ต้นเดือน พ.ค. 57 ที่ผ่านมา ทางการท่องเที่ยวมาเลเชียได้เชิญครอบครัว 2madames.com ให้ออกเดินทางไปสำรวจ KL : Kuala lumpur กัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของประเทศมาเลเชีย Malaysia จึงเป็นที่มาของทริปกัวลาลัมเปอร์หรรษาทริปนี้ครับ
เป้าหมายของการเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเชียครั้งนี้ คือการเที่ยว กิน ช้อปปิ้ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ และรอบๆ รวมทั้งเมืองใหม่อย่าง Putrajaya และสวนน้ำระดับโลกอย่าง Sunway Lagoon ด้วย
ซึ่งใน City Center ก็มีที่เที่ยวมากมาย ทั้งชมความยิ่งใหญ่ของตึกแฝด Petronas Twin Tower, สัมผัสวัฒนธรรม Truly Asia ที่ China Town (Petaling Street), ช้อปปิ้งของฝากที่ Center Market, สอยแบรนด์เนมที่ย่าน Bukit Binlang, เยี่ยมชม Merdeka Square, Masjid Jamek, KL Tower, ถ้ำ Batu Caves, ชิมของอร่อยที่ถนนสายอาหาร Jalan Alor , สนุกหรรษากับสวนน้ำ Sunway Lagoon กับเมืองใหม่ Putrajaya
โดยกำหนดการเที่ยว 4 วัน 3 คืน เป็นแบบนี้ครับ
วันแรก – เข้าที่พัก เที่ยวที่เที่ยวต่างๆในเมือง
วันที่สอง – ไปถ้ำบาตู, บ่ายเดินเล่นช้อปปิ้งที่ Bukit Bintang
วันที่สาม – เที่ยวสวนน้ำ Sunway Lagoon
วันที่สี่ – เที่ยว Putrajaya และเดินทางกลับประเทศไทย
โดยรีวิวตอนนี้จะเป็นวันที่ 1-2 ของทริปนะครับ
และอีกตอนจะเป็นวันที่ 3-4 ครับ
ออกเดินทางกันเลยเนอะ ไปเลยยยยยยยย
ทริปนี้ได้รับการสนับสนุนการเดินทางจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย Thai Air Asia ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
ครอบครัวเราไปถึงสนามบินดอนเมืองแต่เช้าตรู่ เพราะเราเลือกไฟล์ท FD 311 ออกเดินทางตั้งแต่ 7:10 น. ไปถึงกัวลาลัมเปอร์สายๆ 10:15 น.
อาจจะต้องตื่นเช้าหน่อย แต่ข้อดีคือพอไปถึงมาเลเชียแล้วสามารถเที่ยวได้เลยครับ
เด็กน้อยกายอารมณ์ดีทีเดียว นั่งรัด Safety Belt เรียบร้อยเชียว
ผมสั่งจองอาหารล่วงหน้าเป็นข้าวไก่คาราบาวครับ รสชาติจัดจ้านใช้ได้เลย ในชุดมีโค้กและขนมหวานลูกตาลลอยแก้วให้ด้วย
หากใครนั่งแอร์เอเชีย แนะนำให้จองอาหารมาล่วงหน้าจะดีกว่าครับ เพราะนอกจากจะได้รับอาหารเสิร์ฟมาทานก่อนแล้ว ยังถูกกว่าซื้อบนเครื่องด้วยนะครับ
มาถึงสนามบิน LCCT (ซึ่งน่าจะเป็นวันสุดท้ายก่อนย้ายไป KLIA2 ) ผมแวะซื้อซิมโทรศัพท์ไว้ใช้งานเสียหน่อย มีหลายยี่ห้อให้เลือกครับ ทั้ง Tune, Maxis, Celcom คนเยอะไปหมดเลย ด้วยความเอาสะดวกรวดเร็วเลยไปสอยของ U Mobile มาใช้
แต่ขอบอกเลยว่าประสบการณ์ใช้ U Mobile ของผมนั้นเลวร้ายสุด ระบบล่มไป 2 วัน เสียเงินเปล่าๆ ไม่ได้ใช้ตามโปรเลย ไปที่ศูนย์ก็ไม่ช่วยเหลืออะไรเลย บอกว่าเป็นระบบกำลังเสีย งานนี้ขอ Blacklist ไว้เลยครับ เพื่อนๆไปใช้ยี่ห้ออื่นเหอะครับ ราคาพอๆกันหมด
การเดินทางจาก LCCT ผมขอไม่กล่าวถึงละกัน เนื่องจากสนามบินถูกย้ายไปลง KLIA2 แล้วซึ่งมีรถไฟเข้าสู่ KL Sentral เลย
การเดินทางท่องเที่ยวในเมืองกัวลาลัมเปอร์ จะมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานี KL Sentral เส้นที่ใช้เดินทางมากคือ LRT กับ Monorail ครับ
เส้นทางเดินรถไฟของที่นี่ก็ไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใดครับคล้ายๆกับ BTS และ MRT บ้านเราเลย
ขอพูดเกี่ยวกับการเตรียมเดินทางแบบครอบครัวและเด็กๆกันหน่อยนะครับ
ผมเคยได้เขียนบทความไว้แล้วที่
เทคนิควิธีการเตรียมตัวพา เด็กเล็ก ลูกน้อย ไปท่องเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง
Checklist การเตรียมตัวการเดินทางแบบครอบครัว มาจัดกระเป๋าแบบไม่ตกหล่น
ล่าสุดได้รถเข็นคันใหม่มาครับ เนื่องจากคันเก่าค่อนข้างจะเสื่อมสภาพแล้ว เลยถึงเวลาถอยคันใหม่เสียที
จากประสบการณ์ของการเลือกซื้อรถเข็นเด็ก ทำให้ผมเลือกรถเข็นที่มีล้อใหญ่ พักเก็บสะดวก โครงสร้างต้องแข็งแรง ซึ่งคันใหม่ผมค่อนข้างตอบโจทย์นักเดินทางอย่างครอบครัวของผมอย่างมากเลย
ใครสนใจยี่ห้อนี้ ดูรายละเอียดที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/fedorathailand คุ้มค่าและปลื้มมากครับ
เข้ามาที่พัก เอาสัมภาระมาเก็บกันก่อน เราพักกันที่ Prescott Hotel อยู่ใกล้ๆสถานี Monorail : Medan Tuanku
โรงแรมค่อนข้างจะเก่าเล็กน้อย แต่สภาพก็โอเคครับ
ห้องน้ำโบราณมากๆ
เก็บข้าวของเสร็จก็ได้เวลาออกเที่ยวกันแล้ว
จากที่พักของผมสามารถมองเห็น KL Tower ได้เลย
จุดหมายแรกของการเดินทางคือ Petaling Street หรือ China Town ของ Kuala lumpur เค้าหละ
การเดินทาง ลง LRT : Plaza Rakyat เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
ข้อเตือนสำหรับผู้ที่พาเด็กและคนสูงอายุ LRT ส่วนใหญ่จะมีลิฟท์บันไดเลื่อนครับ ส่วน Monorail นี่แบกกันอ่วมนะครับ
ถนนเส้นนี้ยาวประมาณกิโลกว่าๆ เต็มไปด้วยของซื้อของขายครับ แต่เท่าที่เดินดูจะขายซ้ำๆกัน เช่น เสื้อผ้า เสื้อบอล แว่นตา กระเป๋า สินค้าก็ไม่ได้ถูกมาก อารมณ์เดินอยู่ตลาดโต้รุ่งหัวหินครับ
ที่ถนนสายนี้ยังเต็มไปด้วยที่พักราคาไม่แพง สามารถเดิน Walk-in ด้วย
มาถึงมาเลเชียทั้งที ผมจะต้องลองชิมร้านอาหารบ้านของเค้าหน่อยครับ
ตามข้างถนนก็จะมีคล้ายๆ Food Court เล็กๆ มีอาหารให้เลือกหลายอย่าง ตั้งแต่ข้าว ก๋วยเตี๋ยว อาหารเกาหลี ไทย จีน ยัน อาหารพม่าเลย
ขอชิมข้าวหมูอบ ไก่อบเค้าหน่อยครับ รสชาติดี น้ำจิ้มแซ่บใช้ได้ จานนี้ 6 RM ประมาณ 60 บาทไทยครับ
ส่วนจานนี้เป็นข้าวแกงของมาเลเชียเค้า คิดราคางงๆ คือให้ตักเองทุกอย่าง สุดท้ายเอามาให้คนขายประเมินราคา เค้าคิดมา 10 RM ไม่รู้โดนฟันหรือเปล่านะ เล่นไม่มีราคาบอกเลย
ชามต่อมาสั่งให้เด็กๆครับ เกี้ยวน้ำจั้มโบ้ตัวใหญ่เลย
หลังจากเติมพลังกันอิ่มหนำแล้ว เดินต่อมาอีกไม่ไกลเราก็จะเจอสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งครับ Sri Mahamariamman Temple
วัดของชาวฮินดูที่เก่าแก่และรุ่งเรืองที่สุดในกัวลาลัมเปอร์ สร้างมาตั้งแต่ปี 1873
การเดินทาง : เดินจาก China Town ประมาณ 10 นาที
Gopuram เป็นสถาปัตยกรรมหน้าวัดสูง 5 ชั้น ตกแต่งตามความเชื่อของชาวฮินดู คล้ายๆกับของวัดแขก สีลมครับ
Main Prayer Hall โรงภาวนาหลักตรงศาลสีเขียวเค้าเรียกว่า garbagraham ซึ่งภายในมีพระ Sri Maha Mariammman อยู่ แต่ผมมาเย็นไปหน่อยครับ เลยปิดไปแล้ว ชมรอบๆแทนนะครับ
รูปนูนต่ำที่ศาลาข้างวิหาร
ครอบครัวเราเดินต่อไป เพื่อไปยัง Central Market ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด Sri Mahamariamman Temple
การเดินทาง : เดินจาก China Town 10 นาที
บริเวณ Central Market จะเป็นแหล่งขายของที่ระลึก Souvenir ต่างๆ เยอะมากครับ แต่ทุกร้านก็จะขายของเหมือนๆกันครับ
แวะถ่ายรูปกันหน่อย
ร้านกาแฟ OldTown White Coffee มีคนแนะนำมาให้ชิมกาแฟร้านนี้ อ่ะ จัดไป
ผมสั่งกาแฟ น้ำมะนาว ไก่ทอดนัตเก็ต และขนมปังปิ้งให้เด็กๆ
กาแฟอร่อยดีนะ ไม่ขม ผมสั่งเป็น White coffee hazelnut หอมมากด้วย ส่วนน้ำผึ้งผสมมะนาวไม่ผ่านนะครับ รสชาติจืดมากเลย ขนมปังก็ไม่ผ่านนะ แห้งๆ ไม่ชุ่มเนย ไม่อร่อยเลย ส่วนนักเก็ตสั่งเป็นของว่างให้เด็กๆ ทานกันเพลินดีครับ
น้องเกรซกับความทะเล้นที่ล้นเหลือ
จาก Central Market ผมเดินต่อไปเที่ยวที่ Merdeka Square ผ่านตึกต่างๆ มีทั้งบ้านต่างๆที่เป็นแบบเก่าๆ รวมทั้งตึกสมัยใหม่ ทำให้เห็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปผ่านสถาปัตยกรรมต่างๆ
ตอนผมไปมาเลเชียเนี่ย ผมพกบัตร ATM ของ CIMB THAI ไปด้วย เนื่องจากธนาคารนี้มีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศมาเลเชีย จึงสามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการกดเหมือนการกดเงินจากต่างประเทศด้วย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ชอบพกเงินสดติดตัวเยอะๆ ก็สามารถทิ้งเงินในบัญชีที่ไทยแล้วถือแค่บัตร ATM มากดที่นี่ก็ได้ สะดวกและปลอดภัยครับ
เดินไปไม่ทันเหนื่อยก็ถึง Masjid Jamek แล้ว สวยดีนะครับ น่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่ไม่ให้ถ่ายภาพด้านในเลย อดเก็บภาพมาฝากทุกคนนะครับ
คำเตือน : ผู้ที่จะเข้าชมมัสยิคต้องแต่งตัวเรียบร้อยนะครับ ผู้หญิงต้องใส่ผ้าคลุมผมเหมือนหญิงมุสลิมด้วยนะครับ มิเช่นนั้นจะไม่รับอนุญาตให้เข้าไปชมจ้า
เดินเล่นกันต่อนะครับ อันนี้ไม่แน่ใจว่าคืออะไร อยู่ทางผ่านจะไป Merdeka Square พอดี
พอถึง Merdeka Square จะเจอกับ Sultan Abdul Samad Building Landmark สำคัญของ Kuala lumpur ครับ อาคารนี้เป็นที่ตั้งของศาลสูงและศาลฎีกา ลักษณะของอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบแขกมัวร์และมีหอนาฬิกา เนิ่องจากอาคารแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของเมือง นักท่องเที่ยวมักจะมาถ่ายรูปที่นี่ด้วย
Tip : ถ้ามาตอนเย็นๆค่ำๆ จะมีแสงที่สามารถเปลี่ยนสีได้ด้วยนะครับ น่าเสียดายที่ตอนผมไปฝนตกหนักเลยไม่มีโอกาสเก็บภาพยามค่ำคืนให้ชมครับ
ครอบครัวสุขสันต์มาแล้วจ้า
คุณนายแอนภรรยาสุดที่รัก
Merdeka Square ปกติจะเป็นสนามลานกว้างๆให้นั่งเล่นได้นะครับ แต่ตอนที่ผมไปดันปิดปรับปรุงซะงั้น อดชมตามเคย
พวกเรานั่งแท็กซี่ไปต่อยัง Landmark ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกัวลาลัมเปอร์
Petronas Twin Tower ครับ
ตึกแฝดปิโตรนาสคืออาคาร 88 ชั้น รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งคือ อาคาร KLCC อาคารแห่งนี้เคยเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก
สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงเรขาคณิตของสถาปัตยกรรมอิสลาม ออกแบบโดยซีซาร์ เปลลิ สถาปนิกเชื้อสายอาร์เจนตินา-อเมริกัน
ด้านล่างของตึกแฝด Petronas Twin Tower ก็เป็นที่ตั้งของห้างดัง Suria KLCC ครับ
Tip : ให้ไปที่เคาน์เตอร์ Information แล้วแสดง Passport จะได้รับคูปองและบัตรส่วนลดพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวครับ
ในห้างนี้เป็นแหล่งรวม Brand name ดังๆมากมาย เรียกว่ามีครบเกือบทุกแบรนด์เลย
ที่น่าสนใจสำหรับขาช้อปปิ้งคือ เครื่องสำอางครับ ใน Sephora สินค้าเครื่องสำอางเค้าถูกกว่าไทยเกือบทุกอย่างเลย
เก็บภาพครอบครัวกับตึกแฝดเสียหน่อยจ้า
ระหว่างที่กำลังรอเก็บภาพตอนเย็นอยู่นั้น ก็เกิดเมฆดำปกคลุมลอยมาเต็มไปหมด พร้อมพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างแรง ผมรีบพาครอบครัวไปหลบฝนในห้าง Suria ที่อยู่ข้างๆกัน
ตอนนั้นยังไม่ได้ภาพตึกแฝดเลย ในใจผมคิดว่าทำไมดวงผมมันแย่ขนาดนี้ อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่ อยู่ถูกที่ถูกเวลาแต่สภาพอากาศดันไม่เป็นใจ ทำใจไว้ระดับหนึ่งว่าอาจจะไม่ได้ภาพที่นี่ แต่เหมือนปาฏิหารย์ ฝนหยุดลงชั่วครู่ประมาณ 20 นาที ผมรีบคว้ากล้องพร้อมขาตั้งกล้องคู่ใจออกไปเก็บภาพทันที
ระหว่างที่กำลังเก็บภาพตึกแฝดอยู่นั้น สภาพอากาศก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เริ่มมีเม็ดฝนกลับมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็เริ่มมีฟ้าผ่าฟ้าร้องชวนให้น่ากลัวเหมือนกัน แต่ทำยังไงได้มาถึงตรงนี้แล้ว ยังไงก็ต้องเก็บภาพมาฝากแฟนๆทุกคนให้ได้
ช่วงวินาทีที่ผมลั่นชัตเตอร์ลงไป มีฟ้าผ่าโครมใหญ่ลงมาที่เสายอดตึกพอดี เกิดได้เป็นภาพนี้ขึ้นมา ทั้งสวยงามและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
สวยงามมากเลยครับ
เช้าวันใหม่เราออกเดินทางไปยังถ้ำบาตู Batu Caves
การเดินทาง : จาก KL Sentral ไปสุดสาย KTM Kommuter ลงสถานี Batu Caves
เช้าๆคนในรถไฟไม่เยอะครับ เด็กๆก็สดใสร่าเริงมาก นี่คือภาพ Before เดี๋ยวเที่ยวเสร็จจะมีภาพ After มุมเดียวกันมาให้เปรียบเทียบนะครับ
น้องกายกับลีลาเต้นรูดเสาโชว์ชาวมาเลเชีย 5555
บนรถไฟมีป้ายกฎข้อห้ามมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ห้ามจู๋จี๋กันด้วยนะครับ
ถึงถ้ำบาตูแล้ว ประตูทางเข้าถ้ำ มีหนุมานมาต้อนรับด้วย
วิหารหน้าถ้ำครับ
หลังคาต้องอลังการตามสไตส์เค้าครับ
หน้าถ้ำมีบ่อปลาอยู่ ด้านในมีโชว์การแสดงของสัตว์เช่น โชว์งูด้วยครับ แต่มีค่าใช้จ่ายนะ
ถ้ำบาตู นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของรัฐสลังงอร์และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นวัดและสถานที่ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดูอีกด้วย ในแต่ละปี ผู้มีใจศรัทธาและนักท่องเที่ยวหลายพันคนเดินทางมาที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างเทศกาลประจำปีไทปูซัม
ถ้ำหินปูนแห่งนี้ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประกอบด้วยสามถ้ำหลัก ซึ่งใช้เป็นวัดและศาลฮินดู
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดของถ้ำบาตูก็คือ รูปปั้นเทพของศาสนาฮินดูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับปากถ้ำ แถมยังเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยงามแห่งนึงเลย ถ้าคุณสามารถพิชิตบันได 272ขั้นนี้ได้
อีกไฮไลท์นึงผมเพิ่งรู้ว่าที่นี่เป็นจุดปีนหน้าผาที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยอีกด้วย และยังมีถ้ำรามายณะที่ภายในถ้ำมีภาพวาดของพระเจ้าในศาสนาฮินดูให้ได้ชมด้วยละครับ
มาถึงแล้วจ้า เก็บภาพครอบครัวเสียหน่อย
ถ้ำนี้เข้าชมฟรีนะครับ เนื่องจากเป็นศาสนสถานเลยต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ไม่งั้นอดชมนะ
พอมาถึงบันไดขึ้นไปถ้ำ มองขึ้นไป ทำเอาท้อ มีหวั่นใจไม่ใช่น้อย
แต่มาถึงที่นี่แล้ว ยังไงก็ต้องขึ้นครับ
บันไดแต่ละขั้นจะมีเลขระบุไว้ด้วย เดินขึ้นไป พักไป ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แค่เกือบตายครับ 555
ถึงแล้วจ้า เดินชมรอบๆหน่อย
ที่ปลายสุดของถ้ำก็มีวิหารอีกหลังครับ
เที่ยวถ้ำบาตูเสร็จ ลูกทัวร์ผมสภาพเป็นงี้ครับ
ภาพ Before ด้านบน กับภาพ After ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก 555
ตกบ่ายกลับมายังสถานี KL Sentral อีกครั้ง แวะทานอาหารญี่ปุ่นในห้างข้างๆสถานี เป็นร้านซูชิ สัญลักษณ์เป็นกบตัวใหญ่สีเขียว ราคาไม่แพงจ้า
ข้าวแกงกระหรี่ไก่ทอด
ส่วนชุดนี้ของเด็กๆ เสิร์ฟมาเป็นเครื่องบินเลย น่ารักจนเด็กๆแทบคลั่ง กินกันหมดจานเลย
ที่จริงในแผนมีจะไป Isatana Negara แต่สภาพอากาศไม่ดี มีฝนตกลงมาเป็นพายุเลย ทำให้ต้องยกเลิก และเปลี่ยนมาเดินเล่นที่ย่าน Bukit Bintang แทนครับ
การเดินทาง : Monorail สถานี Bukit Bintang
ย่าน Bukit Bintang มีห้างอยู่หลายห้างเรียงรายอยู่ติดๆกัน มาสำรวจกันเลยทีละห้างนะครับ ที่อยู่ติดกับสถานี Bukit Bintang เลย เป็นห้าง Sungei wang
ห้าง Sungei wang ถ้าเทียบไปจะคล้ายๆกับมาบุญครองบ้านเราครับ ไม่หรูหรามาก ของราคาไม่แพง แต่ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็ไม่ถูก เพราะเสื้อผ้าบางร้านก็ไปขนมาจากแพททินั่มบ้านเราครับ
ร้าน Guardian คล้ายๆ Watson บ้านเรา แต่ของถูกกว่าเกือบทุกอย่างครับ ขนกลับไทยมาได้เท่าไหร่ ขนเลย
ข้ามมาฝั่งตรงข้างห้าง Sungei Wang จะเป็นที่ตั้งของห้าง Lot10 หลังคาหน้าห้าง Lot 10 มีกระจก ถ่ายภาพครอบครัวแบบนี้เสียเลย
ส่วนห้างนี้คือห้าง Fahrenheit ห้างนี้มี Brand Outlet ด้วยครับ แต่ราคาไม่ถูกสักเท่าไหร่นะครับ ไปเดินเล่นดู มีสินค้าครบครันทั้งเด็กและผู้ใหญ่จ้า
สุดถนนเป็นห้างดังครับ Pavillion เทียบกับไทยน่าจะเป็นสยามพารากอนครับ
ภายในหรูหรา อลังการดีแท้ มี Brandname เพียบนะครับ คุณผู้ชายทั้งหลายต้องระวังตัวกันให้ดีครับ
แม่ลูกสุขสันต์
แวะมาชิมโดนัทร้านดัง J.Co กัน
จัดไปชุดหนึ่ง หน้าปกติชิ้นละ 2.5 ริงกิต และสั่งหน้าชีสตู้มๆมาให้เด็กทำน้ำหนักกันเสียหน่อย ชิ้นละ 3.5 ริงกิต ส่วนเครื่องดื่มสั่งเป็น Iced Chocolate รสชาติเข้มข้นมาก หวานกำลังดี ปลื้มๆๆ สั่งแก้วใหญ่มาแบ่งกันทานเลย 11.1 ริงกิตครับผม
ที่พิเศษคือไส้เค้าจะมีครีมเนื้อเบาๆ หวานน้อยๆ อร่อยมากเลย ใครมาห้ามพลาดนะ
ตกเย็นมาทานอาหารเย็นที่ Jalan Alor หรือถนนสายอาหารของ KL
Jalan Alor สามารถเดินมาจาก Bukit Bintang ได้นะครับ ประมาณ 15 นาที ทั้งถนนเต็มไปด้วยร้านอาหารเรียงรายตลอดสาย อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารมาเลเชีย และอาหารไทย บางร้านมีภาษาไทย เปิดเพลงไทยด้วย
แต่มาไกลถึงนี่คงไม่ทานอาหารไทยครับ ลองอาหารมาเลเชียดีกว่า ผมเดิมมาจนสุดถนน สุดท้ายมาตกลงปลงใจที่ร้านท้ายสุดนี่ล่ะ เห็นคนท้องถิ่นทานเยอะดี นั่งกันเต็มร้านเลย
จานแรกเลยไก่สะเต๊ะ เนื้อสะเต๊ะ คล้ายๆกับบ้านเรามาก แต่เครื่องเทศจะเยอะกว่า เข้มข้นกว่านิดๆ ไม้ละ 1 ริงกิต ต้องสั่งขั้นต่ำ 10 ไม้ จะเอาไก่กี่ไม้ เนื้อกี่ไม้บอกคนขายได้เลยจ้า
ส่วนจานนี้เป็นไก่รมควัน หนังกรอบๆ ได้กลิ่นหอมมากๆ อร่อยครับ สนนราคาปีกละ 3 ริงกิต ทั้งหมดจานนี้สั่งมา 3ปีกครับ ยอมรับเลยว่าที่เลือกร้านนี้ เพราะเจ้าปีกไก่รมควันนี้ด้วย หอมยั่วยวนกันสุดๆ
ผัดหอยลาย อีกจานที่คล้ายบ้านเรามากๆ รสชาติเข้มข้นมาก ไม่มีดินทรายปนมาให้รำคาญใจเลย จานนี้รู้สึกจะเป็นจานเด็ดเมนูแนะนำเลยล่ะ เห็นสั่งกันทุกโต๊ะ เนื่องจากทานกันแค่ 2 คน เลยสั่งจานเล็กสุดราคา 10 ริงกิต
ส่วนจานนี้สั่งคนขายว่าอยากทานหมี่โกเร็ง ก็ได้มาเป็นจานนี้ครับก็พอได้ครับ 14 ริงกิตครับ
ทริปมาเลเชียของครอบครัวเรายังไม่จบเพียงเท่านี้นะครับ สำหรับตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวสวนน้ำ Sunway Lagoon และเมือง Putrajaya นะครับ ติดตามชมได้เร็วๆนี้
ตอนที่ 2 : Sunway Lagoon สวนน้ำแสนสนุกแห่งมาเลเชีย
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวมาเลเชีย Visit Malaysia 2014 และสายการบินไทยแอร์เอเชีย ใครๆก็บินได้ ที่สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป