เที่ยวเอาใจเด็กเป็นทริป 7 วัน 7 คืนที่วางแผนที่เที่ยวให้เน้นความสนุกของเด็กๆ ไฮไลท์ของทริปเริ่มจากสวนสนุก Universal Studios Japan ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น Kaiyukan Aquarium ตระเวนกินร้านอร่อยและร้านตัวการ์ตูน Alice in Fantasy book สนุกกับ Tokyo Joypolis สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุด จะสนุกสนานแค่ไหน ตามไปรับชมรีวิวกันครับ
เชิญรับชมรีวิวในรูปแบบคลิป เพื่ออรรถรสทั้งภาพและเสียงกันก่อนเนอะ
กำหนดการเดินทางคร่าวๆของพวกเรา
23 ส.ค. 60 : เดินทางจากกรุงเทพด้วย Thai Airways ไปยังประเทศญี่ปุ่นตอนกลางคืน
24 ส.ค. : ไปลงสนามบินคันไซตอนเช้า เที่ยวตึก Harukas 300 ตึกใหม่ที่มีความสูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ต่อด้วยพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้า Osaka Science Museum และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง Osaka Aquarium KAIYUKAN และเดินเล่นย่านโดทงโบริ (Dotonbori) พักโรงแรม Hotel Cordia Osaka
25 ส.ค. : เที่ยวที่ Universal Studios Japan
26 ส.ค. : นั่งรถไฟความเร็วสูง Shinkansen ข้ามเมืองไปยังโตเกียวกัน โดยใช้ตั๋ว Japan Rail Pass เดินเล่นแถวถนน Harajuku และ Shinjuku หม่ำราเมนข้อสอบ Ichiran Ramen แล้วดูโชว์ที่ Robot Restaurant ปิดท้ายด้วยกินร้านสุดน่ารัก Alice in Fantasy Book Restaurant พักที่โรงแรม HOTEL UNIZO Tokyo Ginza-itchome
27 ส.ค. : เที่ยว Police Museum แล้วเดินทางไป Yokohama เล่นสวนสนุก Cosmo World และไปทำบะหมี่ถ้วยที่ CUPNOODLES MUSEUM มื้อเย็นเดินทางมาเที่ยวและหม่ำราเมนกันที่ Ramen Museum
28 ส.ค. : เที่ยวกันที่ย่าน Asakusa ชิมปังเมลอนสุดอร่อย ตามหาของอร่อยในตำนานอย่างไอศกรีมชาเขียวของร้าน Suzukien Asakusa
29 ส.ค. : เที่ยว Tokyo Joypolis สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ถ่ายภาพกับ Gundam ตัวใหม่ที่ Diver City และเดินเล่นย่าน Odaiba
30 ส.ค. : เดินทางกลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
ทริปนี้เราเลือกการเดินทางด้วยการบินไทยครับ ไฟล์ทออกประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ถึงโตเกียวเจ็ดโมงเช้า เที่ยวต่อได้เลย ประหยัดที่พักไป 1 คืน โดยทริปนี้เราจะเดินทางไปลงที่โอซาก้า และกลับที่สนามบินฮาเนดะ โตเกียวนะครับ
ขอเรียนให้ทราบว่าทริปนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Klook.com โดยได้สนับสนุนตั๋วเครื่องบิน, ที่พัก, 4G Pocket Wifi, ตั๋ว Japan Rail Pass / Osaka Amazing Pass / Tokyo Metro Pass และตั๋วเข้า Universal Studios Japan / Harukas300 / Kaiyukan Aquarium / Robot Restaurant / Tokyo Joypolis ในการเดินทางครั้งนี้
Klook คือ อะไร ?
Klook คือ แพลตฟอร์มการจองบริการต่างๆ ในการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ไม่ต้องต่อคิว จองออนไลน์ผ่านมือถือได้เลย ได้รับการยืนยันตั๋วทันที สามารถโชว์ e-ticket บนมือถือหรืออีเมล์ได้เลย และยังประหยัดเงินได้สูงสุด 60% จากราคาปกติอีกด้วย
Klook มีกิจกรรมให้ทำมากกว่า 30,000 กิจกรรม ใน 120 สถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก และได้รับความพึงพอใจจากกว่า 1 ล้านรีวิวจากผู้ใช้จริง
ลงเครื่องบินก็ไปรับ 4G Pocket Wifi และ Kaiyukan Aquarium ที่เคาน์เตอร์ EASYGO และรับตั๋ว Osaka Amazing Pass ที่เคาน์เตอร์ของ HIS โดยการโชว์ voucher ในมือถือที่จองผ่าน Klook ได้เลย
และเนื่องจากเรารับที่สนามบินคันไซ แล้วเดินทางกลับที่โตเกียว เครื่อง 4G Pocket Wifi ก็สามารถคืนต่างสาขาที่สนามบินฮาเนดะได้เลย ราคาก็ไม่แพงนะ ดีงามจริงๆ
http://www.klook.com/th/activity/1318-4g-wifi-device-osaka/
ผ่าน JR Ticket Ofiice ก็เข้าไปแลก Japan Rail Pass ที่จองจาก Klook มาได้เลย โดยเมื่อจองผ่าน Klook แล้ว เอกสาร Exchange Order นำไปแลกตั๋วจริงจะถูกส่งถึงหน้าบ้านภายใน 7 วันทำการ แล้วเราก็แค่ต้องนำเอกสารนี้ไปแสดงเพื่อแลก Japan Rail Pass อีกที
http://www.klook.com/th/activity/1420-7-day-whole-japan-rail-pass-jr-pass/
Japan Rail Pass 7 Days คือ พาสที่ให้เราสามารถขึ้นรถไฟของ JR ไปไหนก็ได้แบบไม่จำกัดเที่ยว สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง Shinkansen ข้ามเมือง หรือจะเป็นรถไฟในเมือง ขอให้เป็นของ JR ก็ขึ้นได้ฟรี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางข้ามภูมิภาคของญี่ปุ่น ยิ่งถ้าต้องเดินทางไกลๆ พาสนี้จะคุ้มมากครับ ปล.แนะนำให้คำนวณราคาค่ารถไฟว่าคุ้มกับราคาหรือไม่ ก่อนตัดสินใจซื้อพาสนี้นะครับ
สำหรับผู้ที่วางแผนจะเที่ยวเมืองโอซาก้า ขอแนะนำให้ใช้ Osaka Amazing Pass 2 Days สะดวกตรงใช้ขึ้นทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถราง และระบบรถบัสในเมือง ในเขตเมืองโอซาก้าได้หมด แบบไม่อั้น แถมยังใช้เที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวได้ถึง 38 แห่ง ส่วนที่ไม่ครอบคลุมก็สามารถนำคูปอง Toku ในเล่ม Guide Book เอาไปใช้เป็นส่วนลดก็ได้
http://www.klook.com/th/activity/1323-amazing-pass-osaka/
สถานที่แรกของทริปนี้เราแวะมาเที่ยว Harukas 300 ตึกใหม่ที่มีความสูงที่สุดของประเทศญี่ปุ่นกัน ใครที่มาเที่ยวที่ตึก Harukas 300 แล้วจะมีแผนไปเที่ยวที่ Universal Studios Japan ด้วย แนะนำให้ซื้อแพกเกจ สายรัดข้อมือ USJ VIP + ตั๋วชมวิว HARUKAS 300 เพราะจะได้รับสาย VIP Wristband ซึ่งสามารถเข้า Universal Studios Japan ได้ก่อนประตูจะเปิด 30 นาที ทำให้ได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆได้ก่อนคนอื่นด้วย
ตึก Harukas 300 เป็นตึกที่มีความสูงมากที่สุดในญี่ปุ่น (ไม่นับพวก Tower นะ) จากบนนี้จะสามารถมองเห็นวิวเมืองโอซาก้าได้รอบ 360 องศาเลย แถมมีพื้นกระจกใสให้มองลงไปหวาดเสียวเล่นด้วย
วันนี้อากาศดีมาก วิวสวยสุดๆ
มาแวะเที่ยวในเมืองกันบ้าง เราพาเด็กๆมาที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์โอซาก้า Osaka Science Museum ซึ่งค่าเข้าที่นี่ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เนื่องจากรวมอยู่ใน Osaka Amazing Pass แล้ว
ด้านในมีประมาณ 4 ชั้น แต่ละชั้นก็จะมีอะไรสนุกๆให้เด็กๆได้ทดลองและเรียนรู้กัน
น้องเกรซน้องกายสนุกกันใหญ่เลย
น้องเกรซได้เรียนรู้ผ่านการเล่นว่ากระจกที่หันทำมุมจะเกิดภาพอย่างไร สนุกกันใหญ่เลย
ตกบ่ายครอบครัวเราก็เดินทางมายังพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง Osaka Aquarium KAIYUKAN
ขนาดมาในวันธรรมดาแต่คิวบริเวณขายตั๋วก็ค่อนข้างคนเยอะเลยทีเดียว โชคดีที่เราจองบัตรมาจาก Klook มาก่อนแล้ว เลยไม่ต้องไปต่อคิวให้เสียเวลา
ลิงก์สำหรับการจอง http://www.klook.com/activity/598-osaka-aquarium-kaiyukan-japan/
ด้านในของ Kaiyukan ค่อนข้างใหญ่ครับ เรียกว่าต้องเผื่อเวลามาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงในการเยี่ยมชมที่นี่
ไฮไลท์เด็ด คือ การชมปลาฉลามวาฬ (Whaleshark)
นอกจากนี้เด็กๆยังเพลิดเพลินกับปลาและสัตว์น้ำมากมายหลายชนิดเลย
ปลาที่นี่สวยมาก ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ครับ
เข้าไปถ่ายภาพในปากปลาฉลามกัน เก๋มาก
ช่วงสุดท้ายจะมีบ่อน้ำตื้นให้เราได้สัมผัสปลาฉลามและปลากระเบนได้ด้วยนะ
สุดท้ายยืนดูเจ้าหน้าที่ป้อนอาหารเพนกวินเพลินชะมัดเลย
ตกเย็นพวกเรามาเดินเล่นกันที่ถนนสุดฮิต ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) ย่านช้อปปิ้งและกินดื่มของโอซาก้า
และที่พลาดไม่ได้ คือการมาถ่ายภาพคู่กับป้ายคูลิโกะนะ ทุกคนทำท่าเลียนแบบในป้ายกันใหญ่
ร้านอาหารในย่าน Dotonbori เยอะมาก เลือกไปเลือกมา ตกลงทานซูชิสายพานของร้าน DAIKI SUISAN Kaiten Sushi
ราคาไม่แพง รสชาติและคุณภาพอาหารใช้ได้เลยครับ
จบการเที่ยววันแรก เข้าที่พักกันดีกว่า พวกเราพักกันที่โรงแรม Hotel Cordia Osaka ห้องพักใหม่และสะอาดดีครับ แถมทำเลโรงแรมอยู่กลางเมืองติดสถานีรถไฟด้วย
ห้องน้ำมีอ่างแช่ตัวด้วยนะ ดีเลยหละ
รุ่งเช้าวันนี้ตามแผนคือการไปเที่ยวที่ Universal Studios Japan ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้
คนญี่ปุ่นให้ความสนใจในการมาเที่ยวที่นี่มากเลย แม้เราจะมาที่ Universal Studios Japan ตั้งแต่เช้าวันธรรมดา แต่คิวต่อซื้อตั๋วเข้ายาวเลยครับ
แต่โชคดีที่เราจองตั๋วจาก Klook มาล่วงหน้า เลยไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วให้เสียเวลา ยิ่งถ้าใครซื้อแพกเกจที่มี VIP Wristband ด้วยยิ่งสบายครับ เพราะจะได้เข้าสวนสนุกได้ก่อน 30 นาทีเลย
สำหรับคนที่จองกับ Klook แล้วได้รับตั๋วจริง e-ticket ที่สามารถโชว์ที่ทางเข้าได้เลย โดย Klook เป็น Oficial Partner กับ Universal Studios Japan ซึ่งทำให้พวกเราอุ่นใจได้ เพราะตั๋วที่ไม่ได้มาจาก Official Partner อาจถูกปฏิเสธการเข้าสวนสนุกได้เลยทีเดียว
จองได้ที่ http://www.klook.com/th/activity/835-universal-studios-japan-ticket-osaka/
และหากใครที่อยากเล่นเครื่องเล่นยอดฮิตอย่าง Harry Potter แบบไม่ต้องต่อคิวก็สามารถซื้อตั๋วแบบ USJ Express Pass ซึ่งสามารถจองผ่านทาง Klook ได้เช่นกัน
สวนสนุก Universal Studios Japan จะแบ่งเป็นหลายโซนครับ เช่น New York, Hollywood, San Francisco, Waterworld, Jurassic Park, Wonderland แต่ไฮไลท์ก็จะอยู่ที่ The Wizarding World of Harry Potter และโซนใหม่ล่าสุด Minion Park
ทันทีที่ผ่านประตูสวนสนุก Universal Studios Japan เข้าไปได้ ครอบครัวเราก็รีบมุ่งตรงไปยังโซน The Wizarding World of Harry Potter ก่อนเลย เพราะถ้าช้าคนจะเยอะ
รถไฟจากในหนังก็มีนะ
หมู่บ้านทำออกมาได้สมจริง ราวกับเดินเล่นอยู่ในภาพยนตร์เลย จะมีขายสินค้าจากในหนังเพียบครับ ถึงจะราคาค่อนข้างแรง แต่มันน่าซื้อมาก บอกได้คำเดียวว่าต้องตั้งสติไว้ตลอด ไม่งั้นมีเสียทรัพย์แน่ๆครับ
และแล้วก็มาถึงยังปราสาท Hogwarts แล้ว สวยงามมากๆ ด้านในจะเป็นเครื่องเล่นที่เราเข้าไปนั่งบนเก้าอี้แล้วต้องลอยไปเผชิญกับผู้คุมวิญญาณกับแฮรี่ พอตเตอร์ครับ ทำมาได้ดีและสนุกมากๆ (มีจำกัดความสูง 120 ซม.นะ ถึงจะเล่นได้)
มื้อเที่ยงแนะนำให้ทานอาหารที่ร้าน Three Broomsticks แล้วนั่งด้านนอกนะครับ เพราะวิวปราสาท Hogwarts สวยมาก
ภาพปราสาท Hogwarts สะท้อนน้ำ ชมเพลินไม่มีเบื่อนะ
อิ่มแล้วพาน้องกายมาชมโชว์ไดโนเสาร์ที่โซน Jurassic Park ต่อ
ทีเด็ดโซนนี้อีกอย่าง คือ THE FLYING DINOSAUR รถไฟเหาะแบบคว่ำหน้าสุดหวาดเสียว
ส่วนที่คนเยอะไม่แพ้กันคือ โซนใหม่ล่าสุด Minion Park
แต่ถ้าใครมากับเด็กเล่นแนะนำให้มาโซน Wonderland ที่มีเครื่องเล่นแนวเด็กๆหน่อย
ส่วนนี้เป็นสวนสนุกในร่มของ Snoopy ครับ น้องเกรซน้องกายเล่นได้เป็นชั่วโมงเลย
ส่วนที่สนุกไม่แพ้กันคือเครื่องเล่น 4D อย่าง Spiderman ครับ
ส่วนบ่ายๆมีขบวนพาเหรดด้วยนะ แต่ที่สนุกกว่าที่อื่นคือที่นี่ฉีดน้ำเล่นกันด้วย
ส่วนถ้าใครอยู่จนฟ้ามืด จะมีโชว์พิเศษใหม่ที่ปราสาท Hogwarts กับโชว์ที่ชื่อว่า “Expecto Patronum Show” ซึ่งระยะเวลาจัดเพียงแค่ 21 เม.ย. – 5 พ.ย. 60 เท่านั้น บอกเลยว่าสวยงามและสนุกมาก
เช้าวันรุ่งขึ้นเราก็นั่งรถไฟความเร็วสูง Shinkansen ข้ามเมืองไปยังโตเกียวกัน โดยใช้ตั๋ว Japan Rail Pass
ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงกว่าๆ เราก็มาถึงกรุงโตเกียวเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น
หลังจากเอากระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมแถวๆสถานีโตเกียวแล้ว เราก็มาเดินเล่นแถวถนน Harajuku กัน ย่านนี้เป็นย่านที่วัยรุ่นนิยมมาเดินเล่น มีร้านอาหารและร้านขายของมากมาย แถมวัยรุ่นยังนิยมแต่งชุด Cosplay สร้างสีสันให้ถนนสายนี้อย่างคึกคัก
เนื่องจากเรามีจอง Tokyo Metro Pass ไว้ ก็สามารถรับได้ที่ Harajuku Tourist Information Center แถวๆสถานีรถไฟได้เลย
ช่วงบ่ายเรามาต่อที่ย่าน Shinjuku ซึ่งเราจะมีร้านราเมนประจำที่ชื่นชอบอย่างราเมนข้อสอบ Ichiran Ramen ครับ อร่อยมากๆ
โปรแกรมต่อไปช่วงบ่าย 4 โมง เรามาชมโชว์ที่ Robot Restaurant ครับ โดยจะเป็นโชว์การแสดงแบบเต็มรูปแบบทั้งแสง สี เสียงสุด ตระการตา หากใครจองรอบแรกบ่าย 4 จะมีคูปองรับเครื่องดื่มได้ฟรีคนละ 500 เยน และได้ถ่ายรูปกับหุ่นยนต์ตัวโปรดด้วยนะ
หลังจบโชว์แล้ว ขอเข้าไปถ่ายภาพกับหุ่นยนต์หน่อยจ้า
ใครสนใจจองได้ที่ลิงก์นี้นะ http://www.klook.com/th/activity/631-robot-restaurant-tokyo/
ปล.ถึงแม้ว่า Robot Restaurant จะมีชื่อว่าเป็น Restaurant แต่เค้าไม่ได้เน้นขายอาหารนะ เน้นเป็นเครื่องดื่มกับการแสดงมากกว่า
ชมเป็นคลิปดีกว่า จะได้เห็นภาพ
มื้อเย็นพาเด็กๆมาทานร้าน Alice in Fantasy Book Restaurant
ร้านอาหาร Themed Restaurant สุดน่ารักย่านชินจูกุในกรุงโตเกียว ร้านนี้ตกแต่งน่ารักเวอร์วัง ถึงจะมีแรงบันดาลใจในการตกแต่งมาจากหนังเรื่อง Alice in Wonderland แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหรูหราสำหรับคนที่ไม่ได้อินกับเรื่องราวในหนังด้วย
การเข้าไปทานอาหารในร้านนี้ ทุกคนจะต้องสวมที่คาดหูกระต่าย แล้วเดินไปนั่งบริเวณโต๊ะที่ล้อมรอบไปด้วยต้นหญ้าและดอกไม้ พนักงานเสิร์ฟก็จะแต่งตัวเป็นชุด Maid มาคอยรับออเดอร์
นั่งสักแปปเดียว จะมีของว่างมาเสิร์ฟเป็นแผ่นเกี๊ยวทอดรูปไพ่พร้อมกับซุปข้าวโพด
แต่ทีเด็ดคือขนมและชุด Party Tea Set ที่ตกแต่งมาแบบสวยงามและน่ากินสุดๆ แถมรสชาติอร่อยด้วยนะ
ที่ไม่น่ารักเลยคือ ราคาแอบแรงไปหน่อย แต่สำหรับแฟนเรื่อง Alice in Wonderland ก็ไม่ควรพลาดอยู่ดีนะ มันน่ารักมากกกก
ที่พักของเราในโตเกียวชื่อว่า HOTEL UNIZO Tokyo Ginza-itchome
ห้องค่อนข้างคับแคบตามแบบฉบับโรงแรมในญี่ปุ่นครับ
แต่การพักที่นี่ก็ไม่แย่อะไร มีอุปกรณ์ครบถ้วนและสะอาดดีครับ
ไม่ไกลจากที่พักของเรา มี Police Museum ที่เปิดให้เข้าชมฟรีอยู่ เราเลยพาน้องเกรซน้องกายเข้าไปเที่ยวกัน
มีเฮลิคอปเตอร์ให้ขึ้นไปนั่งขับเล่นด้วย
ชั้นบนจะเป็นนิทรรศการประวัติความเป็นมาของตำรวจญี่ปุ่น และมีกิจกรรมให้เรียนรู้เรื่องความปลอดภัยต่างๆ
เรียกว่าทำออกได้ดีมากเลย
น้องกายทดลองปั่นจักรยานจำลอง โดยในเกมส์จะบอกถึงวิธีการขี่จักรยานบนท้องถนนให้ถูกต้อง
การที่เรามี JR Rail Pass ทำให้เราสามารถนั่งรถไฟมาเที่ยวที่เมือง Yokohama อย่างง่ายดาย
แวะเที่ยวสวนสนุกเล็กที่ชื่อว่า Cosmo World ริมท่าเรือครับ ตรงนี้มีบ้านน้ำแข็ง -30 องศาอยู่ พวกเรากำลังร้อนๆ เลยแวะเข้าไปเที่ยวหน่อย
ด้านในหนาวมากครับ มีน้ำแข็งแกะสลักเป็นรูปต่างๆ แถมมีเก้าอี้น้ำแข็งให้นั่งถ่ายภาพกันด้วยนะ
ที่เที่ยวต่อมาคือ CUPNOODLES MUSEUM ครับ
จะมีนิทรรศการเรื่องความเป็นมาของบะหมี่สำเร็จรูปให้ชมกัน โดยถือว่าเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่อยู่คู่และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตการกินของคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน มีมุมถ่ายภาพเก๋ให้เข้าไปถ่ายด้วยนะ
ชั้นบนจะมีคลาสทดลองทำบะหมี่ถ้วย CUPNOODLES ของตัวเอง ในภาพนี้เป็นคลาสแบบผลิตเส้นเองเลย
แต่เราทดลองทำแค่แบบคอร์สเล็กครับ เค้าจะให้ระบายสีตกแต่งถ้วยในแบบของตัวเอง
จากนั้นก็จะไปเลือกเครื่องเคียงที่ใส่ลงไปในถ้วยเอง
มีที่แพกเป็นกระเป๋าลมให้เรียบร้อย ราคาค่าทำถ้วยละ 300 เยนครับ
ส่วนชั้นบนสุดจะมีลานสวนสนุกให้เด็กๆระเบิดพลังกันด้วย
มื้อเย็นเดินทางมาเที่ยวและหม่ำราเมนกันที่ Ramen Museum ครับ โดยที่นี่จะมีร้านราเมนชื่อดังมาเปิดกันถึง 9 ร้าน ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์ต่างๆกัน สิ่งที่ยากลำบากสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเรา คือการต้องเลือกว่าจะทานร้านไหนดี ซึ่งแต่ละร้านจะบังคับให้ผู้ใหญ่สั่งอย่างละ 1 ชาม ทำให้ทดลองทานได้ไม่กี่ร้านครับ
ปล.มีโชว์การแสดงให้ดูที่ลานตรงกลางด้วยนะ นักแสดง Entertain เก่งมากครับ สนุกมากเลย
ผมเลือกทานที่ร้าน Rishiri Ramen Miraku จุดเด่นคือ เดิมทีร้านนี้ที่จริงตั้งอยู่บนเกาะที่ต้องเดินทางนานกว่า 8 ชั่วโมง โดยร้านจะเปิดแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง เส้นจะแข็งหน่อย น้ำซุปก็เข้มข้นมากครับ แต่ผมคิดว่ามันเค็มไปนิดหนึ่ง โดยรวมถือว่าโอเคครับ แต่ยังไม่สุดเท่าที่เคยชิมมา
อีกร้านเป็นของร้าน Muku Zweite ร้านนี้เดิมทีตั้งอยู่ที่เยอรมัน มันดังจนคนอิตาเลี่ยนและฝรั่งเศสต้องเดินทางมาทานเลย หลังจากชิมแล้ว ผมว่าเส้นเค้ามีเอกลักษณ์มากครับ ไม่เคยทานเส้นราเมนแบบนี้ที่ไหนเลย ร้านนี้ผมว่าอร่อยกว่าร้านแรกนะ
ที่จริงยังไม่ได้ชิมอีกหลายร้านเลย อิ่มซะก่อนแล้ว
ใครมาที่ Ramen Museum อย่าลืมเดินเล่นบริเวณชั้นลอยด้วยนะ เค้าจำลองเมืองเก่าญี่ปุ่น มีร้านขนมโบราณให้เดินชมกันด้วยนะ
รุ่งเช้าวันใหม่มาเที่ยวกันที่ย่าน Asakusa กัน วันนี้จะตระเวนหาของกินในตำนานในย่านนี้กัน
ที่จริงที่วัด Sensoji Temple เรามาเที่ยวกันหลายรอบแล้ว ลองตามอ่านรีวิวแบบฉบับละเอียดได้ที่นี่นะ http://www.2madames.com/2-madames-in-japan-1/
หลังจากเที่ยววัดแล้ว ให้เดินออกมาทางซ้ายของวัด มีร้านปังเมลอนสุดอร่อยอยู่ที่นี่ครับ พิกัด
เนื้อขนมปังอร่อยมาก บอกเลย
ส่วนใครที่ชอบทานไอศกรีมชาเขียว ต้องมาร้านนี้เลย Suzukien Asakusa พิกัด
จากนั้นต่อแรกตั้งใจจะไปหาร้านเทมปุระที่บรรจงทอดทีละตัว แต่ดันโชคร้ายที่จู่ๆร้านที่ตั้งใจไปดันปิดซะงั้น อดกินครับ เลยย้อนกลับมากิน Tendon ที่ร้าน Shitamachi Tendon Akimitsu แทน ซึ่งถือว่าคุณภาพและรสชาติใช้ได้เลยครับ
เรากลับมาโรงแรมพักผ่อนสักครู่ใหญ่ ออกมาอีกทีถนนย่านกินซ่าปิดให้คนเดินซะงั้น แบบนี้ต้องถ่ายรูปกลางถนนเก็บไว้หน่อย
ตกเย็นไปทานข้าวหมูทอดทงคัตสึกันที่ร้าน Tonkatsu Wako ร้านนี้นอกจากหมูจะอร่อยสุดยอดแล้ว ยังมีของเล่นแถมให้เด็กๆด้วยนะ ถูกใจน้องเกรซน้องกายมากๆ
ร้านนี้ทีเด็ดอยู่ที่ข้าวสวยอร่อยมาก เม็ดเรียงสวยเว่อร์ แถมยังเสิร์ฟมาเป็นแบบหม้อให้ตักเติมเอง ซึ่งเราสามารถขอเติมข้าว น้ำซุป และผักได้ไม่อั้นด้วย
วันรุ่งขึ้น เรานั่งรถไฟไปเที่ยวย่าน Odaiba กัน ย่านนี้รถไฟต้องซื้อตั๋วใหม่นะ เพราะไม่ครอบคลุม Japan Rail Pass และ Tokyo Metro Pass
ที่แรกที่เรามาเที่ยวก็คือ Tokyo Joypolis สวนสนุกในร่มที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
จองผ่าน http://www.klook.com/activity/4621-joypolis-passport-tokyo/ มาแล้ว ก็แค่ยื่นมือถือแสดงแล้วรับตั๋วได้เลย สะดวกมาก
เครื่องเล่นส่วนใหญ่จะออกแนวสะใจวัยรุ่น หรือเด็กโตสักหน่อยนะครับ อย่างเครื่องนี้เรียกว่า Halfpipe ให้เราขึ้นไปยืนบนไม้กระดานแล้วแกว่งโค้งลงจากทางชันๆครับ ที่จริงผมว่ามันสนุกมากเลย แต่ภรรยาผมแอนเล่นแล้วร้องไห้เลยอ่ะ 555
ส่วนเครื่องนี้ STORM-G เป็นรถหมุนตีลังกาครับ เพลินดี (เล่นคนเดียวนะ ไม่มีใครเล่นด้วย)
ส่วนเครื่องนี้คือ Transformer ยิงปืนสู้แล้วหมุนไปหมุนมา สนุกมาก
ส่วนของเด็กเล็กๆจะมีบ้างอย่างวิ่งแข่งแบบนี้ครับ
ส่วนตรงนี้มีให้เปลี่ยนหน้าปลาให้เป็นหน้าตัวเองได้ด้วยครับ
เราเดินเล่นกันต่อที่ห้าง Diver City ที่ชั้น 7 มี Gundam Base ด้วยนะ
และที่นี่กำลังประกอบกันดั้มตัวใหม่อยู่นะ ตอนที่ไปยังไม่เสร็จสมบูรณ์เลย
ไม่ไกลกันแนะนำให้เดินเล่นไปที่ Mega web ด้วยนะ เค้ามีรถเก่าๆมันให้เดินชมกันฟรีๆด้วย
เดินผ่าน Venus Port ไป ที่ Toyota City Showcase มีรถให้เด็กๆขับเล่นด้วยนะ
เช้าวันสุดท้ายต้องกลับกันแล้วหละ
และอีกวิธีที่แสนสบายในการเดินทางไปสนามบินด้วยบริการรับส่งด้วยรถ Alphard สุดหรู นั่งสบายสุดๆไปเลย
สนใจก็จองได้ที่ http://www.klook.com/activity/2870-airport-transfer-haneda-tokyo/
และแล้วก็จบทริปเที่ยวญี่ปุ่นเอาใจเด็กไปอย่างสมบูรณ์ ขอบคุณ Klook ที่มอบโอกาสดีๆให้กับครอบครัวเรา ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน วันนี้ลาไปก่อนนะ บะบาย
ลดกระหน่ำรับสิ้นปีกับโปรโมชั่นพิเศษจาก KLOOK!
เพียงใช้รหัสโปรโมชั่น
รายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ https://goo.gl/5pSKAK
ปล.หากคุณชอบรีวิวของเรา เพียงแค่ฝากคอมเม้นท์ กด Like กด Share
หรืออยากใกล้ชิดกันมากขึ้น แอด Line มาได้เลย มีรีวิวใหม่จะส่งไปบอก อยากคุยกับแอดมิน Line มาคุยเลยจ้า ID : @2Madames กดตรงนี้ก็ได้
หรือ กรอกอีเมล์ที่ http://www.2madames.com/followus/ เพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆแก่ครอบครัวสุขสันต์ 2 Madames หน่อยนะครับ ทั้งหมดที่ว่ามาไม่เสียตังค์จ้า
อย่าลืมแวะไปทักทายเราใน Facebook : 2 Madames Fan Page ด้วยนะครับ
2Madames
ครอบครัว 2 Madames เริ่มเขียนรีวิวมาตั้งแต่ปี 2007 บนห้องท่องเที่ยว Blueplanet ของเว็บไซค์ pantip.com โดยใช้นามปากกา (Login) ว่า "inint&anant" โดยมีภรรยาและลูกสาวคนแรกออกท่องเที่ยวไปยังที่ต่างๆ จึงได้เกิดเป็นฉายา "สองคุณนาย" หรือ "2 Madames" นั่นเอง ได้แก่ คุณนายเล็ก (น้องเกรซ ลูกสาว) และคุณนายใหญ่(แอน ภรรยา) ภายหลังครอบครัว 2 Madames ได้มีสมาชิกเพิ่มอีก 2 คน คือลูกชาย "น้องกาย" และ "น้องเกล็น" ปัจจุบันยังคงออกเดินทาง สร้างแรงบันดาลใจให้ทุกครอบครัวในการพาเด็กๆออกไปท่องโลกกว้างต่อไป