ถ้าพูดถึงถนน Orchard หลายๆคนก็จะคิดถึงแหล่งช็อปปิ้งและแหล่งของกินสำคัญของสิงคโปร์เนอะ วันนี้ครอบครัวเราจะพาไปแนะนำร้านอาหารอร่อยเก๋ๆ คาเฟ่ตัวการ์ตูนแสนน่ารัก ห้างไหนมีอะไรน่าสนใจบ้าง รวบรวมเป็นลายแทงให้จ้า งานนี้ถ้าตัวไม่แตก เงินไม่หมดไม่กลับบ้านจ้า
มารับชมคลิปบรรยากาศการเดินทางกันก่อนเนอะ
ทริปนี้เดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียครับ ไฟลท์เช้าออก 7 โมงกว่าๆ ถึงสิงคโปร์เที่ยวต่อได้เลย บินคุ้มคุณภาพครบ จัดไปจ้า
ถึงสนามบิน Changi Airport ซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองก่อนนะ นั่งสายสีเขียวไปเปลี่ยนเป็นสายสีแดงที่สถานี City Hall ก่อน แล้วนั่งต่อไปลง MRT Somerset
วันนี้เด็กๆคึกคักสดใสมาก จนชาวสิงคโปร์ข้างๆยังงงเลย
ทริปนี้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน Pocket Wifi ของ wiho ครับ สัญญาณเน็ตดีไม่มีปัญหาจ้า ใครสนใจก็เช่าไปใช้กันดูได้ที่ https://wi-ho-thailand.com/index.php?shop_code=2Madames
มาดูที่พักของเราในทริปนี้กันก่อนนะ ทริปนี้เราพักกันที่ Mandarin Orchard Singapore ครับ
ตัวโรงแรมส่วนหนึ่งก็ยังเป็นห้าง Mandarin Gallery ด้วย
ล็อบบี้ของโรงแรมอยู่ที่ชั้น 5 กว้างขวางดีครับ
ช่วงที่ไปเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาสแล้ว ทางโรงแรมเค้ามีเอาต้นคริสต์มาสมาประดับประดาไว้อย่างสวยงาม
แต่ที่พิเศษคือจะมีดาวกระดาษที่เขียนเพศและอายุโดยเด็กๆที่ป่วยหนักหรือมาจากสถานสงเคราะห์ ถ้าใครอยากจะเอาของขวัญมาให้เด็กๆเหล่านี้ก็สามารถนำมาวางที่ต้นคริสต์มาสนี้ได้เลย
ห้องพักของเราเป็นแบบ Premier Room ครับ ห้องสวยงาม สะอาดดี แถมกว้างไม่อึดอัดเกินไป ห้องพักสำหรับสี่ท่านห้องนี้ราคาต่อคืนไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท รวมอาหารเช้าแล้วนะครับ เตียงเสริมราคาประมาณสองพันบาท (85 +++ SGD) เท่านั้น
แถมวิวห้องสวยมาก มองเห็น Marina Bay อยู่ไกลๆด้วย
ภายในห้อง มีทั้ง Welcome Fruit และช็อคโกแลตหนึ่งกล่องวางไว้ต้อนรับให้ทานฟรีด้วย
ทีเด็ดคือเค้ามี “handy” เป็นมือถือ ไว้ให้โทรและเล่นเน็ตฟรีด้วยครับ สุดยอดไปเลย
มาชมห้องน้ำกันบ้างนะ มีอ่างล้างหน้า 2 อ่างไม่ต้องแย่งกัน
Amenities ครบครัน
ห้องอาบน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งเรียบร้อย
ข้อดีของโรงแรม Mandarin Orchard Singapore คือทำเลดีมากครับ อยู่ใจกลางของถนน Orchard Road เลย
ตัวโรงแรมอยู่รายล้อมไปด้วยห้างสำคัญของย่านนี้ ใกล้ทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็น 313@Somerset, Orchard Gateway, Orchard Centre, Paragon, Takashimaya, ION Orchard, Centre Point, Plaza Singapula
เครดิตภาพจากคุณตาล : https://yummymummytarn.com/2016/02/23/orchard-sg/
และทริปนี้ของครอบครัวเราไม่เน้นเที่ยวที่ไหนมาก เพราะเราเคยไปมาเกือบหมดทุกที่แล้ว แต่ทริปนี้เราตั้งใจจะมาเดินเล่นเน้นกิน ช็อปปิ้งไปเรื่อยๆนะ
เริ่มจากห้างแรกเลย Orchard Central
มื้อเที่ยงนี้เรารีบเอาใจเด็กๆด้วยการพามาหาอะไรหม่ำๆกันที่ Pompompurin Café ร้านคาแร็คเตอร์สุดน่ารักของเจ้าลูกหมาตุ๊ตะที่แสนจะร่าเริงสีทองพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ก่อนเลย ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 6 ของห้าง OC หรือ Orchard Central ซึ่งใกล้กับที่พักเรามากๆ เดินจากโรงแรม Mandarin Orchard Hotel ประมาณ 5 นาที แนะนำให้ขึ้นบันไดเลื่อนยาวๆริมถนนด้านหน้าห้าง ขึ้นยาวๆทีละ 2-3 ชั้น แป๊บเดียวก็ถึงชั้น 6 แล้ว เดินเข้ามาก็จะเจอ Pompompurin Café เป็นร้านแรกเลย หายง่ายมากจ้า
ร้านตกแต่งได้น่ารักมากๆ เด็กนี่ใจละลาย ตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ภายในร้านไม่ใหญ่มาก แต่ก็รองรับลูกค้าได้พอประมาณเชียวแหละ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาก็เป็นแนวครอบครัว วัยรุ่นมากันเองก็มี หรือสาวๆนัดทานข้าวเม้ามอยกันก็มีให้เห็นนะ
ที่นั่งมีหลายโซน แต่โซนบ้านหลังๆนี่น่ารักและขายดีที่สุด เต็มตลอดและนั่งกันนานมาก
ป้ายเมนูหน้าร้านเชิญชวนให้ลิ้มลองมากๆ ถ้าสั่งอาหารจานหลักพร้อมเครื่องดื่ม ลด 3 SGD ด้วยล่ะ
จุดเด่นคือแต่ละโต๊ะจะมีตุ๊กตา Pompompurin ให้ลูกค้าไว้เป็นพร๊อพถ่ายรูปด้วย ดีงามไม่ต้องแย่งกัน 555 ถ่ายกับเครื่องดื่มน่ารักๆ แก้วซ้ายเป็นน้ำมะม่วง 11.99 SGD. แก้วขวาเป็น Cookie & Cream Caramel Latte 11.99 SGD. รสชาติไม่เท่าไหร่ พอทานได้ ไม่ได้แย่นะ แต่การตกแต่งชนะเลิศ
อาหารเราสั่งมาแบ่งกันทานแค่ 2 จาน เพราะอาหารที่สิงคโปร์จะจานค่อนข้างใหญ่ แล้วเราตั้งใจจะไปชิมร้านอื่นๆด้วย จานนี้เป็นข้าวไก่เทอริยากิ ไก่อร่อยดีนะเด็กๆชอบรสชาติกหวานนำ ส่วนข้าวเหลืองๆที่ปั้นมาเป็นตัว Pompompurin ค่อนข้างเหนียวทานแล้วแน่นท้องเลย จานนี้ราคา 15.99 SGD แพงกว่าเครื่องดื่มแค่หน่อยเดียวแต่ดูคุ้มราคากว่าเยอะเลยอ่ะ
จานนี้เป็น Sun & Fun Hamburg Rice ราคา 16.99 SGD. บนหัวของ Pompompurin เป็นเบอร์เกอร์เนื้อครีเอทสุดๆเลย ทานกับไข่ดาวเยิ้มๆ ชอบจานนี้มาก
เด็กๆพร้อมทานแล้วจ้า ดูน้องเกรซน้องกายจะมีความสุขกับอาหารมื้อนี้มากๆ
มารับชมคลิปกัน
อิ่มแล้วเราเดินลงมาสำรวจห้าง OC ทีละชั้น เผื่อเจอร้านอร่อยๆน่านั่งอีก แล้วก็เป็นไปตามคาด พวกเราเจอร้าน LADY M นั่งริมกระจกนี่บรรยากาศดีเชียว
LADY M เป็นร้านเค้กชื่อดังจากนิวยอร์คมาเปิดที่สิงคโปร์ จริงๆเค้าดังเครปเค้กนะ แต่เราว่าแป้งเครปเค้าแห้งไปหน่อย ส่วนตัวบ้านเราชอบแป้งนุ่มๆหนาๆ แต่ข้อดีคือครีมเครปชุ่มมาก ปาดมาซะเยอะตักทานทีครีมไหลหมดเลย ฟินตรงนี้ละ
ส่วนที่ชอบมากๆเป็น Strawberry Short Cake ที่ขอบอกว่าถูกใจมาก เนื้อเค้กเบาๆ ครีมก็เบา ที่สำคัญไม่หวานมาก สตรอเบอรี่อมเปรี้ยวเล็กๆ ฟินที่สุดจ้า กินแป๊บๆหมดชิ้นไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย ยิ่งทานคู่ชา Earl Grey Lavender หอมๆ อร่อยเลอค่ามากมาย
ชิ้นนี้เลิฟเลย Strawberry Short Cake ราคา 9 SGD. อยากกลับไปทานอีก
Chocolate Mille Crepes ราคา 9 SGD. ขอแป้งหนานุ่มอีกนิดจะ Perfect มากๆ
ทั้งหมดจ่ายไปเท่านี้
ฝั่งตรงข้าม Orchard Central (OC) เป็นห้าง The Centre Point ตกแต่งห้างได้น่ารักดึงดูดเด็กๆบ้านนี้ให้ข้ามฝั่งไปมากๆ แต่ตกลงกันไว้แล้วว่าเดี๋ยวเย็นๆค่อยพาไป ขอเดินสำรวจทีละฝั่งก่อน
เดินไปอีกพอเหงื่ออกจะพบกับห้าง Plaza Singapura
ห้างคนเยอะคึกคักมากๆ
ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ร้านของเล่น Hamleys
และถ้าใครชอบของใช้แนวสีสันสดใสก็ควรแวะมาที่ร้าน Smiggle ครับ
ร้านนี้ขายกระดาษทั้งร้านเลย
เดินผ่านมุมของเล่นเล็กๆ น้องเกรซน้องกายขอหยุดเล่นแปปนึงนะ
เดินเยอะไปหน่อย แถมตื่นกันแต่เช้า กลับมาถึงโรงแรมแมนดาริน ออร์ชาร์ด ถึงกับแบตหมดไปเลย อ่ะ นอนชาร์ตแบตกันไปก่อนนะ ลูก เดี๋ยวคืนนี้จะพาไปดูไฟเทศกาลคริสต์มาสของถนนออร์ชาร์ดกัน
ระหว่างที่เด็กๆกำลังงีบเอาแรงอยู่นั้น เราสองคนขอไปพักผ่อนที่ Meritus Club Lounge ชั้น 39 ของโรงแรม โดยจ่ายเพียง 60 SGD คือ อาหารดีมาก มีกุ้งให้กินตัวใหญ่มาก ช่วงประมาณเย็นๆจะมีเสิร์ฟไวน์ให้ดื่มแบบไม่อั้นไม่คิดเงินเพิ่มด้วยนะ
แต่ทีเด็ดคือวิวเมืองสิงคโปร์ต่างหาก สวยสุดๆไปเลย
มาคลิปกันครับ
เย็นนี้เราตั้งใจจะมาลองทานภัตตาคาร Shisen Hanten by Chen Kentaro ชั้น 35 ของโรงแรมกัน
โดยภัตตาคารนี้ไม่ได้ธรรมดาครับ เพราะได้ระดับมิชลินสตาร์ 2 ดาวมาแล้ว
บรรยากาศภายในห้องอาหาร
เราสั่งซุปไป 3 อย่าง คุณนายแอนชอบทานอาหารรสจัดๆเลยสั่งซุปเสฉวนซีฟู้ดส์ รสชาติออกเปรี้ยวๆเผ็ดหน่อยๆ ราคา 14 SGD. ส่วนผมลองสั่งซุปฟัวการ์ Foie Gras Chawanmushi with Crab Roe Soup ราคา 26 SGD. จัดว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ผมแนะนำเลยว่าต้องลองสั่ง ปกติคุณนายแอนทานฟัวการ์ไม่ได้มากเพราะติดเลี่ยน แต่กับซุปถ้วยนี้เธอถึงกับออกปากชมและแย่งผมซดไปซะครึ่งถ้วยเลย อีกถ้วยเป็น Soup of the Day เป็นซุปใสๆถ้วยนี้สั่งมาให้เด็กซดกันจ้า ราคา 10 SGD.
อีกเมนูที่อยากจะแนะนำให้สั่งมาลองทานคือเมนู London Roast Duck สั่งมาแค่ครึ่งตัวก็พอกลัวทานไม่หมด ราคาครึ่งตัวอยู่ที่ 38 SGD. ขอบอกว่าอร่อยน้ำตาไหลเลย เป็นเป็ดย่างหนังกรอบ เนื้อในนุ่มมาก และไม่เหม็นสาบเลยสัดนิดเดียว เป็ดจานนี้จะออกฉ่ำๆ juicy เพราะหนังนอกบางกรอบอารมณ์เป็ดปังกิ่งบ้านเรา ในขณะที่หนังแทรกกลางก่อนชั้นเนื้อนั้นยังมีมันแทรกอยู่
ผมเป็นคนที่ชอบทานเนื้อมากๆ ยิ่งเนื้อดีๆอย่างเนื้อวากิวนี่ยิ่งอยากลอง จานนี้เป็นเนื้อวากิวย่างกับซอสหมาล่า (หมาล่า เป็นพริกในแถวเสฉวน ทานแล้วจะชาๆที่ปลายลิ้นนิดๆ) ราคา 68 SGD. เป็นราคาสำหรับหนึ่งคน จัดมาเป็นพอชั่นเล็กๆตามรูปมีเนื้อมา 4 ชิ้นนี่แหละจ้า เนื้อนุ่มมากแต่ราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่นะ
ส่วนจานนี้คุณนายแอนเธอชอบมากๆด้วยความที่ชอบทานกุ้งเนื้อเด้งๆตัวใหญ่ๆเป็นทุนเดิม จานนี้เป็นกุ้งทอดซอสวาซาบิ Deep-fried Prawns with Wasabi Mayonnaise ด้วยความที่เป็นกุ้งตัวค่อนข้างใหญ่ราคาเลยสูงตามนะจ๊ะ จานนี้ราคา 36 SGD. ส่วนเรื่องรสชาติที่เห็นสีเขียวๆเคลือบมาทั่วขนาดนี้ รสชาติไม่ได้เผ็ดขึ้นจมูกเหมือนทานวาซาบิปกตินะ แค่มีกลิ่นหอมๆและมีรสชาติเบาๆเท่านั้น
Sauteed Chilli Peppers and Chicken เป็นเนื้อไก่ทอดกรอบๆมาผัดกับพริกแห้ง แต่รสไม่เผ็ดนะ น้องเกรซทานได้สบายจ้า จานนี้ราคา 28 SGD. ตอนมาเสิร์ฟตกใจมาก เพราะจานใหญ่มากจริงๆ ยอมรับว่าทานกันไม่หมดเสียดายมากๆ
ลองสั่งปลามาชิมดูบ้างกับเมนู Steamed Sea Perch Fillet with Soya Sauce จานนี้เสิร์ฟมาสำหรับหนึ่งคน เป็นชิ้นเนื้อปลานึ่งซีอิ๊วขนาดกำลังดีเลย ราคา 18 SGD. ตัวเนื้อปลา Sea perch สดมากเป็นปลาตระกูลปลากะพง แต่ชิมดูแล้วเนื้อจะนุ่มๆคล้ายเนื้อปลาหิมะบ้านเราเลย
ปิดท้ายของหวานด้วยพุดดิ้งมะม่วง ราคา 8 SGD
อิ่มกันเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินเล่นชมแสงไฟของถนนออร์ชาร์ดกันแล้ว
บริเวณหน้าโรงแรมเรา คนเยอะเหลือเกิน แสงไฟจากร้าน Victoria’s Secret สวยมาก
ข้างๆโรงแรมก็มี H&M Sale ลด 70% อยู่
ห้างต่างๆต่างแข่งกันประดับประดาไฟสวยๆกันใหญ่
ฝั่งตรงข้ามมีบ้านเก่าๆด้วยนะ สวยดี
ด้านหน้าห้าง Orchard Gateway ตกแต่งเป็นโลกแห่งทะเลเลย
อันนี้หน้าห้าง Orchard Centre ฝั่งตรงข้ามคือ The Centre Point
เห็นฝั่งตรงข้ามตกแต่งสนุกดี เลยมาเดินเล่นกัน
งานนี้ถ่ายภาพกันมันส์เลยครับ
เด็กๆขอเล่นถ้วยหมุน เล่นเสร็จก็หมดแรงกลับโรงแรมพักผ่อนกันดีกว่า
ตื่นเช้ามาเรามาทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กับที่ห้องอาหาร Triple Three อยู่บริเวณชั้น 5 ของโรงแรม ต้องชมเชยเลยว่าระบบบริหารจัดการเรื่องแถวคอยและการจัดที่นั่งทำได้ดีมาก ห้องอาหารนี้ที่นั่งค่อนข้างเยอะ มีเพียงพอกับแขกที่เข้าพัก พวกเราอยู่มาสองคืนไม่เคยเจอยืนรอแบบไม่มีโต๊ะว่าง ส่วนไลน์อาหารเรียกได้ว่ามีครบทานอิ่มหนำได้ไม่มีเบื่อ
สเตชั่นไข่มีทั้งไข่ต้ม ไข่ลวก ตักเอาตามสะดวก ส่วนออมเล็ต ไข่ดาว และไข่คน ก็สั่งได้ตามชอบ จะสุกมากสุกน้อย สั่งเอาตามที่สบายใจเลยจ้า
ตรงนี้เป็นโซนก๋วยเตี๋ยวและติ่มซำ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาอร่อยมากมาก
ขนมปังอร่อยใช้ได้เลย
มีชานมมาเลย์ด้วย เข้มข้นมาก หอมอร่อย ถ้วยนี้กดเอาจากเครื่องกดชากาแฟอัตโนมัติเลยจ้า มีไมโลร้อนให้กดด้วย อาหารเช้าทั้งหมดเค้าใช้วัตถุดิบดีจริงๆนะ ไส้กรอกเป็นไส้กรอกชีสด้วย
ทานอาหารเสร็จเดินมาเก็บภาพสระว่ายน้ำของโรงแรมมาฝากครับ เราไม่ได้เล่นหรอก มาต่างประเทศจะเน้นเที่ยวมากกว่าครับ
มื้อเที่ยงนี้เรายังคงชิมอาหารที่โรงแรมเหมือนเดิม หลักๆพวกเราอยากลองชิมเมนูข้าวมันไก่สิงคโปร์ ที่เป็นเมนูขึ้นชื่อของห้องอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาอย่างยาวนานอย่างห้องอาหาร CHATTERBOX ซึ่งขายตลอดทั้งวัน เรียกว่ามองไปทุกโต๊ะต้องเห็นเมนูนี้
ข้าวมันไก่ Mandarin Chicken Rice ราคา 27 SGD. จะเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตแบบนี้ เนื้อไก่ให้มาเยอะมากเนื้อนุ่มอร่อยดี เวลาทานให้จิ้มน้ำจิ้มผสมๆกันทั้งสามอย่างจะอร่อยเด็ด ทั้งซีอิ๊วดำ น้ำจิ้มขิง และน้ำจิ้มพริกส้มที่รสชาติเปรี้ยวกลางๆไม่เปรี้ยวแหลมจนเกินไป ส่วนข้าวนั้นถ้าใครชอบทานแบบมันน้อยๆแลดูรักษาสุขภาพหน่อยๆ น่าจะชอบข้าวแบบนี้ ต่างจากข้าวมันไก่ของไทยที่เน้นข้าวมันๆและมีรสชาติที่เข้มข้นกว่า
ตอนสั่งสามารถเลือกได้ตามชอบว่าเราชอบทานส่วนไหน จะน่องล้วน ปีกล้วน อกล้วน หรือจะสั่งแบบผสมๆทุกส่วนกันก็ทำได้
สั่ง Wonton Noodles ราคา 24.5 SGD. สั่งแบบบะหมี่แห้ง เลยเสิร์ฟมาหน้าตาตามรูป เด็กๆชอบมาก เพราะเส้นบะหมี่ไข่เส้นเล็กๆเหนียวนุ่ม แถมโปะเนื้อไก่รสชาติเดียวกับข้าวมันไก่เลย เกี๊ยวที่สิ์ฟมาเป็นเกี๊ยวกุ้งนะ เนื้อกุ้งเยอะเชียวแหละ
ลองสั่ง Chatterbox Lobster Laksa ที่เป็นอีกเมนู signature dish มาชิมดู Laksa (ลักซา) ถือว่าเป็นอาหารประจำชาติของสิงคโปร์ ลักษณะคล้ายๆก๋วยเตี๋ยวแกงกะทิบ้านเรา ทานกับส้นแป้งขาวๆคล้ายๆขนมจีนแต่เส้นจะใหญ่กว่า รสชาติออกหวานๆ ปนเผ็ดของเครื่องเทศนิดหน่อย แต่ที่เด็ดคือทานกับล็อบสเตอร์นี่ล่ะ
เวลาเสิร์ฟเค้าแจกผ้ากันเปื้อนแบบนี้มาด้วย กันดูดเส้นเพลินๆแล้วกระเด็นใส่เสื้อผ้าจ้า
อิ่มกันแล้วไปเดินเล่นกันต่อที่ห้าง Paragon
ห้างนี้มีร้านขายวิตามินสำหรับเด็กๆโดยเฉพาะเลยนะ บ้านไหนอยากเสริมให้ลูกเชิญจ้า
มีสนามเด็กเล่นด้วย
และแล้วเด็กๆก็ได้ของเล่นจาก Toys “R” Us จนได้
ตรงข้ามกันก็มีห้างใหญ่อย่าง Takashimaya ให้เดินเล่นกันต่อ
อีกสิ่งหนึ่งที่เราควรลิ้มลองเวลาเดินเที่ยวช็อปปิ้งตามถนน Orchard เราจะเห็นรถเข็นไอศกรีมแบบนี้ตลอดทางเลย แล้วคนก็ซื้อทานเยอะด้วยนะ แล้วแบบนี้เราจะอดใจไหวได้อย่างไร ไม่พูดพล่ามทำเพลงจ้า เดินดิ่งไปสั่งมาลองชิมเลย เค้าขายชิ้นละ 1.2 SGD ตกประมาณ 30 บาทไทย เป็นไอศกรีมตัดยี่ห้อแมกโนเลีย ไอศกรีมอร่อยใช้ได้เลยนะ เวลาสั่งให้เลือกรสชาติแล้วก็เลือกขนมปังมีแบบขนมปังแผ่นสีหวานๆมาห่อแบบที่น้องกายถือ กับแบบเวเฟอร์แผ่นบางๆสองแผ่นเอามาประกบกันแบบที่เกรซถือ ไม่รู้แบบไหนอร่อยเลยสั่งมาสองแบบเลย แต่พวกเราลงความเห็นว่าแบบที่กายถืออร่อยกว่านะ
เดินเล่นกันสบายๆต่อมายังห้าง ION Orchard
เค้าตกแต่งสวยมากเลย
แวะถ่ายภาพกันสนุกเลย
ถ้าใครมาถึงห้างนี้ แนะนำให้ขึ้นลิฟท์มาชมวิวชั้น 56 ฟรีครับ เปิดให้ขึ้นตั้งแต่บ่ายสามโมงนะครับ
วิวสวยมากเลย
ว่าด้วยเรื่องของที่ควรมาช็อปที่สิงคโปร์ สำหรับผู้หญิงแล้วแบรนด์ Charles & Keith ถือเป็นจุดหมายหลักที่ทุกคนไม่ควรพลาด เพราะราคาถูกกว่าไทยอยู่มากโข
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมมีการฝากซื้อ ซื้อฝาก หรือพรีออเดอร์กระเป๋าแบรนด์นี้กันมากมาย คำนวนแล้ว ถูกกว่ากันถึง 35% เห็นตัวเลขแบบนี้มันทำจิตใจผู้หญิงกระวนกระวายนักเชียว กุมประเป๋ากันไม่อยู่เลยทีเดียว 555 คุณนายเธอก็จัดไปตามกระแสจ้ะ
ตกเย็นเราตั้งใจจะมาชิม Chilli Crab ที่ร้านดัง Mellben Seafood พิกัดอยู่นอกเมือง ต้องนั่งแท็กซี่มานะ ตามนี้ครับ
https://www.google.co.th/maps/place/Mellben+Seafood/@1.3404059,103.8515642,17z/data=!3m1!4b1!4m5!3m4!1s0x31da176dd5edb6a1:0x9b90359aa86f9f5e!8m2!3d1.3404005!4d103.8537529
เริ่มที่เมนูเบสิคธรรมดาๆที่เหมือนอาหารไทยกับเมนูผัดผักบุ้งจ้า เค้าจะผัดมาแห้งๆเห็นพริกเยอะๆแบบนี้ไม่เผ็ดเท่าไหร่นะ เกรซทานได้สบายๆเลย และชอบมากด้วยจ้า
ต้องขอออกตัวก่อนว่ามื้อนี้พวกเราไม่ได้สั่งอาหารเองเลยไม่รู้ชื่อเมนูนะจ๊ะ แต่จะอธิบายรสชาติและกรรมวิธีแต่ละจานคร่าวๆละกัน ราคาแต่ละจานก็ไม่ทราบนะจ๊ะ เพราะคิดราคารวมมาแล้วแชร์ค่าอาหารกันนะ
สำหรับจานนี้เป็นกุ้งทั้งตัวคล้ายๆเอามาอบเกลือจนสุกแล้วคลุกเคล้ากับเกล็ดขนมปังกับกระเทียมทอด ขอบอกว่ากุ้งสดมาก เปลือกกุ้งบางจนเราแทบจะทานทั้งเปลือกเลย แถมมันที่หัวกุ้งเยิ้มมากมาย ทานเปล่าๆไม่ต้องจิ้มอะไรเลย เพราะเนื้อกุ้งหวานมาก
เมนูนี้คล้ายๆหมึกผัดน้ำดำที่ผมเคยทาน จะใช้ปลาหมึกตัวเล็กๆเหมือนจะเอาไปตากแห้งสักแดดเดียวก่อนจะมาผัดปรุงรสชาติออกหวานๆ แต่เค้าไม่เอาน้ำหมึกลงผัดนะ สีเลยไม่ดำเหมือนที่เคยทานที่เมืองไทย แต่รสชาติโดยรวมคล้ายคลึงกันมาก ต่างแต่เนื้อปลาหมึกจานนี้จะออกหนึบๆเคี้ยวง่ายๆ
ทานผักกันต่ออีกสักจาน เป็นผัดบล็อกโคลี่ผัดน้ำมันหอย ใส่เต้าหู้ไข่ทอด กุ้งและหอยเชลล์ด้วย
แล้วทีเด็ดที่เราตั้งใจมาทานร้านนี้ก็ยกมาเสิร์ฟ เป็นปูทะเลผัดไข่เค็ม รสชาติไข่เค็มมานัวมาก ผัดมาแบบเคลือบเต็มทุกอณูของปูเลย อร่อยเกินความคาดหมายมากๆ
ปูอีกเมนูสั่งเป็น Chilli Crab ที่ใครๆต่างก็ร่ำลือว่ามาแล้วต้องลองสั่งมาทานดูให้ได้ แต่กลับไม่ถูกใจทั้งผมและภรรยาสักเท่าไหร่ อาจเพราะทานยากเพราะน้ำซอสค่อนข้างเหลว ทานแล้วเลอะเทอะไปหมดเลยจ้า แต่ที่พิเศษของเมนูนี้คือมีเสิร์ฟคล้ายๆหมั่นโถวทอดมาให้จิ้มน้ำซอสทานด้วย โดยรวมก็รสชาติดี แต่ติดที่ทานค่อนข้างยากอย่างที่บอก เลยอกหักรู้สึกผิดหวังไม่เป็นไปตามคาดสักเท่าไหร่
วันสุดท้ายของทริปมาชิมร้าน Dazzling Café ที่ห้าง 313@Somerset
ร้านสวยตั้งแต่ทางเข้าเลย
บรรยากาศในร้านดีงามมาก
เก้าอี้บางตัวเป็นกระต่ายด้วย
เหมือนเดิมจ้าสั่งจานหลักแค่ 2 จานพอ เพราะพวกเราเล็งของหวานไว้แล้ว ช่วงที่พวกเราไปเป็นช่วงเดือนธันวาคม ใกล้ช่วงเทศกาลคริสต์มาสพอดี เค้าเลยมี Christmas Set Menu เป็นเมนูพิเศษที่ไม่มีอยู่ในเมนูปกติของร้าน เซ็ตนี้ราคา 49.9. SGD. มีอาหารจานหลักให้ 2 จาน และเครื่องดื่มอีก 2 แก้ว
จานหลักจานแรกเป็น White Chocolate Cauliflower Spaghetti with Prawns and Asparagus ตอนสั่งแอบลุ้นว่าหน้าตาจะเป็นยังงัยและรสชาติจะอร่อยมั้ย เพราะเป็นซอสครีมไวท์ช็อคโกแลต จับมาเป็นส่วนผสมในอาหารคาวรสชาติจะประหลาดหรือเปล่า พอมาเสิร์ฟจริงหน้าตาดูดีมาก เส้นลวกมาสุกแบบออดันเต่พอดีๆมีความกรุบของเส้นเล็กน้อยไม่อืดจนเกิน แถมเส้นเคลือบน้ำซอสครีมไวท์ช็อคโกแลตมาทั่วถึงมากๆ รสชาติครีมมี่ดีงามสุดๆ
จานหลักอีกจานเป็น Roasted Porkloin with Parsnip Puree and Red Wine Pouched Pear ความอร่อยให้คะแนนเกือบเต็ม แต่เสิร์ฟมาจานเล็กมากๆ มีหมูมาแค่ 2 ชิ้น กินไม่อิ่มอ่ะ 555
ของหวานที่เล็งไว้เป็น Strawberry Lover Honey Toast ราคา 18.9 SGD. โทสต์ที่นี่เค้าทำแบบเลาะเนื้อขนมปังข้างในมาหั่นขนาดกำลังดี ชุบเนยแล้วไปอบ ก็จะได้เนื้อขนมปังหอมนุ่มชุ่มเนยทานกับสตรอเบอร์รี่สด ราดซอสสตรอเบอร์รี่ชุ่มๆแซมด้วยครีมวานิลลาคัสตาส เป็รอะไรที่อ้วนแต่อร่อยจนหยุดไม่อยู่จริงๆนะ แบ่งกันทานแป๊บเดียวเกลี้ยงจ้า
วันที่ไปตรงกับวันพ่อพอดี ลูกๆเลยพากันมาหอมแก้มพ่อ ทำเอาพ่ออย่างผมมีความสุขที่สุดเลย
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป