สืบเนื่องจาก 2Madames.com ได้รับมอบหมายภารกิจจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในโครงการ The Amazing Journey Blogging Contest โดยทีม 2 Madames T04 ได้รับจังหวัดชุมพร ทริปนี้จึงเป็นทริปที่เราตั้งใจเป็นพิเศษ เราได้เดินทางไปเก็บที่กิน ที่เที่ยว ของจังหวัดชุมพรมาเยอะมาก การเดินทางของผมมาชุมพรครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ อาหารการกินแสนอร่อย ทำเอาครอบครัวผมติดใจเมืองต้องห้ามพลาดแห่งนี้เอาเสียแล้ว มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง เชิญไปรับชมกันครับ
และ Contest ครั้งนี้ ทีมของเรามีสมาชิกอีกคนที่ออกไปทำภารกิจเช่นกัน สามารถชมรีวิวของ Kit Kat Kitten ได้ที่ http://www.2madames.com/chumphon-part-i-the-amazing-journey/
และหากชอบรีวิวของเราฝากไปโหวตคะแนนทีมเราได้ที่ http://thethailandbloggernetwork.com/teams/detail/T04
เริ่มต้นการเดินทาง ปัจจุบันชุมพรสามารถเดินทางไปด้วยรถยนต์ได้ ขับจากกรุงเทพผ่าน ถนนเพชรเกษม น่าจะใช้เวลาประมาณ 5-7 ชั่วโมง หากใครไม่อยากขับรถก็สามารถเลือกบินลงสนามบินชุมพร หรือสนามบินสุราษฎร์ธานีได้
โดยสารทางเครื่องบิน กรุงเทพ – ชุมพร บริการโดยสายการบินนกแอร์ วันละ 2 เที่ยวบิน
ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 05:45 น. ถึงชุมพรเวลา 06:45 น.
และเดินทางจากดอนเมืองเวลา 18:40 น. ถึงชุมพรเวลา 19:50 น.
โดยสารทางเครื่องบิน กรุงเทพ – สุราษฏร์ธานี บริการโดยสายการบินนกแอร์ วันละ 4 เที่ยวบิน
ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 06:10 น. ถึงสุราษฏร์ธานีเวลา 07:20 น.
ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 09:20 น. ถึงสุราษฏร์ธานีเวลา 10:30 น.
ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 12:40 น. ถึงสุราษฏร์ธานีเวลา 13:50 น.
ออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 16:25 น. ถึงสุราษฏร์ธานีเวลา 17:35 น.
พวกเราเลือกลงที่สนามบินชุมพรครับ หากใครที่ต้องการเดินทางเข้าเมืองก็จะมีรถตู้ให้บริการคนละ 150 บาท ส่วนรถเช่าก็มีครับ วันละ 1,500 บาท ติดต่อเคาน์เตอร์บริษัทต่างๆได้เลย
มาว่ากันด้วยเรื่องการท่องเที่ยวจังหวัดชุมพรกัน
จังหวัดชุมพรถือเป็นประตูสู่ภาคใต้ แต่ก็ถือเป็นประตูที่ยาวมากครับ เพราะตัวจังหวัดเอง หากนับจากเหนือสุด ลงมาใต้สุดของชุมพร จะมีระยะทาง 160 กิโลเมตร นับได้ว่ายาวมาก การเที่ยวชุมพรจึงอาจจะต้องแบ่งเป็นการเที่ยวโซนเหนือ และโซนใต้
ด้านชุมพรเหนือ – อำเภอเมือง, อำเภอปะทิว, อำเภอท่าแซะ
ที่เที่ยวอำเภอเมือง – วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย, วัดประเดิม, ศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร, เกาะเต่า, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร, เกาะมะพร้าว, วนอุทยานเขาพาง, โครงการพระราชดำริหนองใหญ่, วนอุทยานปลาสวนมณทิพย์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชุมพร, อ่าวทุ่งมะขาม, เขาเจ้าเมือง, เกาะละวะ, เกาะทะลุ, เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย, อนุสาวรีย์ยุวชนทหาร, หาดทรายรี, ปากน้ำชุมพร, จุดชมวิวเขามัทรี
ที่เที่ยวอำเภอปะทิว – วัดแก้วประเสริฐ, วัดเขาเจดีย์, วัดถ้ำเขาพลู, เนินทรายงามชุมพร, หาดทุ่งวัวแล่น, เขาดินสอ, เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำเขาพลู, หาดถ้ำธง, อ่าวบ่อเมา
ที่เที่ยวอำเภอท่าแซะ – วัดเทพเจริญ (ถ้ำรับร่อ), วัดเขาเลี้ยว พุฒาจารย์โต พรหมรังสี, ศาลพ่อตาหินช้าง, วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ
ด้านชุมพรใต้ – อำเภอสวี, อำเภอทุ่งตะโก, อำเภอหลังสวน, อำเภอละแม, อำเภอพะโต๊ะ
ที่เที่ยวอำเภอสวี – วัดพระธาตุถ้ำขวัญเมือง, พระบรมธาตุสวี, หาดทรายรีสวี, ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร
ที่เที่ยวอำเภอทุ่งตะโก – สวนนายดำ, น้ำตกคลองเพรา หรือ น้ำตกทับช้าง
ที่เที่ยวอำเภอหลังสวน – วัดแหลมสน, ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเรือจำลองจักรีนฤเบศร, ปากน้ำหลังสวน, สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ ชุมพร, เกาะพิทักษ์, ถ้ำเขาเกรียบ, งานผลไม้หลังสวนชุมพร
ที่เที่ยวอำเภอละแม – หาดตะวันฉาย, หาดอรุโณทัย, บ่อน้ำพุร้อน
ที่เที่ยวอำเภอพะโต๊ะ – ล่องแพคลองพะโต๊ะ, น้ำตกเหวโหลม, ยอดเขาพ่อตามังเคร, ยอดเขาพ่อตาโชงโดง
คือที่เที่ยวเยอะมากอ่ะ แค่อ่านแล้วยังเหนื่อยเลย ถ้าจะเที่ยวให้ครบเลยผมว่าต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 วันเลยทีเดียว
แต่ถ้าแค่ไฮไลท์ 3 วัน 2 คืนอาจจะสามารถแบ่งเป็นเที่ยวชุมพรเหนือ 1 วัน เที่ยวชุมพรใต้ 1 วัน ดำน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรสัก 1 วัน และหากมีเวลามากกว่านั้นก็สามารถเที่ยวเพิ่มได้
มาดูสิ่งที่ครอบครัวเราไปเที่ยวมาบ้าง ที่จริงเราวางแผนเที่ยวไว้มากกว่านี้ แต่เนื่องจากสภาพฟ้าฝนไม่อำนวย ฝนตกลงมาทุกวันเลยครับ บางครั้งตกหนักจนเที่ยวต่อไม่ได้ต้องกลับที่พักเลยทีเดียว
วันที่ 1 – เที่ยวชุมพรเหนือ แวะชมสถานีรถไฟชุมพร แวะทานก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายดำ ไปเที่ยวโครงการพระราชดำริหนองใหญ่ เดินเล่นหาดทรายรี แวะสักการะศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร ชมวิวหาดทรายรี ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่เขามัทรี มื้อเย็นที่ร้านครัวเจ๊อ่าง
วันที่ 2 – เที่ยวชุมพรใต้ เที่ยวชิมฟาร์มชินวัตรกาแฟขี้ชะมด หลังสวน แวะเที่ยวสวนนายดำ ไหว้พระบรมธาตุสวี ทานมื้อเที่ยงที่ร้านยิ้มโภชนา (วันนี้ช่วงบ่ายฝนตกครับ ทำให้พลาดการเดินป่าโกงกาง)
วันที่ 3 – ดำน้ำกับเรือสยาม คาตามารัน ไปเกาะง่ามน้อย ง่ามใหญ่ เกาะทะลุ ชมผ่ามือพระพุทธเจ้า
วันที่ 4 – เที่ยววิถีชุมชนที่เกาะพิทักษ์ ทานอาหารพื้นเมืองร้านพริกหอม นั่งเล่นร้านกาแฟ Cera Café & Garden เดินทางกลับกรุงเทพโดยเครื่องบินช่วงค่ำ
ที่พักของพวกเราในทริปนี้ เราพักกันที่ Tusita Resort & Spa ที่พักสวยมากครับ ใครสนใจตามไปชมรีวิวเต็มๆได้ที่ รีวิวธูษิฏา รีสอร์ท แอนด์ สปา Tusita Resort & Spa : ดุจดั่งสวรรค์แห่งชุมพร
เข้าเมืองและรับรถเช่ากันแล้ว ก็มาชมสถานีรถไฟชุมพรกันนิด มีขบวนรถไฟโบราณตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางถนนเลย
ตรงข้ามกับสถานีรถไฟมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายดำ เค้าล่ำรือกันว่าอร่อยมาก แบบนี้ต้องมาชิมครับ
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้น้ำซุปเข้มข้นดี เส้นนุ่มเหนียวกำลังดี ส่วนทีเด็ดคือเนื้อเค้านิ่มมากเคี้ยวทีเดียวขาดเลยครับ ราคาก็ไม่แพงชามละ 40 บาทเอง ให้สามผ่านเลยจ้า
แวะมาชมโครงการพระราชดำริหนองใหญ่กันก่อน
แต่ก่อนชุมพรจะน้ำท่วมบ่อยๆจากพายุต่างๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลยโปรดให้มีโครงการพระราชดำริ หนองใหญ่ ทำให้เกิดแก้มลิงไว้เก็บน้ำ จากแต่นั้นมา ชุมพรก็ไม่เกิดน้ำท่วมอีกเลย ถือเป็นพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย และเป็นบุญของคนไทยที่ได้เกิดมาใต้ร่มโพธิสมภารของพระองค์ท่านจริงๆ
ด้านในโครงการมีจุดประวัติความเป็นมาของโครงการพระราชดำริอยู่ เลยยืนอ่านแล้วอธิบายเด็กๆว่าแก้มลิงเป็นยังไง พอเด็กๆเริ่มเข้าใจก็เลยสนุกตามกันไปด้วย
มีบ่อปลาเล็กๆแวะให้อาหารปลากัน
มีแปลงนาเล็กๆให้ชมด้วย
เค้าจัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือในการสีข้าวให้ชมกันด้วย
เครื่องกลั่นน้ำมันไบโอดีเซล
สะพานซึ่งทำจากไม้เขี่ยม(ไม้ที่ทนน้ำทนฝน)
พื้นที่แก้มลิงนอกจากจะช่วยรับน้ำบรรเทาอุทกภัยแล้ว พื้นที่นี้ยังไว้กักเก็บน้ำไว้ทำการเกษตรตอนหน้าแล้งได้ด้วย
ระหว่างเดินที่สะพานไม้ คุณนายแอนโดนตัวอะไรกัดไม่รู้ เลยแวะซื้อยาหม่องอุดหนุนร้านค้าของโครงการหลวงเลยครับ
ระหว่างมุ่งหน้าไปยังหาดทุ่งวัวแล่นตามแผนเที่ยววันนี้ ฟ้าฝนไม่เป็นใจ มีน้ำฝนตกลงมาอย่างหนักเลยครับ
จอดรถรอฝนอยู่อยู่เป็นชั่วโมง ฝนไม่หยุดเลย ตอนที่ถ่ายภาพนี้ฝนเริ่มปรอยๆละ แต่ก็ไม่หยุดเสียที เราไม่อยากให้สมาชิกการเดินทางต้องป่วย เลยไม่ให้เด็กๆลงจากรถ ผมเดินเก็บภาพบรรยากาศเอง
วันนี้ทะเลเงียบดีจัง
หาดทรายสวยงามและละเอียดมาก เสียดายที่ไม่ได้เล่นน้ำทะเลตรงนี้ตามแผน เนื่องจากฝนตกนั่นเอง ไว้มาเที่ยวหน้าจะมาซ่อมใหม่นะ หาดทุ่งวัวแล่น เสียใจจุงเบย
รอฝนหยุดตกไม่ไหว ออกเดินทางต่อไปยังศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพรกัน เค้าสร้างเก๋มากเป็นเรือจำลองเลย
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (19 ธันวาคม พ.ศ. 2423 — 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2466) ทรงเป็นต้นราชสกุล “อาภากร” เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 28 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และองค์ที่ 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด
พระองค์ทรงเป็นผู้วางรากฐานการบริหารงานของกองทัพเรือ ทรงได้รับการเชิดชูในหมู่ทหารเรือเรียกขานพระองค์ว่า “เสด็จเตี่ย” หรือ “หมอพร” และ “พระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย” ต่อมาในปี 2536 มีประกาศกองทัพเรือขนานพระนามพระองค์ว่า “พระบิดาของกองทัพเรือไทย” และในปี 2544 แก้ไขเป็น “องค์บิดาของทหารเรือไทย”
รอบๆมีปืนใหญ่ด้วย เด็กๆเลยขึ้นไปขี่เล่นเสียเลย ยิงปืน ปุ้งๆ ชอบใจกันใหญ่
จากศาลเสด็จในกรมหลวงชุมพร มองลงไปด้านล่างจะเจอกับวิวสวยๆของหาดทรายรี
เที่ยวบนศาลเสร็จแล้วอย่าลืมลงมาเที่ยวเรือรบหลวงจักรีนฤเบศรด้านล่าง ข้างๆเรือก็จะมีพระตำหนักที่เป็นที่สิ้นพระชนม์ของเสด็จเตี่ยด้วย
หาดทรายรีในวันฟ้าครึ้ม
เราพยายามจะขึ้นไปชมวิวจากเขาเจ้าเมืองที่อยู่ใกล้ๆกัน แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าปิดชั่วคราวนะครับ ครอบครัวเราเลยเดินทางต่อมายังจุดชมวิวเขามัทรี
ด้านบนสุดของจุดชมวิวเขามัทรีมีพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางมหาราชลีลา
มีร้านกาแฟถ้ำสิงห์ กาแฟดังแห่งชุมพรขายอยู่ด้วย
กาแฟเค้าหอมดีครับ เป็นสินค้าโอท็อปขึ้นชื่อของจังหวัดชุมพรด้วย แต่ที่ดีกว่าคือวิวนี่ชนะเลิศเลย ชาเขียวและกาแฟเข้มข้นราคาแก้วละประมาณ 40-50 บาท กับวิวแบบนี้ถือว่าราคาไม่แพงเลย
เด็กๆเล่นสนุกกับกระต่ายที่อยู่ในกรง มองกันอยู่นานเป็นสิบนาทีก็ยังสนุกอยู่
มีจุดให้ถ่ายรูปมากมาย แต่ละจุดก็เก๋ไก๋ทั้งนั้น
สองเรา ณ เขามัทรี
นั่งชมวิวกับภรรยาชมพระอาทิตย์ตกดิน เพลิดเลยครับ ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเลยสำหรับการเที่ยวชุมพร
ใกล้ค่ำแล้ว เดินมาชมวิวปากน้ำชุมพรจากมุมสูงกัน
สวยจนบรรยายไม่ถูกเลยครับ
วันนี้อากาศไม่ร้อน เพราะฝนเพิ่งตกไป สายลมพัดโชย ยืนชมวิวจากตรงนี้ สุดยอดแห่งความฟินเลย
มื้อเย็นเราแวะร้านอาหารใกล้ๆกับเขามัทรี แถวๆหาดภารดรภาพมีร้านอาหารอร่อยๆอยู่หลายร้านครับ เช่น ร้านลุยร้านนี้ดังมาก แต่ก็มีหลายคนแนะนำร้านครัวเจ๊อ่างเลยขอลองร้านครัวเจ๊อ่างบ้าง
ครอบครัวเราผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 ทานกันไม่เยอะจ้าเลยเลือกสั่งแค่ 3 อย่าง แค่นี้ก็อิ่มพุงกางกันแล้ว เมนูแรกที่สั่งทุกครั้งต้องเป็นเมนูที่เด็กๆชอบทานง่ายๆกันก่อน เริ่มจานแรกกันที่ปลากะพงทอดน้ำปลา ต้องบอกเลยว่าเป็นเมนูเบสิคที่ไม่ใช่ว่าทุกร้านจะทำอร่อย เมนูนี้จะอร่อยมากๆก็ตรงรสชาติของน้ำปลาที่ปรุงรสเคี่ยวให้หนืดสักหน่อย ซึ่งร้านครัวเจ๊อ่างก็ไม่ทำให้เด็กๆบ้านนี้ผิดหวังเลย อร่อยจะสองคนแบ่งกันทานเกือบหมดทั้งตัว เหลือตรงก้างให้ป๊าม๊าแทะกัน
จานต่อมาเป็นออส่วนกรอบหอยนามรมตัวเล็กไปหน่อย แต่ใส่มาเต็มกระทะร้อนเลย แป้งอร่อยไม่เหนียวเกินและทอดมากรอบแบบไม่ชุ่มน้ำมันมากเกิน ถือว่าผ่านจ้า
สุดท้ายเราลองสั่งผัดสะตอกะปิกุ้งสดดูบ้าง ว่ารสชาติเมื่อมากินถึงต้นตำรับถิ่นใต้จะแพ้ร้านเด็ดร้านดังที่กินกันประจำได้มั้ย สรุปเลยว่ายอดมากด้วยรสชาติกะปิเข้มข้นผัดมารสชาตเค็มและเผ็ดกำลังดี คลุกกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเหาะกันไปเลย
ทั้งหมดนี้พร้อมข้าวเปล่า 3 จาน และน้ำเปล่ากับน้ำแข็ง ค่าเสียหาย 585 บาท ถือว่าไม่แพงคุ้มค่าคุ้มราคาดีทีเดียว
รุ่งเช้าวันใหม่ บรรยากาศยามเช้าจากที่พักที่ธูษิตาช่างสวยงามนัก
เริ่มต้นวันด้วยการไปเที่ยวฟาร์มกาแฟขี้ชะมด ชินวัตร หลังสวนกัน พวกเราเริ่มเดินทางออกจากโรงแรมมาตั้งต้นที่ถนนเพชรเกษมและขับลงใต้มุ่งหน้าไปอำเภอหลังสวน ขับไปไม่ไกลมากจะเห็นป้ายสีฟ้าๆเขียนว่าฟาร์มกาแฟขี้ชะมด ขับมาอีกสักหน่อยเลี้ยวซ้ายจากปากทางเข้ามาสัก 50 เมตร ก็ถึงจุดหมายทางด้านซ้ายมือเลย
ตัวชะมดเป็นแบบนี้เอง เกิดมาเพิ่งเคยเห็น เรื่องน่าแปลกของเจ้าชะมดพวกนี้คือถ้าปกติตัวมันจะเหม็นมากครับ แต่เวลาที่มันติดสัดจะผสมพันธุ์กัน ตัวจะหอมกลิ่นใบเตยครับ แปลกเนอะ
เจ้าของฟาร์มเล่าว่าเค้าจะให้กาแฟแก่ชะมดเยอะมาก แต่เจ้าพวกชะมดพวกนี้จะเลือกกินเมล็ดกาแฟที่ดีเท่านั้น
พอมันถ่ายออกมาก็จะมีเมล็ดกาแฟออกมาด้วย ซึ่งขี้ชะมดเหล่านี้ก็แปลกนะ ไม่เหม็นเลย แถมเมล็ดกาแฟก็เรียงกันสวยเหมือนขนมถั่วแปบเลย
กาแฟจากขี้ชะมดเหล่านี้จะถูกนำไปตากแดดถึง 9 เดือน ก่อนจะนำมาคัดไปชงกาแฟขี้ชะมดอีกที เพราะมันยากแบบนี้ละมั๊ง ราคาของกาแฟขี้ชะมดจึงมีราคาแพงมากๆ
เจ้าลูกชะมดน้อยตัวนี้น่าสงสารครับ แม่มันตายตอนที่คลอดลูก เจ้าของเลยต้องมานั่งเลี้ยงป้อนนมด้วยตัวเองเลย
ชิมกาแฟขี้มดแล้ว เค้าแนะนำให้ชิมแบบ Espresso นะครับ ผมว่ารสชาติมันหอมดี แต่ราคาแอบแรงครับ ถ้วยเล็กๆ 199 บาทแล้ว ใครชอบชิมกาแฟมาลองชิมกาแฟขี้ชะมดดูนะครับ
เรามีคลิปให้ชมกันด้วยนะ มาสัมผัสบรรยากาศแบบภาพเคลื่อนไหวกัน
ไม่ไกลจากฟาร์มกาแฟขี้ชะมด เรามาแวะเที่ยวที่สวนนายดำกันต่อ
เริ่มจากหามุมถ่ายภาพที่มีกระจายอยู่เยอะมาก เรียกว่ามาที่นี่รับรองกดชัตเตอร์กล้องกันไม่หยุดเลยครับ
ห้ามทำร้ายตัวเองนะ 5555
ของตกแต่งที่สวนนายดำแปลกมากครับ เค้านำคอนเซปเรื่องขี้กับส้วมมาตกแต่ง ดูแล้วก็แปลกดี
สองคุณนายแกว่งชิงช้ากันสนุกเลย
ปีนต้นไม้กันก็ได้
ไปชมสวนลอยฟ้ากัน
เจอส้วมแรกแล้วครับ ส้วมนี้ชื่อ ส้วมขี้หด ตดหายครับ อาจจะเพราะว่ามันอยู่สูงมากหรือเปล่านะ
ที่นี่เคยเป็นฉากของละครช่อง 3 เรื่องยอดรัก นักสู้ด้วยนะ
ส้วมทาร์ซาน ต้องปีนขึ้นไปเข้านะ ไม่งั้นไม่ใช่ทาร์ซาน 5555
ส้วมก้อนทอง อึก้อนใหญ่มากเลย มีแมลงวันตอมอีกต่างหาก 555
สวนสีเขียวร่มรื่นมาก
อุโมงค์อวตาร
มีร้านกาแฟด้วยนะ
ทานอะไรกันดีครับ เชิญเลือกเมนูขรี้กันได้เลย 5555
ที่สวนนายดำเข้าชมฟรีนะครับ แต่เค้ามีสินค้า OTOP ของชุมพรขาย มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งกาแฟและผลไม้แปรรูปต่างๆ
ผลไม้ก็มีนะครับ มาเที่ยวของเค้าฟรีก็เลยต้องอุดหนุนซื้อของเค้าตอบแทนสักนิดจ้า
แต่สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อผลไม้แบบจริงจัง แนะนำจอดแวะซื้อร้านข้างทางแถวๆอำเภอสวีดีกว่าครับ มีให้เลือกทานเพียบเลยไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน สละ แก้วมังกร เงาะ สดๆและราคาไม่แพงเลย อิ่มอร่อยแบบสดๆแล้วยังได้ช่วยอุดหนุนเกษตรชาวสวนด้วย ดีงามมาก
ผ่านอำเภอสวี ต้องแวะเที่ยวพระบรมธาตุสวีนะครับ
ประวัติความเป็นมาของพระบรมธาตุสวี จากเอกสารการค้นคว้า และคำบอกเล่าต่อๆกันมา ปรากฏว่าประมาณปี พ.ศ. ๑๘๐๓ กองทัพอโยธยาโดยการนำของท้าวพิชัยเทพเรืองพวา (ท้าวอู่ทองหรือพระเจ้าไชยเสน) ได้กรีฑาทัพลงมารุกรานอาณาจักรไทย ศรีธรรมาโศกราชในสมัยของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ที่ ๘ ซึ่งเสด็จนำทัพไปป้องกันข้าศึกทางเหนือ และได้ปะทะกันที่เมืองกำเนิดนพคุณ (อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) กองทัพทั้งสองฝ่ายต่างรบพุ่งกันเป็นสามารถ และไม่สามารถเอาชนะกันได้โดยเด็ดขาด จึงทำสัญญาสงบศึกต่อกัน
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชก็เสด็จนำทัพกลับ เมืองนครศรีธรรมราช ขณะที่พักรี้พลอยู่ ณ วัดร้างเก่าแก่แห่งหนึ่ง ในเขตอำเภอสวีในปัจจุบัน มีเจดีย์ชำรุดพังทลายเป็นที่สังเกตได้มีกาฝูงหนึ่งมาจับกลุ่มวีปีก (กระพือปีก) อยู่ที่กองอิฐเจดีย์นั้น ส่งเสียงร้องเซ็งแซ่เป็นที่รำคาญแก่ไพร่พล และแม่ทัพนายกอง พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงให้ทหารไล่กา ฝูงนั้น แต่กาไม่ยอมบินหนียังคงบินวนเวียนกลับมาที่กองอิฐเจดีย์นั้นและวีปีกส่งเสียงร้องสนั่น พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชเห็นเป็นการผิดปกติ และทอดพระเนตรเห็นกาเผือกตัวหนึ่งอยู่ในฝูงด้วย จึงให้ทหารรื้อกองอิฐเจดีย์ ปรากฏพบฐานเจดีย์ใหญ่ เมื่อขุดภายในองค์พระเจดีย์นั้น ได้พบผอบทองคำบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจึงรับสั่งให้แม่ทัพนายกองระดมกำลังพลทหาร ทำการบูรณะเจดีย์จนเสร็จเรียบร้อย นำเอาผอบพระบรม-สารีริกธาตุบรรจุไว้ตามเดิม โปรดให้จัดงานสมโภชเจดีย์ ๗ วัน ๗ คืน พระราชทานนามเจดีย์นั้นว่า “พระบรมธาตุกาวีปีก” ต่อมาคำว่า “ปีก” ถูกตัดหายไปเรียกกันว่า“พระธาตุกาวี” ครั้นนานเข้าคำจึงกร่อนลงไปกลายเป็น “พระธาตุสวี”
ที่ริมน้ำมีศาลพระเสื้อเมืองคนมากราบไหว้บูชากันเยอะทีเดียว
มื้อกลางวันเรามาแวะทานที่ร้านดัง ร้านยิ้มโภชนา ร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ตรงข้ามก็มีป่าโกงกางอุดมสมบูรณ์พอสมควร
วันนี้อยากกินอะไรเผ็ดๆขอสั่งปลาหมึกไข่นึ่งมะนาวก่อนเลย รสชาติจัดจ้านแถมใส่กระเทียมสับมาอย่างเยอะ ไข่ปลาหมึกก็แน่นมาก และด้วยความที่ปลาหมึกตัวเล็กเนื้อบางและสดหวานมากทีเดียว มากินถึงเมืองติดทะเลทั้งทียกนิ้วเรื่องความสดให้เลย
สั่งปูทะเลนึ่งมาทานกันบ้าง เรื่องความสดไม่ต้องพูดถึง วันนี้เราสั่งไซส์ใหญ่สุดที่ราคากก.ละ 900 บาท ตัวนี้น้ำหนักครึ่งกก. ก้ามใหญ่เนื้อแน่นดีจริงๆ
ด้วยความที่แถบๆนี้มีดอนหอยหลอดอยู่ด้วย ผมเลยไม่พลาดที่จะสั่งหอยหลอดผัดฉ่ามาชิม อร่อยตรงความสดนี่แหละ
เช่นเคยเด็กๆทานปลาจ้ะจะได้ฉลาดๆ เป็นปลาอินทรีย์ชิ้นโตทอดราดน้ำปลา ชิ้นนี้เด็กสองคนแย่งกันกินหมดเกลี้ยงเลยจ้า
บทสรุปร้านยิ้มโภชนา ร้านนี้ขายแต่อาหารทะเล ไม่มีหมู ไม่มีไก่ มีดีที่ความสดของวัตถุดิบ ส่วนค่าเสียหายมื้อนี้จ่ายไปพันเล็กๆไม่ถึง 1,100บาทเลย ลำพังแค่ค่าปูก็ 450 บาทเข้าไปแล้ว ถือว่าราคาน่าคบหาคุ้มค่ากับความสดและรสชาติของอาหารดีจริงๆ
และมาถึงจังหวัดชุมพร หากไม่ไปเที่ยวเกาะดำน้ำชมปะการังก็อาจจะถือว่ายังมาไม่ถึงชุมพร เราจึงจัด 1 วันนั่งเรือของบริษัท สยาม คาตามารัน ไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรกัน
เรือแล่นออกจากท่าผ่านเรือประมงมากมาย คนพื้นที่เล่าให้ฟังว่าแต่ก่อนเรือจะจอดไม่เยอะขนาดนี้ แต่ตอนนี้เห็นว่ามีการตรวจเรือที่มีใบอนุญาติ ทำให้เรือจำนวนมากที่ไม่มีใบอนุญาตไม่สามารถออกเดินเรือไปทำประมงได้เหมือนเดิม ส่วนเรือลำไหนที่ออกได้ช่วงนี้ เค้าว่ารวยเลยครับ เพราะจับปลาได้อยู่ไม่กี่ลำ
เส้นทางวันนี้ เราจะไปเที่ยวเกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ เกาะทะลุกันครับ
เรือแล่นมาประมาณ 40 นาทีก็ถึงเกาะแรกที่จะเที่ยวกันคือ เกาะง่ามน้อย
ภรรยาและเด็กๆพร้อมมาก
น้ำทะเลใสทำเอาใจละลายเลย ประเทศไทยนี่สวยจริงๆ
ลงเล่นน้ำกันละครับ
ปะการังที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรเนี่ยสวยงามสมบูรณ์มากๆครับ
ผมก็เรียกไม่ถูกหรอกว่าปะการังอันไหนเรียกว่าอะไร แต่มันสวยจริงๆ
แต่อันนี้เห็นเค้าเรียกกันว่า หอยมือเสือนะ สวยจัง
ไม่รู้จะบรรยายยังไง เอาเป็นว่าหาเวลามาลองดำน้ำชมความงดงามใต้ทะเลชุมพรดูนะครับ ไม่แพ้ที่ไหนในโลกหรอก
เรือแล่นผ่านจุด Landmark สำคัญ ให้เราได้ชมฝ่ามือพระพุทธเจ้าของเกาะง่ามใหญ่อยู่ครู่เดียว แล้วฝนก็ตกแรงมาก ก็ยังดีที่วันนี้ฝนยังกรุณามีโอกาสได้ลงเล่นน้ำได้อยู่บ้าง
รุ่งเช้าอีกวัน เพื่อต้องการที่จะท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตของชาวชุมพรอย่างแท้จริง พวกเราเลยมาเที่ยวที่เกาะพิทักษ์กัน
เกาะพิทักษ์หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชุมชนและโฮมสเตย์อันโดดเด่นในอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ในเดือน มิ.ย. ของทุกปี ที่นี่จะมีงานเทศกาลประเพณี “วิ่งแหวกทะเล” หนึ่งเดียวในเมืองไทย
ที่จริงระหว่างเกาะพิทักษ์กับชายฝั่งชุมพร สามารถเดินข้ามฝั่งเองได้เลย เพราะน้ำตื้นมาก บางช่วงเรือยังไม่สามารถแล่นผ่านได้ แต่ส่วนใหญ่นิยมนั่งเรือมากกว่าครับ เพราะแดดมันร้อนมาก ค่าเรือข้ามก็แสนจะถูกแค่คนละ 20 บาทเท่านั้น
ที่มาของชื่อเกาะพิทักษ์ มี 2 ข้อสันนิษฐาน หนึ่งนั้นเชื่อว่าน่าจะมาจากคำว่าเกาะ“ผีทัก” ซึ่งชาวบ้านเขามีตำนานของปู่เดชกับเสียงผีทัก ส่วนอีกหนึ่งสันนิษฐานว่ามาจากเกาะ “ที่พัก” เพราะสมัยก่อนในช่วงมรสุม เกาะแห่งนี้เป็นที่หลบพักของเรือบรรทุกสินค้า เรือประมง เพื่อรอให้คลื่นลมสงบ ก่อนออกเดินทางต่อไป
เมื่อเรือแล่นมาถึงท่าเรือบนเกาะ เหลือบมองลงไปในทะเล โอ้โห ปลาเยอะมากเลย
ที่เกาะพิทักษ์มีกิจกรรมให้พายเรือคายัคด้วยนะครับ
ผมเริ่มจากเดินสำรวจเกาะจากบริเวณที่ชาวบ้านอยู่กัน
ได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวบ้านบนเกาะพิทักษ์ เค้าเล่าให้ฟังว่าเดิมที ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพประมงกันมาก แต่พักหลังๆมีการโปรโมทการท่องเที่ยวที่นี่ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันเยอะ ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่เลยเปลี่ยนอาชีพมาเป็นการบริการ บ้างก็ทำโฮมสเตย์ราคาไม่แพง บ้างก็ขายของให้กับนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชนที่นี่ไม่น้อย
วิถีชีวิตของคนที่นี่ค่อนข้างจะเรียบง่ายครับ
เด็กๆชาวเกาะให้การต้อนรับเด็กๆชาวกรุงอย่างเราเป็นอย่างดี
บนเกาะนี้ไม่มี 7-11 นะ มีแต่ 7-Elephant แทน 5555
ชาวบ้านที่นี่เค้าทำอาหารทะเลขายกัน
เดินเล่นกันพักใหญ่ อากาศร้อนเกินไปสำหรับเด็กๆ เลยตัดสินใจนั่งพักดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนกลับไปยังฝั่งชุมพรอีกครั้ง
สำหรับใครที่มีเวลา แนะนำให้เดินเที่ยวชมรอบเกาะ หรือเดินไปยังหาดอีกฝั่งที่มีทรายละเอียดสวยงามมาก หรือจะค้างคืนโฮมสเตย์ที่นี่ดูสักคืนก็ได้นะครับ น่าจะเป็นประสบการณ์ดีๆที่ได้สัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่ได้เป็นอย่างดี
หลังจากกลับจากเกาะพิทักษ์พวกเราแวะอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังตัวเมืองชุมพร และจะบินกลับกทม.ในช่วงหัวค่ำ
ก่อนจะเดินทางไปสนามบินพวกเราก็ขอจัดหนักกับอาหารพื้นเมืองใต้กันอีกสักมื้อ เลยแวะทานที่ร้านพริกหอม ต้องบอกว่าร้านนี้เหมือนเป็นร้านดังที่คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอยู่เสมอ เห็นรูปดารา รูปผู้หลักผู้ใหญ่แปะเต็มทั่วร้านเลย อาจด้วยบริเวณร้านที่จัดได้น่านั่ง ที่สำคัญอาหารก็อร่อยใช้ได้เลย
สั่งเมี่ยงทวาย ทานกับใบชะพลู เครื่องเคียงต่างๆก็คลุกเคล้าน้ำเมี่ยงมาเรียบร้อย สะดวกปละอร่อยดี น่าทานจรงกุ้งแห้งตัวใหญ่ๆนี่แหละ
แกงเหลืองสับปะรดปลากะพง รสชาติโดยรวมโอเคเลยไม่เผ็ดจนเกินไป รสชาติจะออกหวานจากเนื้อสับปะรด ทำให้ซดน้ำเป็นน้ำแกงได้เลย
ส้มตำต้นอ่อนทานตะวัน แปลกตรงที่ใช้ต้นอ่อนทานตะวันแทนมะละกอสับนี่ล่ะ ส่วนรสชาติบอกเลยว่าอร่อยติดใจจริงๆจ้า เครื่องล้นมากทั้งถั่วลิสงเม็ดโต มะม่วงหิมพานต์ ไข่เค็ม และกุ้งแห้งชั้นดี
สุดท้ายพลาดไม่ได้เลยมาใต้ทั้งที ต้องขอสั่งใบเหลียงผัดไข่มาทานด้วย
จริงๆมีปีกไก่ทอดน้ำปลาอีกสองจาน ข้าวอีกหนึ่งโถ เบ็ดเสร็จค่าเสียหาย 965 บาท อิ่มจนจุก และราคาถูกมากมายจริงๆ
อิ่มของคาวเรียบร้อย พวกเรายังเหลือเวลาอีกสักหน่อยเลยตกลงกันว่าจะหาร้านขนมอร่อยๆบรรยากาศดีๆนั่งเล่นรอเวลาขึ้นเครื่อง เลยมาจบกันที่ร้าน Cera Café’ & GARDEN ร้านนี้ออกแนวสงบร่มเย็น ร่มรื่นมากเพราะอยู่ท่ามกลางสวนต้นไม้สวยๆ
ส่วนรสชาติของพอใช้ได้ ที่อร่อยที่สุดเห็นจะเป็นช็อคโกแลตหน้านิ่ม แนะนำให้สั่ง Tea จี๊ด เครื่องดื่มชารสชาติออกเปรี้ยวเหมือนผสมน้ำส้ม รสชาติจี๊ดตัดเลี่ยนได้ดีเลย
แต่เค้กส้มไม่ผ่านนะ เครปเรนโบว์ก็งั้นๆไม่ถูกใจตรงซอสสตอเบอรี่ที่ให้มาราดมันหนืดๆเหมือนแยม และรสชาติหวานมากน่าจะมีรสชาติเปรี้ยวแซมมาสักนิด
ถือว่าเป็นร้านน่านั่งเก๋ๆบรรยากาศดี และมีหนังสือดีๆบริการเพียบอยู่บริเวณตู้หนังสือชั้นสอง ใครอยากหามุมสงบพักผ่อนชิลล์ๆ อ่านหนังสือเพลินๆ แนะนำเลยจ้า
และแล้วก็จบการเดินทางท่องเที่ยวชุมพรแบบครอบครัวของครอบครัวเราไปอย่างสมบูรณ์
ขอขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สายการบินนกแอร์, ธูษิฏา รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่สนับสนุนการเดินทางครั้งนี้
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป