ย้อนกลับไป 7 ปีที่แล้ว… คู่สามีภรรยาป้ายแดง ออกเดินทางไปฮันนีมูนกันที่ยุโรป เมืองที่เรารู้สึกประทับใจมากๆตอนนั้นคือเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ด้วยความคิดที่ว่าเราสองคนชีวิตนี้อาจจะไม่ได้มีโอกาสมาเยือนเมืองที่โรแมนติกที่สุดในโลกแบบนี้อีก เราจึงเดินรอบเมือง เที่ยวทุกที่ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเมืองนี้ให้มากที่สุด
7 ปีผ่านไป พรุ่งนี้พวกเราได้โอกาสไปเยือนฝรั่งเศสอีกครั้ง แม้จะเคยเที่ยวเมืองนี้จนทะลุปลุโปร่งแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้ครั้งแรกเลย และครั้งนี้ไม่ได้มีเราเพียงลำพังอีกต่อไป เรายังมีลูกชายอีก 1 คน ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย (น้องกายไปนะครับ น้องเกรซติดเรียนจ้า)
ฝรั่งเศสกับการ 2nd Honeymoon 6 วัน 5 คืน เพื่อดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ครั้งนี้หวานกว่าครั้งแรกที่ไปกันสองคนอีกครับ
ปล.สำหรับทริปนี้จะแบ่งเป็นสองตอนนะครับ ตอนแรกจะว่าด้วยเมืองปารีสเป็นหลัก และตอนที่ 2 จะรีวิว Mont Saint Michel และ Rennes ลำดับเวลาอาจจะมีสลับไปบ้างนะครับ
บันทึกการเดินทางครั้งนี้ ผมจะขอใช้คำว่าบันทึกแห่งความสุข เพราะมันเป็นทริปการเดินทางแห่งความสุขจริงๆ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่เรารัก เป็นดั่งเสียงเพลงที่ไพเราะที่สุดให้กับชีวิตเลยครับ
ปล.สำหรับใครที่เล่น Facebook ฝากกด Like ติดตามเพจของครอบครัวสุขสันต์ : 2 Madames Fan Page หรือกรอกอีเมล์ไว้ที่ http://www.2madames.com/followus/ จะได้ไม่พลาดรีวิวความอบอุ่นของครอบครัว รีวิวที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว และบันทึกการเดินทางแบบครอบครัวกันด้วยนะครับ
การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง
1.วีซ่า : ต้องยื่นผ่านตัวแทน TLS สาธร ต้องทำการลงทะเบียนเพื่อนัดเข้าไปทำวีซ่าก่อนล่วงหน้า https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php วีซ่าเชงเก้นประเภทพำนักระยะสั้น ไม่เกิน 90 วัน (Update ธ.ค. 56) ค่าวีซ่า 2,632 บาท ค่าธรรมเนียม 1,250 บาท เด็กต่ำกว่า 12 ปี เสียค่าธรรมเนียมทั้งหมดรวมวีซ่า 1,535 บาท ระเบียบใหม่ต้องไปยื่นขอด้วยตัวเองด้วยนะครับ เพราะต้องไปถ่ายภาพและสแกนลายนิ้วมือเข้าระบบเซงเก้น
2.ตั๋วเครื่องบิน : มีเที่ยวบินตรงจากสายการบิน Air France บินตรงจากกรุงเทพ ถึง Paris ภายใน 12.30 ชั่วโมง ด้วยตัวเครื่องรุ่น Boeing 777-300 ซึ่งถือว่าเป็นเที่ยวบินที่รวดเร็วที่สุดแล้ว ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สามหมื่นต้นๆด้วยเที่ยวบินตรง ต้องถือว่าไม่แพงเลย รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.airfrance.com/cgi-bin/AF/TH/th/common/home/home/HomePageAction.do
3.อากาศและการแต่งกาย : ฝรั่งเศสในปีหนึ่งแบ่งออกเป็น 4 ฤดู แต่ละฤดูจะกินเวลา 3 เดือน วันเดือนที่กำหนดว่าเป็นวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละฤดูนั้น จริง ๆแล้วไม่ได้หมายความว่าอากาศจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นจริง ๆ วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิบางปีในบางท้องถิ่นอากาศจะหนาวมากกว่าฤดูหนาวในบางถิ่น ฤดูทั้ง 4 ของฝรั่งเศสมีดังนี้คือ
3.1 ฤดูใบไม้ผลิ เริ่มเดือน มีนาคม สิ้นสุด มิถุนายน ในฤดูนี้อากาศจะอบอุ่นขึ้น ต้นไม้ที่โกร๋นปราศจากใบมาตลอดเวลา 3 เดือน ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นจะเริ่มผลิใบ การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมาก ในเวลาไม่กี่วันหลังอากาศอบอุ่นต้นไม้จะผลิใบเขียวชอุ่ม ปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนอากาศจะไม่แน่นอน ในช่วงนี้จึงยังคงเก็บเสื้อโค้ตไม่ได้เพราะอากาศจะหนาวเมื่อไรก็ได้ บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง อากาศจะดีจริง ๆ ในเดือนพฤษภาคม ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สวยงาม ฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส พระอาทิตย์ซึ่งไม่เคยปรากฏในฤดูหนาวเริ่มส่องแสง
3.2 ฤดูร้อน เริ่มเดือน มิถุนายน สิ้นสุด กันยายน ฤดูร้อนเป็นฤดูที่กลางวันยาวมาก เมื่อกลางวันยาว กลางคืนก็สั้นประมาณ 6 – 7 ชั่วโมง กลางวันยาวในที่นี้ หมายความว่า พระอาทิตย์ตกดินช้า สามทุ่มหรือสี่ทุ่มยังไม่มืด เมื่อไม่มืดก็มีความรู้สึกว่ายังไม่ถึงกลางคืน กลางคืนจะยาวประมาณ 6 – 7 ชั่วโมง ฤดูร้อนในฝรั่งเศสอากาศร้อน ผู้คนจึงไปชายทะเล ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งวันหยุด ผู้คนเฝ้ารอฤดูนี้เพื่อจะได้ไปเที่ยวทะเล เพื่อจะได้อาบแดด บางเมืองอากาศจะร้อนมาก อุณหภูมิที่สูงสุดในฤดูร้อนในฝรั่งเศสประมาณ 30 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนมากสำหรับประเทศหนาว
3.3 ฤดูใบไม้ร่วง เริ่มต้นเดือน กันยายน สิ้นสุด ธันวาคม อากาศที่สดใส แดดจ้าในฤดูร้อนเริ่มเปลี่ยน ท้องฟ้าสีเทา ลมแรง ใบไม้เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง กลางวันสั้นมากขึ้น กลางคืนยาวขึ้น ใบไม้สีเหลือง แห้งและร่วง แต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยฤดูหนึ่ง เพราะใบไม้ที่เปลี่ยนสีทำให้ฟ้าสวยงามหาที่เปรียบไม่ได้ อากาศในช่วงต้นฤดูไม่หนาวมาก แต่จะเริ่มหนาวปลายๆฤดูครับ
3.4 ฤดูหนาว เริ่มเดือน ธันวาคม สิ้นสุด มีนาคม ปลายฤดูใบไม้ร่วง กลางวันสั้นมากขึ้น ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฤดูหนาวในประเทศหนาวหรือประเทศฝรั่งเศสคือ ความหนาว ฝนและหิมะ การแต่งกายต้องจัดเต็มเรื่องกันหนาวมากครับ เสื้อให้หนาและอุ่น รองเท้าบูท ลองจอห์นจัดไปครับ
4.อาหาร : ตามภัตตาคารจะเสริฟ์เป็น Course โดยจะเริ่มต้นด้วย Appetizer ก่อน เราต้องทานจนหมด เค้าถึงจะยก Main Dish มาให้นะครับ 1 คน 1 Course ไม่เหมือนคนไทยที่สามารถสั่งมาทานแชร์กันนะครับ อาหารก็มีตั้งแต่ขนมปัง ชีส ครัวซอง สปาเก็ตตี้ พิซซ่า ก็อาหารฝรั่งทั่วๆไปที่เรารู้จักกันครับ
5.เวลาที่ Paris : ห่างจากกรุงเทพ ช้ากว่า 6 ชั่วโมง
6.เงิน : 1 ยูโร = 43-45 บาท (ธ.ค. 56)
7.ภาษา ชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่พูดภาษาฝรั่งเศส และส่วนน้อยที่จะพูดอังกฤษ จะพูดได้ก็พวกตามโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น
การเดินทางครั้งนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Air France ซึ่งมีบริการเว็บเช็คอินให้สามารถเลือกที่นั่งได้เองก่อนการเดินทางถึง 30 ช.ม. ข้อดีคือเราจะสามารถเลือกที่นั่งดีๆได้ก่อน และไม่ต้องต่อแถวยาวๆเมื่อถึงสนามบินครับ
นอกจากบริการบนเว็บไซค์แล้ว ยังมี App บนมือถือใน ios และ android เพื่อติดต่อและทำธุรกรรมตั๋ว ผ่านมือถือได้อย่างสะดวกสบาย
วันออกเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไป Row P เพื่อ Drop กระเป๋ากันก่อนครับ
แม่ลูกคู่นี้รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวฝรั่งเศส ก็ตื่นเต้น อารมณ์ดีกันใหญ่
ได้เวลาขึ้นเครื่อง จังหวะที่ผมหยิบกล้องจะมาถ่ายภาพสองแม่ลูก สจ๊วตคนหนึ่งเห็นเข้า รีบเสนอตัวมากดภาพครอบครัวให้เลย แหม บริการขนาดนี้ ปลื้มครับปลื้ม
อาหารยกมาเสิร์ฟละ Appetizer เป็นส้มตำแบบฝรั่งๆรสชาติเปรี้ยวนำ Main Dish เป็นเส้นสปาเก็ตตี้กับไก่อบ ขนมอร่อยดีครับ แต่ที่ปลื้มมากๆคือ จัดไวน์ขวดเล็กมาให้คนละขวดเลย ดื่มแล้วหลับสบาย
ถึงที่จะแคบแต่ก็อบอุ่นดีนะ
ที่ชอบอีกอย่างสำหรับ Air France คือระหว่างเที่ยวบินหลายๆชั่วโมงเนี่ย จะมี Snack Bar ให้บริการแซนวิส ถั่ว ขนมต่างๆ โดยสามารถเดินไปหยิบเองได้ตามที่ต้องการเลย
เครื่องดื่มอยากดื่มอะไรก็บริการตัวเองเลยครับ
ไอติมแท่งก็มีนะ ไม่เคยกินไอติมแบบนี้บนเครื่องบินเลย น้องกายชอบมาก พ่อแม่ก็ปลื้ม
อาหารก่อนลงเครื่องครับ
สมกับสโลแกนเค้าเลย Making the sky the best place on earth
ลงเครื่องมา ก็นั่ง RER เข้าเมืองเลยครับ เพราะประหยัดที่สุด ราคาตกคนละ 9 ยูโรครับ
Metro และ RER ส่วนใหญ่ของปารีส ไม่ค่อยจะมีลิฟท์หรือบันไดเลื่อนนะครับ ดังนั้นผู้ที่จะเข้าเมืองด้วยวิธีนี้ ต้องพิจารณาน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง รถเข็นเด็ก ว่าตัวเองไหวมั้ย ไม่งั้นก็ใช้บริการ Shutter Bus หรือ Taxi น่าจะสะดวกกว่า
เราพักโรงแรม Best Western Paris Alizé Montmartre ลงสถานี Place de Clichy เดิน 1 นาทีจาก Metro ทำเลสะดวกมากมาย
โรงแรมค่อนข้างสะอาดดีมากครับ ห้องไม่ใหญ่ ตั้งกระเป๋าเดินทางก็ไม่มี Facilities อะไรเลยครับ แต่ก็ไม่ค่อยสำคัญเพราะเน้นเที่ยวในเมืองไม่ค่อยได้อยู่ห้องอยู่แล้ว
ห้องน้ำมีอ่างด้วยนะ
ค่ำคืนผ่านไป ยังไม่เช้าดี คุณชายกายก็ตื่นแล้ว ด้วยว่ายังปรับเวลาที่ห่างกันกับกรุงเทพ 6 ช.ม. ไม่ได้ พ่อแม่เลยถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่ ตี4 ครับ ง่วงชะมัดเลย 5555
มื้อเช้าของครอบครัวเราเน้นสะดวกและประหยัดไว้ก่อน เพราะอาหารที่นี่ค่อนข้างจะแพง มาม่าแบบถ้วย โจ๊กคัพ เป็นตัวช่วยที่ดีมาก นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังมีรสชาติเผ็ดๆแบบที่หาไม่ค่อยได้ที่ฝรั่งเศสด้วย
7 โมงเช้าเดินทางออกจากที่พักมาเดินเล่นแถวๆเกาะ Cite เนื่องจากเป็นต้นฤดูหนาวแล้ว พระอาทิตย์ไม่ยอมออกมาทำงานครับ 7 โมงเช้า เหมือนกับตี 3 เลย
ภาพนี้ถ่ายบนสะพาน Pont d’ Arcole
เดินเล่นแถวๆสะพาน Pont d’ Arcole เพื่อรอแสงจากพระอาทิตย์
7.30 เดินริมแม่น้ำแซน Seine มาเรื่อยๆ แวะมาเก็บภาพพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ Louvre ยามเช้า
สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอันดับต้นๆอีกแห่งที่จะพลาดไม่ได้เลยถ้ามาเที่ยวปารีส ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเดิมทีเป็นพระราชวังเก่า ภายหลังได้ถูกปรับให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ งานแสดงศิลปะที่โด่งดังที่สุดก็คือ ภาพวาดโมนาลิซ่า ของเลโอนาร์โด ดาวินชี นั่นเอง
ใครๆก็ถ่ายปิระมิดกัน ขอลองบ้างนะครับ พอได้มั้ยอ่า
เนื่องจากผมเคยเข้าไปชมด้านในแล้ว ทริปนี้เลยไม่เข้าชมด้านในอีกครับ
ขอนั่งชิลด์ชมแสงสวยๆกับภรรยาดีกว่า
ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว แต่ปารีสยังคงหลับไหลอยู่ เมืองแทบไม่เห็นผู้คนเลย อากาศก็หนาวเหลือเกิน มองเห็น Mcdonald อยู่ไกลๆ แวะไปหาอะไรร้อนๆเข้าร่างกายดีกว่า
คุณนายแอนกับอาตี๋น้อยหนาวมาก ขอพักหนาวใน Mcdonald ก่อนนะ
ผมชอบ Mcdonald ที่ฝรั่งเศสมากครับ เพราะว่าเป็นที่นั่งพักหลบหนาวได้อย่างดี ด้วยเครื่องดื่ม ขนมปัง และอาหารที่ไม่แพง เรียกว่าถูกที่สุด หากเทียบกับร้านอาหารทั่วๆไป แถมยังมี Wifi ให้เล่นฟรีอีกด้วย Mcdonald ที่ฝรั่งเศสจึงถือว่าเป็นมิตรที่ดีที่สุดของนักเดินทางอย่างผมเลยครับ
อย่างขนมปังและช็อกโกแลตร้อน ชุดนี้แค่ 2.30 ยูโรเองครับ ในขณะที่อาหารอย่างอื่นแพงมากๆ
หายหนาวแล้วเดินเล่นกันต่อ ผ่านร้านดอกไม้สวยๆ สร้างความสดชื่นได้ดีจริงๆ
ใบเมเปิ้ลที่เหลืองร่วงหล่นลงมาจากต้นสู่พื้น บ่งบอกฤดูกาลที่เปลี่ยนผัน
วันเวลาที่กำลังเดินไปข้างหน้า แต่ฉันอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้…
การเดินเล่นริมแม่น้ำ Seine นี่ชิลด์มากเลยครับ มองไปทางไหนก็สวยไปหมด
ได้เก็บภาพครอบครัวแบบนี้ ถือเป็นกำไรของชีวิตจริงๆ
เดินเล่นเลาะริมแม่น้ำมาเรื่อยๆ จุดหมายคือ สะพาน Pont de arts ครับ
Pont des Arts : สะพานกุญแจแห่งรัก
สะพานข้ามแม่น้ำแซนนี้เป็นสะพานที่โรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองปารีส ที่ปลายสะพานทอดไปเห็นโดมสวยๆของ Institut de France
คู่รักนิยมนำพวงกุญแจมาคล้องไว้บนสะพานแห่งนี้ ใครที่ไปสวีทกับคู่รักห้ามพลาดที่นี่โดยเด็ดขาดจ้า
เบื้องหลังการถ่ายภาพด้านบน ผมก้มนอนกราบไปกับพื้นสะพาน แล้วเปิดค่ารูรับแสง (f) กว้างๆ เพื่อให้ภาพเกิดมิติ โดยมีผู้ช่วยตัวดีคอยขี่หลังช่วยถ่ายภาพ ถ่ายเสร็จได้ภาพที่ต้องการสมใจ พร้อมกับอาการปวดหลังจากผู้ช่วยตัวแสบ
เกิดมาเป็น Family Blogger มั่นใจว่าเหนื่อยกว่า Blogger สายอื่นชัวร์ๆ
แต่ไม่เป็นไรลูก ถ้าหนูมีความสุข ปะป๊าก็ยอมได้
พวงกุญแจล็อกกันเต็มไปหมดเลย
เก็บภาพครอบครัวกับสะพานสวยๆหน่อยๆ
น้องกายสนุกกับการวิ่งเล่นและปีนป่ายม้านั่ง
มาฮันนีมูนก็ต้องหอมภรรยาหน่อย
วันนี้ภรรยาผมสวยไปนะ
แม่น้ำและวิวสองข้างก็โรแมนติกซะ
ก็บรรยากาศมันโรแมนติกแบบนี้ จะสวีทกันบ้างคงไม่ผิดเนอะ
เดินเล่นกันต่อครับ มีเรือสวยๆจอดอยู่
มีร้านขายของที่ระลึก อันนี้เล่นยังไงนะ น่าสนุกจัง อิอิ
Hotel de ville หรือ City Hall ของเมือง
Saint-Jacques Tower
สถานที่ต่อไปคือ มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส
อาสนวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (ฝรั่งเศส: Cathédrale Notre-Dame de Paris กาเตดราลน็อทร์-ดามเดอปารี[1]) หรือ มหาวิหารน็อทร์-ดาม เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีส ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คำว่า Notre Dame แปลว่า พระแม่เจ้า (Our Lady) ซึ่งเป็นคำที่ชาวคาทอลิกใช้เรียกพระนางมารีย์พรหมจารี ปัจจุบันอาสนวิหารก็ยังใช้เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกและเป็นที่ตั้งคาเทดราของอาร์ชบิชอปแห่งปารีส มหาวิหารน็อทร์-ดามถือกันว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดในลักษณะกอทิกแบบฝรั่งเศส โบสถ์นี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยเออแฌน วียอแล-เลอ-ดุก ผู้เป็นสถาปนิกคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของฝรั่งเศส
การก่อสร้างเป็นแบบกอทิก นับเป็นมหาวิหารแรกที่สร้างในลักษณะนี้ และการก่อสร้างก็ทำต่อเนื่องมาตลอดสมัยกอทิก ประติมากรรม และหน้าต่างประดับกระจกสี (stained glass) มีอิทธิพลจากศิลปะแบบแนทเชอราลลิสม์ ทำให้แตกต่างจากศิลปะโรมาเนสก์ที่สร้างก่อนหน้านั้น
น็อทร์-ดามเป็นหนึ่งในบรรดาสิ่งก่อสร้างแรกที่ใช้ “ครีบยันลอย” ตามแบบเดิมไม่ได้บ่งถึงกำแพงค้ำยันรอบมหาวิหาร “บริเวณร้องเพลงสวด” หรือ รอบบริเวณกลางโบสถ์ เมื่อเริ่มสร้างกำแพงโบสถ์สูงขึ้นกำแพงก็เริ่มร้าวเพราะน้ำหนักของสิ่งก่อสร้าง เพราะสถาปนิกสมัยกอทิกจะเน้นการสร้างสิ่งก่อสร้างที่สูง บาง และโปร่ง เมื่อสร้างสูงขึ้นไปกำแพงก็ไม่สามารถรับน้ำหนักและความกดดันของกำแพงและหลังคาได้ทำให้กำแพงโก่งออกไปและร้าว สถาปนิกจึงใช้วิธีแก้ด้วยการเติม “กำแพงค้ำยัน” ที่กางออกไปคล้ายปีกนกด้านนอกตัววัด เพื่อให้กำแพงค้ำยันนี้หนุนหรือค้ำกำแพงตัวโบสถ์เอาไว้ เมื่อทำไปแล้วนอกจากจะมีประโยชน์ทางการใช้สอยแล้วยังกลายเป็นเครื่องตกแต่งที่ทำให้สิ่งก่อสร้างความสวยงามขึ้น ฉะนั้นวิธีแก้ปัญหานี้จึงกลายเป็นเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของโบสถ์ที่สร้างแบบกอทิกไปในตัว
หน้าต่างประดับกระจกสี (stained glass)
ปกติไม่มีค่าเข้าชม แต่ถ้าต้องการชมส่วน THE TREASURY IN THE CATHEDRAL’S SUCCESSIVE SACRISTIES จะเสียค่าชม 4 ยูโรครับ ภายในจะแสดงของมีค่าต่างๆ
ที่จริงสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวปารีสบนโบสถ์ได้ด้วยนะครับ แต่วันที่ผมไปคิวยาวเกินเลยไม่ได้ขึ้นครับ
ผู้หญิงคนนี้เคียงข้างผมตลอดมา และจะเคียงข้างผมตลอดไปครับ
มุมมหาชนของที่นี่
สวนรอบๆวิหารใบไม้เปลี่ยนสีสวยทีเดียวครับ
หากมาเยือนปารีสแล้วไม่ได้มาถ่ายภาพกับหอไอเฟ่ล Eiffel Tower ก็ถือว่ามาไม่ถึงปารีสนะครับ และมุมที่ชมหอไอเฟ่ล Eiffel Tower แล้วสวยที่สุดต้องที่นี่เลยครับ Trocadero
หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel, ตูร์แอฟแฟล; อังกฤษ: Eiffel Tower) หอคอยโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย
หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ “กุสตาฟ ไอเฟล” ในปี พ.ศ. 2549 นักท่องเที่ยวกว่า 6,719,200 คนได้เข้าเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้[ต้องการอ้างอิง] และกว่า 200,000,000 คนตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง[ต้องการอ้างอิง] ส่งผลให้หอไอเฟลเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีคนเข้าชมมากที่สุดต่อปีอีกด้วย หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
ผมดีใจจริงๆที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งนะ
ปะป๊าบอกผมว่านาทีนี้ ผมหล่อที่สุดในปารีสแล้ว
น้องกายจุ๊บๆมะม้าขอบคุณที่พาหนูมาเปิดหูเปิดตา เปิดประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ
ทุกคนย่อมเคยมีจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากมาย สำหรับผมแล้วหากย้อนกลับไป 8 ปีที่แล้ว วันที่ผมเลือกที่จะใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาอยู่เคียงข้างผม และเป็นแม่ของลูกของผม
นับจากวันที่ร่วมทางกันมา ผมมีความสุขมาก
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันเสมอมา รอยยิ้มในวันที่แสนสุขใจ และคราบน้ำตาในวันที่เหนื่อยยาก มันเป็นสิ่งที่ทำให้รักของเรานั้นนับวันจะมีแต่เพิ่มขึ้น
ถึงวันเวลาจะเปลี่ยนไป แต่นาฬิกาหัวใจของผมหยุดไว้ตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกันแล้ว
ชมวิวจากมุมสูงแล้ว ก็มาเดินเล่นใกล้ๆกันบ้าง
สองสามีภรรยาคู่นี้นั่งเคียงข้างกันเงียบๆ แม้ไม่ได้พูดอะไรกัน แต่ผมรู้ดีว่าเค้าสุขใจเพียงใดกับบรรยากาศเช่นนี้
ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว หอไอเฟ่ลเริ่มเปลี่ยนสีตามท้องฟ้า
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าผมจะได้กลับมายืนที่เก่าที่เดิม ที่เคยมายืนเมื่อครั้ง Honeymoon Trip เมื่อ 8 ปีที่แล้ว
นาทีนี้ไม่มีอะไรจะสุขใจเท่ากับได้ยืนมองหออเฟ่ลจากมุมต่างๆ มันสวยจริงๆครับ
เช้าอีกวัน มาเดินเล่นย่าน Opera
เก็บภาพภรรยาคนสวย
นางแบบยั่วช่างภาพตลอด เดี๋ยวโดนจูบแน่ๆ อิอิ
ใกล้ๆกัน มีห้างดังของปารีส Galeries Lafayette
แล้วเธอก็เริ่มช็อป หลุยส์ติงต๊อง louis vuitton
ตามมาชาเนล Chanel อีกหลายถุง ดูเธอจะมีความสุขมาก แต่ช่างภาพเริ่มเครียด
เป็นลูกที่ดีก็ต้องรู้จักอดทนรอให้มะม้าช็อปปิ้งให้เสร็จก่อนนะ 555 คณะผู้ติดตามอย่างผมจังหวะนี้ได้แต่นั่งรอคุณนายช็อปปิ้งนะครับ
การช็อปปิ้งที่ฝรั่งเศสสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา สามารถขอ Tax Refund ได้นะครับ ขั้นตอนก็สะดวกสบาย เพราะมีป้ายภาษาไทย และเจ้าหน้าที่คนไทยมาคอยแนะนำเลย แหม… แสดงว่าคนไทยนี่เป็นลูกค้า VIP ขาช็อปปิ้ง ถึงขนาดห้างต้องจ้างคนไทยมาบริการเลย
มาช่วง ธ.ค. บรรยากาศการเฉลิมฉลองมีให้เห็นทุกที่ครับ อย่างห้างแกลเลอรี่ ลาฟาเยด ก็จัด Display เป็นตุ๊กตาเคลื่อนไหว เด็กๆชอบกันมากเลย
จุดหมายต่อไปคือ มหาวิหารพระหฤทัยแห่งมงมาทร์ (ฝรั่งเศส: Basilique du Sacré-Cœur de Montmartre) เป็นโบสถ์และมหาวิหารรองในคริสตจักรโรมันคาทอลิก ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดของกรุงปารีส หรือที่เรียกกันว่า “มงมาทร์” สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่พระหฤทัยของพระเยซู ปัจจุบันถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวหลักของกรุงปารีส โดยถือเป็นอนุสาวรีย์ของทั้งสองด้าน คือการเมือง และวัฒนธรรม
โบสถ์ได้ถูกออกแบบโดยโปล อะบาดี ซึ่งเป็นสถาปนิกชาวฝรั่งเศสที่เป็นหนึ่งใน 77 สถาปนิกผู้ชนะการประกวด เริ่มการก่อสร้างในปี ค.ศ.1875 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1914 โดยได้รับการแต่งตั้งโดยสมบูรณ์ (วางศิลาฤกษ์) ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1919
ถนนแถวนี้เต็มไปด้วยร้านค้าตลอดสองข้างทาง
มีการเล่นพนันง่ายๆ กติกาคือจะมีฝา 3 ฝา โดยมีฝาสีขาวอยู่อันเดียว เจ้าของโต๊ะจะสลับฝาไปเรื่อยๆ ดูแล้วเหมือนจะง่าย แต่ขึ้นชื่อว่าการพนัน ไม่มีได้เงินหรอกครับ ที่ล้อมรอบให้เห็นว่าได้เงินง่ายๆล้วนแล้วแต่เป็นหน้าม้า แต่ถ้าเราเข้าไปเมื่อไหร่ มีเสียตังค์แน่นอนครับ
มงมาร์ตเคยถูกเรียกว่า “Mount of Mars” ภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนครปารีส แม้มีความสูงเพียง 130 เมตร แต่แผ่นดินรอบแม่น้ำเซนล้วนเป็นที่ราบต่ำ ความสูงเพียงเท่านี้ทำให้มงมาร์ตโดดเด่นเหนืออื่นใด ในช่วงยุคกลางต่อถึงสงครามครั้งต่างๆ มงมาร์ตกลายเป็นที่ตั้งทางทหาร แต่เมื่อสงครามผ่านไป ความสนุกสนานบันเทิงเริงใจกลับเข้ามา มงมาร์ตอยู่นอกเขตนครปารีส ไม่ต้องเสียภาษีหลายประเภท ยังมีไร่องุ่นแห่งสุดท้ายของปารีส Montmartre vineyard ผู้คนในเมืองใหญ่จึงแวะเวียนมาชิมไวน์เป็นประจำ ทำให้ย่านนี้กลายเป็นแหล่งบันเทิงเริงใจของมหานคร
เก็บภาพครอบครัวเสียหน่อย
บันไดสูงพอประมาณแต่ไม่เหนื่อยเกินจะเดินขึ้นไปนะครับ
วิวจากมงมาร์ตมองลงมายังเมืองปารีส บอกได้เลยว่างามสุดๆ
ก็บรรยากาศมันดี อาตี๋น้อยเลยวิ่งเล่นอย่างสบายอารมณ์
เดินทางกันต่อ เดินผ่านร้านผลไม้ แม้ดูน่าทาน
จัดองุ่นมาลองทานดู ไร้เมล็ด หวาน กรอบ อร่อย 4 ยูโร / กก. เอง
เรามาเดินเล่นกันต่อแถว Invalides
ลานสนามหญ้าโล่งๆ กับต้นไม้ที่กำลังทิ้งใบ มันก็สวยไปอีกแบบนะครับ
รักปารีสจุงเบย โย่ว
อาตี๋น้อยอารมณ์ดีจริงๆ
หญ้าเขียวๆแบบนี้ต้องนั่งถ่ายรูปเลย
เดินต่อไปยัง Pont Alexandre III
ที่ปารีสนี่เค้าชอบสร้างอนุสาวรีย์มากครับ มีให้เห็นเยอะสุดๆ
เดินมาอีกหน่อยก็เจอกับ Petit Palais เป็น Museum ครับ
ด้านนอกอลังการดีแท้
เดินเล่นมาเรื่อยๆ ไม่ทันเหนื่อยก็ถึงถนน Champ Elysee ครับ
บนถนน Champ Elysee เต็มไปร้านค้าขายของไปตลอดสายเลยครับ
ร้าน Sephora แหล่งรวมเครื่องสำอางค์แทบทุกแบรนด์ เป็นที่นิยมของคนไทยมากๆเลย
เดินไปเรื่อยๆก็จะพบกับประตูชัย หรือ Arc de triomphe de l’Étoile
อาร์ก เดอ ทรียงฟ์ เดอ เลตวล (ฝรั่งเศส: Arc de triomphe de l’Étoile) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม “จัตุรัสแห่งดวงดาว” (Place de l’Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตกของช็องเซลีเซ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามนโปเลียน และในปัจจุบันยังเป็นสุสานของทหารนิรนามอีกด้วย
Shop ของ Cartier
ส่วนอันนี้เป็น Disney Store ครับ
มองไปอีกฝั่งตรงข้ามกับประตูชัย เป็นชิงช้าสวรรค์ยักษ์
บรรยากาศเดือน ธ.ค. ของถนนสายนี้ เต็มไปด้วยร้านรวงและแสงสีครับ
มุมที่สวยที่สุดมิใช่ต้องขึ้นไปชมที่หอไอเฟ่ลนะครับ แต่ต้องมาที่นี่ต่างหาก ตึก Montparnasse tower
ที่นี่เสียค่าขึ้นชมคนละ 13.5 ยูโร
ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 56 เลย ด้านบนมีประวัติต่างๆเล่าเรื่องราวของเมืองปารีส
วิวจากตึก Montparnasse tower สวยมั้ยละ
ชั้น 56 ตรงนี้ไม่หนาวนะครับ เพราะอยู่ในห้องกระจก ไม่ต้องกลัวลมหรือฝนเลย
แต่สำหรับท่านที่ต้องการชมวิวโดยไม่โดยกระจกบัง ก็สามารถเดินขึ้นไปชั้นดาดฟ้าได้เลย
วิวจากชั้นดาดฟ้า มองเห็นเมืองปารีสแบบเต็มๆตา โดยมี Eiffel tower เป็นนางเอก
ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้ครบถ้วนเลยครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ เมืองปารีสจากมุมมองของผม
สำหรับตอนหน้าเรายังอยู่ที่ฝรั่งเศสนะครับ แต่จะพาไปนอกเมืองบ้าง กับ Mont Saint Michel และเมือง Rennes
ขอขอบคุณสายการบิน Air France ที่สนับสนุนการเดินทาง
ขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมรีวิว
แล้วพบกับตอนต่อไป เร็วๆนี้นะครับ
ขอให้วันทุกวันมีแต่ความสุข
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
ตอนที่ 2 –> http://www.2madames.com/mont-saint-michel-france/
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป