เที่ยวตุรกี หรือ เที่ยวตุรเคีย (ชื่อประเทศใหม่ตามสหประชาชาติปี 2022) น่าจะเป็นประเทศน่าเที่ยวที่กระแสมาแรงมากในยุคหลังโควิด ด้วยระเบียบการเข้าประเทศที่ง่ายดาย คนไทยไม่ต้องขอวีซ่า และตุรเคียก็เปิดประเทศอย่างเต็มที่สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด
ส่วนที่เที่ยวอย่างอิสตันบูล,คัปปาโดเกีย,ปามุคคาเล่ ก็สวยงามมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกหลายที่ แถมด้วยค่าครองชีพของตุรเคียก็ไม่แพง กินอยู่ประหยัดสบายกระเป๋า เดินทางท่องเที่ยวก็สะดวกสบาย แหม่… มันลงตัวทุกอย่างแบบนี้ เรียกว่าใครๆก็อยากไปเที่ยวตุรเคียเนอะ มาครับ ตามมาอ่านรีวิวคู่มือการท่องเที่ยวตุรกีหรือตุรเคีย 9 วัน 10 คืน ในงบ 80,082 บาท ต่อ 5 คน (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับจากกรุงเทพนะ) หารต่อคน เหลือ 16,016 บาท ต่อ 9 วัน อืม… ถูกสุดๆไปเลย
จะสนุกสนานแค่ไหน ตามไปเที่ยวตุรเคียกันเลยจ้า
การเดินทางของเราครั้งนี้ที่จริงเดินทางยาว 17 วัน เดินทางสองประเทศคือ ตุรกี หรือตุรเคีย และประเทศจอร์เจีย แต่ในรีวิวนี้จะเป็นส่วนของตุรเคียเท่านั้นนะครับ สำหรับจอร์เจียเดี๋ยวลงรายละเอียดในรีวิวถัดไปครับ
แผนการเดินทางท่องเที่ยวตุรกีหรือตุรเคีย และเที่ยวจอร์เจีย 17 วัน
(ที่จริงแผนค่อนข้างหลวมนะ เนื่องจากเรามีเด็กเล็ก ใครที่จะตามรอยสามารถลดวันได้อย่างน้อย 2-3 วันเลย)
17 เม.ย. 65 – เดินทางจากประเทศไทย สู่อิสตันบูล ประเทศตุรเคีย ด้วยสายการบิน Turkish Airlines
18 เม.ย. – ถึงอิสตันบูล แล้วบินต่อในประเทศไปลง Kayseri Airport ภูมิภาค Cappadocia รับรถเช่าแล้ว ขับไปเดินเล่นเมือง Goreme พักที่ Nessa Cave Hotel 3 คืน
19 เม.ย. – ถ่ายรูปกับรถโบราณ เที่ยว Goreme Open-Air Museum แวะคาเฟ่ ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ ทานข้าวร้านวิวเทพ Dream Spot Cappadocia Restaurant ชมวิว Uchisar Castle
20 เม.ย. – จองบอลลูนไว้แต่อากาศไม่ดี อดขึ้น เที่ยว Kaymakli Underground City แวะชมวิว Pigeon Valley ชมพระอาทิตย์ตกที่ Sunset view point
21 เม.ย. – ชมบอลลูนขึ้นตอนเช้าตรู่ ขับรถต่อไปเมือง Konya เที่ยวพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ Konya Science Center พัก Paşapark Hotels & Residence Selçuklu
22 เม.ย. – เที่ยว Hierapolis Pamukkale Denizli พัก Otel Laodikya
23 เม.ย. – เที่ยว Ephesus แล้วพักที่เมือง İzmir
24 เม.ย. – มุ่งหน้าสู่ Istanbul คืนรถแล้วเข้าที่พัก
25 เม.ย. – เที่ยว The Blue Mosque / Hagia Sophia ทานข้าวร้าน Seven Hills Restaurant เดินเล่น Grand Bazaar
26 เม.ย. – เที่ยวสวนแมว Nişantaşı Parkı (Kedili Park) กินชีสเค้กที่อร่อยที่สุดในโลกที่ร้าน B.BLOK Bakery เดินเล่น Taksim Square / Galata Tower / ตรอกคาเฟ่ร่ม Levanten Karaköy ชมวิวจากสะพาน Galata Bridge
———รีวิวนี้จะเป็น Part ด้านบนนี้นะครับ ส่วนด้านล่างจะเป็นรีวิวเที่ยวจอร์เจียซึ่งจะเป็นตอนถัดไป———–
27 เม.ย. – บินจากอิสตันบูลไปทบิลิซี Tbilisi ประเทศจอร์เจีย Georgia เดินเล่นในเมือง
28 เม.ย. – ขับรถขึ้นเหนือแวะเที่ยว Ananuri Fortress Complex / Gudauri View Point / Russia-Georgia Friendship Monument / นอนที่ Kazbegi หรือ Stepantsminda
29 เม.ย. – รถติดหล่มหน้าที่พัก พายุถล่ม น้ำท่วมถนน ประคองตัวกับ Tbilisi พักผ่อนร่างกาย
30 เม.ย. – เที่ยว Jvari Monastery / Chronicle of Georgia / Gardenia Shevardnadze / Holy Trinity Cathedral of Tbilisi ทานมื้อเย็นที่ Stamba Hotel
1 พ.ค. – เที่ยว Mother of Georgia / Bridge of Peace / ขึ้นบอลลูนที่ Rike Park / ย่าน Old Town / Orbeliani Baths
2-3 พ.ค. – ขึ้นเครื่องบินกลับไป Istanbul แล้วต่อเครื่องกลับประเทศไทย
เตรียมตัวก่อนการเดินทาง
1.) วีซ่า คนไทยที่ถือพาสเปอร์ตไทย สามารถเดินทางเข้าประเทศตุรเคียได้ไม่เกินครั้งละ 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า แค่ส่งพาสเปอร์ตให้ ต.ม. แล้วเดินเข้าประเทศได้เลย
2.) มาตรการโควิด (พ.ค. 65) ต้องกรอกแบบฟอร์ม https://register.health.gov.tr/ พร้อมพิมพ์ออกมา ภายใน 72 ชม. ก่อนเดินทาง / และวัคซีนพาสเปอร์ตเล่มสีเหลือง (อันนี้เป็นตอนผมเดินทางไปนะ ควรอัพเดตข้อมูลก่อนเดินทางอีกครั้ง)
3.) อินเตอร์เนต หากใช้งานหลายเครื่อง แล้วขี้เกียจไปหาซิมให้วุ่นวาย ก็สามารถเตรียมเช่าจากประเทศไทย ไปถึงก็เปิดเครื่องใช้งานได้เลย เราเช่าของ Samurai Wifi
หากใครต้องการโทรด้วย เล่นเนตด้วย ก็สามารถซื้อซิมที่สนามบินได้เลย ของ TURKCELL ราคา 550 ลีรา (ประมาณ 1,300 บาท) ใช้งานได้ 20 GB
4.) แลกเงิน แนะนำให้แลกเป็น US Dollar หรือ EURO จากไทยไปก่อน แล้วไปหาแลกเป็นเงินลีรา (TRY) ตามร้านแลกเงินที่นั่น โดยตอนที่ผมไป 1 ลีรา = 2.4 บาท (เม.ย. 65) โรงแรมหรือการขึ้นบอลลูน ส่วนใหญ่ต้องจ่ายเป็น USD หรือ Euro นะครับ
5.) ค่าครองชีพของตุรเคีย ค่อนข้างถูกมาก โดยเฉพาะห้องพักและอาหารต่างๆ เรียกว่าพอๆกับเมืองไทย จะถูกบ้างแพงบ้าง บวกลบเล็กน้อย ทานอาหารในแหล่งท่องเที่ยวก็พอๆกับภัตตาคารเมืองไทย ประมาณนั้น
เรามีราคาของต่างๆในซุปเปอร์มาร์เก็ตเป็นตัวอย่างให้ชมกัน
- นมสด 1 ลิตร ประมาณ 25 บาท
- Kitkat แท่งละประมาณ 9 บาท
- น้ำดื่มยี่ห้อธรรมดา ขวดละ 4 บาท
- โค้กกระป๋องละประมาณ 15 บาท
ไข่ไก่แผง 30 ฟอง 120 บาท
Starbuck ช็อกโกแลตปั่นแก้วละประมาณ 98 บาท
จะเห็นได้ว่าราคามันไม่แพงเลยเนอะ แถมบางอย่างถูกกว่าเราด้วย
ปล. ล่าสุดเห็นว่าค่าเงินลีราอ่อนค่าลงไปอีกด้วยนะ ยังไงก็ลองเทียบดูอีกทีก่อนเดินทางนะครับ
มาชมวิดีโอกันดีกว่าเนอะ
ผ่านการเตรียมตัวเที่ยวตุรกีกันไปแล้ว ถึงเวลาเดินทางเสียที
ทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Turkish Airlines บินตรงไม่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง จากสุรรณภูมิสู่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรเคียกัน
หากจะให้คะแนนสายการบิน Turkish Airlines ต้องบอกว่าประทับใจนะ เก้าอี้กว้างพอประมาณ บริการดี อาหารอร่อยใช้ได้เลย แถมหนังบนเครื่องค่อนข้างใหม่เลย
ปกติราคาบินตรงแบบนี้ประมาณสองหมื่น-สามหมื่นบาท แต่ช่วงที่ผมเดินทางเป็นช่วงโควิดเลยได้ราคาแค่หมื่นสามกว่าๆ แหม ประหยัดดีจริงๆ
ถึงประเทศตุรเคียแล้ว เราบินในประเทศต่อจากอิสตันบูล บินต่อในประเทศไปลง Kayseri Airport ภูมิภาค Cappadocia รับรถเช่าแล้ว ขับไปเดินเล่นเมือง Goreme
วิธีการเดินทางของเราในทริปนี้ใช้เช่ารถขับ เพราะเรามีเด็กเล็กและสัมภาระค่อนข้างเยอะ
รถเช่าของเราเช่าจากบริษัทที่อยู่ในสนามบิน Kayseri Airport แล้วขับรถยาวๆไปคืนรถที่ Istanbul เลย โดยรถเช่าเป็นของยี่ห้อ Pandora แต่เราไม่ค่อยแนะนำ เพราะรถค่อนข้างสกปรก (เจ้าหน้าที่อ้างว่า เมืองเค้าเป็นเมืองทะเลทราบ ฝุ่นก็เยอะแบบนี้แหละ อืม…)
โชคไม่ค่อยดีที่มาถึงคัปปาโดเกียวันแรกก็เจอกับอากาศที่ไม่ค่อยจะเป็นใจ พายุทะเลทรายพัดมาถล่มเมือง จนเที่ยวต่อไม่ได้ วันแรกก็เลยไม่ค่อยจะได้ภาพอะไรเท่าไหร่
มื้อแรกที่เดินทางถึงมาชิมอาหารพื้นเมืองแบบตุรกีแท้ๆกันหน่อย อาหารมื้อแรกก็โดนพวกเคบับมีทั้งไก่และเนื้อ,Meat Ball รสชาติไม่เลวเลย ที่จริงนับว่าถูกปากพวกเราพอสมควร ยิ่งพวกไก่ย่างเนี่ย ประเทศนี้เมืองนี้ทำอร่อยมาก
ร้านแนะนำในเมือง Goreme : Kebap Dünyası
พิกัด : https://g.page/Kebappci?share
ส่วนที่พักของเราในเมือง Goreme คือ โรงแรม Nessa Cave Hotel ห้องพักออกแบบเหมือนเป็นถ้ำเลย (น่าจะไม่ใช่ถ้ำจริง)
น้องเกล็นโพสนายแบบ 1 เซท
ปกติที่เมือง Goreme จะมีร้านพรมที่เค้านิยมไปถ่ายภาพกัน อย่างร้าน Galerie İkman ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่เน้นขายพรมแล้ว เพราะเก็บเงินค่าถ่ายรูปได้มากกว่า เราไม่ได้ไปนะครับ เพราะหลายคนที่เคยไปบอกว่าค่อนข้างแพงและเจ้าของชอบมายืนกดดัน
ส่วนภาพห้องพรมเซทนี้ถ่ายฟรีครับ เพราะที่โรงแรม Nessa Cave Hotel เค้ามีให้เข้าไปถ่ายภาพฟรี
ค่ำคืนผ่านไปรุ่งเช้าที่จริงเรามีนัดจะไปขึ้นบอลลูนกัน แต่สภาพอากาศไม่ดี เค้ายกเลิกไฟล์ททั้งหมด เลยตื่นเช้าฟรีเลย
ผิดหวังเล็กน้อย กลับโรงแรมมางีบกันก่อน สายๆไปเช่ารถโบราณถ่ายภาพเล่นกัน ร้านเช่ารถชื่อ Cappadocia Life Travel เราไปแชร์กับเพื่อนๆคนไทยที่ไปเจอกันที่นั่นในราคา คันละ 60 USD มีเวลาให้ 2 ชั่วโมง มีคนขับรถขับพาไปนอกเมืองด้วย
พิกัด : https://g.page/cappadocia-life-travel?share
ถ่ายกับรถเช่าโบราณเสร็จก็มาเที่ยวกันต่อที่ Goreme Open-Air Museum
พิกัด : https://goo.gl/maps/knHHidZ7Qb9jGw9j8
Goreme Open-Air Museum เป็นภูเขาที่ถูกขุดเจาะเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของคนที่นี่ระหว่าง ศริสต์ศตวรรษที่ 4-13 บางส่วนใช้เป็นโบสถ์และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1985
มันกว้างอยู่นะ แต่ว่าแต่ละถ้ำก็จะคล้ายๆกัน เราจึงไม่ได้เข้าทุกถ้ำหรอก เข้าแค่ไฮไลท์ๆพอ ในส่วนห้องที่เป็นตกแต่งเป็นโบสถ์และมีภาพพระเยซูบางส่วนก็ถูกทำลาย แต่ยังคงสวยงามมากนะ ควรค่าแก่การเข้าไปชมมากๆ น่าเสียดายที่ไม่สามารถบันทึกภาพด้านในมาให้ชมกันได้
เที่ยวต่อเลยดีกว่า เรามาจิบชากันต่อที่คาเฟ่ ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ อันนี้เป็นคาเฟ่ริมหน้าผาที่มีมุมถ่ายภาพเพียบเลย ตอนแรกนึกว่ามีอาหารขายด้วย แต่ไม่มีนะ มีขายแต่พวกชา-กาแฟ น้ำผลไม้ ขนม เครื่องดื่มต่างๆ
ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ พิกัด : https://goo.gl/maps/zNz2Tq6eHutjmpXSA
ไฮไลท์อยู่ที่วิวของ ETHEM USTANIN YERİ SEYİR TEPESİ คือเราสามารถชม Uchisar Castle ได้อย่างสวยงาม
มื้อกลางวันแบบเลทๆ (ปาไปบ่ายแก่ของเรา) เรามาทานกันที่ร้าน Dream Spot Cappadocia Restaurant กัน ร้านนี้มีทีเด็ด คือมีวิวที่สามารถชมเมือง Uchisar ได้อย่างงดงาม
ร้าน Dream Spot Cappadocia Restaurant พิกัด : https://goo.gl/maps/RNSVNyW86VMfkW9j6
ราคาอาหารจัดว่าแพงสำหรับที่ตุรกีนะ แต่ถ้าเทียบก็ประมาณภัตตาคารหรูๆที่ไทยนั่นแหละ
ส่วนรสชาติดีทุกจาน อาหารแต่ละจานพอชั่นใหญ่มาก เกรซกายสั่งสปาเก็ตตี้คนละจานนี่คือพ่อแม่แทบจุก เพราะทานกันแค่คนละครึ่งจานก็อิ่มแล้ว
จานซ้ายมือเป็น Cream with Chicken Taglitelli ราคา 95 TRY (230 บาท) รสชาติดีครีมเข้มข้นแต่ทานเยอะๆแอบเลี่ยนพาเมซานชีสที่ใส่มาอย่างหนักหน่วงไปหน่อย
จานกุ้ง Casserole Shrimp 195 TRY (470 บาท) คือเมนูกุ้งผัดกระเทียมกับผิวมะนาว ผิวส้ม ทานแล้วสดชื่นดี มีรสเครื่องเทศเผ็ดเบาๆแบบเด็กทานได้ ให้มาเยอะมากแบบกุ้งอืดเต็มท้องเลย
ส่วนพาสต้าอีกจานเป็น Soy Sauce Tenderloin Penne 105 TRY (250 บาท) เส้นเพนเน่ลวกมาได้พอดีสุดๆ ผัดกับเนื้อเทนเดอลอยน์บด คือหอมมาก ดีงามเลย
Dream Special Steak 260 TRY (630 บาท) สเต็กเนื้อ Tenderloin โปะชีสมาเยิ้มๆและราดน้ำเกรวี่ฉ่ำๆ เนื้อนุ่มย่างมาได้ medium แบบพอดีๆ เสิร์ฟข้าวมาด้วยถูกใจมาก
วิวนี่สวยสุดๆแล้ว
วิวเมือง Uchisar จากมุมสูง สวยสุดๆไปเลย
ใครเหลือเวลาแนะนำให้ไปจิบชาแอปเปิ้ลกันต่อนะ เป็นคาเฟ่เล็กๆ แถวๆนั้น ร้านชื่อ Tipiktürkevi ที่นี่ไม่มีอาหารหรือเบเกอรี่ขายนะ ไปแค่จิบเครื่องดื่มชมวิวเท่านั้น
พิกัด : https://goo.gl/maps/v3pg7eThhYD699Jk8
แวะให้เด็กๆขี่อูฐกันหน่อย
มาเที่ยวนอกเมืองกันบ้างนะ Kaymakli Underground City อีกหนึ่งมรดกโลกของ Cappadocia
พิกัด : https://goo.gl/maps/PdFurMxfS2QjDSYGA
ที่นี่เป็นเมืองใต้ดินขนาดใหญ่ มีคนอยู่อาศัยในช่วงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสต์ศักราช
อุโมงค์ในเมืองใต้ดินมีความสลับซับซ้อนมาก คนในสมัยนั้นใช้ในการหลบหนีจากศัตรู
จะมีลูกศรแยกสีว่าจะไปต่อหรือจะไปทางออก คือถ้าเดินมั่วมีหลงทางนะ ด้านในค่อนข้างแคบและบันไดเยอะมาก มีเด็กเล็กหรือคนชราเดินไม่ไหว ไม่แนะนำนะ หรือจะเดินแค่ Course เล็กๆก็พอ
ก่อนกลับเมืองเราแวะเที่ยว Pigeon Valley จุดนี้เป็นบ้านของนกพิราบหลายร้อยตัว และมีวิวสวยๆให้ชมด้วยนะ
Pigeon Valley พิกัด : https://goo.gl/maps/nFHQaEpJ5zNiecuY8
เจ้าวงกลมสีฟ้าๆนี่เค้าเรียกว่า Evil eye เป็นตัวแทนของความโชคดีครับ เป็นหนึ่งในของฝากยอดฮิตของตุรกีเลย ทุกร้านมีขายหมด เอามาทำเป็นพวงกุญแจบ้าง สร้อยข้อมือ สร้อยคอ Magnetบ้าง
ตกเย็นขึ้นมาที่ Goreme Sunset view point กัน สามารถเดินขึ้นมาได้ หรือถ้าขับรถขึ้นมาจอดก็ได้ เสียค่าจอด 15 TRY
พิกัด : https://goo.gl/maps/iRxmQornWMggjSEB6
Goreme Sunset view point ถือเป็นที่นิยมมาชมพระอาทิตย์ตกกัน หากจะขึ้นมารอเวลาชมพระอาทิตย์ตกนานๆ แนะนำพกเครื่องดื่ม แสน็คติดมาด้วยก็ดี เพราะบนนี้ขายราคาแรงอยู่จ้า
วิวเมือง Goreme ยามพระอาทิตย์อัสดงช่างงดงาม
เช้าวันใหม่เราตื่นเช้าเพื่อมารอดูบอลลูนกันจาก Rooftop โรงแรมของเรากัน
เราเฝ้ารอให้บอลลูนขึ้นทีละลูกทีละลูก พระอาทิตย์ก็กำลังจะขึ้นมาจากขอบฟ้า ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก
บนดาดฟ้าของ Nessa Cave Hotel วันนี้บอลลูนผ่านมาทางนี้ค่อนข้างน้อยครับ อาจจะเป็นเพราะลมพัดออกนอกเมืองหรือเปล่าไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็มีบอลลูนบินผ่านมาพอถ่ายรูปได้บ้างเล็กน้อย
เราเช็คเอ้าท์มุ่งสู่เมือง Konya อันที่จริง Konya นี่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่จะใช้วิธีเดินทางแบบ Overnight Bus ข้ามไป Pamukkale เลย
แต่ภรรยาของผมบอกว่าไม่อยากนั่งรถนอนแบบนั้น เพราะเรามีเด็กเล็กอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เราจึงใช้วิธีขับรถยาวครับ
พอถึงเมือง Konya เราแวะเที่ยวที่ Konya Science Center
พิกัด : https://g.page/konyabilim?share
ค่าเข้านับไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ไม่แพงเลยคนละหลักสิบเอง
ที่นี่เหมาะกับเด็กๆมาก มีอะไรให้ทดลองเล่นเต็มไปหมด ใหญ่พอสมควรกว่าจะเดินเล่นจนทั่วก็เป็นชั่วโมงนะ
ไปรับชมคลิปกันดีกว่า
ตกเย็นเข้าห้างไปชิมพิซซ่าตุรกีกัน ถาดนี้ 28.98 TRY (ตกประมาณ 70 บาท) อร่อยใช้ได้เลย แถมชิ้นใหญ่อิ่มกันจุกๆไปเลย
รุ่งเช้าวันใหม่ มุ่งหน้าตรงสู่ Pamukkale กัน
พิกัด : https://goo.gl/maps/whsjDhMvGWeQnPuf8
ทางเข้าจะมีเมืองกรีซโบราณอย่าง Hierapolis ซึ่งเป็นอีกมรดกโลกของตุรเคีย
แม้เมืองส่วนใหญ่จะเสียหายไปมาก แต่ก็สวยงามไม่น้อย
มาถึงไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ Cotton Castle หรือปราสาทปุยฝ้าย
โดยที่เห็นเป็นชั้นๆที่เกิดจากแร่คาร์บอนเน็ต
วิวมองลงไปสวยมาก
นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปเที่ยวและเล่นน้ำได้นะ แต่ห้ามใส่รองเท้าเดินนะ ต้องเดินเท้าเปล่า แนะนำให้เตรียมผ้ามาเช็ดแห้งด้วยนะ
ภาพชมภาพครอบครัวที่ Pamukkale กันนะ
น้องเกล็นกับน้องกายเตรียมชุดว่ายน้ำมาเล่นน้ำเลย
คนนี้สนุกที่สุด
ขอเก็บภาพคู่บ้างนะ
ผมเป็นคนชอบอุ้มภรรยาครับ ไปไหนมาไหนเจอวิวสวยๆ ก็ต้องอุ้ม อุ้มมาแล้วทั่วโลก
และนี่ก็เป็นการอุ้มที่สวยงามที่สุดอีกครั้ง
ทิ้งท้ายอีกภาพก่อนกลับนะ
มาชมคลิปบรรยากาศกันแบบวิดีโอบ้างครับ
หากใคร Road Trip ไปเส้นทางระหว่างเมือง Kusadasi และ Denizli ทางผ่านไปแถวๆเมือง Aydin จะมีไร่สตรอเบอร์รี่ ละแวกนั้นสองข้างทางจะมีเพิงขายสตรอเบอร์รี่ลูกโต๊โต กก.ละ 35 TRY (85บาท) เท่านั้น ลูกโตหวานฉ่ำมาก
โปรแกรมเที่ยวต่อไปของครอบครัวเรา ก็คือ Ephesus อีกเมืองโบราณหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากๆ
Ephesus พิกัด : https://goo.gl/maps/nZ8mQtsW7o5Grimq6
และที่พลาดไม่ได้เลยคือ Ephesus Ancient Greek Theatre โรงละครที่เป็นหนึ่งใน Landmark สำคัญของที่นี่
และมุมมหาชนที่ต้องมาอีกจุดก็คือ Library of Celsus
แถวนี้ถ่ายภาพสนุกมาก แต่เดินไกลพอสมควรนะ ใครมีรถเข็นเด็กถนนบางช่วงค่อนข้างเข็นยากนิดหน่อย ฟิตร่างกายมาหน่อยนะครับ
ทิ้งภาพสุดท้ายก่อนเดินทางไปพักที่เมือง Izmir นะครับ
ชมบรรยากาศแบบคลิปกันดีกว่า
จาก Izmir ที่จริงอยากจะแนะนำให้คนที่จะตามรอย คืนรถเช่าที่นี่แล้วขึ้นเครื่องบินไปจะสะดวกกว่านะครับ ตอนที่ผมทำการบ้าน ดันไม่รู้ว่ามีไฟล์ทกลับอิสตันบูลจาก Izmir ด้วย เลยต้องขับรถเช่ายาว เหนื่อยและเสียเวลาอีก
ที่อิสตันบูล เราคืนรถเช่าแล้วใช้วิธีนั่งแท๊กซี่+เดินแทนนะครับ
เริ่มที่เที่ยวแรกกันเลย The Blue Mosque หรือ the Sultan Ahmed Mosque มัสยิดแห่งนี้มีอายุกว่า 400 ปี และมีความสำคัญทางศาสนาอย่างมาก
ช่วงที่ผมไปด้านในซ่อมแซมอย่างหนัก เข้าไปมองเห็นแต่สแลนครับ ใครที่จะเข้าไปเที่ยวผู้ชายควรแต่งตัวสุภาพ ผู้หญิงห้ามใส่ขาสั้น และต้องพกผ้าคลุมหัวด้วยนะ
The Blue Mosque พิกัด : https://goo.gl/maps/zGfvjAQ6zyRUaea56
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นที่ตั้งของ Hagia Sophia มหาวิหารหลวงอายุ 1,400 ปี เคยเป็นโบสถ์ มัสยิด พิพิธภัณฑ์ และกลับไปเป็นมัสยิดอีกที 555
ช่วงที่ไปเดือน เม.ย. Istanbul จะมีดอกทิวลิปสวยๆให้ชมด้วยนะ
เข้าไปชมด้านในบอกเลยว่าร้องว้าวเลย สวยมากๆ
หากใครอยากชมวิวสวยๆของทั้ง The Blue Mosque และ Hagia Sophia แนะนำให้มาทานอาหารที่ Rooftop ของร้าน Seven Hills Restaurant
พิกัดร้าน Seven Hills Restaurant : https://g.page/SevenHillsRestaurant?share
นี่เป็นการตากแดดทานข้าวครั้งแรกของเรา แต่วิวดีขนาดนี้ก็ยอมจ้ะ อาหารที่นี่ราคาค่อนข้างสูงและให้ปริมาณน้อย อาจสั่งแค่เมนูง่ายๆหรือเครื่องดื่มเพื่อขึ้นไปถ่ายรูปก็พอจ้าาา แต่ถ้าใครไม่อยากตากแดดก็มีชั้นล่างให้นั่งระหว่างรออาหารค่อยเดินขึ้นมาถ่ายรูปได้นะ มื้อนี้จ่ายไป 835 TRY (2,000 บาท) ได้ทานปลาย่าง, สเต็กแซลมอน, กุ้งผัดน้ำมันมะกอก(ปริมาณน้อยมาก), เฟรนฟราย, ชาแอ็ปเปิ้ล และน้ำเปล่า
วิวสวยๆแบบนี้ต้องที่นี่จริงๆ
ที่สนุกอีกอย่างคือสามารถนำเศษอาหารมาป้อนอาหารนกได้ บางตัวสามารถบินโฉบ
ถ่ายกับ Hagia Sophia บ้าง
วิวฝั่งทะเลก็งามซะ อาหารแพงหน่อย แต่ถือว่าจ่ายค่าวิวแล้วกันครับ
เดินมาอีกหน่อย ผ่านหน้าประตู Topkapi Palace Museum แต่เราไม่ได้เข้าไปเที่ยวนะครับ
พวกเราเดินเรื่อยๆมาย่านโรงแรม Kybele Hotel เป็นอีกสถานที่ยอดฮิตที่คนแวะมาถ่ายรูปกัน มีตึกสีสันสวยๆ มีร้านอาหารและคาเฟ่เรียงรายหลายร้านเลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/BCLQBYjr4KXhNshGA
นอกจากร้านโทนสีลูกกวาดน่ารักๆแล้ว ขนมเครื่องดื่มเค้าก็ไม่แพง ชาแก้วละ 15 TRY (36 บาท) ราคานี้มีตกแต่งดอกไม้ มีเสิร์ฟขนม Turkish Delight มาให้ด้วย 1 ชิ้น คุ้มค่าเกินราคาที่จ่ายไปมาก ชีสเค้กอีกชิ้นราคา 50 TRY (120 บาท)
เป็นอีกมุมที่ถ่ายรูปสวยมาก ชิลด์ๆกันไป
เดินเล่นกันต่อมาเที่ยวที่ Grand Bazaar กันต่อ ตลาดนี้ใหญ่มาก อารมณ์จัตุจักรบ้านเรา แต่เดินงงกว่าเยอะ บอกตรงๆว่าหลงทางออกจากตลาดไม่ถูกเลย
ส่วนของขายก็จะเป็นพวกพรม,โคมไฟสวยๆ,ขนมตุรกี สินค้ามักจะซ้ำๆกัน เดินวนไปก็เจอของเดิมๆ ก็เดินเล่นกันได้เพลินๆนะ
พิกัด Grand Bazaar : https://goo.gl/maps/oAZbdLjdDiAwXCd78
ชมแบบคลิปกันบ้างเนอะ
รุ่งเช้าอีกวันเรานั่งแท๊กซี่มาเที่ยวที่สวนแมวกัน
ที่ไทยมีคาเฟ่แมว ? แต่ที่ตุรกีมีสวนแมวจ้า
สวนแมวนี้ชื่อว่า Kedili Park ที่จริงก็คือสวนสาธารณะธรรมดาๆนี่แหละ แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ ที่นี่มีแมวให้เล่นฟรี
แมวเหล่านี้เดิมทีเป็นแมวจรจัด แต่เจ้าหน้าที่จับมา ดูแลสุขภาพโดยสัตวแพทย์ ฉีดวัคซีนเรียบร้อย ปลอดภัย แถมน้องแมวที่นี่ Friendly และขี้อ้อนมาก
นอกจากนี้ยังมีสนามเด็กเล่นให้เด็กได้ออกกำลังกาย ระเบิดพลังด้วย
ใครแวะมาเที่ยว Istanbul ลองแวะมาเที่ยวเล่นกับน้องแมวกันดูนะ เด็กๆชอบกันใหญ่
พิกัด : Nişantaşı Parkı (Kedili Park)
https://maps.app.goo.gl/QaFszLnNvsnj6bLK8
ไปชมบรรยากาศกัน
จากสวนแมวเดินเล่นมาเรื่อยๆ เรามีจุดหมายอยู่ที่ร้าน B.BLOK BAKERY ร้านที่ขายชีสเค้กในตำนาน ที่เค้าร่ำลือว่าอร่อยที่สุดในสามโลกกัน
พิกัดร้าน B.BLOK BAKERY : https://g.page/bblokbakery1?share
ทั้งหมดนี้จ่ายไป 117 TRY (280 บาท) ชีสเค้กหน้าไหม้ของที่นี่คือนิพพานไปเลย รสชาตินัวนม ไม่ออกเปรี้ยว ส่วนอีกชิ้นเป็นบราวนี่อะไรสักอย่างรสชาติหวานไปนิด
กินเสร็จก็นั่งแท๊กซี่มาเดินเล่นกันย่าน Taksim Square ที่เหมือนกับย่านสยามสแควร์บ้านเรากัน
พิกัด Taksim Square : https://goo.gl/maps/sPsy831YbAcU5UY8A
ถนนคนเดินสายนี้เต็มไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านขนม สามารถเดินเล่นช้อปปิ้ง หรือทานของอร่อยได้อย่างเต็มที่
ขนมอีกอย่างที่มีชื่อเสียงเรียกว่ายอดฮิตสุดๆ มาถึงตุรกีจะไม่ชิมไม่ได้ก็คือ Baklava แนะนำให้ทานคู่กับชานะครับ เพราะ Baklava นี่มันหวานสุดๆไปเลย ต้องตัดด้วยชาถึงกำลังดีครับ
ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ แต่กินบ่อยๆน่าจะไม่ค่อยดีต่อน้ำหนักเท่าไหร่แน่ๆ
อีกอย่างที่ต้องชิมเลย อันนี้แนะนำและชอบมาก ก็คือ ข้าวอบหอยแมลงภู่ (Midye dolma)
ซื้อลองชิมที่ถนนย่านช็อปปิ้ง ติดราคาไว้ 30 ตัว 75 TRY (180 บาท) อร่อยม๊ากกกก ทานชุดเดียวแต่ยังคาใจ ขากลับที่พักเจอร้านแผงลอยบนสะพาน ขายถูกกว่าอีก เลยจัดไปเป็นมื้อเย็นอีก 60 ตัว 100 TRY
เดินผ่านร้าน Saltbae ที่มีเซฟกับท่าโรยเกลืออันโด่งดังของเค้า
เดินมาถึง Galata Tower หอคอยที่ใครๆมา Istanbul ต้องแวะมาเก็บภาพด้วย
พิกัด : https://goo.gl/maps/99ts4nHU2n9rJnZQ9
ไม่ไกลกันมาก แวะมาเดินเล่นย่านถนนร่มกันต่อ แถวนี้มีคาเฟ่ร้านอาหารชิลด์อยู่หลายร้าน แต่เรากินไม่ไหวละ ขอมาถ่ายรูปเล่นแทนละกัน
พิกัด : https://g.page/levantenkarakoy?share
ตกเย็นมาเดินข้ามสะพาน Galata Bridge กัน มีคนตกปลาเพียบเลย ยืนชมวิวอิสตันบูลเพลินๆ ก่อนจะไปเที่ยวต่อที่จอร์เจียในตอนหน้ากัน
อ่ะ คลิปเที่ยว Istanbul ตอน 2
ค่าใช้จ่ายของทริปนี้ (ในส่วนตุรกี) รวมค่ากิน, ค่าที่พัก, รถเช่า, ค่าน้ำมัน แบบกินหรูอยู่สบาย กินดี อยู่ดี
80,082 บาท ต่อ 5 คน (ไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับจากกรุงเทพนะ)
หารต่อคน เหลือ 16,016 บาท ต่อ 9 วัน อืม… ถูกสุดๆไปเลย
และนี่ก็คือรีวิวเที่ยวตุรกี หรือเที่ยวตุรเคียของครอบครัวเรา แต่ทริปนี้ยังไม่จบนะ ตอนหน้าเราจะบินไปเที่ยวประเทศจอร์เจียกันต่อ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์และให้ความสุขแก่ทุกท่านไม่มากก็น้อย
ไว้พบกันตอนต่อไป วันนี้ลาไปก่อน
#รักใครให้พาไปเที่ยว
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป