ครอบครัวเราได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่โรงแรมศรีพันวา Sri Panwa จังหวัดภูเก็ตมา โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สองในการมาพักผ่อนที่นี่หลังจากหลายปีก่อนเคยมาเยือนที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่มาคราวนี้ทาง Sri Panwa ได้มีการเปิดโซนใหม่ที่เรียกว่า เดอะ ฮาบีตา หรือ The Habita ที่มีสระว่ายน้ำสระใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ห้องพักจะสวยงามแค่ไหน ตามไปชมรีวิวของที่นี่กันครับ
ใครขี้เกียจอ่าน เชิญรับชมในรูปแบบคลิปเลยจ้า
ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์สกันนะ
เราชอบบินด้วย Bangkok Airways มากเพราะมีเลาจน์ให้นั่ง แถมเสริมอาหารร้อนบนเครื่องด้วย ชมรีวิวฉบับเต็มได้ที่ http://www.2madames.com/blue-ribbon-club-lounge-bangkok-airways/
ถึงสนามบินภูเก็ตก็จะมีรถตู้จากทางศรีพันวามารอรับพวกเราอยู่แล้ว (จองไว้ล่วงหน้า มีค่าใช้จ่ายนะจ๊ะ)
จากสนามบิน นั่งรถมาไกลพอสมควรน่าจะประมาณชั่วโมงกว่าๆ มาถึงโรงแรมก็ฟ้าเริ่มมืดละ ถ่ายภาพบริเวณล็อบบี้ของโซนใหม่ The Habita มาให้ชมกัน
แอบแวะมาชมสระว่ายน้ำใหม่ล่าสุดก่อนเลย วิวสวยมากๆๆๆ
เข้ามาชมห้องพักของครอบครัวกันบ้างนะครับ ห้องพักแบบนี้เป็นแบบ Ocean View Penthouse ห้องกว้างมากๆ
เข้ามาจะเจอกับโซนโต๊ะทานอาหารก่อนเลย
ถัดเข้ามาจะเป็นโซนนั่งเล่น มีโซฟาเป็นรูปตัว L โซฟาใหญ่มากอ่ะ ขอบอก
เข้ามาชมห้องนอนกันต่อ
เตียงหันออกไปที่ระเบียงที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวและวิวทะเล ด้านหัวเตียงก็จะมีโต๊ะเล็กๆให้วางของหรือนั่งทำงาน
วิวจากเตียงนอนก็ประมาณนี้จ้า
ออกไปสำรวจสระว่ายน้ำในห้องต่อดีกว่า วิวทะเลโดนต้นไม้บังไปบ้าง แต่สวยมาก
สระนี้ยาวมาก น่าจะประมาณ 12 เมตร เรียกว่าว่ายออกกำลังกายได้เลยนะ
ที่ระเบียงก็มีที่นั่งให้นั่งเล่นด้วย นั่งชมวิวสบายๆ
ไปชมห้องน้ำกันบ้าง
มีอ่างล้างมือสองอ่างไม่ต้องแย่งกัน
ตู้เก็บของอยู่อีกข้าง
ห้องขับถ่าย
ห้องอาบน้ำมี Rain Shower สูงปรี้ด น้ำตกลงมาแรงสะใจ อาบน้ำมันส์มาก
ในห้องจะมี ipod พร้อมใส่เพลงไว้ให้เปิดฟัง
เครื่องเสียงก็อย่างดี ของ Bose เลยนะ
ความดีงามของห้องนี้คือ ขนมเครื่องดื่มต่างๆ ทานได้ฟรี และเติมให้ใหม่ทุกวันด้วยนะ
น้ำ และเครื่องดื่มในตู้เย็น เห็นอะไรก็ทานได้ฟรีหมด รวมในค่าห้องแล้ว
มีไอติมหลอดๆให้กินด้วยนะ อันนี้น้องกายชอบมาก
เช้าวันใหม่ตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น
มองออกไปวิวที่สระว่ายน้ำตรงระเบียงเห็นวิวทะเลสวยมากๆ
เนื่องจากที่ Sri Panwa ค่อนข้างกว้างและเป็นเนินเขา การไปทานอาหารเช้าหรือไปโซนอื่นๆต้องใช้บริการรถกระป๋องของโรงแรม ซึ่งให้บริการฟรีตลอดเวลา
เรามาหม่ำๆอาหารเช้ากันที่ Baba Pool Club อาหารเช้ามีทั้งแบบสั่งจากเมนู จะเป็นพวกเมนูไข่ ไส้กรอก แฮม เบคอน และเครื่องดื่มต่างๆ หรือจะเลือกทานอาหารในไลน์ก็ได้ มีให้เลือกหลากหลายเลย
มุมนี้น่าจะเป็นเมนูที่ผมชื่นชอบมากที่สุด เพราะมีอาหารพื้นเมืองเป็นแกงปู ส่วนใครชอบแกงเขียวหวาน ก็มีให้ทานด้วย
อาหารไทยอื่นๆก็มีพวกผัดเผ็ด ผัดผัก เรียกว่าทานวนไปไม่มีเบื่อเลย
มีโรตีทานกับแกงด้วย
เครื่องดื่มนอกจากจะสั่งจากในเมนูที่เสิร์ฟพวกชาไทย กาแฟหลากหลายสูตรแล้ว ยังมีน้ำผลไม้คั้นสดให้ทานกันเต็มที่เลย
นั่งไม่นานก็มีน้องๆมารับออเดอร์จ้า นางน่ารักและอัธยาศัยดีมาก
สั่งได้ตามนี้เลยจ้า จะเบิ้ลกี่จานก็ตามสบาย
ไมโลเย็น ไมโลร้อน และชาไทย เดาซิแก้วไหนของใคร
รอไม่นาน อาหารเช้าที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟแล้ว
แกงปูเนื้อปูแหลกไปหน่อย แต่โกยมาเยอะเลยจ้า ขอบอกว่าในหม้อไม่หวงปูเลยนะ ตักยังงัยก็เพียบจ้า
ชิมแกงเขียวหวานสักหน่อย ไก่นุ่มมาก
ตบท้ายด้วยช็อคโกแลตแพนเค้กร้อนๆ
อิ่มมื้อเช้ากันแล้ว ขึ้นไปชมวิวที่ Baba Nest จุดชมวิวพาโนราม่า 360 องศากัน ซึ่งปกติจะเป็นที่นิยมในการชมพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นนะ แต่วันที่ไปตอนเย็นที่นี่ถูกเหมาไปจัดงานแต่งงานซะแล้ว อดๆๆ
แต่ไม่เป็นไร ขึ้นมาชมวิวตอนสายๆก็งดงามมากๆ
เด็กๆชอบกันใหญ่เลย
เดินเล่นชมบรรยากาศของรีสอร์ทศรีพันวาไปเรื่อยๆเนอะ
วันนี้อากาศดี๊ดี
เที่ยงนี้เรามาชิมอาหารญี่ปุ่นที่ Baba Iki กันจ้า ขอบอกก่อนว่า Baba Iki เปิดมายาวนานแล้วนะ และขอบอกว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในจังหวัดภูเก็ตด้วย เพราะวัตถุดิบเค้าคัดเกรดพิเศษและนำเข้ามาเอง เพราะฉะนั้นเรื่องความสดไม่ต้องพูดถึงเลย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Baba Iki นั่นคือการเสิร์ฟเนื้อฮิดะ (Hida) ลายสวยๆ
เนื้อส่วนนี้เป็น Hidagyu Striploin
เราสั่งมาทำเทปันยากิ (Tepanyaki) เซ็ตเทปันยากิของเนื้อฮิดะชิ้นนี้ ราคาอยู่ที่ 3,900 บาท ราคานี้มีเชฟมาทำเทปันยากิโชว์สดๆตรงเคาน์เตอร์บาร์ที่เรานั่งเลย
อ่อ เซ็ตเทปันยากิ เสิร์ฟพร้อมผัดผัก ข้าวผัดกระเทียม และซุปนะจ๊ะ จะบอกว่าเนื้อนุ่มมาก
ลองสั่ง Sashimi Delight (ปลาดิบรวม 8 อย่าง) มาชิมบ้าง ยอมรับเรื่องความสดของปลาของ Baba Iki จริงๆ เสิร์ฟมาเป็นถังเลย ราคา 2,400 บาท
คุณนายแอนเธอไม่ทานเนื้อ เลยสั่งแคนาเดียน ล็อบสเตอร์ (Canadian Malne Lobster) มาทาน ราคา 1,800 บาท
ผัดเสร็จเสิร์ฟมาแบบนี้ ถ้าเสิร์ฟเป็นตัวคงอลังการกว่านี้ แต่จะทานยากและรสชาติไม่เข้าเนื้อ เชฟเลยเลาะมาแต่เนื้อๆเน้นๆ เนื้อสดเด้งมากๆ
เด็กๆอยากทานกุ้งเทมปุระ อ่ะจัดไป
สั่งปลาหิมะอีกสักจาน ราคา 1,200 บาท จบมื้อนี้กลิ้งกลับห้องกันเลย
หัวกุ้งล็อบสเตอร์เอามาทำซุป เข้มข้นด้วยมันกุ้งล็อบสเตอร์ เคี่ยวจนน้ำซุปหวานมากๆ
น้องกายกำลังเพลินกับของโปรดอย่างไข่แซลมอน ทานคนเดียวหมดถ้วยเลย
อิ่มของคาวแล้วอย่าลืมสั่งของหวานกันนะ แต่ละอย่างอร่อยมากเลย อิ่มอ้วนสุดยอดเลย 555
ทานมื้อกลางวันแล้ว กลับมาเดินเล่นชมโซน The Habita กันต่อนะ บริเวณนี้คือบาร์ใต้ล็อบบี้ครับ
สระว่ายน้ำสวยเหลือเกิน
ที่เก๋มาก คือ การทำน้ำล้นจากขอบสระด้านบนให้กลายเป็นเหมือนน้ำตกลงมาด้วย
มีมุมพักผ่อนให้นั่งเล่นนอนเล่นเยอะมาก
งานนี้สนุกกันไปทั้งครอบครัวครับ
เล่นสระว่ายน้ำด้านล่างเสร็จยังไม่พอครับ ขึ้นมาเล่นกันต่อที่สระว่ายน้ำส่วนตัวในห้องอีก
ก่อนอำลาศรีพันวา พวกเราลองชิมร้านอาหารจีนเปิดใหม่ Baba Chino ที่ตั้งอยู่ในโซน Habita นี้เลย
Baba Chino ได้รับการออกแบบและคิดค้นสูตรอาหารโดยเชฟป้อม ที่การันตีด้วยตำแหน่งเชฟกระทะเหล็กอาหารจีนเลย ฟังแค่นี้ก็อยากลองแล้วล่ะ
มื้อนี้เราสั่งมาชิมกันหลายเมนูเลย ทั้งขนมจีบ ฮะเก๋า ที่ลูกใหญ่มากๆและอัดแน่นด้วยเนื้อเน้นๆ ขนมกุ้ยช่ายทอดก็อร่อยเด็ด เพราะแป้งบาง ไส้กุ้ยช่ายทะลัก ทอดมากรอบๆ ยิ่งทานตอนร้อนๆยิ่งอร่อย อีกสองเข่งเป็นซาลาเปาไส้หมูแดง และซาลาเปาลาวาไส้ไหลที่เป็นเมนูสุดฮิตแทบทุกห้องอาหารจีนเลย
ส่วนใครชื่นชอบหมูกรอบ อยากให้ลองสั่งทานกันดู อาจดูเป็นเมนูที่ธรรมดาไปหน่อย แต่ความอร่อยจัดว่าเด็ดเลย เด็กๆบ้านนี้ชอบกันมากๆ เพราะหนังกรอบเนื้อนุ่มกำลังดีเลย
สั่งซุปมาเอาใจเด็กๆสักนิด เป็นซุปข้าวโพดเนื้อปู รสชาติกลมกล่อม ข้าวโพดช่วยดันให้ซุปหวานขึ้นมากเลย
ปิดท้ายของคาวด้วยปลาบู่นึ่งซีอิ้ว ที่เนื้อหวาน สดจริงๆ
ส่วนของหวานตบท้าย แนะนำว่าต้องสั่งมาชิมนะ ขออภัยจำชื่อไม่ได้ แต่ขออธิบายสั้นๆว่าเป็นสาคูแคนตาลูป ทานกับขนมทอดที่เป็นไส้ลาวาไข่เค็ม อร่อยจนอยากจะเบิ้ลหลายๆจานเลย
สำหรับราคาของห้องพักแบบที่ครอบครัวเราพักจะอยู่ที่คืนละประมาณ 16,000 บาทต่อคืนในช่วง Low Season (หลังสงกรานต์ถึง ตค.) และประมาณ 21,000 บาทต่อคืนในช่วง High Season (พ.ย.-สงกรานต์) เตียงเสริมคิดเพิ่ม 4,000 บาท
รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sripanwa.com/ , https://www.facebook.com/SripanwaPhuket/
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป