ไต้หวัน อีกหนึ่งจุดหมายเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ของคนไทย นับตั้งแต่ไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าให้ยุ่งยาก ค่าครองชีพไม่แพง ของกินก็อร่อยถูกปากคนไทยสุดๆ ที่เที่ยวก็สวยงามและเดินทางสะดวก
วันนี้เราจะพาไปทุกท่านไปเที่ยวไต้หวัน 3 เมือง ไทเป (Taipei),ไทจง (Taichung) และเกาะเผิงหู (Penghu) ที่ไหนสวย ที่ไหนต้องไป ที่ไหนของอร่อย อะไรต้องกิน เตรียมตัวเที่ยวยังไง ตามไปรับชมรีวิวกันครับ
เชิญรับชมคลิปเพื่อความบันเทิงแบบจัดเต็มภาพและเสียงกันก่อนนะ
การเตรียมตัวเดินทางไปท่องเที่ยวไต้หวัน Taiwan
1.) วีซ่า : ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2559 คนไทยที่พำนักในไต้หวันไม่เกิน 30 วัน สามารถเดินทางเข้าประเทศไต้หวันโดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยมีกำหนดถึง 31 กรกฏาคม 2561
รายละเอียดเอกสารและการกรอกใบผ่านเข้าเมือง : http://www.1000milesjourney.com/visa-free-for-thais-to-taiwan/
2.) ค่าเงิน : ไต้หวันใช้เงินสกุล ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ 1 TWD (NT$) = 1.13 บาท (พ.ย. 60)
ร้านค้าส่วนใหญ่ที่ไต้หวันรับบัตรเครดิต VISA และ MASTERCARD (จากประสบการณ์ที่รูด อัตราแลกเปลี่ยนโอเคเลย แทบไม่ต่างกับการใช้เงินสด)
3.) ประกันภัยการเดินทาง ถือเป็นอีกสิ่งที่จำเป็นต้องซื้อเวลาครอบครัวเราจะต้องเดินทางไปในต่างประเทศ เพราะเราไม่สามารถทราบได้เลยว่า ไฟล์ทบินของเราจะมีปัญหาการเลื่อนการเดินทางมั้ย กระเป๋าจะถึงที่หมายด้วยหรือเปล่า อีกทั้งการเจ็บป่วยหรือเกิดอบัติเหตุก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลย ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลต่างประเทศก็สูงมาก อาจจะถึงหลักแสนหลักล้านเลยทีเดียว สู้เราซื้อประกันภัยการเดินทางไว้ เวลาเกิดเรื่องก็ผ่อนหนักให้เป็นเบา บรรเทาความเดือดร้อน หรือแม้จะไม่ได้เคลมอะไร ก็สร้างความอุ่นใจในการเดินทางเนอะ
ทริปนี้เราเลือกประกันภัยการเดินทาง LH BANK TRAVEL CARE เค้าคุ้มครองสูงสุด 5 ล้านบาทเลย ครอบคลุมทุกอย่าง แต่ที่พิเศษที่ไม่เคยเห็นที่ไหนคือ คุ้มครองทรัพย์สินภายในบ้านที่ไทยในระหว่างเดินทางด้วย เก๋มาก เพราะเวลาต้องเดินทางไปต่างประเทศนานๆ ก็ห่วงบ้านนะ ทั้งโจรขึ้นบ้าน แถมเพื่อนบ้านเคยมีท่อน้ำแตกน้ำท่วมบ้าน มีประกันภัยการเดินทางที่คุ้มครองครอบคลุมแบบนี้ก็เดินทางได้อย่างสบายใจแล้ว
ขึ้นตอนในการซื้อก็ง่ายนะ สามารถเลือกเองได้หมดว่าจะเดินทางไปโซนไหน ไปกี่คน เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ และสำหรับใครที่จะเดินทางไปยุโรป แล้วต้องขอวีซ่าเชงเก้น ก็สามารถซื้อของ LH BANK TRAVEL CARE เพื่อไปยื่นให้สถานฑูตได้เช่นกัน
ใครสนใจก็ดูรายละเอียดได้ที่ https://goo.gl/z8RPgT
4.) การใช้อินเตอร์เนต หากใช้งานเครื่องเดียวก็สามารถซื้อ Sim ที่สนามบินไว้ใช้งานได้เลย แต่ถ้าใช้งานหลายๆเครื่องแบบครอบครัวเรา แนะนำให้เช่า Pocket Wifi ไปจะสะดวกกว่าครับ แนะนำของ Global Wifi ครับ รับ-ส่งคืนที่สนามบินได้เลย ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ
Global Wifi ใช้งานได้ถึงความ 4G รวดเร็วไหลลื่นดีครับ แนะนำเลย
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/Globalwifi.thai/
5.) แพกเกจกิจกรรมหลายๆอย่างในไต้หวัน ลองจองผ่าน KKDAY ได้เลยครับ มีส่วนลดดีๆเพียบ
https://www.kkday.com/th/promo/TaiwanFestival?cid=9079
รีวิวนี้เราจะแบ่งเป็นข้อมูล ไทเป 5 วัน ไทจง 3 วัน และเกาะเผิงหูอีก 3 วันนะครับ ลำดับการเล่าอาจจะไม่เรียงตามเวลานะครับ เพื่อความสะดวกต่อการเล่าเรื่องครับ
เริ่มเดินทางเลยดีกว่า ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air ไฟล์ทเค้าเช้ามากครับ เดินทางตีสาม เลยต้องมาถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ตีหนึ่งกว่าๆ ง่วงๆกันไป หลับบนเครื่องบินสนิทเลย แต่ข้อดีคือลงเครื่องบินช่วงเช้าก็เที่ยวต่อได้เลย ประหยัดค่าที่พักไป 1 คืน
มาถึงแล้วแนะนำให้ทุกคนไปถอยบัตรนี้ Easy Card ใน 7-11 หรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆเลยครับ ค่าบัตร 100 NT เติมเงินได้จากตู้หรือร้านสะดวกซื้อ
บัตร Easy Card มันค่อนข้างจำเป็นในการเดินทางใน Taiwan เนื่องจากที่ Taiwan เป็นสังคม Moneyless ครับ เค้าจ่ายเงินด้วยบัตรนี้เป็นหลัก จ่ายได้หมดทั้งรถเมล์, รถไฟ, ซื้อของในร้านสะดวกซื้อต่างๆ ผมว่ามันก็สะดวกดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาทอนเงินกัน
แต่คืนบัตรไม่ได้นะ คืนได้แต่เงินในบัตรจ้า
การเดินทางเข้าเมืองไทเปจากสนามบิน Taoyuan International Airport ที่สะดวกมี 4 วิธี ได้แก่
1.) นั่งรถบัสของ Kuo-Kuang Motor Transport ค่าบริการคนละ 125 NT ใช้เวลาวิ่งประมาณ 1 ชั่วโมง (เราเลือกวิธีนี้เพราะไม่รีบมาก อยากงีบต่อบนรถบัสอีกหน่อย ประหยัดกว่ารถไฟนิดหนึ่ง)
2.) นั่งรถบัสของ Free Go bus ค่าบริการคนละ 140 NT (มี shuttle bus ส่งถึงโรงแรม)
3.) นั่ง Taoyuan Airport MRT ค่าใช้จ่าย 160 NT ไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงเลย (ขากลับเรากลับแบบนี้นะ)
4.) ถ้าเอาแบบมีงบ ก็นั่ง Taxi จากท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน ถึง กรุงไทเป ค่าโดยสารประมาณ 1,200 NT
รถบัสของ Kuo-Kuang มาจอดใกล้ๆกับ Taipei Main Station เลยครับ แวะถ่ายภาพกับรถไฟโบราณหน้าสถานีหน่อย
มาถึงก็เข้ามา Check-in ที่พักกันก่อนเลยนะ ที่พักในไทเป เราพักกันที่ Mr. Lobster Secret Den Hostel
ซึ่งจุดเด่นอยู่ที่ทำเลอยู่ใกล้กับ Taipei Main Station และ Taoyuan Airport MRT และ MRT สายสีแดง,สีน้ำเงิน และสีเขียว ทุกอย่างอยู่ในระยะเดินประมาณ 5-10 นาที มาจากสนามบินก็สะดวก จะเที่ยวในเมืองก็สบาย
ห้องพักเราเป็นแบบ 4 คน มีเตียง 2 ชั้น 2 เตียง ห้องน้ำในตัว
มีโซนพักผ่อนส่วนกลางให้นั่งเล่นสบายๆ Wifi ฟรี แต่ที่สำคัญคือราคาสบายกระเป๋ามาก แค่ 2,700 NT (ประมาณ 3,000 บาท) อันนี้รวมอาหารเช้านะ ซึ่งถือว่าคุ้มมากสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนฝูงที่มากัน 4 คน
ใครมาเที่ยวไทเปก็ลองพักที่นี่ดูครับ ส่วนใหญ่เรามาเที่ยวก็ใช้ห้องพักไว้สำหรับนอนเท่านั้น กลางวันก็ออกไปเที่ยวอยู่แล้ว ประหยัดค่าที่พัก มีเงินเหลือไว้กิน-เที่ยว-ช็อปก็ไม่เลวนะ
อาหารเช้าที่นี่จะมีให้เป็นขนมปังปิ้งกับข้าวต้มนะครับ
เวลาต้องเดินทางต่างประเทศเนี่ย แอนก็เป็นห่วงเรื่องโภชนาการของลูกๆ บางครั้งมื้ออาหารที่อาจจะมีคุณค่าไม่พอสำหรับเด็กๆ ยิ่งน้องเกรซน้องกายอยู่ในวัยที่กำลังเรียนรู้ เราเลยมักจะพกเจ้าวิตามินไซรัปจากน้ำมันปลาทูน่า ยี่ห้อ เบน ไซรัป (Bain Syrup) ติดตัวด้วยมาเสมอ ช่วยบำรุงสมองและสายตาสำหรับเด็กอายุ 2 – 12 ปี อุดมไปด้วย DHA จากน้ำมันปลาทูน่าสูงถึง 70% (มากกว่าน้ำมันปลาในท้องตลาดถึง 6 เท่า) Omega3 และ Vitamin A , D , E , B12 เสริมสร้างภูมิต้านทาน และกระตุ้นความอยากอาหารให้เด็กได้ดี และที่สำคัญรสชาติกลิ่นผลไม้รวมอร่อย ทานง่าย น้องกายบอกว่าเป็นน้ำขนมครับ
ใครสนใจก็ลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @NutriMaster หรือ Facebook : www.facebook.com/NutrimasterThailand
ภารกิจแรกของการมาเที่ยวที่ไทเป คือการกินบุฟเฟ่ต์ชาบูไต้หวันหมาล่าในตำนานกันครับ
ร้านบุฟเฟ่ต์ชาบูไต้หวันหมาล่านี้ชื่อ Mala Yuanyang Hotpot พิกัดอยู่ที่ย่าน Ximending https://goo.gl/maps/ewyQLjzKQ9M2
ใครจะมาทานร้านนี้ถ้าจะให้ดีต้องจองมาก่อนล่วงหน้า เพราะคิวยาวมาก ขนาดเรามาถึงก่อนร้านเปิดประมาณ 20 นาที ก็ยังได้คิวที่ 3 แต่พอได้เวลาร้านเปิดพนักงานบอกว่าพวกคุณต้องสแตนบายรอลุ้นคิวที่จองไว้ไม่มานะ ยืนรอไปประมาณ 50 นาที จึงจะได้โต๊ะ แหม ลุ้นมาก นึกว่าจะไม่ได้กินซะแล้ว
ราคาบุฟเฟ่ต์ ผู้ใหญ่ วันธรรมดามื้อกลางวันหัวละ NT$ 498 มื้อเย็น NT$ 598 วันหยุดเสาร์ อาทิตย์ NT$ 598 ทั้งวัน เด็กโตครึ่งราคา เด็กเล็ก NT$ 100 ราคานี้ยังมีค่าบริการอีก 10% มาคนเดียวคิดเพิ่ม NT$ 100
ที่สำคัญร้านนี้เปิดถึงตี 5 โอ้วมายก็อต…
วิธีการสั่ง เราจะสามารถสั่งเนื้อในภาพด้านขวาได้ทีละ 4 ถาด แต่กินหมดแล้วก็สั่งต่อได้เรื่อยๆไม่อั้นภายในเวลา 2 ชั่วโมง
และก็จะมีส่วนให้ตักเองตามภาพครับ มีทั้งลูกชิ้น เนื้อสัตว์ ผัก กุ้ง หอย ต่างๆ รวมทั้งเนื้อปลาฉลามด้วย (ทานแล้วไม่ชอบนะ) อาหารที่นี่พร่องอย่างรวดเร็ว แต่พนักงานก็เดินเช็คและเติมตลอดนะแข็งขันดีไม่มีกั๊ก
น้ำจิ้มเค้าเยอะจริงๆ ตอนไปตักยืนงงไปประมาณ 5 วินาที เอาอันไหนดีหว่า
โดยรวมเนื้ออร่อยเลย ที่แนะนำนะ คือ เนื้อ Angus Beef, US Chuck Eye Roll ใครไม่ทานเนื้อแนะนำหมู Boston ครับ เบคอนไม่อร่อย เนื้อ NZ Sirloin ก็ไม่เวิร์ค
แต่ที่ชอบมากคือเนื้อนิ่มมากสุดๆ ไฮไลท์เด็ด คือ มีไอติม Häagen-Dazs และ Movenpick ให้ทานฟรีไม่จำกัด งานนี้บอกเลยครับว่า น้ำหนักขึ้นแน่นอน
อิ่มกันแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวกันต่อ
เรามายังอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค Chiang Kai-shek Memorial Hall เป็นที่แรกเลย
ตรงที่บริเวณนี้จะเป็นลานจัตุรัสกว้างๆ และจะมีประตู 5 หลังคาสวยๆให้ถ่ายภาพกัน
ถ้าพูดถึงบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดที่ในประวัติศาสตร์ไต้หวัน ก็คือ นายพลเจียงไคเช็ค ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐจีน หรือไต้หวันนั่นเอง เดิมทีท่านเจียงไคเช็คปกครองประเทศจีน แต่ได้พ่ายแพ้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน จนต้องหลบหนีมายังเกาะฟอร์โมซาในสมัยนั้น หรือคือดินแดนเกาะไต้หวันในปัจจุบัน
ท่านเจียงไคเช็คมีบทบาทสำคัญทั้งการเมือง,เศรษฐกิจ และการศึกษา อีกทั้งยังเป็นที่รักของชาวไต้หวันมากๆ อาคารที่เห็นในภาพเป็นอาคารที่มีรูปปั้นท่านเจียงไคเช็คนั่งอยู่
ในบริเวณอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค Chiang Kai-shek Memorial Hall จะมีอีกสองอาคารที่ออกแนวจีนๆ ได้แก่ Concert Hall และ National Theater ครับ
ค่ำคืนออกตระเวนกินยามราตรีกันที่ย่านกินสำคัญของไทเป Ximending ที่เป็นศูนย์กลางที่วัยรุ่นมารวมตัวทั้งกินและช็อปกัน จะว่าไปก็คล้ายๆสยามแสควร์บ้านเรานั่นแหละ ที่นี่กลางวันก็ค่อนข้างคึกคัก แต่พอตกดึกนี่ยิ่งคึกคักขึ้นไปอีก ที่นี่เราหาข้อมูลเรื่องกินมาพอสมควร เรียกว่าไม่ต้องทานกันเป็นมื้อ แค่ซื้ออะไรทานจุ๊บจิ๊บรวมๆหลายๆอย่างก็อิ่มตื้อแล้ว
เริมกันที่ไก่ทอดร้านดัง 1973 ที่คนต่อคิวกันยาวพอควร ไก่ทอดร้านนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 1973 นอกจากไก่ทอดยังมีปลาหมึกทอดด้วยแต่ไม่ได้ลองชิมนะ เพราะตั้งใจว่าจะซื้อแต่ละร้านแบบไซส์เล็กมาชิมอย่างละนิดอย่างละหน่อย จะได้ชิมได้หลายๆอย่าง แบบว่าพื้นที่พุงมีจำกัดจ้า ไก่ทอดไซส์เล็ก ราคา NT$ 75 ทอดใหม่ๆร้อนๆเลย แต่ไก่แอบมีกระดูกเล็กๆด้วยนะ ถ้าให้เด็กทานก็ต้องคอยระวังกันสักนิด
พิกัด : https://goo.gl/maps/XWPiMaNHptP2
หนวดปลาหมึกยักษ์ย่าง หอมเย้ายวนมาก น่าทานสุดๆ
เนื้อเผาไฟร้านนี้น่าจะเป็นแฟรนด์ไชส์ร้านดัง เห็นแทบทุกตลาดเลย สั่งมาลองชิมโอเคดีนะ ไซส์เล็ก NT$ 200 เค้าเอาเนื้อชิ้นหนาๆมาตัดแบ่งให้พอดีคำแล้วย่างโดยการพ่นไฟใส่ น้องเกรซนี่ชอบมากทานกันเพลินเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/sqN9s2seJzQ2
ถ้าจะหาน้ำดื่มแก้ฝืดคอแนะนำให้เดินมาลองที่ร้าน Dream Color ร้านนี้เค้าขายน้ำหวานสีสวยดื่มแล้วสดชื่น ราคาขวดละ NT$ 85 ก่อนซื้อลองสำรวจโปรโมชั่นดีๆ เพราะเค้ามีโปรซื้อคู่แค่ NT$ 100 เท่ากับจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อยก็ได้น้ำ 2 ขวดแล้ว ที่คุณนายเธอถืออยู่เป็นน้ำฝรั่งแก้วมังกร กับอัญชัญสตรอเบอร์รี่ สีสวยแถมรสชาติดี บ้านเราชอบมาก โดยเฉพาะน้องกายนี่ตื้อให้พาไปกินตลอด
พิกัด : https://goo.gl/maps/5A8cHxW4eyJ2
มาจบกันที่ร้านสุดท้ายในย่าน Ximending ร้านนี้ชื่อบะหมี่อาจง ดังในหมู่คนไทยมากๆ Ay-Chung Flour-Rice Noodle เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ขาวน้ำข้น น้ำซุปสไตล์กระเพาะปลาและเหมือนเดิมสั่งแค่ถ้วยเล็กพอจ้า ถ้วยนี้ราคา NT$ 55
พิกัด : https://goo.gl/maps/JcppEWYc65r
ร้าน Fuzhou Ancestor Pepper Pie Chongqing ขายซาลาเปาอบในโอ่ง อันนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พักที่พวกเราพักเท่าไหร่นัก รสชาติดีนะเป็นซาลาเปาไส้หมูสับหมักพริกไทยดำ อบแป้งออกมากรอบแห้งไปสักนิด แต่โดยรวมโอเคที่สำคัญไส้เยอะมาก ราคาลูกละ NT$ 50
พิกัด : https://goo.gl/maps/AyFBoAo6Cj82
มาถึงชานมที่เป็นเครื่องดื่มสุดฮิตสำหรับคนไทยที่มีต้นกำเนิดที่ไต้หวันนี้กัน ร้านแรกที่มีหลายคนแนะนำให้ลองคือร้าน 50 ที่เรียกว่าไปไหนมาไหนก็จะเห็นสาขาของร้านนี้เยอะที่สุดก็ว่าได้ ส่วนตัวคิดว่าชานมไข่มุกเฉยมากๆ ชาจางๆไม่มีกลิ่นหอม ใครตั้งใจจะมาโดนชานม แนะนำร้าน Sharetea หรือ ComeBuy รับรองไม่ผิดหวังนะ ส่วนแก้วที่ถืออยู่นั้นเป็นชาแดงใส่ไอศกรีมวานิลลา แก้วนี้รสชาติดีทีเดียว ราคาเริ่มต้นที่ NT$ 50
ส่วนชานมที่ชอบที่สุดในทริปนี้เป็นของร้าน Sharetea อยู่แถวๆ MRT สีแดง สถานี Zhongxiao Dunhua Station เป็นชานมรสเข้มผสมนมสดในสัดส่วนที่ลงตัว ได้ความหอมหวานจากน้ำเชื่อมในตัวไข่มุกเนื้อหนุบหนับ แถมเพิ่มความหอมมันด้วยวิปครีมแบบเข้มข้น คนให้เข้ากันทั้งหมดเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ ในส่วนของราคาก็ออกจะพรีเมี่ยมตามหน้าตาแก้วเลย แก้วละ NT$ 85 จัดไป 2 แก้วแบบไม่ต้องกลัวอ้วนเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/XBNEx3i8byJ2
รุ่งเช้าเรานั่ง MRT ไปลง MRT Taipei Zoo Station เพื่อจะเที่ยวแถบตะวันออกของ Taipei กัน
วันนี้เราจะนั่ง Cable Car พื้นกระจกใสไปเที่ยว Maokong
เวลาเราขึ้นกระเช้าพื้นกระจกใสก็จะสามารถมองเห็นพื้นดินที่มีความสูงพอให้หวาดเสียว
รองเท้าสวยมั้ย SKECHERS ยกทีม เบา นุ่ม สบาย เดินไกลๆได้ไม่ปวดเท้า
กระเช้าวิ่งไปประมาณ 30 นาที ก็ถึงปลายทางที่สถานี Maokong Station แถวนี้เป็นแหล่งปลูกชาที่สำคัญของไต้หวันเลย
เห็นร้านชาเพียบนะ เลือกเอาร้านที่วิวสวยๆ แล้วนั่งจิบชาชมวิว
วิวของเมืองของไทเปจากตรงนี้สามารถมองเห็นตึก Taipei 101 ได้ด้วย ถ้ามีเวลามากพอก็เดินไปเที่ยววัดด้านขวามือของภาพได้นะ
มาแถวนี้อย่าลืมทานกินไอติมชาเขียวที่มีคุกกี้แมว สวยน่ารัก เด็กๆถูกใจกันใหญ่ โคนนี้ NT$ 80
ตกเย็นพาเด็กๆไปปีนเขาช้าง (Elephant Mountain) กัน ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวที่ผมว่าสวยที่สุดละ แต่ทางขึ้นเขาชันมากนะ เดินกันเหนื่อยเหงื่อแตกเลย พาทำเอาเด็กๆและคุณนายแอนงอแงกันใหญ่
ยิ่งค่ำๆยุงก็เยอะ ใครมาเดินก็ควรพกยากันแมลงติดตัวมาด้วยนะ
แต่สุดท้ายขึ้นมาถึงจุดชมวิว คือวิวตึก Taipei 101 จากมุมนี้สวยงามสุดๆ คุ้มค่าที่เหนื่อยปีนเขาขึ้นมาจ้า
รุ่งเช้าอีกวันได้เวลาไปเที่ยวนอกเมืองบ้างนะ ซึ่งการเที่ยวรอบนอกของไทเป+การเดินทางที่เกาะเผิงหู เราได้รับการสนับสนุนจาก เพจเที่ยวไต้หวันกระเป๋าไม่แฟบ Save Money in Taiwan ซึ่งถ้าใครสนใจจะเที่ยวแบบนี้ ติดต่อที่เพจเค้าได้เลยนะ เค้ามีรับจัดทัวร์ Private ครับ
สถานที่แรกมาเที่ยวกันที่อุทยานเย่หลิว Yehliu Geopark
ที่นี่เราจะได้เที่ยวชมหินหน้าตาแปลกประหลาด ทั้งรูปเห็ด,มงกุฎราชินี,เทียนไข ฯลฯ ซึ่งหินรูปทรงแปลกประหลาดนี้ เกิดจากการกัดเซาะของลม ผ่านเวลานับล้านปีเลยทีเดียว
มื้อกลางวัน ทัวร์พาเรามายังคาเฟ่ อัลปาก้า ที่ชื่อว่า OIA Cafe Oia伊亞藝術咖啡館 ย่าน Tamsui กัน
ขึ้นชื่อว่าอัลปาก้า ก็เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆอยู่แล้ว ยิ่งถ้ามีอัลปาก้ามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ยิ่งเก๋เข้าไปใหญ่เนอะ
ความสนุกก็คือเจ้าอัลปาก้าในร้านเนี่ย มันวุ่นวายมาก นางจะเดินไปจนทั่วร้าน เด็กๆจะสนุกกับการป้อนแครอทชิ้นเล็กๆให้เจ้าคอยาวกินกัน และการ Selfie กับอัลปาก้าก็เป็นไฮไลท์ที่สนุกมากของที่นี่เช่นกัน
นอกจากคาเฟ่แห่งนี้จะมีอัลปาก้าแล้ว ยังมีแพะ,ม้าแคระ และลา Donkey อีกด้วย
ร้านนี้น้ำอร่อย เป็นชาผลไม้ กับชามะนาวลูกเล็กๆที่รสชาติเปรี้ยวมาก ดื่มแล้วสดชื่นดี
ส่วนอาหารก็เฉยๆนะ ราคาค่อนข้างสูง เป็นอาหารทานง่ายๆพวกสเต็ก พาสต้า และอาหาร finger food ทานเล่นง่ายๆ เน้นเล่นกับอัลปาก้าเนอะ
อิ่มแล้วนั่งรถมายาวๆ แวะชมภูเขาไฟ Xiaoyoukeng ภูเขาไฟแห่งนี้ยังไม่สงบนะครับ เราจะยังสามารถมองเห็นไอควันร้อนลอยขึ้นมาอยู่เลย
วิวตรงนี้สวยมากครับ
ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก Beitou Thermal Valley ซึ่งย่านนี้เป็นแหล่งน้ำพุร้อน มีที่แช่ออนเซ็นมากมายเลย
ที่นี่มีไอติมผลไม้ เช่น ไอติมสับปะรด, ไอติมเสาวรส อร่อยดีครับไอศกรีมมีเนื้อผลไม้ผสมอยู่ด้วย ซื้อได้ในร้านขายของฝากหน้าทางเข้าเลย
เย็นๆไปเดินเล่นช็อปปิ้งที่ตลาดซื่อหลิน Shilin เป็น Night Market ขนาดใหญ่ที่สุดในไทเปก็ว่าได้ ที่ตลาดนี้ขายของสารพัดทั้งเสื้อผ้า ของกิน เครื่องใช้ อิเล็กทรอนิค คุณภาพก็ตามราคานะ ประมาณเดินจตุจักรและสำเพ็งบ้านเรา มีทั้งของที่ดูดีและบ้านๆก็เลือกช็อปกันตามใจชอบ
น้ำวุ้นไข่กบ หลายๆคนบอกว่าต้องลอง มันคือน้ำสมุนไพรที่มีวุ้นใสๆถ้าใครชอบไข่มุกก็ใส่เพิ่มได้ แก้วละ NT$ 40
โรตีมีให้เลือกหลายไส้แล้วแต่ชอบ นี่สั่งไส้แฮม NT$ 40 อร่อยดี ถ้าไม่ติดว่าอ้วนนี่จะเบิ้ลเลยนะ เพราะเค้าทอดใหม่ๆร้อนๆแป้งนุ่มเชียว
เช้าอีกวันยังคงเป็นทัวร์ที่สนบัสนุนจากเพจเที่ยวไต้หวันกระเป๋าไม่แฟบ Save Money in Taiwan เช่นเคยนะ
เรามาเที่ยวกันที่ Chao Jing Park เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เคยเป็นพื้นที่ทิ้งขยะจำนวนมาก แต่มีการพัฒนาเป็นเป็นแหล่งท่องเที่ยว และอนุรักษ์พันธุ์ปลา
จะมีส่วนของ Aquarium ซึ่ง มีปลาแปลกๆให้ชม เช่นพวกปลาที่มีลักษณะคล้ายก้อนหินครับ
เที่ยวกันต่อที่ Golden Falls หรือ น้ำตกทองคำ ความพิเศษคือ น้ำตกสายนี้มีแร่ทองคำ สมัยก่อนมีการทำเหมืองแร่ทองคำกันเป็นล่ำเป็นสัน และในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครององค์จักรพรรดิให้ความสำคัญกับสายแร่นี้มากและได้เสด็จมาประทับบ่อยครั้ง ปัจจุบันไต้หวันได้อนุรักษ์เหมืองแร่ไว้ ห้ามขุด ห้ามร่อน ห้ามทำเหมือง
ที่จริงมันอยู่ใกล้กับเมืองโบราณจิ่วเฟินมาก แต่อากาศวันนั้นไม่ดีครับ มีทั้งฝน,ลม และหมอกลง จนเราไม่สามารถลงไปเที่ยวได้ เพราะกลัวเด็กๆจะไม่สบาย ไม่เป็นไร ไว้กลับมาคราวหน้าค่อยกลับมาซ่อมเมืองโปราณจิ่วเฟิ่น Jiufen อีกครั้งละกัน
คราวนี้จะมาแนะนำร้านอาหารเด็ดๆให้ฟังกันบ้าง
Sunway เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นตึกแถว เดินจากสถานี MRT Ximending มาไม่ไกล ร้านนี้คนรอคิวยาวมากๆ พวกเราต่อคิวกันร่วมๆ 2 ชั่วโมง กว่าจะได้กิน
พิกัด : https://goo.gl/maps/WNPqo8HbNWJ2
ถ้ามาร้านนี้ต้องสั่งแบบยั้งๆหน่อยนะ เพราะเสิร์ฟมาคำใหญ่ชิ้นใหญ่มาก
มีซุปมิโซะให้ตักซดได้ไม่อั้น ต้องบริการตัวเองนะ อาหารที่เสิร์ฟมาปลาชิ้นใหญ่มาก คุ้มค่าราคาจริงๆ แต่ California Roll ไม่อร่อยนะ
อีกร้านที่แนะนำว่าต้องมาทานให้ได้คือร้าน INPARADISE ตั้งอยู่บนชั้น 46 ของห้าง Breeze ที่หรูหรา ถ้าใครอยากลิ้มลองอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติชมวิวตึก Taipei 101 สวยๆ แนะนำว่าต้องมาลองสักครั้ง แม้จะราคาสูง แต่ขอบอกว่าคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปมาก
ที่นี่เปิดให้บริการวันละ 3 รอบ เที่ยง บ่าย และเย็น
มื้อเที่ยง 11:30-14:00 (วันปกติ NT$1190 วันหยุด NT$1590)
มื้อบ่าย 14:30-16:30 (วันปกติ NT$890 วันหยุด NT$1190)
มื้อเย็น 17:30-21:30 (วันปกติ NT$1590 วันหยุด NT$1790)
ทีเด็ดของที่นี่มีดีที่มีเป๋าฮื้อทำเป็นข้าวต้มรสชาติเยี่ยมที่ต้มชามต่อชามร้อนๆให้เราได้อร่อยแบบไม่มีกั๊ก แนะนำว่าตอนทานใส่ซอส XO ที่เค้าเตรียมให้จะอร่อยขึ้นอีกเท่าตัว
ซีฟู้ดส์ก็จัดว่าเด็ด ทั้งกุ้งและปูเนื้อแน่นเต็มเปลือกเต็มก้ามมากๆ ปูไข่ก็ล้นกระดองเชียว แนะนำว่าให้พกน้ำจิ้มซีฟู้ดส์ไปด้วย มื้อนี้จะต้องพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก
มุมอาหารญี่ปุ่นก็เริ่ด ซูชิขนาดพอดีคำ ปลาสดลายสวย
อีกทีเด็ดเห็นจะเป็นมุมนี้ ที่เดินผ่านไปมาเห็นคนมุมและพร่องตลอด
มุมของทอดพวกเทมปุระต่างๆก็ทอดใหม่ๆให้เห็นกันตรงนั้นเลย น้องเกรซน้องกายชอบกุ้งพันสาหร่ายเทมปุระมากๆ ทานกันคนละหลายตัวเลย
ติ่มซำก็มีขนมจีบ ฮะเก๋า ซาลาเปาที่นี่น่ารักมาก ทำเป็นลวดลายน่าทาน หมีแพนด้าเป็นไส้งาดำ ส่วนลูกเจี๊ยบเป็นไส้ครีม
นอกจากที่เล่ามาจนน้ำลายย้อยกันแล้ว ที่นี่เค้ายังมีมุมปิ้งย่างที่บริการปิ้งหอมๆให้เสร็จสรรพ ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรมตัวใหญ่อบชีส หรือลิ้นวัวย่าง หอยเชลล์ฮอกไกโดก็เริ่ดมาก ทานได้ไม่อั้นเลย ซูชิแบบเผาไฟหรืออะบูริก็มี แถมยังเน้นตกแต่งให้สวยงามรายละเอียดเล็กน้อยก็ไม่เว้น
ส่วนที่เห็นห่อเป็นคำๆพร้อมทานก็เป็น 1 ใน 5 ในเมนูขึ้นชื่อเรื่องเป็ด จะมีทั้งเป็ดปักกิ่ง ซูชิหนังเป็ด ซูชิเนื้อเป็ด ซุปเป็ด และบะหมี่เป็ด
ส่วนเครื่องดื่มก็เรียกว่าจัดเต็มกันไปเลย ราคาที่แจ้งไว้นี้รวมเครื่องดื่ม Soft Drink ทั้งน้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชานม ชา กาแฟ ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ๆๆๆ ยังไม่หมดจ้า เค้ายังมีค็อกเทลให้เลือกดื่มได้อีก พร้อมเบียร์สด HeineKen Extra Cold ที่เย็นจัดถึง -2 องศาเลย
ของหวานก็ละลานตามากๆ อยากจะทานให้หมดทุกอย่างจริงๆ
ที่เด็ดสุดอีกอย่างคือมีไอศกรีม Häagen-Dazs ให้เลือกทานมากถึง 8รสชาติเลย
เมืองต่อมาที่เราไปเที่ยวกันคือเมืองไถจง Taichung นั่นเอง
เดินทางโดยวิธีรถไฟ TRA ค่ารถก็ไม่แพงเลยจากไทเปเที่ยวละ NT$ 375 (เด็ก NT$ 188) แนะนำว่าควรจองล่วงหน้าและจองที่นั่งมาด้วยนะครับ ไม่งั้นอาจจะไม่มีที่นั่งต้องยืนตลอดงานจะเหนื่อยนะ
มาถึงเมืองไถจง แวะมาร้านดัง Miyahara ร้านนี้เป็นร้านอาหารและขายขนมครับ แต่ที่คนเยอะ อาจจะเพราะเค้าจัดร้านเป็นห้องสมุด สวยงามมากครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/uK2Bkg6aZq82
ร้านข้างๆจะมีขายไอติมด้วยนะ ร้านนี้รสชาติเยอะจนเลือกไม่ถูกเลย คิวยาว เค้ามีเอาขนมจากร้านสวยๆมาเป็น Topping นะ
ผมชิมแล้ว รสชาติไอติมก็โอเคนะ แต่ถ้าเทียบกับราคา (สองร้อยกว่า) และเวลาที่เสียตอนต่อคิวแล้ว ชิมครั้งเดียวให้รู้พอ ไม่จำเป็นต้องโหยหามาซ้ำอีก
มาชมที่พักของเราที่เมือง Taichung บ้าง
ครอบครัวเราพักกันที่โรงแรม Trans Inn ห้องกว้างใหญ่ สะอาดและใหม่มาก แถมอยู่ใจกลางถนนสายกินยามค่ำคืนด้วยนะ แนะนำสุดๆครับ
ห้องน้ำในตัวนะครับ
ที่นี่เค้าจะให้เราเลือกอาหารเช้าเป็นชุดแม็คโดนัลนะ ผมว่าก็สะดวกดีทานเป็นกันทุกคน
ใครสนใจลองดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.trans-inn.com
และอย่างที่บอกว่าโรงแรม Trans Inn เนี่ยอยู่กลางดงถนนสายกินยามค่ำคืนเลย
มีร้านรวงทั้งเล็กทั้งใหญ่ เครื่องดื่ม ขนม ของคาวของหวาน ตลอดสายครับ เดินกันสนุกเลย
แต่ที่ทานแล้วชอบมากคือ ร้านขายสเต็กกระทะร้อนครับ เค้าจะย่างเนื้อ หมู หรือไก่ แล้วใส่จานที่มีเส้นอุด้งกับไข่ดาวไม่สุกมา เนื้อนิ่มอร่อยทีเดียว
แถมมีไลน์สลัด ซุป ผลไม้และเครื่องดื่มให้แขกตักทานฟรีคล้ายๆ Sizzler ด้วยนะครับ แต่จะบ้านๆกว่า ราคาจานละNT$ 140
เราเดินทางมาเที่ยว Rainbow Village หรือหมู่บ้านสายรุ้งชานเมืองไถจงกันครับ
การเดินทางต้องนั่งแท็กซี่หรือ Uber จะสะดวกกว่านั่งรถเมล์นะ เพราะรถเมล์นั่งไกลแถมมีเปลี่ยนรถที่ป้ายอื่นด้วย ขาไปผมเรียก Taxi กดมิเตอร์ โดนไป NT$ 360 ส่วนขากลับเรียก Uber จ่ายไปแค่ NT$235 ถ้าเรียก Taxi เค้าจะพยายามให้เราเหมาไปกลับซึ่งคิดแพงมาก จะบอกเราว่าตรงนู้นไม่มีแท็กซี่กลับ ไม่ต้องไปสนใจนะ แท็กซี่เยอะมาก
หมู่บ้านนี้เดิมทีเป็นหมู่บ้านของทหารผ่านศึกครับ ถูกสร้างมาด้วยความเร่งรีบไม่มีความสวยงามเลย แต่มีคุณปู่ หวง หยุง ฝู (ปัจจุบันอายุ 95 ปี) เป็นทหารผ่านศึกเป็นคนวาดภาพทั้งหมด ต่อมาก็เปลี่ยนแปลงเป็นเขตที่พักอาศัย ภายหลังรัฐบาลไต้หวันมีแผน ที่จะปรับปรุงพี้นที่นี้ และย้ายชุมชนออกจากพี้นที่ ดังนั้นคุณปู่ จึงได้วาดรูปภาพประกอบมากมายเพื่อช่วยเหลือ
ผลงานของคุณปู่นอกจากทำให้หมู่บ้านให้รอดจากการถูกย้ายพื้นที่แล้ว ยังทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนแวะมาเยี่ยมเยียนกันเยอะไปหมดด้วย
วาดสวยมาก สีสันสดใสมากมาย
เรากลับมาแถวสถานีรถไฟอีกครั้ง เพื่อมาลองชิมชานมไข่มุกในตำนานของร้าน Chun Shui Tang พิกัด : https://goo.gl/maps/JVFyt9mG8Wk
คือร้าน Chun Shui Tang นี้ เป็นร้านแรกที่ให้กำเนิดชานมไข่มุกขึ้นมาบนโลกครับ ชานมเข้มข้นดีมาก ไข่มุกจะเม็ดเล็กๆหน่อย ทานคู่กับขนมจีบข้าวเหนียว อร่อยดีนะ ใช้ได้เลย
เที่ยวกันต่อที่หมู่บ้านปีศาจ Xitou Monster Village
วิธีการเดินทาง : นั่งรถบัส Nan Tou Bus จาก Taichung ลงสุดทาง Xitou เที่ยวละ 158 NT$ / คน
ตารางรถ : http://www.ntbus.com.tw/en-xitou.html
พิกัดป้ายรอรถ : https://goo.gl/maps/mgXQqBrVmCT2
จุดนี้เป็นป้ายรถเมล์ธรรมดา ต้องคอยมองหน่อยนะ ถ้าไม่แน่ใจโบกไว้ก่อนแล้วถามคนขับเลยว่าไป Xitou หรือเปล่า พวกเราเกือบขึ้นทันเพราะมัวแต่แก้ๆกังๆว่าใช่รถคันนี้มั้ย ต้องถึงกับวิ่งเคาะข้างรถให้เค้าจอดกันเลย
ที่จริงหมู่บ้านปีศาจ Xitou Monster Village มันไม่ได้มีปีศาจอาศัยอยู่เหมือนชื่อหรอกครับ แต่มันเป็นเหมือน Community Mall ที่มี Theme เป็นผีปีศาจมากกว่า
เวลาเราเดินเข้าไปในหมู่บ้านก็จะมีบ้านเรือน และหุ่นผีประดับประดาอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน
ปีศาจจะอยู่ทั่วทุกที่ บนหลังคาก็ไม่เว้น
แต่ปีศาจจะออกแนวน่ารักมากกว่าน่ากลัว
อาหาร-ขนมก็จะทำออกมาเป็นแนวนี้เช่นกัน ลูกชิ้นหัวปีศาจ
ขนมนิ้วคน
ขนมลูกตา (แป้งกับน้ำตาลล้วนๆ ไม่อร่อยนะ เก๋อย่างเดียว)
ที่อร่อยไม่ควรพลาดคือ Tart ไข่สีดำ อร่อยมากเลย ห้ามพลาดนะ ที่ก้นทาร์ตมีเหมือนแป้งโมจิอยู่ด้วย
ชุดกันฝนเค้าแปลกดีนะ
ลัดฟ้ามาเที่ยวที่เกาะเผิงหู Penghu กันบ้าง วิธีการเดินทางมาก็สามารถนั่งเครื่องบินในประเทศจากไทเปหรือไถจงได้เลย
การเที่ยวบนเกาะเผิงหูค่อนข้างจะลำบากหน่อยเนื่องจากไม่มีการขนส่งสาธารณะสำหรับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ หากใครจะมาเที่ยวควรเช่ารถ หรือซื้อทัวร์ผ่านเพจเที่ยวไต้หวันกระเป๋าไม่แฟบ Save Money in Taiwan
ภาพนี้คือ สะพานเผิงหู ที่เคยเป็นอดีตสะพานที่ยาวที่สุดในเอเชีย
ใกล้ๆกับสะพานเผิงหู จะมี Tongliang Great Banyan เป็นต้นไทรใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมจนเต็มบริเวณด้านวัด Baoan Temple เลย
เห็นมันแผ่ใหญ่ขนาดนี้ ตอนแรกนึกว่าต้นมันจะใหญ่มาก แต่ปรากฏว่าตัวต้นกำเนิดไม่ได้ใหญ่มากเท่าไหร่ ถือเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก
มาเดินชมวัด Baoan Temple กัน สถาปัตยกรรมของชาวเผิงหูที่สะท้อนออกมาในการตกแต่งวัดถือว่ามีเอกลักษณ์และสวยงามมาก
ที่แปลกดี คือ บริเวณที่ปักธูปจะมีเสือสามตัว และมีกล่องให้ใส่นามบัตรด้วย โดยเค้าเชื่อว่าจะนำโชคลาภมาให้ธุรกิจ ตำแหน่งการงาน และการเงิน
เที่ยวกันต่อที่ Whale Cave ถ้ำหินรูปทรงแปลกคล้ายปลาวาฬที่ตั้งอยู่ริมทะเล
ตรงนี้ลมแรงมาก หาดเค้าไม่มีทรายนะ จะเป็นลักษณะโขดหินและผาหินครับ
เรามาเที่ยวที่ Erkan Historical Village กันต่อครับ หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ Xiyu ด้านตะวันตกของเผิงหูครับ ด้านในบ้านจะเป็นสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของเผิงหูเลย มีร้านค้าต่างๆ ซึ่งจะคึกคักช่วงฤดูร้อน แต่ช่วงที่เรามาหมดฤดูท่องเที่ยวไปแล้ว ก็จะออกเหงาๆหน่อย
แวะถ่ายภาพไปเรื่อย
เราแวะคาเฟ่น่ารักๆชื่อ Shepherd Café ตกแต่งร้านน่ารักดีครับ
เค้ามีชอร์กแจกให้แขกไปวาดกำแพงบ้านร้างฝั่งตรงข้ามร้านได้ด้วย แบบนี้งานโฆษณาต้องมา 555
มาเที่ยวต่อกันที่วัดต้ายี่กงกันต่อ หน้าวัดสวยมากอ่ะ
วัดนี้มีความพิเศษกว่าวัดไหนๆ เพราะมีบ่อเต่ายักษ์ที่สวยงามมากๆครับ
เต่าพวกนี้ตัวใหญ่มาก เด็กๆยืนดูกันอยู่นานสองนาน ชอบกันมากๆ
แวะมาเที่ยวต่อกันที่ Yuwengdao Lighthouse ประภาคารโบราณที่ตั้งอยู่บริวเณจุดยุทธศาสตร์ทหาร เนื่องจากเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับประเทศจีนที่เป็นคู่อริทางการเมืองกัน
ปิดท้ายวันด้วยการไปฝึกขี่ม้ากัน เริ่มด้วยการใส่เครื่องแต่งกายต่างๆทั้งหมวกและรองเท้า เท่มากๆเลย
แล้วเค้าก็จะให้ทดลองขี่ม้าจริงๆ สอนวิธีหยุดม้า บังคับม้า เด็กๆชอบมากๆ
มาชมที่พักของครอบครัวเรากันบ้าง กับที่พักแสนสวยที่ชื่อว่า Greek Frontier Villa
Greek Frontier Villa เป็นโรงแรมแนวบูทีคที่ตั้งใจออกแบบให้บรรยากาศเหมือน Santorini ที่ประเทศกรีซเลย
บริเวณต่างๆเก๋มาก ถ่ายรูปกันสนุกเลย
ห้องพักสวยมากครับ มีเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียง นอนกัน 4 คนสบายเลย
เช้าวันต่อมาพวกเรามาทานอาหารเช้าที่ในเมือง Magong เป็นถนนที่มีขายอาหารเช้าเรียงรายกันหลากหลาย น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ รสชาติเหมือนบ้านเราเลย
มาที่ร้านชานม COMEBUY เป็นร้านชานมต้นตำหรับของเกาะเผิงหู ถ้าให้เปรียบเทียบร้านชานมราคาไม่แพง (ราคาประมาณ NT$ 50) ขอยกให้ร้านนี้ชนะเลิศเลย ด้วยตัวชาที่มีความเข้มข้นและหอมชามากกว่าร้านอื่นๆ แถมไข่มุกนอกจากมีแบบปกติ แล้วยังมีไข่มุกมัน ไข่มุกเผือกอีกด้วย แปลกดี
ร้านนี้มีสาขาอยู่ที่ไทเปด้วยนะ บอกเลยว่าดีงามมาก
มาเดินย่าน Zhongyang Street ถนนโบราณของเมือง Magong กัน ในภาพคือบ่อน้ำเก่าอันแรกของที่นี่เลย แต่หน้าตาเหมือนส้วมชะมัด เลยขอเล่นกันหน่อยนะ 5555
ถ้าเดินตามข้างทางของกินอีกสิ่งที่เราเห็นบ่อยๆนั่นคือไข่ต้มใบชา เห็นได้แม้กระทั่งในมินิมาร์ท ลองทานดูก็โอเคเลยไม่ต้องเหยาะซอสปรุงรสเลย
แล้วเราก็มาชมวัด Penghu Mazu Temple ซึ่งถือเป็นวัดแห่งแรกที่เก่าแก่ที่สุดของไต้หวันเลย ภายในเก่าแก่และขลังมาก
ไอติม Cactus ก็เป็นอีกของกินเล่นที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเกาะเผิงหู ไอติมน้ำทำจากดอกของต้นกระบองเพชร ทำเป็น Sherbet Ice Cream ที่มีรสชาติอมเปรี้ยวเบาๆ ถ้ามาหน้าร้อนต้องหมดเงินกันไอติมนี้เยอะมากแน่ๆ เพราะทานแล้วสดชื่นมากๆ
ที่เที่ยวต่อมามาเรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเผิงหูกันที่ Penghu Living Museum
คือด้านในเค้าทำดีมากนะ จัดแสดงได้น่าสนใจ โดยรวมชาวเผิงหูนี่มีวิถีชีวิตผูกพันกับทะเลมากๆ ทั้งอาหารการกินและวิถีชีวิตประจำวันเลย
ปิดท้ายทริปกินแหลกนี้ด้วยการนั่งเรือชมวิวไปย่างหอยนางรมที่เก็บขึ้นมาสดๆบนโป๊ะเรือกลางทะเล แหม่ ถ้ามีน้ำจิ้มซึฟู้ดส์ของไทยไปด้วยนี่เด็ดเลย
เค้ามีให้ตกปลาด้วยจ้า เด็กๆสนุกกันใหญ่
ลากันไปด้วยภาพ Xiying Rainbow Bridge จาก Guanyin Pavilion Leisure Park เป็นอันจบทริปไต้หวันไปอย่างสมบูรณ์
ขอขอบคุณที่อ่านมาจนจบ หวังว่าคงจะได้รับข้อมูลที่จำเป็นในการเดินทางและความสุขกลับไปไม่มากก็น้อย ใครมีคำถามอะไร แวะมาทักทายสอบถามกันได้ที่ https://www.facebook.com/2Madames
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป