จังหวัดซางะ Saga เป็นจังหวัดบนเกาะคิวชูที่อยู่ติดกับ Fukuoka จังหวัดนี้มักจะเป็นแค่ทางผ่านของคนไทยที่จะเดินทางไปเที่ยวยังนางาซากิเท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว จังหวัด Saga ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดชาวประมงที่มีอาหารทะเลอร่อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น Live Squid ปลาหมึกเป็นๆ ที่นำมาทานแบบซาชิมิกัน และถ้าใครสงสัยว่าหนวดปลาหมึกจะดูดลิ้นมั้ย รับรองว่าคุณต้องตะลึงเพราะมันดูดลิ้นคุณจริงๆครับ จากนั้นจะพาไปแปลงร่างเป็นนินจากันที่หมู่บ้านนินจา Hizen Yume Kaido และปิดทริปด้วยศาลเจ้าจิ้งจอก Yutoku Inari Shrine ศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่น จะสนุกสนานแค่ไหน ตามไปชมรีวิวกันครับ
ความเดิมตอนที่แล้ว
ภาพรวมของทริป —> http://www.2madames.com/kyushu-japan-family-trip-travel-by-car/
เที่ยว Fukuoka —> http://www.2madames.com/fukuoka-dining-travel-shopping-with-family/
เช้าวันใหม่ พวกเราทานอาหารเช้าง่ายๆด้วย ข้าวปั้นที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อครับ ราคาก็ไม่แพงครับ ก้อนหนึ่งประมาณ 100 เยน มีไส้หลายอย่างทั้ง ไส้ปลาแซลมอน, ไส้ทูน่า ไส้บ๊วยดอง เป็นต้นครับ ซึ่งเด็กๆก็ชอบทานมากทีเดียว
วันนี้ออกไปรับรถเช่าก่อนเลย สำหรับรถเช่าที่ญี่ปุ่น จะมีเจ้าใหญ่ที่ให้บริการคือ Toyota Rent a car กับ Nissan Rent a car โดยการเดินทางคราวนี้ผมมีสัมภาระเยอะครับ เลยเลือก Nissan เพราะเล็งรุ่น Latio ไว้เพราะตัวถังใหญ่ จุได้เยอะ สำหรับ Latio คนไทยอาจจะงงว่ารุ่นไหน มันคือ Almera เครื่อง 1.6 นั่นเองครับ
เว็บตัวกลางที่ได้รับความนิยมคือ http://www2.tocoo.jp/en/index เว็บนี้เค้าจะเปรียบเทียบราคาทุกยี่ห้อให้เรา แต่จะมีค่าธรรมเนียพิเศษชาร์ตเราอีกนะครับ ยังไงลองดูหลายๆเว็บเพื่อได้ราคาที่ดีที่สุดแล้วกันครับ
การขับรถในญี่ปุ่นง่ายมากครับ เพราะพวงมาลัยอยู่ด้านขวาเหมือนบ้านเรา ถนนหนทางก็กว้างขวางเป็นระเบียบดี แต่จะดียิ่งขึ้นหากว่าเลือกจองรถที่มี GPS ภาษาอังกฤษมาด้วย
ความเจ๋งของ GPS ที่ญี่ปุ่น คือ เค้าสร้างภาพจำลองตัวตึกมาให้เราเห็นได้ด้วย แต่จะมีในเมืองใหญ่และทางด่วนเท่านั้นนะครับ นอกๆเมืองจะเป็นเส้นๆครับ
อย่างไรก็ตามถึง GPS จะเป็นเมนูและพูดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ชื่อถนน ชื่อสถานที่จะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ไม่ต้องตกใจครับ เพราะมันจะมีให้กรอกเบอร์โทรศัพท์เพื่อหาพิกัดสถานที่ ซึ่งเราสามารถ Search หาเบอร์โทรที่พัก ที่เที่ยว ที่กินจาก google แล้วมากรอกใส่ GPS อีกที สะดวกมากๆครับ ไปถึงที่หมายไม่มีปัญหา
ระบบ ETC (Electronic Toll Collection) อธิบายให้ง่ายก็คือ Easy Pass ของบ้านเค้าครับ ซึ่งข้อดีกว่าการจ่ายเงินสดคือ มันจะรวดเร็วไม่ต้องต่อคิวจ่ายเงิน และบางครั้งจะมีส่วนลดค่าผ่านทางให้เราครับ ขั้นตอนการรับ ETC ต้องจองผ่านเว็บแล้วไปรับที่ไปรษณีย์ที่สนามบินครับ
รายละเอียดอ่านได้ที่ http://www2.tocoo.jp/en/contents/info/etc
การขับรถที่ญี่ปุ่น ที่แพงจริงๆไม่ใช่ค่าน้ำมันครับ แต่มันคือค่าทางด่วน แทบทุกครั้งที่ออกจากเมือง คุณจะต้องเสียค่าทางด่วนมหาศาลครับ ทั้งหมดที่ผมจ่ายตลอดการเช่ารถ 7 วันคือ 13,xxx เยน ซึ่งเรียกว่าแพงกว่าน้ำมันรถที่เติมอีก
ซึ่งเราก็มีทางเลือกเป็น Pass สำหรับทางด่วนครับ ซึ่งหากเดินทางไกลๆระหว่างเมืองเยอะๆ ซื้อเลยครับ คุ้มกว่าเห็นๆ
หลังจากเราเที่ยวเมืองฟุกุโอกะกันแล้ว ในทริปตอนนี้เราจะเริ่มขับรถเที่ยวไปยังจังหวัดอื่นๆของเกาะคิวชูบ้าง โดยเริ่มจากเมืองแรกคือ Karatsu จากนั้นจะไปเที่ยวหมู่บ้านนินจา และศาลเจ้าจิ้งจอก Yutoku Inari Shrine และนอนพักแถวนั้นครับ
ร้านที่เราจะไปทานปลาหมึกเป็นๆที่เมือง Karatsu ชื่อร้านว่า Genyo เป็นร้านยอดนิยมอันดับที่ 4 ของ Tripadvisor ครับ
เข้ามาในร้าน หน้าตาไม่เหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วๆไป เพราะมีบ่อสัตว์น้ำเป็นๆ เหมือนร้านอาหารซีฟู๊ดบ้านเราเลย เค้าคงอยากโชว์ความสดของอาหารไว้เลย
ที่อยากมาทานที่สุดก็คือ เจ้าปลาหมึกพวกนี้แหละครับ ยังว่ายไปมาอยู่ในตู้อยู่เลย
ร้าน Genyo ก็มีอาหารญี่ปุ่นเป็นเซ็ทขายเหมือนภัตตาคารญี่ปุ่นทั่วๆไปครับ คุณภาพอาหารอร่อยทุกอย่างเลยครับ
แต่ที่เราตั้งใจจะมาลองเป็นพิเศษคือ ชุดปลาหมึกเป็นๆ ชุดนี้ครับ
สบตากันเล็กน้อยก่อนทาน หนวดของมันยังขยับอยู่เลยอ่ะ สนนราคาก็แพงอยู่ครับ ชุดนี้ 2,800 เยน รวม Vat 8% แล้วก็ประมาณ 3,000 เยนครับ
ปลาหมึกยังดิ้นได้อยู่เล็กน้อย มาลองชิมรสชาติของมันดีกว่า จิ้มน้ำจิ้มก่อน
รสชาติของปลาหมึกเป็นๆ บอกเลยว่ามันอร่อยจริงๆนะ สดที่สุดเท่าที่เคยกินมาในชีวิตเลย
ส่วนใครที่สงสัยว่าหนวดปลาหมึกมันดูดลิ้นมั้ย ตอบเลยว่าดูดครับ เหมือนในหนังกวน มึน โฮ เลยอ่ะ แต่มันไม่เจ็บลิ้นนะครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับชีวิตดีจริงๆ
ถ้าส่วนไหนทานไม่สะดวก ก็บอกให้ทางร้านหั่นให้ได้
ส่วนหัวเค้าเอาไปทอดเทมปุระให้ครับ
และในจังหวัดซางะ Saga ก็ยังมีที่เที่ยวแนวๆอย่างหมู่บ้านนินจา Hizen Yume Kaido ซึ่งบอกตรงๆว่าหารีวิวอ่านยากมาก คงเป็นเพราะเดินทางมาเที่ยวที่นี่ด้วยรถไฟยากมากครับ ต้องขับรถถึงจะสะดวกกว่า
ค่าเข้าชม : ค่าผ่านประตู+เล่นกิจกรรมต่างๆได้+แต่งชุดนินจา ผู้ใหญ่ 2,100 เยน เด็ก 1,600 เยน น้องกายฟรีจ้า
ที่หมู่บ้านนินจา Hizen Yume Kaido ไม่ได้ใหญ่มากครับ เดินแวะไปทำกิจกรรมแต่ละจุด จะใช้เวลาอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง
กิจกรรมก็มีให้ทำหลายอย่างเช่น ฝึกยิงธนู, ปาดาวกระจาย, เป่าลูกดอก, ปีนป่ายฝึกวิชานินจา
ความสนุกอยู่ที่พวกเราเปลี่ยนชุดเป็นนินจาครับ เด็กๆโดยเฉพาะน้องกายนี่อินจัดครับ คิดว่าเป็นนินจาจริงๆ
มีคอกม้าให้เราสามารถขี่ม้าได้ด้วย แต่กิจกรรมส่วนนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ ไม่รวมในค่าผ่านประตูครับ
มีสัตว์อยู่หลายอย่างเลย พาเด็กๆเดินดูไปเรื่อยๆครับ
ผ่านวิวเมืองในมุมสูง เก็บภาพเหล่านินจาซะหน่อย
มีศาลให้แวะไหว้ตลอดทางครับ
แพะตัวน้อยออกมายืนมองนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ เหมือนว่าจะหิวนะ
ภายในหมู่บ้านจะมีของตกแต่งแบบนี้อยู่ทั่วไปครับ
แวะทำกิจกรรมยิงธนูกันก่อนครับ ดูในหนังมาเหมือนจะง่าย แต่มายิงจริงๆไม่ง่ายแฮะ
ยิงธนูไม่ถนัด ยิงหนังสติ๊กง่ายกว่าเยอะ
แมวกวักไทยน่ารักกว่าของญี่ปุ่นมั้ยครับ
ภายในหมู่บ้านยังมีบ้านนินจาที่จำลองบ้านของนินจาในสมัยก่อนมาให้เข้าไปเยี่ยมชมด้วย
ห้องครัวสมัยก่อน
นี่น่าจะเป็นห้องรับประทานอาหาร น่าเสียดายที่ขาดการดูแลทำความสะอาดครับ ฝุ่นเยอะมาก
เข้าไปถ่ายภาพกันหน่อย
วันนี้ดูเจ้าหนูกายจะสนุกกว่าเพื่อน ไม่รู้จินตนาการอะไรอยู่ วิ่งกระโดด ฟันดาบตลอดเวลาเลย
เก็บภาพคู่กับภรรยาหน่อย
อย่าเผลอนะ 5555
ผ่านมาอีกกิจกรรม ถ่ายภาพคู่กับนินจาก่อน
กิจกรรมตรงนี้คือ ปาดาวกระจายครับ น้องเกรซฟังพี่นินจาสอนวิธีปาดาวกระจาย
แหม… ปาแม่นซะด้วยนะ นินจาสาวตัวน้อย
ฝึกวิชานินจากันต่อ เป่าลูกดอกกัน
มีสนามให้เด็กๆฝึกปีนป่ายด้วยนะครับ
นอกจากนี้ยังมีแสดงของใช้ในวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นด้วย
โดยรวมแล้วหมู่บ้านนินจา Hizen Yume Kaido ถือเป็นที่เที่ยวแบบครอบครัวที่ไม่เลวครับ น่าเสียดายที่หลายส่วนดูเก่าและสกปรก เนื่องจากขาดการดูแล มาเที่ยวที่นี่อย่าลืมเปลี่ยนเป็นชุดนินจานะครับ ถ่ายภาพกันสนุกเลย
ไม่ไกลจากหมู่บ้านนินจา คือ ที่ตั้งของศาลเจ้ายูโทคุอินาริ Yutoku Inari Shrine
ข้อดีของการขับรถเที่ยว คือ ไม่ต้องเดินเยอะ ไม่เหนื่อยมาก แถมมีเวลางีบในรถด้วย ลูกทัวร์ผมเลยยังสดใสทุกคน
หน้าศาลเจ้าก็ยังมีสะพานสีแดงคู่กับแม่น้ำสายเล็กๆเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามเลยทีเดียว
ใต้สะพานปลาเพียบเลย
ตามธรรมเนียมชาวญี่ปุ่นก่อนจะเข้าศาลเจ้าต้องล้างมือกันก่อนนะ
ศาลเจ้ายูโทคุอินาริ(Yutoku Inari Shrine) สร้างขึ้นในปี 1688 เป็นศาลเจ้านิกายชินโต ประจำตระกูลนาเบะชิมะ(Nabeshima clan) ผู้ปกครองเมืองซากะ ในสมัยเอโดะ เป็นศาลเจ้าอินาริที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับ 3 รองมาจาก ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ(Fushi-mi Inari Shrine) ในเกียวโต(Kyoto) และศาลเจ้าคะซะม่าอินาริ(Kasama Inari Shrine) ในอิบาระกิ(Ibaraki)
ด้านบนของตัวศาลเจ้า ก็เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ ยามที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง และช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีส้มแดง ส่วน
ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประทับของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ ที่ประชาชนต่างนิยมไปสักการะขอพรเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยว ความสำเร็จด้านธุรกิจ และความปลอดภัย
อันนี้อ่านไม่ออกว่าเกี่ยวกับอะไร แต่เห็นรูปหัวใจ น่าจะเป็นที่ขอพรความรักมั้งครับ
ชั้นบนต้อง เดินขึ้นบันไดไปประมาณตึก 3-4 ชั้น งานนี้อาม่ายอมแพ้ครับ ขอดูแลหลานๆอยู่ด้านล่างดีกว่า ปล่อยผมกับภรรยาขึ้นไปแทน
ขึ้นมาถึงด้านบนมีศาลอีกอันครับ
ป้ายคำขออธิษฐาน
เดินเที่ยวไปตามทางไปเรื่อยๆ
มีเสาโทริอิสีแดงตั้งเรียงกันเป็นแถวเพียบเลย
ถ่ายภาพคู่กับภรรยาเสียหน่อย
คืนนี้เราพักแถวๆเมือง Ureshino ครับ ขับรถผ่านหน้าร้านที่เป็นปราสาท ชื่อร้านว่า Ringer Hut
นางาซากิจัมปง ราเมน ขอมาชิมต้นตำรับแบบนางาซากิจริงๆ
รสชาติก็เหมือนราดหน้าของจีนผสมกับราเมนญี่ปุ่นครับ
รสชาติแปลกดีเหมือนกันคัรบ
ส่วนที่พักของเราชื่อว่า Kotokotoya ชั้นล่างจะเป็นร้านอาหารเปิดช่วงกลางวันครับ ส่วนชั้นบนเค้าปล่อยเช่าเป็นที่พักครับ
เป็นห้องแบบญี่ปุ่น ห้องหนึ่งเป็นห้องนั่งเล่น อีกห้องเป็นห้องว่างๆ ไว้ปูที่นอนเมื่อต้องการจะนอนครับ
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมนะครับ แต่วันที่ไปห้องว่าง มีแต่พวกเราครอบครัวเดียว มีอ่างแช่ตัวด้วยนะครับ
ภรรยาปูที่นอนเรียบร้อย พร้อมนอนพักผ่อนแล้วจ้า ห้องพักของที่นี่คืนละ 9,600 เยนครับ
ปล. ผู้ที่จะตามรอยรีวิวนี้ เราแนะนำเฉพาะผู้ที่เช่ารถขับเที่ยวเท่านั้นนะครับ ถ้านั่งรถไฟจะทำไม่น่าจะได้จ้า
สำหรับตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวสวนสนุก Huis Ten Bosch สวนสนุกที่ยกเอายุโรปมาไว้ที่ญี่ปุ่นกันนะครับ รอติดตามชมได้เร็ววันนี้ครับ
ตอนที่ 4 Huis Ten Bosch http://www.2madames.com/huis-ten-bosch-watermark-hotel/
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ทุกคน หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป