โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะมองว่า อาหารฝรั่งเศส นั้นเป็นอาหารที่เข้าถึงยาก ราคาแพง แต่สำหรับร้าน La Maison 15 นั้น เน้นการออกแบบอาหารให้เข้าถึงง่าย และราคาไม่แพง เพื่อให้แขกของบ้านหลังนี้ได้เข้าถึงอาหารของร้านได้ง่าย และในราคาที่เหมาะสม ไม่แพงจนเกินไป นี่คือคอนเซปของร้าน La Maison
ร้าน La Maison 15 เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “บ้านเลขที่ 15” เพราะเจ้าของที่นี่อยากให้ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งนี้เปรียบเสมือน “บ้าน” ชิลๆ สบายๆ ที่รอต้อนรับแขกทุกคนที่แวะมาเยี่ยมเยือน ด้วยอาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษ มีอะไรทานบ้าง ตามไปชมรีวิวกันครับ
มีที่จอดรถได้ด้านหน้าร้านประมาณ 5 คัน และมี Valet Parking บริการให้กับลูกค้า
แผนที่การเดินทางมายังร้าน La Maison 15 : Foodcraft and Wine Bar
ร้านอยู่ในซ.เย็นอากาศ สามารถเข้าได้ทั้งจาก สาทรซอย 1, ถนนพระราม 4, ถนนเชื้อเพลิง และถนนนางลิ้นจี่ และสามารถเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีลุมพินี หรือ คลองเตย ก็ได้ แล้วต่อรถแท็กซี่เข้ามาในซอยเล็กน้อย
ใช้ Google Map นำทางมาได้เลยที่
https://goo.gl/maps/dQ2dfzjC4CS2
ร้าน La Maison 15 ตกแต่งสไตล์ Homey เน้นโทนสีขาว เทา ที่ให้ความรู้สึกสบายๆ ชิลๆ
ของตกแต่งหอไอเฟลบนโต๊ะ
บรรยากาศในร้านดูสบายๆ และอบอุ่น
ฟ้ายังสว่างอยู่ เริ่มด้วยจิบม็อคเทลเบาๆ ก่อนเลยละกัน Strawberry Beethoven Mocktail (สตรอว์เบอร์รี่ บีโทเฟ่น ม็อกเทล) แก้วนี้เรียกว่า เป็นสูตรพิเศษของร้านเลยก็ว่าได้ ที่เอาวัตถุดิบง่ายๆ อย่างสตรอว์เบอร์รี่สดและน้ำมะนาว มาเชครวมกัน เติมโซดาอีกนิด เรียกความสดชื่นขึ้นมาได้เยอะเลย รสชาติจะออกหอมหวาน อมเปรี้ยวเล็กๆ
นั่งรอไม่นาน อาหารจานแรกก็มาเสิร์ฟ เริ่มที่เบาๆ กันก่อนเนอะ “Campanarde Salad” (คัมปะนาร์ด สลัด) เป็นสลัดผัก – สด – กรอบ ทานกับ เบคอนหั่นเต๋ากรุบกรอบ และ ไข่ต้ม Poached Egg แบบไข่แดงเยิ้มๆ คลุกเคล้ากับน้ำสลัดเมล็ดมัสตาร์ดที่เป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน เรียกได้ว่า จานนี้เป็น Signature ที่สั่งกันแทบทุกโต๊ะเลย จานนี้เราสั่งมาแบบ Main Course Size ราคา 350++ บาท แต่ถ้าใครอยากแค่ทานเริ่มต้นเบาๆทางร้านก็มี Starter Size เสิร์ฟด้วยนะ ราคา 190++ บาทจ้า
Starter อีกจานที่พวกเราลิ้มลองแล้วปลาบปลื้มกันมากเป็น “French Onion Soup in Puff Dome” ราคา 250++ บาท เป็นซุปหอมหัวใหญ่สไตล์ฝรั่งเศส ที่เห็นสีน้ำตาลพองๆ นั่นคือ โดมแป้งพัฟที่เรียกว่าอบใหม่ๆทันทีที่สั่งเลย
ตัวซุปก็รสชาติเข้มข้น หอมหวานมากๆ เวลาทานให้ทานแป้งพัฟพร้อมๆ กับซุปเลยจะช่วยดันรสชาติให้เข้มข้นขึ้นไปอีก และถ้าหากใครชอบทานซุปแบบข้นๆ ทางร้านเค้าก็มีไข่แดงมาให้เราใส่เพิ่ม แค่คนในซุปร้อนๆ เราก็จะได้ซุปรสเข้มและข้นตามชอบแล้วล่ะ
ช่วงที่พวกเราไปทานทางร้านมีจัดโปรโมชั่น Fine De Claire Oyster อยู่พอดี เป็นหอยนางรมสดๆ ตัวใหญ่ๆ ฟิน เดอ แคล์ ที่นำเข้าจากฝรั่งเศส ร้านเค้าเสิร์ฟคู่ไข่ปลาคาร์เวียร์ เลมอนสด และน้ำส้มสายชูไวน์แดงผสมหอมแดงสับ ทานพร้อมๆ กันจะยิ่งทำให้รสชาติดียิ่งขึ้นไปอีก
คุณนายแอน และ น้องเกรซ น้องกาย ได้ทานของอร่อยก็ยิ้มอย่างที่เห็นเลย ชอบใจกันมาก จากตอนแรกที่คิดว่าอาหารฝรั่งเศสจะต้องมีเมนูที่เด็กๆ บ้านนี้ทานไม่ถนัดหรือไม่ถูกปากแน่ๆ แต่เปล่าเลย แค่สามจานแรกก็เรียกได้ว่าทำเอาเด็กบ้านนี้ถูกอกถูกใจกันยกใหญ่
อาหารจานหลักใกล้เสิร์ฟแล้ว ขอจิบไวน์รอสักหน่อย House Wine ของที่ La Maison 15 เรียกได้ว่า ถูกคัดสรรมาอย่างดี รสนุ่มละมุนลิ้น ไม่บาดคอเลย รสชาติเข้มข้น แต่ดื่มง่ายดี
ก่อนจะเข้าสู่อาหารจานหลัก หรือ Main Course ขอเปิดด้วย “Camembert Fondue” (กอมองแบร์ ฟองดู) ราคา 590++ บาท ก่อนละกัน ใช้
ชีสกอมองแบร์ที่ส่งตรงมาจากฝรั่งเศส เอาชีสทั้งก้อนอบให้ละลายจนได้ชีสเยิ้มๆ รสชาติเค็มหน่อยๆ เสิร์ฟคู่ขนมปังกระเทียม ตอนแรกกะว่าชิมๆ แล้วให้เด็กๆ ทานกันต่อ ปรากฎลองแล้วหยุดแทบไม่ได้เลย
ตัวชีสที่ละลายกำลังดี นุ่มนวลเนียน
“Pasta Smoked Salmon” (พาสต้าแซลมอนรมควัน) ราคา 290++ บาท จะบอกว่า เพิ่งเคยเห็นร้าน La Maison 15 เป็นร้านแรกที่เอาแซลมอนรมควันมาทำพาสต้า ปกติเจอแต่ใช้แซลมอนสดธรรมดา ขอบอกเลยว่ารสชาติและกลิ่นที่ผสมกับซอสครีมเข้มข้น เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ทำให้เมนูธรรมดาๆ จานนี้ดูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
มาทานร้านอาหารฝรั่งเศสทั้งที ต้องลองสั่งเครปมาทานดูนะ “La Bécassine Crepe” (เครปอกเป็ดรมควันและฟัวกราส์) ราคา 290++ บาท ขอบอกเลยว่า เป็นอะไรที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะร้านเค้าใช้แป้งบัควีท (Buckwheat) ทำเนื้อเครปช่วยให้แป้งนุ่มเนียน แถมยังหอมกลิ่นอกเป็ดรมควันแล่บางๆโรยมาทั่วเครปเลย รสชาติอกเป็ดรมควันที่ออกเค็มหน่อยๆ ผสมผสานกับซอสหวานๆ ที่ปรุงจากหอมหัวใหญ่และมะม่วง เป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ที่สำคัญพระเอกจานนี้ อยู่ที่การเสิร์ฟ ฟัวการ์ชิ้นโตที่ทอดมากำลังดี เนื้อในนุ่ม ทานได้อร่อยไม่เลี่ยนเลย
มาต่อที่จานหลักจานสุดท้ายกันที่ “Salmon Steak” (แซลมอนเสต็ก) ราคา 450++ บาท เนื้อปลาสดมาก ย่างให้สุกกำลังดี juicy หน่อยๆ เสิร์ฟพร้อมราวิโอลี (Ravioli) ปู และไวท์ซอสที่รสชาติเปรี้ยวเล็กๆ และคู่หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) หวานๆ ย่างสุกกำลังดี เคียงจานมาด้วย
มาที่ของหวานกันบ้าง ต้องบอกว่าของหวานที่นี่ถือเป็นไฮไลท์ของร้าน La Maison 15 แห่งนี้ ไม่น้อยหน้าจานหลักเลย เราลองสั่ง “White Pannacotta and Black Meringue” (พานาคอตต้าไวท์ช็อคโกแลต ราสเบอร์รี่สโนว และดาร์คช็อคโกแลตเมอแรง) มาลองดูต้องบอกว่า พรีเซนต์เตชั่นชนะเลิศ ทำเอาเด็กๆ ตื่นตาตื่นใจกันใหญ่ เพราะร้านเค้าเสิร์ฟไวท์ช็อคโกแลตพานาคอตต้าเนื้อนุ่มๆ โรยหน้ามาด้วยเกล็ดราสเบอร์รี่สโนว์ ที่นำราสเบอร์รี่สด ไปแช่แข็ง แล้วนำมาปั่นเป็นเกล็ดหิมะ ให้รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวได้ดีมากๆ ถ้าใครชอบทานรสชาติเข้มๆ เค้าก็มีเสิร์ฟดาร์ดช็อคโกแลตเมอแรงให้ทานคู่กันด้วยนะ
ยังไม่จบจ้า สั่ง “Crème brûlée with raspberry sherbet” (เครมบูเล่และไอศกรีมราสเบอร์รี่) ราคา 210++ บาท มาลองอีกสักอย่าง เครมบูเรหรือคัสตาร์ดสไตล์ฝรั่งเศสสูตรเฉพาะของ La Maison 15 เนื้อคัสตาร์ดหอมกลิ่นวนิลาและผิวส้มอ่อนๆ ชอบตรงส่วนที่เผาหน้าด้วยน้ำตาล จนเป็นคาราเมลหวานกรอบที่ความหนาพอดีๆ แถมมีไอศกรีมราสเบอร์รี่มาตัดรสชาติหวานออกไป เรียกว่าเป็นของหวานที่อร่อยลงตัวมากๆ
อิ่มอร่อยกันไปทั้งครอบครัว ถือเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสอีกหนึ่งร้านที่เราชอบมาก และคงได้กลับไปทานที่นี่อีกในเร็ววัน
พิเศษ เพียงไลค์เพจ https://www.facebook.com/Lamaison15.bkk/ และแชร์รีวิวนี้
รับฟรี Edamame a la truffle 1 ที่ มูลค่า 190 บาท (1 สิทธิ์ต่อโต๊ะ) วันนี้ – 31 พ.ค. 60 นี้เท่านั้นนะ
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป