เดือน ต.ค. 56 ที่ผ่านมา ครอบครัวสุขสันต์ www.2Madames.com ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ไปเยือนจังหวัดอุตรดิตถ์
จังหวัดแห่งนี้มีที่เที่ยวน่าสนใจ แถมมีของอร่อยเพียบ จะน่าสนใจเพียงใดนั้น ออกเดินทางไปรับชมพร้อมๆกันเลยนะครับ
ตั้งแต่เด็กผมเคยได้ยินคำว่าเมืองลับแล บ้างก็ว่าเป็นเมืองที่อยู่ในที่ลี้ลับ บ้างก็ว่าเป็นเมืองที่มีแต่ผู้หญิง แท้ที่จริงแล้วเมืองลับแลคือ อำเภอหนึ่งในจังหวัด อุตรดิตถ์ นั่นเอง
อุตรดิตถ์เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนล่าง ของประเทศไทย ได้ชื่อว่าเมืองท่าแห่งทิศเหนือ เป็นดินแดนล้านนาตะวันออก ตำนานอันลึกลับของเมืองลับแล ดินแดนแห่งลางสาดหวานหอม อุตรดิตถ์เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มายาวนาน โดยมีการค้นพบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของชุมชนมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
มาถึง อ.เมือง อุตรดิตถ์ ก็ต้องแวะมาสักการะอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักกันก่อน
ไหว้เสร็จก็เดินไปด้านซ้าย ไปแวะชมพิพิธภัณฑ์ดาบน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลกกัน
พิพิธภัณฑ์ดาบน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นแหล่งรวบรวมเรื่องราวของเหล็กน้ำพี้อาวุธโบราณ เครื่องใช้สมัยต่างๆ ตลอดจนเครื่องรางของขลังที่ทำจากเหล็กน้ำพี้ และยังเป็นที่เก็บรักษาดาบเหล็กน้ำพี้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีความยาว 9.24 เมตร มีน้ำหนัก 450 กิโลกรัม ใช้เหล็กน้ำพี้ 557.8 กิโลเมตร มีฝักดาบและด้ามเป็น ไม้ประดู่ฝังลวดลายมุก หุ้มปลอกเงินสลักลาย ดาบทำด้วยเหล็กน้ำพี้โดยหาซื้อจากราษฎรบ้านน้ำพี้ ที่มีแหล่งเหล็กกล้าโบราณของไทย บนดาบจะแกะสลักลวดลาย และลงอักขระ ตัวอักษรขอม ใช้เวลาหาเหล็กน้ำพี้ถึง 6 เดือนและใช้เวลาหล่อดาบ 3 เดือน จึงแล้วเสร็จ
มีของใช้โบราณต่างๆจัดแสดงอยู่
น้องเกรซดูดาบต่างๆอย่างตั้งใจ
เที่ยวในอำเภอเมืองกันต่ออีกหน่อยครับ วัดท่าถนน ขับมาไม่ไกลจากอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักเท่าไหร่นัก
วัดท่าถนน เดิมชื่อ วัดวังเตาหม้อ อยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟอุตรดิตถ์ ประดิษฐานหลวงพ่อเพ็ชร พระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์ 1 หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ทั้งองค์
ต้นไม้ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
เข้าไปกราบหลวงพ่อเพ็ชรในวิหารกันก่อน
สิงโตหน้าวิหาร
หลวงพ่อเพ็ชรเป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชรศิลปะเชียงแสน หน้าตักกว้าง 32 นิ้ว ในปี พ.ศ. 2436 หลวงพ่อด้วง เจ้าอาวาสวัดหมอนไม้ ขณะเดินทางกลับจากรับนิมนต์ไปทำบรรพชาที่วัดสว่างอารมณ์ ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแลได้ผ่านวัดสะแกซึ่งเป็นวัดร้าง พบเนินดินเป็นจอมปลวกขนาดใหญ่ มีเกศพระพุทธรูปโผล่ขึ้นมา เมื่อขุดดูพบว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดที่มีพุทธลักษณะงดงาม จึงนำมาประดิษฐานไว้ที่วัดท่าถนน มีผู้คนมากราบไหว้บูชาเป็นจำนวนมากประกอบกับเป็นพระพุทธรูปที่ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร จึงเรียกกันว่า หลวงพ่อเพชร
เดินออกประตูวัดมา ก็จะเจออนุสาวรีย์ ร.5 อยู่ริมแม่น้ำน่านเลย
อากาศร้อนเล็กน้อย แต่ลูกทัวร์ผมยังสดใสกันอยู่
ปล่อยปลาทำบุญที่ริมแม่น้ำน่านกันหน่อย
จาก อ.เมือง จุดหมายต่อไปคือ อ.ลับแล นั่นเอง
ที่เที่ยวที่แรกของอำเภอลับแลคือ วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
ประวัติความเป็นมาของวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง
ไหว้องค์พระประธานก่อนเลยนะครับ
อาตี๋กายอารมณ์ดีมาก
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งในปัจจุบันได้รับการบูรณะซ่อมแซมบำรุงอยู่เสมอในฐานะวัดสำคัญประจำเมืองทุ่งยั้ง ซึ่งเมืองทุ่งยั้งในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีผู้คนอาศัยติดต่อกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยซึ่งพิจารณาได้จากสำเนียงการพูดของคนทุ่งยั้งเทียบกับกลุ่มคนในชุมชนชาวสุโขทัยเดิม ที่อาศัยอยู่ในแถว หมู่ที่ 10 และหลายๆ หมู่บ้านในเขตตำบลทุ่งยั้ง ที่มีประวัติชุมชนว่าเป็นกลุ่มคนที่อพยพไปตั้งบ้านเรือนที่อื่นได้
วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งยังมีประเพณีประจำปีที่สำคัญคือ ประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทุกวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี โดยเป็นวันงานสลากภัตของวัดและจะมีการจัดแสดงพุทธประวัติตอนถวายพระเพลิงพระบรมศพด้วย
ตามตำนานการสร้างพระบรมธาตุกล่าวว่า สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไท ผู้ครองเมืองสุโขทัย ได้เชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาบรรจุไว้ในถ้ำใต้ดินโดยขุดลงไปเป็นถ้ำแล้วก่อพระธาตุไว้ โดยลักษณะเดิมของพระบรมธาตุเมืองทุ่งยั้งคงเป็นรูปเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ แต่ต่อมามีการบูรณะเพิ่มเติมโดยพญาตะก่าพ่อค้าไม้ชาวพม่าในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงก่อนปี พ.ศ. 2444 เป็นลักษณะเจดีย์อย่างพม่า จนใน พ.ศ. 2451 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้ยอดพระบรมธาตุเจดีย์หักพังลงมา หลวงพ่อแก้วสมภารวัดพระบรมธาตุในขณะนั้นได้เป็นหัวหน้าปฏิสังขรณ์ซ่อมเพิ่มเติมดังรูปแบบที่ปรากฏในปัจจุบัน
ข้างๆพระวิหาร มีพระนอนด้วยครับ สวยมากครับ
จบจากวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง พวกเราเดินทางกันต่อไปยังวัดพระแท่นศิลาอาสน์
วัดพระแท่นศิลาอาสน์เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าผู้ใดสร้าง และสร้างแต่เมื่อใด ในศิลาจารึกครั้งกรุงสุโขทัยไม่ปรากฏข้อความกล่าวถึงพระแท่นศิลาอาสน์ แต่เพิ่งมีปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดาร ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ได้เสด็จนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เมื่อปี พ.ศ. 2283 ได้แสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์ได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว จนเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไปอย่างกว้างขวาง และทางราชการได้นำพระแท่นศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ในตราประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ แสดงถึงความศรัทธาเลื่อมใสและความสำคัญขององค์พระแท่นศิลาอาสน์ได้เป็นอย่างดี
พระแท่นศิลาอาสน์เป็นพุทธเจดีย์ เช่นเดียวกับพระแท่นดงรัง เป็นที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งห้าพระองค์ในภัทรกัปนี้ ได้เสด็จและจะได้เสด็จมาประทับนั่งบนพระแท่นแห่งนี้ เพื่อเจริญภาวนา และได้ประทับยับยั้งในเวลาที่ตรัสรู้แล้ว เพื่อโปรดสัตว์ ซึ่งแสดงว่าพระแท่นศิลาอาสน์นี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างต่อเนื่อง ในพระพุทธศาสนามายาวนาน ตัวพระแท่นเป็นศิลาแลง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 8 ฟุต ยาวประมาณ 10 ฟุต สูง 3 ฟุต ที่ฐานพระแท่นประดับด้วยลายกลีบบัวโดยรอบ มีพระมณฑป ศิลปะเชียงแสนครอบ อยู่ภายในพระวิหารวัดพระแท่นศิลาอาสน์
แปะทองคำเปลวกันนะ
ข้างๆวัดพระแท่นศิลาอาสน์ ก็มีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นด้วย
รถของพี่เค้าเท่จริงๆครับ
ด้านล่างมีจัดแสดงภาพวาดต่างๆ
มีห้องสมุดด้วย
ขึ้นไปชั้นสองกัน
ชั้นสองจะจัดแสดงของใช้โบราณเพียบเลย
ของทุกชิ้นบ่งบอกถึงวิถีชีวิตของคนอุตรดิตถ์ได้เป็นอย่างดี
ของที่ระลึกวางจำหน่ายเพียบเลย
ขับรถผ่านทุ่งนา สีเขียวอร่ามทุ่งเลยครับ
ก็บรรยากาศมันดี
แม่ลูกเลยจุ๊บกันหน่อย ภาพแบบนี้ประทับใจมากครับ
ไหนๆมาถึงอำเภอลับแลแล้ว มีร้านในตำนานมาแนะนำกันครับ คือ ร้านป้าเสงี่ยมข้าวพันผักครับ
ร้านนี้อยู่ตรงข้ามวัดนาทะเลครับ
ใช้เตาฟืนแบบโบราณเลย อาหารออกมาหอมฟืนมากมาย
เจ้าของร้านทำเอง ปรุงสดๆ เสริฟกันร้อนๆเลย
ปล.คุณพี่ท่านนี้ทำทุกหน้าที่เลย ทั้งแม่ครัว พนักงานเสริฟ แถมเสิร์ฟๆไปจานหมด คุณพี่บอก หนูๆรอแปบนะ จานหมด พี่ขอล้างจานก่อน 555
ข้าวพันผักใส่ก๋วยเตี๋ยวอบ แป้งนุ่ม หอมน้ำมันเจียวมาก แถมทีเด็ดอยู่ที่แคบหมูที่ทำเองนี่ละ หอม กรอบ อร่อย กินกันลืมอ้วนเลย อิอิ
ข้าวพันม้วนขาว และข้าวพันม้วนพริก ม้วนละ 3 บาทเองอ่ะ
ข้าวพันผักไข่ดาว อร่อยดีมีประโยชน์จากโปรตีนไข่
ไข่ห่ออยู่ข้างในนะครับ
สรุปคือร้านนี้อร่อยมาก แต่รออาหารนานมากกกก แต่ใครที่ไม่รีบ ไม่ควรพลาดเด็ดขาดครับ ถ้าไม่มีคิวอาจจะได้กินเร็ว แต่ถ้ามีคิวเมื่อไหร่ นับหน่วยชั่วโมงได้เลย
ก่อนกลับแวะทานร้านนี้ต่ออีกร้าน ร้านอพอลโล่
ชากาแฟใส่ถุงกระดาษกำลังฮิตครับ
โรตีคมแฝก
ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างของอุตรดิตถ์เลยคือ ขนมเทียนเสวย บ้านกนกมณี
ร้านนี้อยู่ลึกลับซับซ้อนอธิบายยากมาก เอาเป็นว่าโทรศัพท์ไปถามทางแล้วกันนะครับ 055 412145 คุณชิดดวง กนกมณี
ความพิเศษของมันคือความหอมของใบตองที่ห่อและกลิ่นเทียนอบ งาคั่วหอมๆ เคี้ยวเล่นหนึบหนับดีเชียว ของเค้าอร่อยจริงๆครับ
ความดังของขนมเทียนเสวยร้านนี้ขนาดว่า ไม่ใช่ว่าใครๆก็ไปซื้อมาได้ ต้องโทรศัพท์ไปสั่งก่อน เพราะออร์เดอร์เยอะมาก วันที่ไปต้องขอร้องอ้อนวอนกันเลยทีเดียว ได้แบ่งมาชิมความอร่อยแค่นี้ครับ
ไม่เคยคิดเลยว่าเมืองลับแล แห่งอุตรดิตถ์ จะมีที่เที่ยวและของอร่อยมากมายขนาดนี้
ใครเดินทางผ่านไปอุตรดิตถ์อย่าลืมไปแวะเที่ยวแวะชิมกันนะครับ
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่สนับสนุนการเดินทาง
ปล.หากคุณอ่านรีวิวมาถึงตรงนี้ ผมได้ใช้เวลาและพลังงานมากมายในการเขียนรีวิวเพื่อเป็นข้อมูลและประโยชน์แก่ผู้เดินทาง หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป