กลางเดือน ก.ย.56 ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจากสายการบินไทยแอร์เอเชียในฐานะสื่อมวลชนให้ไปร่วมงานแถลงข่าวการเปิดเส้นทางการบินใหม่ระหว่าง กรุงเทพ-คุนหมิง และได้ร่วมท่องเที่ยวเมืองคุนหมิง
ตลอด 4 วัน 3 คืนที่อยู่ที่เมืองคุนหมิง ผมได้มีโอกาสสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวจีน เยือนสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม ธรรมชาติแสนอลังการจนเป็นมรดกโลก อาหารการกินแสนอร่อย จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เชิญรับชมไปพร้อมๆกันเลยนะครับ
คุนหมิงตั้งอยู่ในมณฑลยูนนาน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน ด้านล่างมีอาณาเขตติดต่อทั้งพม่า ลาว และเวียดนาม บริเวณบางส่วนของมณฑลก็มีชนชาติไทยใหญ่ที่มีภาษาใกล้เคียงกับทางเชียงใหม่ของเราด้วย
เมืองคุนหมิงได้ชื่อว่า Spring City เนื่องจากภูมิประเทศตั้งอยู่ในเขตอบอุ่น ไม่หนาวจนเกินไปในฤดูหนาว และไม่ร้อนจนเกินไปในฤดูร้อน
ขอบคุณภาพประกอบจาก : ประธานชมรมคนมีแฟนน่ารัก
มาถึงแล้วครับ สนามบินนานาชาติเมืองคุนหมิง มีป้ายต้อนรับสู่มณฑลยูนนานเบ้อเริ่มเทิ่มเลย
สนามบินนานาชาติแห่งนี้เป็นสนามบินใหม่ เพิ่งเปิดใช้ได้ไม่นานครับ กำลังก่อสร้าง Airport Link กันอยู่ ปัจจุบันยังต้องนั่งรถเมล์หรือรถ Taxi เข้าเมืองกันอยู่นะครับ
ที่พักของพวกเราทั้ง 3 คืน พักกันที่นี่เลยครับ โรงแรม Wyndham Grand Plaza Royale เป็นโรงแรมใหม่เอี่ยมระดับ 5 ดาวครับ
Lobby ใหญ่มาก มี Chandelier อันใหญ่อยู่ตรงกลางเลย
ห้องพักก็หรูหรามากมาย
เสียตรงที่ห้องน้ำซีทรู มีม่านก็ไม่ได้ช่วยอะไร เห็นกันหมดนะครับ มาเป็นคู่เพื่อนจะลำบากมากพอสมควร
ที่เดิร์นมากคือที่กระจกส่องในห้องน้ำ มีทีวีอยู่ในนั้นเลยอ่ะ เป็นทั้งกระจกและทีวีในตัวเลย
ใกล้ๆโรงแรมมีแหล่งช็อปปิ้ง ไปสำรวจกันหน่อย
จะเห็นได้ว่าสถาปัตยกรรมของอาคารสมัยใหม่ ก็มีส่วนคล้ายกับสถาปัตยกรรมของบ้านเราไม่น้อย
ขนมไหว้พระจันทร์ของที่นี่ได้รับความนิยมมากเสียจน Haagens Dazs ต้องทำออกมาขายเลย
ร้านขายของชำในเมืองส่วนใหญ่จะเหมือนๆกันครับ คือมีขายบุหรี่ เครื่องดื่มต่างๆ แบบนี้ครับ
เช้ามา ผมได้เข้าร่วมงานแถลงเปิดเส้นทางการบินใหม่ กรุงเทพ-คุนหมิง ของสายการบินไทยแอร์เอเชีย
ตารางบินเที่ยวบินกรุงเทพฯ-คุนหมิง โดยเริ่มให้บริการเที่ยวบินแรกวันนี้เลยครับ (15 พฤศจิกายน 2556)
FD 2582* ดอนเมือง (DMK) – คุนหมิง (KMG) 09.00 – 12.30 น.
FD 2583* คุนหมิง (KMG) – ดอนเมือง (DMK) 13.20 – 14.50 น.
ส่วนราคา เรียกว่าราคาไม่แพงเลย เริ่มต้นที่ 1,690 บาทต่อเที่ยวครับ
ในเมืองคุนหมิงนั้น จักรยานธรรมดาแทบไม่ค่อยจะเห็นชาวคุนหมิงใช้แล้ว แต่เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมกันมาก มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเหล่านี้วิ่งได้ประมาณ 50-60 km/hr เครื่องยนต์เงียบไม่เสียงดังเลย แถมทำให้เกิดมลพิษต่ำกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปอีกด้วย
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้วก็คือความไม่เป็นระเบียบ ขับขี่กันบนทางเท้าซะงั้น
บริเวณหน้าห้างก็มีปะติมากรรมที่แสดงถึงความเป็นไทยอยู่ด้วย แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดกันของมณฑลยูนนานกับประเทศไทยมากๆ
โรงแรมนี้ก็เช่นกันครับ มีส่วนคล้ายไทยล้านนามากๆ
จุดหมายแรกของการท่องเที่ยวเมืองคุนหมิงก็คือ เขาซีซานครับ
ภาพนี้ระหว่างที่นั่งรถขึ้นเขา จะเห็นได้ว่าชาวเมืองเดินขึ้นเขาเพื่อออกกำลังกายกันครับ แข็งแรงมากเลยทีเดียว
มีบริการกระเช้าด้วยนะครับ วิวสวยใช้ได้เลย
ประตูมังกร เขาซีซาน
ตั้งห่างจากตัวเมือง 29 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งของวัดในลัทธิเต๋า สร้างในช่วง ค.ศ.1718-1843 ผ่านอุโมงค์หินที่สกัดไว้ตามไหล่เขา พร้อมชมศาลเจ้าและวัดจีนลัทธิเต๋า ซึ่งสร้างขึ้น ด้วยแรงศรัทธาของชาวบ้านที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับ 1,000 ปี มาลอดประตูมังกร หลงเหมิน ซึ่งสร้าง ขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง เชื่อกันว่าเป็น ประตูแห่งความสิริมงคล ซึ่งถ้าผู้ใดได้เดินลอดผ่านประตูแห่งนี้ จะประสบแต่ความสำเร็จโชคดี ประตูแห่งนี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมหน้าผา
“เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ให้เอามือลูบที่ก้อนทองที่ท่านถือไว้ แล้วนำมาใส่กระเป๋าของเรา เหมือนกับขอเงินทองกับท่าน แล้วเอากระเป๋าตังค์ใส่ที่ปากเสือ ขอให้ร่ำรวยด้วย
ในการจะลอดประตูมังกรได้นั้นพวกเราจึงต้องพิชิตเขาซีซานให้ได้ก่อน โดยการเดินขึ้นบันไดนิดหน่อยแค่ 300 กว่าขั้น เท่านั้นระหว่างทางบันได300 กว่าขั้นพิชิตเขาซีซานมีจุดพักและศาลเจ้าอยู่เป็นระยะๆ
บนเขาซีซานบนลงไปสามารถชมความงดงามของทะเลสาบคุนหมิง เตือนฉือได้
“ศาลเจ้าหวางหลินกวง” ซึ่งเกี่ยวกับข้าราชการ และในศาสนาเต๋าท่านเป็นผู้ปกปักรักษาอีกด้วย
บรรยากาศโดยรอบชิลด์มากครับ
สาวจีนคนหนึ่งนั่งเย็บผ้าอย่างสบายอารมณ์
มีศาลเจ้าให้ไหว้ตลอดทางครับ
คนไทยคงมากันเยอะครับ ป้ายบอกทางเลยมีภาษาไทยกำกับด้วย
ศาลานกเพลิง ว่ากันว่าเป็นศาลาแรกที่นักพรตเต๋าแกะสลักตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เลยทีเดียว
เดินต่อไปเรื่อยๆนะครับ วิวสวยทีเดียว
บางช่วงก็เป็นถ้ำ
“ศาลเจ้าแม่กวนอิมประทานบุตร” หรือ “เจ้าแม่กวนอิมส่งลูก” ถ้าใครแต่งงานยังไม่มีบุตรก็ไปขอกับท่านได้
ใกล้จะถึงประตูมังกรแล้วครับ
“ศาลเจ้ากุยซิน” ท่านกุยซินจะอยู่ในลักษณะถือพู่กันแล้วเหยียบหัวเต่ายักษ์ ท่านกุยซินถือเป็นเทพเกี่ยวกับการศึกษา คนที่จะได้เป็นจอหงวนต้องไปผ่านปลายพู่กันของท่านก่อน นอกจากนี้ข้างๆ ยังมีเทพเจ้าอีกสององค์คือ “กวนอู” เกี่ยวกับการค้าขาย ซ้ายมือคือ “หูซาน” เกี่ยวกับความรู้ นักเรียนนักศึกษาจะชอบมาไหว้กับท่าน
คนจีนกล่าวไว้ว่ามาถึงคุนหมิงจะต้องไปลอดประตูมังกร เมื่อลอดแล้วฐานะจะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งร้อยเท่า และคนจีนตั้งแต่โบราณจะเลียนแบบปลาเพราะมีตำนานเรื่องเล่ากันมาว่า ในสมัย ก่อนแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดคือแม่น้ำเหลืองจะมีปลาหลีหือซึ่งเป็นปลาประจำชาติของจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ครั้งหนึ่งเกิดน้ำท่วมทำให้ปลาไหลไปอยู่ตามแม่น้ำสายอื่น เมื่อปลาไปอยู่แม่น้ำ อื่นปลาไม่ชินกับคุณภาพน้ำจึงมีความพยายามว่ายทวนน้ำเพื่อกลับไปอยู่ในแม่น้ำเหลือง ของปลา ท่านเลยสั่งให้ไปสร้างประตูตรงแม่น้ำเหลือง ถ้าปลาตัวไหนกระโดดข้ามประตูได้ ท่านก็ จะให้เป็นมังกร ถ้าปลาตัวไหนกระโดดข้ามไม่ได้ ก็ต้องไปอยู่ในแม่น้ำเหลือง ปลาก็เลยมีความพยายามไปกระโดดข้ามประตูเพื่อเป็นมังกร เลื่อนจากปลาเป็นมังกรถือว่าฐานะของปลาเพิ่มขึ้น เป็นร้อยเท่า คนจีนจึงเลียนแบบปลา เมื่อมีความพยายามในการศึกษาก็จะได้เป็นจอหงวน เมื่อเป็นจอหงวนฐานะก็จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ดังนั้นประตูมังกรเหมือนเป็นการสอนคนจีนมา โดยตลอด คือเมื่อเรามีความพยายามก็จะประสบความสำเร็จ
เมื่อขอพรกันแล้ว ก็ต้องชมความสวยงามของ “ทะเลสาบเตียนฉือ” ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลยูนาน อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,886.5 เมตร แต่ก่อนทะเลสาบแห่งนี้กว้างขวางถึงห้าร้อยลี้ แต่ตอนนี้เหลือกว้างแค่ประมาณสามร้อยกว่าตารางกิโลเมตรเท่านั้น
แต่ก่อนทะเลสาบเตียนฉือนี้ ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยมากจนถูกขนานนามว่า “ไข่มุกทอแสงแห่งที่ราบสูง” ด้วยความงดงามทำให้ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจนไปเข้าหูพระนางซูสีไทเฮา แห่งราชวงศ์ชิง พระนางก็อยากมาดูทะเลสาบแห่งนี้มาก แต่ไม่สามารถมาถึงได้ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นแมนจู กลัวว่าหากเดินทางไปยังทะเลสาบจะถูกชนกลุ่มน้อยทำร้าย
เมื่อถึงวันฉลองวันเกิดพระนางจึงสั่งให้คนไปเอาแบบของทะเลสาบเตียนฉือ แล้วไปขุดสร้างเลียนแบบในอุทยานสวนอี้เหอหยวน ภายในพระราชวังฤดูร้อนที่กรุงปักกิ่ง แล้วเรียกว่า “ทะเลสาบคุนหมิง” หากใครที่เคยได้ไปเยือนมาแล้วทั้งสองแห่งก็คงจะรู้กันดี
ลงมาก็จะมีร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
จุดหมายต่อไปคือ อุทยานป่าหินครับ
อุทยานป่าหิน ในมณฑลยูนนาน ตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ห่างจากเมืองคุนหมิง ได้ราว ๆ 90 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอำเภอสือหลินภายในพื้นที่ 350 ตารางกิโลเมตรที่มีภูเขาสูงๆต่ำๆทอดตัวยาวเหยียดออกไปแห่งนี้ มียอดหินและเสาหินใหญ่น้อยตั้งเรียงรายกระจัดกระจายอยู่ตามเนินเขา ป่าหินแห่งนี้จัดว่าเป็นป่าหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกคือมีพื้นที่เฉพาะส่วนที่เยี่ยมชมราว 12 ตารางกิโลเมตร ภายในป่าหินมีทางแยกมากกว่า 400 สาย มีจุดท่องเที่ยวกว่า 200 จุด จึงได้สมญานามว่า วังวนใต้ทะเล ” หินลักษณะสวยงามแปลกตาเหล่านี้ล้วนเป็นหินปูนที่แต่เดิมอยู่ใต้ผิวน้ำและเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของผิวโลกหินเหล่านี้จึงถูกดันให้โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำกลายเป็นภูมิทัศน์ที่งดงามโดดเด่นป่าหินแห่งนี้ประมาณกันว่า มีอายุราว 270 ล้านปี ป่าหินแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆคือป่าหินน้อย (Minor stone forest) และป่าหินใหญ่ (Major stone forest) และอีกส่วนหนึ่งที่มีความงดงามไม่แพ้กันคือ ส่วนของป่าหินนอก(Outer stone forest) ซึ่งอยู่บริเวณรอบนอกของป่าหินน้อยและป่าหินใหญ่ ป่าหินแห่งนี้มีหินรูปทรงแปลกตาที่สวยงามอยู่มากมาย
ที่นี่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ เมื่อปี 2007 ครับ
กว้างใหญ่มากเลยครับ ถ้าจะเดินให้ทั่วคงต้องใช้เวลาหลายวัน
สาเหตุที่เกิดเป็นหินรูปทรงแบบนี้ ดูได้ตามภาพเลยครับ
มาถึงหน้าประตู ต้องตกใจครับ เพราะนอกจากจะมีป่าหินแล้ว ยังเจอป่าหัวคนจีนด้วยครับ เยอะมากสุดๆ
นักท่องเที่ยวชาวจีนบางคนก็ Cosplay เป็นชุดแต่งกายดั้งเดิมแบบชาวเขาด้วย
ป่าหินทรงสวยงาม แปลกตา มีเยอะมาก มองไปไกลสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว อลังการมาก
หินก้อนนี้เป็นรูปพระถังซัมจั๋งครับ ดูออกกันมั้ยเอ่ย
มีศาลากลางทะเลสาบที่ใสนิ่งเป็นกระจกด้วย
หินก้อนซ้าย ชาวจีนเค้าจินตนาการเป็นสาวชาวเขาที่ใส่หมวกครับ มองกันออกมั้ยเอ่ย
ชาวยูนนานมีบทกลอนว่า “บนดินชมป่าหินงาม ใต้ดินชมจิ่วเซียง” เราได้ชมป่าหินงามไปแล้ว ตอนนี้เราจะไปชมถ้ำจิ่วเซียงกันต่อ
เห็นตัวอักษร AAAA มั้ยครับ เป็นเกรดความสำคัญของสถานที่ท่องเที่ยวครับ ที่นี่ได้ 4A แต่อุทยานป่าหิน 5A ครับ
ถ้ำจิ่วเซียงนี่เคยที่สถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง เช่น เฉินหลง ไซอิ๋ว เป็นต้น
เริ่มด้วยการล่องแม่น้ำชมทิวทัศน์หน้าผาสองฝั่งอันสวยงาม ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีครับ
จากนั้นก็เริ่มเดินเข้าไปในถ้ำกันต่อ
ถ้ำจิ่วเซียง เป็นถ้ำหินงอกหินย้อยที่สวยงามตระการตามาก เป็นถ้ำมหัศจรรย์ของจีนที่สวยงามมากและเป็น 1 ใน 10 สถานที่สำคัญทางธรรมชาติของมณฑลยูนาน ถ้ำนี้เกิดจากการกัดเซาะของภูเขาไฟโบราณ จนเกิดเป็นโพรงถ้ำขนาดยาว 3-4 กิโลเมตร
ช่วงแรกจะเดินผ่านไปทางเส้นทางที่ขนานไปกับภูเขาสูง เข้าชมความงามภายในถ้ำจิ่วเซียง ที่ประกอบด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงามรูปร่างแปลกตาเต็มไปด้วยสีสันสวยงาม ซึ่งประกอบเสมือนเป็นโลกใต้ดินได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชมธารน้ำตก และถ้ำเล็กๆอยู่ภายใน อาทิ ถ้ำช้างเผือก, ถ้ำค้างคาว, วังเทพธิดา, ถ้ำเทวดา, ถ้ำนาขั้นบันได ฯลฯ สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดภายในถ้ำนี้ก็คือตอนกลางของถ้ำจะมีลำน้ำทั้งสายลงมาจากหน้าผาตกลงมาเป็นน้ำตก 2 สาย เรียกกันว่า น้ำตกผัวเมีย เป็นน้ำตกใหญ่และตกอยู่กลางระหว่างถ้ำเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก
มีลานกว้างๆ ด้านบนมีจัดแสดงประวัติความเป็นมาของถ้ำ
ไฮไลท์อีกจุดคือ น้ำตกผัวเมียครับ เป็นน้ำตกที่อยู่คู่กันครับ
เดินตามทางไปเรื่อยๆ
มองไปไกลๆเป็นถ้ำนาขั้นบันไดครับ
สวยงามสุดๆไปเลยตรงนี้
ธรรมชาติสร้างสิ่งที่สวยงามแบบนี้มาได้อย่างไร น่าทึ่งจริงๆ
ระหว่างทางจะมีการแสดงให้แวะชมกันด้วย
เห็นปากจระเข้มั้ย
ตรงนี้เค้าจินตนาการเป็นพวงองุ่นครับ
หินย้อยบริเวณนี้สวยมากๆครับ
ธรรมชาติต้องใช้เวลาสร้างศิลปะชิ้นนี้นับล้านปีเลยทีเดียว
เดินชมมาตลอดทางใช้เวลานับชั่วโมงเลย ที่สุดทางเราจะนั่งกระเช้าห้อยขากลับครับ เสียวไส้มิใช่น้อยเลย
วิวสวยมากมาย
หน้าผาด้านซ้ายในภาพ มองลงไปที่แท้ก็คือถ้ำจิ่วเซียงนั่นเองครับ
เที่ยวกันมาพอสมควร แวะพักมาดูอาหารของคุนหมิงกันบ้าง
อย่างแรกเลย เป็ดย่าง ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะเค้าย่างหนังเป็ดกรอบ อร่อยมากๆเลย
สุกี้เห็ด เรียกว่าคือ MK ของชาวคุนหมิง เค้าจะต้องต้มเห็ดก่อน ระยะเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้น้ำซุปหวานและอุดมไปด้วยสารอาหารจากเห็ด ถ้าต้มต่ำกว่า 30 นาทีก็ไม่ได้นะครับ เพราะจะกลายเป็นพิษต่อร่างกาย
หลังจากต้มเห็ดได้ที่แล้ว ก็เติมเนื้อสัตว์และผักต่างๆลงไป หากจะทานแบบดั้งเดิมคุนหมิงแท้พิธีรีตองก็ค่อนข้างเยอะครับ กว่าจะได้กิน
ไก่ดำ ผิวสีดำเกิดจากการอบสมุนไพรสูตรพิเศษ รสชาติใช้ได้เลย
หมูสามชั้น เนื่องจากภูมิอากาศที่หนาวเย็นทำให้คนที่นี่ต้องเติมไขมันให้กับร่างกายไว้สู้กับอากาศเย็นอยู่เสมอ
ผักต่างๆค่อนข้างอร่อย กรอบหวาน ชอบมากครับ
เห็ดผัดพริก รสชาติจะไม่จัดเท่าอาหารไทยนะครับ และบางทีก็จะใส่พริก “หมาร่า” พริกประจำถิ่นของที่นี่ ทำให้ลิ้นชา แต่ทำให้ดีต่อร่างกายสุขภาพของคนเมืองหนาวอย่างยูนนานหรือเสฉวนครับ
หมูแดงของยูนนาน จัดว่าเป็นอาหารที่อร่อยมากทีเดียว
กลับมาเที่ยวในเมืองกันบ้าง ในตัวเมืองคุนหมิงแทบจะไม่มีอะไรให้เที่ยวเลย มีเพียงแหล่งช้อปปิ้งกลางใจเมืองเท่านั้น
ภาพที่เห็นคือประตูเมืองเก่า ได้แก่ ประตูม้าทอง และ ประตูไก่มรกต
บริเวณประตูม้าทองและประตูไก่มรกต ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองคุนหมิง ทั้งสองประตูนี้สร้างขึ้นมากว่า 400 ปีแล้ว และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของนครคุนหมิงอีกแห่งหนึ่ง
ข้ามไปอีกฝั่งจะเป็นถนนคนเดินครับ เนื่องจากเป็นใจกลางของเมือง สี่แยกบริเวณนี้จึงเหมือนแยกที่ Shibuya เลย มีคนข้ามถนนกันมากมายล้นหลามจริงๆ
บรรยากาศการค้าของที่นี่มีร้านค้า ร้านอาหาร รถเข็นขายของเพียบเลย แต่ของที่ขายก็ซ้ำๆกันครับ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ Accessory มือถือ ตุ๊กตาต่างๆ
แม่ค้าคนนี้น่าจะกำลังเซ็งว่าผลไม้ยังเต็มรถอยู่เลย จะขายหมดมั้ยวันนี้
ที่ต้องชื่นชมมากๆก็คือ เมืองคุนหมิงจัดถนนคนเดินได้ดีจริงๆ เรียกว่าใหญ่มากๆ เป็นได้ทั้งย่านการค้าและสวนสาธารณะไปในตัว
บริการนวดไหล่
รับขัดรองเท้า
แม่ลูกขอทานนอนกอดกันย่านถนนคนเดิน
ขอพูดถึงสาวๆในเมืองคุนหมิงหน่อย ต้องบอกว่าสู้ประเทศไทยไม่ได้เลยอ่ะ แม้กระทั่งย่านที่เป็นแหล่งวัยรุ่นที่สุด ก็ยังหาสาวสวยๆยากเลย
ยิ่งเย็น บรรยากาศการค้าขายยิ่งคึกคักครับ คนเยอะเชียว
ร้านนี้เป็นแฟนผู้พัน KFC หรือเปล่า
เด็กน้อยคนนี้เหมือนตุ๊กตาเลยครับ น่ารักมากเลย
ย่านการค้าแถวนี้ถือว่าเป็นย่านการค้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเลยครับ
ของที่ทำมาจากสัตว์ต่างๆขายนักท่องเที่ยว
ร้านนี้ขายเมล็ดพืชอะไรสักอย่าง แถวนี้ขายแบบนี้เยอะมาก
ขอลาไปด้วยภาพนี้กับบรรยากาศยามเย็นของเมืองคุนหมิง
เมืองที่มีมรดกโลกและธรรมชาติที่งดงามยิ่งนัก
สำหรับมณฑลคุนหมิงแล้ว ใครที่มีเวลามากกว่านี้ แนะนำให้เดินทางต่อไปยัง เมืองต้าลี่ เมืองโบราณลี่เจียง และแชงกรีล่าด้วยนะครับ
สำหรับวันนี้ขอจบรีวิวเมืองคุนหมิงไปเท่านี้ก่อน หวังว่าคงจะได้รับข้อมูลในการเดินทางไปไม่มากก็น้อย
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป