สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน วันนี้เหมียวๆจะพาไปชิมอาหารบรรยากาศดีในมหาวิทยาลัยมหิดล ที่เหมียวๆเคยศึกษาและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาก็เพิ่งจะมีการรับปริญญาบัตรกันไป เหมียวๆได้เห็นภาพถ่ายของน้องๆก็ทำให้มีความสุข ทำให้ระลึกถึงสถาบันที่เคยศึกษา และอยากกลับไปที่มหาลัยของตัวเอง นอกจากมหาลัยมหิดลจะเป็นสถานศึกษาที่รวมปัญญาของแผ่นดินแล้ว ก็ยังมีร้านอาหารบรรยากาศดีภายในมหาลัยที่เหมียวๆกำลังจะรีวืวให้ชมกันอีกด้วยค่ะ โดยที่ร้าน Music Square เค้ามี Concept ว่า “อาหารดีมีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ในบรรยากาศที่ดี มีที่นั่งสบายเพื่อประกอบกิจกรรมดีๆ ที่เข้าถึงสังคมชาวศาลายาและบุคคลทั่วไป” ตามไปชมกันเลยค่ะ
การเดินทางมาที่มหาลัยสามารถมาได้หลายวิธีค่ะ เหมียวขออนุญาตนำข้อม้อมูลจากเวปไซด์ของมหิดลมาให้เป็นข้อมูลค่ะ
“การเดินทางมายัง วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล มาได้ 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางถนนสายเพชรเกษม เลี้ยวเข้าแยกถนนพุทธมณฑล สาย 4 (ระยะทางอีกประมาณ 10 กิโลเมตร)
เส้นทางถนนปิ่นเกล้า – นครชัยศรี เข้าได้ 3 ทาง คือ
จากสี่แยกสะพานกรุงธนฯ ตรงมาตามถนนสายปิ่นเกล้า – นครชัยศรี
จากสี่แยกสะพานพระปิ่นเกล้า ตรงมาตามถนนสายปิ่นเกล้า – นครชัยศรี
จากปากทางบางขุนนนท์ เข้ามาทางตลิ่งชันแล้วเลี้ยวซ้ายมาบรรจบกับถนนปิ่นเกล้า – นครชัยศรี
การเดินทางโดยรถประจำทาง
สาย 84 ก (คลองสาน – ม.มหิดล) มีสองแถวจากปากทางถนนพุทธมณฑลสาย 4
สาย 124 (สะพานอรุณอัมรินทร์ – มหิดล) ขึ้นได้ที่ป้ายตรงข้ามห้างพาต้า ปิ่นเกล้า
สาย 125 (สะพานกรุงธน – มหิดล) ต้นทางอยู่บริเวณสถานีรถไฟสามเสน
รถประจำทางปรับอากาศ สาย 515 ต้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯ มาถึงหน้ามหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
รถตู้ (สหกรณ์กรุงเทพ – มหิดล) ขึ้นได้ที่หน้าภัตตาคารเสริมมิตร ตรงข้ามห้างพาต้า ปิ่นเกล้า
การเดินทางโดยรถไฟ ขึ้นได้ที่สถานีธนบุรี และสถานีกรุงเทพฯ โดยขบวนเที่ยวต่างๆ ซึ่งจะผ่านสถานีศาลายา เมื่อถึงสถานีศาลายาแล้วสามารถเดินเข้าทางด้านหลังมหาวิทยาลัย หรือโดยสารรถเมล์เล็กมาทางด้านหน้ามหาวิทยาลัย”
ร้าน Music Square ตั้งอยู่ในคณะดุริยางคศิลป์ค่ะ เมื่อมาถึงที่มหาลัยมหิดลแล้ว ถ้าจะไปที่ร้านจะมี 2 ทางให้เลือกค่ะ คือเข้าที่ทางเข้าด้านหน้า หรือเข้าที่ด้านข้างของวิทยาลัยค่ะ ทางแรกที่เหมียวๆจะพาไปอาจซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่เคยไปค่ะ หลังจากที่เข้ามาทางหน้ามหาลัย เหมียวๆเลี้ยวซ้ายไปทางเขวจะเจอตึกของวิทยาลัยนานชาติ แล้วให้เลี้ยวซ้ายอีกที ขับไปจนเลยตึกธนาคารไทยพาณิชย์ไป เลี้ยวขวาก็จะเจอลานจอดรถค่ะ แล้วก็ไปที่ทางเข้าของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ซึ่งจะเดินผ่านเรีอนไทยก่อน แล้วจะเจอทางเข้าค่ะ หลังจากเดินเข้ามาแล้วเราจะไม่ข้ามสะพานนี้ไปนะคะเพราะถ้าข้ามไปก็จะไปยังตึกเรียนค่ะ ทางนี้สามารถไปได้เหมือนกัน แต่อาจจะเดินหลงได้ค่ะ พอเจอสะพานนี้ให้เลี้ยวขวาค่ะ
เลี้ยวขวามาทางนี้เลยค่ะ เดินไปตามทางเรื่อยๆค่ะ
ถึงแดดจะแรงแต่พอได้เจอร่มเงาของต้มไม้เขียวแบบนี้ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลยค่ะ
เดินมาสักพักจะเจอทางเดินที่ปูด้วยไม้ ด้านข้างจะเป็นเหมือนบ่อบำบัดน้ำค่ะ ร่มรื่นมากๆ
ระหว่างเดินก็เก็บภาพไปเรื่อยๆค่ะ
แดดจ้าค่ะ ตาหยีเลย
เดินตรงมาอย่างเดียวเลยนะคะ จะเจอร้านแล้วค่ะ
ทางเข้าจะอยู่ทางขวาค่ะ
ป้ายของร้านค่ะ เหมียวๆมาถูกที่แล้ว
ตัวอาคารด้านล่างจะเป็นกระจกใสค่ะ ด้านบนเป็นเพดานไม้สูง มีต้นไม้ล้อมรอบ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ภาคเหนือเลยค่ะ
ถึงเวลาตามเหมียวๆเค้าไปชม ไปชิมกันได้แล้วค่ะ
ทางร้านมิวสิค สแควร์จะมีพื้นที่ทั้งด้านนอกและด้านในห้องแอร์ให้เลือกค่ะ
เนื่องจากแดดยังแรงอยู่ เลยไม่มีใครเลือกนั่งด้านนอกเลยค่ะ ก็เลยยังไม่มีการ Set โต๊ะค่ะ
บริเวณด้านข้างของห้องอาหารค่ะ
เนื่องจากฝนเพิ่งหยุดตกไปก็เลยมีน้ำเปียกพื้นเล็กน้อย ส่วนนี้คือบรรยากาศอีกด้านของร้านค่ะ เป็นลานกว้างๆ
เข้ามาในร้านบริเวณห้องแอร์ ก็จะเจอกับเปียโน 1 หลัง ทางเจ้าหน้าที่บอกว่า จะมีนักศึกษามาเล่นให้ฟังกันช่วงเย็นค่ะ สามารถเช็คลายระเอียดนี้กับทางร้านได้ค่ะ
ภายในห้องแอร์จะมีหลายมุมให้เลือกนั่งค่ะ อย่างเช่นในภาพนี้จะเป็นที่นั่งสำหรับ 2 ท่าน
หรือถ้ามาเป็นครอบครัวใหญ่ หรือมาเป็นกลุ่มเพื่อนก็สามารถนั่งตรงกลางได้ค่ะ เพราะสามารถต่อโต๊ะได้
โตะด้านข้างทั้งซ้ายและขวาจะเป็นโต๊ะติดกระจกใสค่ะ
วันที่เหมียวๆไป เหมียวๆเลือกนั่งตรงกลางของร้านค่ะ
เหมียวแอบถ่ายโต๊ะข้างๆมาให้ชม เค้าจะ Set โต๊ะไว้แบบนี้ เหมือน Fine Dining ทั่วๆไป
เบาะที่นั่งก็นุ่มนั่งสบายค่ะ
สีสดๆของดอกคาร์เนชั่นทำให้โต๊ะอาหารดูสดใสมากขึ้นค่ะ
กระดาษทิสชูและขวดเกลือ พริกไทย ก็มีวางให้ใช้ได้อย่างสะดวกค่ะ
โลโก้ของร้านบนกระดาษทิสชู
ที่เหมียวๆเลิอกนั่งตรงกลางเพราะริมหน้าต่างด้านหน้าแดดแรงมาก ถึงแอร์จะเย็นแต่สู้แสงไม่ไหวจริงๆค่ะ แต่ถ้าเป็นโต๊ะทางด้านซ้ายและขวา จะมีต้นไม้เยอะค่ะ สามารถกันแสงได้ระดับหนึ่งทีเดียวค่ะ
มองแก้วน้ำแล้วเริ่มกระหายค่ะ หาเครื่องดื่มเย็นๆมาดับร้อนดีกว่า
มาเปิดเมนู Order กันเลยค่ะ เหมียวๆไม่ได้ถ่ายราคาและ list รายการอาหารมาให้ แต่ก็สามารถเข้าไปดูในเวปไซด์ของทางร้านได้โดยตรงค่ะ
แก้วแรกมาแล้วค่ะ Ice Caramel Macchiato
เสริฟมาแบบเป็นเลเยอร์ 3 ชั้นเลยค่ะ
ชิมแล้วบอกเลยว่าหวานเย็นกำลังดีทั้งหอม และสดชื่นค่ะ
แก้วต่อไปก็คือ ราสเบอร์รี่โซดา
เสริฟโซดาแยกมาให้เทเองค่ะ
เริ่มเทกันเลยค่ะ หลังจากเทเสร็จชิมแล้วอยากบอกว่าความหวานเปรี้ยวนิดและซ่า ลงตัวมากๆ
มาดูอาหารจานแรกกันเลยค่ะ
จานนี้ก็คือก๋วยเตี๋ยวลุยสวนค่ะ ซึ่งประกอบไปด้วยปูอัด หมูสับ และผักต่างๆ
จะให้อร่อยก็ต้องราดน้ำจิ้มแซ่บๆแบบนี้ค่ะ
น้ำจิ้มแซ่บมาก ขอจิบกาแฟสักนิดนะคะ
จานต่่อไปนี้เหมียวๆชอบมากค่ะ เฟตูชินีเพรสโตซีฟู๊ดไม่เลี่ยนเลย หอมเครื่องเทศมากๆ อร่อยจนคำสุดท้ายเลยค่ะ
ลองชิมสักคำไหมค่ะ?
จานต่อไปก็อร่อยค่ะ ข้าวหมูทอดทงคัตสึด้ง
ได้รสญี่ปุ่นเลยค่ะ ถึงแม้จะใช้ข้าวหอมมะลิของไทย
เครื่องเยอะมากจานนี้คุ้มจริงๆค่ะ
จานต่อไปที่ขาดไม่ได้เลยก็คือของหวานค่ะ
เมนูที่เหมียวๆเลือกก็คือกล้วยทอดไอศรีมค่ะ ซึ่งเราสามารถเลือกรสไอศรีมได้ค่ะ
โรยช็อคโกแลต และผงไอซ์ซิ่งมาให้ยิ่งทำให้ดูน่าทาน
แหว่งไปแล้ว 1 คำ กล้วยหวานหอมกรอบกำลังดีเลยค่ะ
หม่ำๆกันเรียบร้อยก็เช็ดปากกันให้เรียบร้อยค่ะ
ถึงเวลาจ่ายเงินค่ะ อาหารอร่อยขนาดนี้แถมบรรยากาศก็ดีมากๆถือว่าไม่แพงเลยค่ะ
ทานเสร็จก็ได้เวลากลับค่ะ ตอนกลับเหมียวๆเดินออกอีกทางของร้านค่ะ เหมียวๆคือเรียกว่าด้านหลัง อยากบอกว่าใกล้และเดินง่ายกว่าทางแรกมากๆ
แค่ออกจากร้านเดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเจอทางเข้าค่ะ ในภาพเห็นเหมียวๆลิบๆไหมค่ะ
ถ้าเดินเข้ามาจากทางเข้าอีกทาง กให้เดินตรงเข้ามาจนเจอร่มของทางร้านค่ะ
เดินขึ้นจากทางนี้เลยค่ะ
จุดสังเกตการเดินมาที่ร้านอีกทางคือให้จอดรถบริเวณด้านข้าง ตรงข้ามตึกใหม่ที่เหมียวๆไม่ได้เห็นตอนที่เรียนอยู่ ตึกนี้ชื่อตึกสิทธาคารค่ะ
ลากันไปด้วยข้อความที่เหมียวๆรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่อ่าน เหมียวๆภูมิใจค่ะที่เคยศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ว่ากลับมากี่ครั้งก็ยังรู้สึกอบอุ่น และคิดว่าว่าที่นี่คือบ้านอีกหลังที่ให้ความรู้กับเหมียวๆ และเหมียวๆเชื่อว่าทุกคนก็คงรู้สึกเหมือนกันค่ะ เจอกันใหม่รีวิวหน้าค่ะ
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ เราได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ 2 Madames ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : Kit Kat Kitten Fan Page ด้วยนะคะ
Kit Kat Kitten
ถึงแม้จะมีคนบอกว่า "แตงโม" เป็นสาวออฟฟิตใช้ชีวิตวุ่นๆเกือบทั้งหมดไปกับการทำงาน จนไม่มีเวลาไปไหนต่อไหน แต่ความเป็นจริงนั้น Lifestyle ของสาวลั่นล๊าแบบแตงโมไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ก็แตงโมทั้งชอบกิน ชอบเดินทางไปเที่ยว เป็นสาวสังคม และเป็นรักสัตว์ แบบนี้ จะพลาดชีวิต Chic Chic ไปได้ยังไง ความสุขเล็กๆของแตงโม คือการได้เดินทางไปในที่ต่างๆ และชื่อเหมียวๆนี้แตงโมจะนำมาใช้เป็นนามปากกาเวลาเขียนรีวิว ในทุกๆที่ที่แตงโมไปสัมผัส แตงโมรักที่จะเขียนเรื่องราว แบ่งปันความทรงจำ แชร์ความประทับใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆทุกคนค่ะ Kit Kat Kitten Fanpage https://www.facebook.com/kitkatkittenfans