ช่วงเดือน ก.พ. ของทุกปี ทางจังหวัดลพบุรี จะมีการจัดงานท่องเที่ยวประจำปี เช่น งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(งานวัง) และตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เขาวงพระจันทร์ก็จะมีการจัดงานคึกคักเป็นพิเศษ จึงถือว่าเป็นอีกช่วงเวลาที่จังหวัดลพบุรีน่าท่องเที่ยวมาก ทริปนี้จะพาไปรู้จักที่พักหลักร้อย Pilot Por’s Gallery อนุสรณ์ตำนานรักแห่งปอหญิงปอชายที่แสนโด่งดัง พิชิตบันไดกว่า 3,970 ขั้นของเขาวงพระจันทร์ ที่เขาเล่าว่า หนุมานวัดใจ ขอเชิญทุกคู่รักมาพิสูจน์รักกัน แล้วแต่งชุดไทยแบบจัดเต็มเดินเที่ยวงานวัง แล้วพาไปตะเวนกินตะเวนเที่ยวรอบเมืองลพบุรีกัน จะสนุกแค่ไหน ตามไปรับชมรีวิวกันครับ
พร้อมแล้วออกเดินทางเลยดีกว่า
ปล.ทริปนี้พาอาม่าไปเที่ยวด้วยนะ
สำหรับใครที่ขี้เกียจอ่านตัวหนังสือ มารับชมรีวิวในรูปแบบคลิป เต็มอิ่มทั้งแสง สี เสียง กันนะ
จากกรุงเทพ เราเดินทางมาถึงลพบุรีแล้วก็เข้ามาที่พักของเราก่อนที่ Pilot Por’s Gallery
ที่ Pilot Por’s Gallery ที่จริงเป็นร้านอาหารและร้านกาแฟนะครับ บรรยากาศมีทั้งนั่งในห้องแอร์หรือจะนั่งด้านนอกก็ได้
ไม่ใช่แค่ร้านอาหารทั่วไป ที่นี่ยังมีเรื่องราวความรักของ ปอหญิงและปอชาย ตำนานรักแห่งลพบุรีด้วย
เรื่องราวมีอยู่ว่า ปอหญิงและปอชายเป็นคู่รักที่เพิ่งจะแต่งงานมาไม่กี่เดือน คุณปอชายมีอาชีพเป็นนักบิน วันหนึ่งในระหว่างที่บินเฮลิคอปเตอร์อยู่เหนือตัวเมืองพะเยา เครื่องเกิดขัดข้อง แทนที่ปอชายจะทิ้งเครื่องเอาชีวิตรอด เค้ากลับเลือกสละชีพบังคับเครื่องให้ตกนอกเมืองเพื่อลดการสูญเสียกับผู้คนในพะเยา เรื่องราวดังกระฉ่อนไปจนถึงรายการคนค้นฅนเลยทีเดียว
ฝ่ายปอหญิง ปัจจุบันก็ยังคงดำเนินชีวิตต่อไป โดยมาเปิดร้านอาหารและร้านกาแฟที่ชื่อ Pilot Por’s Gallery Coffee and Restaurant เพื่อทำความฝันที่มีร่วมกับคุณปอชายให้สำเร็จ โดยในร้านก็จะมีการจัดแสดงเรื่องราวความรักของทั้งคู่ รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ของปอชายผู้เป็นสามีไว้เป็นดั่งอนุสรณ์ความรักของคนทั้งคู่ไว้
ที่ผนังมีแขวนกีตาร์ไว้เพียบเลย ถือเป็นอีกหนึ่งของรักของสะสมของคุณปอชาย
ยำตุ้มนิ่ม คล้ายๆยำหมูย่างแต่ใส่เครื่องแน่นเลย ทั้งหอมเจียว และใบมะกรูดทอด
Pilot แซ่บ หน้าตาและรสชาติคือเมี่ยงปลาทอดนี่ล่ะ
หมูสะดุ้ง เมนูนี้แปลกดี เสิร์ฟหมูหมักกับหม้อไฟใส่น้ำมันร้อนๆแล้วจุดไฟมา ให้เราเอาหมูหมักลงทอดเอง แต่ปรากฏว่าละอองน้ำมันกระเด็นเต็มไปหมด เลยวานส่งเข้าครัวทอดมาให้ดีกว่า ทานกับน้ำจิ้มแซ่บๆ รสชาติเปรี้ยวเผ็ดถึงใจ ทานกับผักบุ้งจีนดิบๆเลย แปลกไปหมด แต่รสชาติโดยรวมใช้ได้นะ
ด้านหลังของร้านอาหารมีที่พักด้วยครับ
บรรยากาศร่มรื่นมากเลย
ห้องพักเป็นบ้านไม้ ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ขนาดกำลังดี ราคาไม่แพงเลยจ้า 650 บาทเอง
ถือเป็นที่พักหลักร้อยประจำจังหวัดลพบุรีที่ไม่เลวเลย
อะไรก็ดี มีเสียตรงห้องน้ำ ท่อระบายน้ำช้าไปนิดครับ
ออกจากที่พักเรียบร้อย ผมและภรรยาพาเด็กๆออกมาทานข้าวเย็นเร็วหน่อย เพราะเดี๋ยวค่ำๆเรามีภารกิจขึ้นเขาวงพระจันทร์กัน เด็กๆไม่ได้ไปด้วย ฝากอาม่าดูแลแทน เลยพามาฝากท้องกับร้านอาหารง่ายๆที่ร้าน Hom Krun by Woon พิกัดดูได้ตามนี้นะ https://www.facebook.com/HomKrunByWoon/
อาหารที่นี่เป็นเมนูจานเดียว ขายกาแฟ และเค้ก แต่วันนั้นไปเย็นมากแล้ว เค้กหมดเกลี้ยง เลยอดชิมเลย
เริ่มเมนูแรกด้วย เส้นใหญ่กรอบผัดขี้เมาหมู เส้นงี้กรอบสนั่น รสชาติไม่เลวเลยจ้า สั่งปีกไก่ทอดมาด้วยทานกันเพลินๆ
ราดหน้าเส้นกรอบก็อร่อย เลือกได้ตามใจชอบว่าจะใส่ หมู ไก่ หรือกุ้ง
ข้าวผัดปลาสลิด เม็ดข้าวสวยมาก เนื้อปลาเยอะ แถมเครื่องแน่นด้วย
สุดท้ายกับเมนูข้าวราดกุ้งคั่วพริกเกลือ โดยรวมอร่อย แต่จานนี้รสชาติติดหวานไปหน่อย ปกติเมนูนี้ต้องผัดแห้งๆเค็มๆหอมพริกสดคั่ว แต่ก็ถือว่ารสชาติผ่านจ้า
ในร้านมีขายยาสีฟัน ตรา หมอจุฬา ด้วยครับ ต้องบอกเลยว่า ตอนแรกไม่เคยคิดจะใช้ แต่ทุกวันนี้ใช้ยาสีฟันหมอจุฬา แบบติดเลยครับ ดีตรงเป็นส่วนผสมสมุนไพร อินเทรนด์ใกล้ชิดธรรมชาติด้วย แปรงแล้วรู้สึกสะอาดมากอ่ะ ติดใจครับ
ใครสนใจก็หาซื้อได้ตาม Supermarket นะครับ
หนึ่งในภารกิจที่ตั้งใจจะทำให้สำเร็จในทริปนี้ก็คือ การพิชิตเขาวงพระจันทร์
“เขาเล่าว่า…หนุมานวัดใจ”
ระยะทางกับความยากลำบาก พิสูจน์มิตรภาพและรักแท้ เสริมพลังรัก กับลพบุรีเมืองลิง
“เขาวงพระจันทร์” ได้ชื่อว่าเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดลพบุรี โดยสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 650 เมตร และมีชื่อเสียงทำให้คนรู้จักจังหวัดลพบุรี นอกจากนี้ภูเขานี้ยังเป็นที่มาแห่งตำนานเมืองเรื่องท้าวกกขนาก และพระเจ้ากงจีน บริเวณเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดเขาวงพระจันทร์ มีบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขา 3,790 ขั้น มีความยาว 1,680 เมตร และยังมีบันไดขึ้นต่อไปได้อีก 180 ขั้น รวมแล้วมีบันไดขึ้นเขาทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 4,000 ขั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมง สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา
การพิชิตบันได 3,790 ขั้นครั้งนี้ เราไม่กล้าพาเด็กๆขึ้นครับ เราจึงฝากให้อาม่าดูแลเด็กๆที่โรงแรม ส่วนอินกับแอนมาวัดใจกับหนุมานสองคนพอครับ
บันได 3,790 ขั้นมันสูงแค่ไหน ดูภาพนี้เลยครับ บันไดตั้งแต่ตีนเข้าเลื้อยเป็นตัวเลข 7 จนถึงยอดเขานั่นแหละครับ บอกตรงๆว่าเห็นแล้วใจก็แอบหวั่นๆครับ
ด้านบนมีให้จดทะเบียนสมรสด้วยนะ ยังสงสัยว่านายทะเบียนจะขึ้นไปรอตั้งแต่กี่โมงนะ
บริเวณทางขึ้นและตลอดทางจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้เป็นการพักเหนื่อยไปในตัวนะครับ
ตามตำนานเล่ากันว่า มียักษ์มาสถิตอยู่บนถ้ำยอดเขาวงพระจันทร์นี้ โดยยักษ์ที่ว่านี้คือ ท้าว”กกขนาก” ยักษ์ตนสุดท้ายที่ไม่ยอมแพ้พระรามที่อยู่ในเรื่องรามเกียรติ์ จึงถูกพระรามแผลงศร โดนยักษ์กระเด็นลอยละลิ่วข้ามมหาสมุทรอินเดียมาตกที่ยอดเขาลูกนี้ แล้วพระรามก็สาปให้ศรปักอกเอาไว้หากวันใดที่ศรเขยื้อนให้หนุมานลูกพระพาย (ลูกลม ถ้าตายเมื่อต้องลมพัดผ่าน จะกลับฟื้นคืนชีพ หนุมานจึงไม่รู้จักตาย) เอาฆ้อนมาตอกย้ำลูกศร ให้ปักอกไว้เช่นเดิม แต่ยักษ์โดนเข้าขนาดนี้ก็ยังไม่ตายนอนรอความตาย ฝ่ายนางนงประจันทร์ลูกสาวยักษ์ก็เหาะตามพ่อมา เพื่อปฏิบัติพ่อ เพราะพ่อยังไม่ตาย นอนอยู่ในถ้ำยอดเขานางพระจันทร์นี้และนางทราบว่าหากได้น้ำส้มสายชูมารดที่โคนศรแล้วศรจะเขยื้อนหลุดออกมาได้ แต่หากศรเขยื้อน ไก่แก้วก็จะขันเรียกหนุมานเอาฆ้อนมาตอกศร เมื่อนางนงประจันทร์ช่วยพ่อยักษ์ไม่ได้ ก็ตรอมใจตาย ฝ่ายยักษ์กกขนากเมื่อลูกสาวตายก็เลยตายตามไปด้วย จากตำนานนี้จึงเรียกเขาลูกนี้ว่า เขานงประจันต์หรือนางพระจันทร์ ตำนานนี้เป็นผลให้ลพบุรีไม่มีน้ำส้มสายชูขายมานาน ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ หลวงพ่อโอภาสี ได้ขึ้นมาบนเขานี้ และเห็นว่าบริเวณเขาทั้ง๔ ด้าน เป็นรูปเขาโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า “เขาวงพระจันทร์”
500 ขั้นแล้วนะ คุณนายยังสภาพดีอยู่
สู้กับบันไดไป แวะพักเหนื่อยไป วิวจากด้านบนสวยนะ ลมเย็นด้วย
โอ้ว 1,000 แล้ว เริ่มเหนื่อยละ
ร้านขายของระหว่างทางมีเป็นระยะๆ ขายทุกอย่างที่จำเป็นในการพิชิตยอดเขา ทั้ง เครื่องดื่ม ยาดม ถุงซิ่ง (ไว้นั่งไถลลงเขา) ฯลฯ
สำหรับใครที่จะตามรอยมาพิชิตเขาวงพระจันทร์ แนะนำให้พกยาดมมาด้วยนะ มีประโยชน์ช่วงเวลาเหนื่อยหายใจไม่ทันมากๆ
เดินไปพักไป ไม่รีบ สปอนเซอร์เติมพลังไปหลายขวดเลย กว่าจะถึง
มีศาลาให้แวะไหว้พระเรื่อยๆนะ
ช่วงที่ไปตรงกับช่วงเทศกาลพอดี เราเลยได้เจอประชาชนมาร่วมเป็นเพื่อนร่วมทางเพียบเลย
และแล้วในที่สุดก็สามารถพิชิตเขาวงพระจันทร์สำเร็จแล้ว
ด้านบนก็ยังมีอะไรให้เที่ยวนะ
ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทรอยที่ 4 ด้วยครับ
เดินขึ้นมาถึงมีบริการข้าวต้มเติมพลังเผื่อขาลงหมดแรงกัน เค้าว่าถ้าไม่ได้ทานถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ รสชาติก็ไม่ได้อร่อยอะไร แต่คงโหยกันมาก จังหวะนี้ทานอะไรก็อร่อย
แต่กับที่เสิร์ฟมีแค่เกี้ยมฉ่ายดองเปรี้ยวกับดองเค็ม ใครอยากเอร็ดอร่อยมากกว่านี้แนะนำให้พกไข่เค็มขึ้นมาสักคนละใบสองใบ หรือกาน่าฉ่ายด้วยจะเด็ดเลย
อิ่มแล้วก็เดินลงทางเดิมนั่นแหละครับ ขึ้นไปตอนทุ่มครึ่ง ลงมาอีกทีเที่ยงคืนเลยครับ ถึงที่พัก ก็อาบน้ำเสร็จแล้วสลบหมดสติไปเลย 555
รุ่งเช้าอีกวัน หมดแรงตอนสายเลยครับ ปวดขาเล็กๆ ทานมื้อเที่ยงแล้วมาแต่งชุดไทยกันที่นี่ครับ โรงเรียนบ้านรำไทย
ที่นี่เค้าให้บริการเช่าชุดไทยพร้อมเครื่องประดับ ชุดละ 400 บาทครับ
แต่งหน้าก็มีนะ แต่สาวเล็กสาวใหญ่บ้านนี้ไม่ได้แต่ง แต่ทำผมเพิ่ม 100 บาทครับ
แต่งชุดไทยเสร็จก็มาเดินเล่นงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (งานวัง) กันต่อครับ
บอกตรงๆว่ารู้สึกดีมากๆ ชุดไทยสวยมาก คนลพบุรีก็พากันแต่งชุดไทยกันทั้งบ้านทั้งเมืองเลยนะครับ อยากให้คนไทยรู้สึกภูมิใจกับการแต่งกายด้วยชุดไทยแบบนี้จริงๆ
เรามาทันขบวนพาเหรดในวันแรกของงานด้วย
บริเวณปรางค์แขกมีการตกแต่งดอกไม้ไว้เพียบครับ
อาม่าชอบมาก
ดอกทิวลิปสวยงามเวอร์วังมาก
มาเดินเล่นกันต่อที่สวนราชานุสรณ์
ในนี้มีจัดดอกไม้สวยมากเลย มุมถ่ายรูปเพียบ
เย็นๆ เรามาเดินเล่นตลาดย้อนยุคกัน
ในตลาดย้อนยุค เค้าไม่ใช้เงินบาทกันนะ ต้องนำมาแลกเป็นเงินพดด้วง (เงินเปลือกหอยในสมัยโบราณ)
แม่ค้า ลูกค้าก็แต่งชุดไทยกันหมด เหมือนเดินอยู่ในตลาดสมัยก่อนจริงๆ
ค่ำๆคนมาเที่ยวงานวังเยอะมากครับ
เค้ามีจัดคนมาแต่งตัวเป็นชาติต่างๆแล้วให้นักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายภาพด้วย
ในงานมีการจัดแสดงบ้านไทยโบราณด้วย
น้องกาย หนูหล่อมากเลย ลูก
งานใหญ่โตมาก เก็บภาพได้ไม่ทั่วเลยครับ ถือเป็นอีกงานที่น่ามาเที่ยวทุกปีเลยจริงๆ
เช้านี้คุณนายแอนตื่นมาสภาพเพลียสุดๆ เพราะวันก่อนเดินขึ้นเขา อีกวันใส่ส้นสูงเดินเที่ยวงานวัง สรุปเช้านี้แทบแย่เลย ผมเลยหาอะไรง่ายๆทาน จบที่ข้าวมันไก่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไหร่นัก
ร้านนี้เค้าให้ผู้สูงอายุ อายุเกิน 70 ปี และคนท้องทานฟรีด้วยนะ ดีงามมากๆ
รสชาติจัดว่าดี ทานได้อร่อยหมดจานไม่เหลือทิ้ง 555 ที่ชอบตรงข้าวมันที่ไม่มันจนเกินไป แต่ก็ยังเทียบกับเจ้าอร่อยที่กรุงเทพไม่ได้
ทานข้าวเช้าเสร็จมาต่อที่ Coffee รสเจ๋ง ชื่อร้านแน่มากๆ เดี๋ยวเราไปชิมกันว่ารสชาติดีสมชื่อมั้ย
บรรยากาศภายในร้าน
ครอบครัวผมเป็นพวกไม่นิยมกาแฟสักเท่าไหร่ เป็นสาวกชาเขียว ชาไทยเสียมากกว่า ต้องขอชมเชยเลยว่ารสเจ๋งจริงๆ เข้มข้น หวานมันจริงๆจ้า สั่งหวานกลางก็ได้รสชาติที่ถูกใจ ใครผ่านไปมาแนะนำเลย
เรามาเที่ยวศาลพระกาฬกันต่อ
ศาลพระกาฬ หรือเดิมเรียกว่า ศาลสูง เป็นที่ประดิษฐาน เจ้าพ่อพระกาฬ เทวรูปโบราณยุคขอมเรืองอำนาจ เจ้าพ่อพระกาฬเป็นเทวรูปรุ่นเก่าซึ่งอาจเป็นพระวิษณุ หรือพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะลพบุรี แต่เดิมเจ้าพ่อพระกาฬมีพระกายสีดำ ไม่มีพระเศียร และพระกรทั้งหมด กล่าวกันว่าเจ้าพ่อพระกาฬได้ไปเข้าฝันผู้ประสงค์ดีท่านหนึ่ง นัยว่าขอพระเศียรและพระกรเท่าที่จะหามาได้ ซึ่งได้มีผู้ศรัทธาได้จัดหาเศียรพระศิลาทรายศิลปะสมัยอยุธยา ส่วนพระกรนั้นได้เพียงสองข้างจากทั้งหมดสี่ข้าง
ปัจจุบันเจ้าพ่อพระกาฬไม่เหลือเค้าเดิมซึ่งมีสีดำอีกแล้ว ด้วยถูกปิดทองจากผู้ศรัทธาแลดูเหลืองอร่ามจนสิ้น กล่าวกันว่าปีหนึ่งมีผู้มานมัสการไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคน
เจ้าลิงสามตัว หน้าตาสมจริงมาก 5555
ที่ลพบุรีลิงเยอะมากนะครับ ลิงพวกนี้มีความดุร้ายอยู่นะ เวลาเราเจอลิงพวกนี้ก็ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของเค่าอย่างเคร่งครัดนะครับ
เจ้าลิงจ๋อเจ้าถิ่นที่ศาลพระกาฬ มีคนเอาอาหารมาเยอะมาก พออาหารเหลือเยอะๆ ลิงพวกนี้ก็เลยเลือกกินสุดๆ เกิดเป็นลิงลพบุรีนี่โชคดีอิ่มท้องตลอดปีจ้า
แวะไปเที่ยวพระปรางค์สามยอดกันต่อ เดินข้ามถนนตรงข้ามศาลพระกาฬได้เลยนะ
เที่ยวเสร็จเด็กๆเพลียแดดกันมากๆ ขอหลบแดดมาทานอาหารอีสานห้องแอร์เย็นๆที่ร้าน ตำโชว์ กันบ้าง
ลาบปลาหมึก จานใหญ่มาก ชอบตรงที่ลวกปลาหมึกมาได้กำลังดี ไม่สุกเกินไป เคิ้ยวง่ายเลย ส่วนรสชาติก็แซ่บมากๆ
ปลากะพงทอดน้ำปลา เนื้อปลาสดดี ทอดมากรอบมาก ทานกับน้ำยำมะม่วงเพิ่มรสชาติได้ดีเลย
ปูนิ่มทอดกระเทียม จานนี้หั่นแยกร่างมาเรียบร้อย หน้าตาดูไม่น่าทานสักเท่าไหร่ แต่รสชาติดีจ้า
ปิดท้ายด้วยร้านขนมหอมละมุนกันครับ บรรยากาศภายในร้านประมาณนี้นะ
ของตกแต่งภายในร้าน
ต้องยอมรับเลยว่าเค้กร้านนี้อร่อยกว่าหลายๆร้านในกรุงเทพเสียอีก แถมราคาก็น่ารักมากๆมีให้เลือกหลากหลาย และร้านนี้ขายดีมากจริงๆ ผมยังติดใจอยากกลับไปทานอีกเลย
เด็กๆจัดโอริโอ้เครปเค้ก และเครปชาไทยกันคนละชิ้นเลย
จบแล้วจ้า ลพบุรีน่าเที่ยวมากเลยว่ามั้ยครับ ยังไงก็หาโอกาสมาเที่ยวลพบุรีบ้างนะ วันนี้ลากันไปก่อนแล้วจ้า บะบาย…
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป