเถอะ”
ปล.หากท่านอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมขอขอบคุณทุกๆท่านเป็นอย่างมากที่ได้เข้ามาติดตามรีวิวของผม รีวิวทั้ง 4 ตอน นี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวชุดนี้ โดยหวังว่าจะเก็บข้อมูลให้ละเอียดที่สุดเพื่อจะได้เป็นข้อมูล แนวทาง และมีประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะเดินทางไปนะครับ สุดท้ายนี้ หากท่านชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ หรือ กด Like ที่ Fanpage ของผม www.facebook.com/BLJourney เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยแก่ผมและทีมงาน 2Madames.com ทุกคน ขอบคุณมากๆครับ
The Journey of B & L Family
Blogger แนวครอบครัว พ่อ "แบงก์" แม่ "เล้ง" และ "น้องเบลล่า" ผู้รักการท่องเที่ยว การถ่ายภาพ เล่าเรื่องราวต่างๆ จากจุดเริ่มด้วยทริปการเดินทางของคนสองคน บัดนี้ถึงเวลาที่จะมาเปิดโลกการเดินทางอีกรูปแบบนึง เมื่อมีเจ้าตัวน้อย ตัวแสบประจำบ้านร่วมออกตะลุยไปด้วยกัน มาร่วมรับรู้เรื่องราวการเดินทางและความสนุกสนานของครอบครัว bank113 กันนะครับ The Journey of B&L Family https://www.facebook.com/BLJourney